Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 9 การพยาบาลผู้ที่ได้รับสารละลายทางหลอดเลือดดำและผู้ที่ได้รับเลือด,…
บทที่ 9 การพยาบาลผู้ที่ได้รับสารละลายทางหลอดเลือดดำและผู้ที่ได้รับเลือด
ข้อควรปฏิบัติและบทบาทของพยาบาลในการให้สารน้ำ
ยึดหลัก Aseptic technique อย่างเคร่งครัด
ตรวจสอบชนิดของสารน้ำที่ให้จำนวน วันหมดอายุ ลักษณะของสารละลายตรวจสอบความเรียบร้อยของถุงหรือขวดสารน้ำไม่อยู่ในสภาพที่ชำรุดเสียหาย
เลือก ชนิดของชุดให้สารน้ำและ/หรือเครื่องควบคุมปรับหยดการให้สารน้ำ(Infusion pump)ให้เหมาะสมตามแผนการรักษาของแพทย์
เลือกตำแหน่งหลอดเลือดดำที่จะแทงเข็มให้ถูกต้องเหมาะสม
ควบคุมอัตตราาการหยดของสารน้ำให้ถูกต้องตามขนาดและเวลาตามแผนการรักษาของแพทย์
ทำความสะอาดบริเวณตำแหน่งที่แทงเข็ม
จดบันทึกปริมาณสารน้ำที่เข้าและขับออกจากร่างกาย
ชนิดของสารน้ำที่ให้ทางหลอดเลือดดำ
Isotonic solution
ใช้รักษาผู้ที่มีการเสียน้ำนอกเซลล์มาก เช่น อาเจียน ท้องเดิน หรือมีเลือดออกผิดปกติ
ตัวอย่าง Isotonic solution
• 5% dextrose in water (D5W)
สารละลายประกอบด้วย glucose 50 gm ให้พลังงาน 170cal/l
ข้อควรระวัง
ไม่ควรให้ในปริมาตรที่มาก
0.9% NaCl (normal saline)
Lactated Ringer’s solution
Hypertonic Solutions
• ข้อควรระวัง ควรให้ในปริมาณน้อยและให้อย่างช้าๆ เพื่อป้องกันมิให้ความดันเลือดเพิ่มขึ้น
ตัวอย่างสารละลาย Hypertonic
5% dextros in 0.45% Nacl ใช้รักษา hypovolemia ,maintain fluid intake.
10% dextros in water (D10W) ให้พลังงาน 340 cal/l , peripheral parenteral nutrition (PPN)
5% dextros in 0.9% Nacl (normal saline)
ใช้เพื่อทดแทนสารอาหารและอิเลคโทรไลด
3.Hypotonic Solutions
มีประโยชน์ในการทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียโดยไม่ต้องการให้ของโซเดียมในพลาสมาสูงขึ้น
ตัวอย่างสารละลาย Hypotonic
0.33 NaCl ( 1/3 strength saline)
0.45 NaCl ( ½ strength saline)
ขนาดของสารน้ำ
• สารน้ำที่ใช้โดยทั่วไปมีขนาด 500 มิลลิลิตร หรือ 1000
มิลลิลิตร บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นหรือขวดพลาสติกชนิดแข็ง ซึ่งเป็นสูญญากาศ
• สารน้ำขนาด 50 มิลลิลิตร 100 มิลลิลิตร และ 250 มิลลิลิตรใช้สำหรับผสมยาที่ให้ทางหลอดเลือดดำ
ตาแหน่งหลอดเลือดดาที่ใช้แทง (Venipuncture sites)
• ตำแหน่งหลอดเลือดที่เหมาะสมและดีสำหรับการให้สารน้ำคือหลอดเลือดดำบริเวณท้องแขน ( Accessory cephalic vein, Median antebrachial vein,Median cubital vein)
ข้อปฏิบัติในการเลือกหลอดเลือดดำสำหรับให้สารน้ำ
เลือกหลอดเลือดดำของแขนข้างที่ผู้ป่วยไม่ถนัดก่อน เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้แนข้างที่ถนัดทำกิจวัตรต่างๆได้ด้วยตนเอง
ตรวจสอบบริเวณตาแหน่งที่จะแทงเข็มว่ามีสภาพที่เหมาะสม
3.ไม่ควรใช้ antecubital vein ถ้ายังมีหลอดเลือดอื่นที่พอจะหาได้เพราะการงอแขนของผู้ป่วยจะทำให้ IV catheter เลื่อน
4.ไม่ควรใช้หลอดเลือดที่ขาเนื่องจากอาจเกิดอันตรายการไหลเวียนของเลือดไม่ดีได้ง่าย
5.ไม่ใช้หลอดเลือดดำบริเวณที่ได้รับการผ่าตัดเนื่องจากบริเวณนี้หลอดเลือดดำถูกรบกวนจากการได้รับการผ่าตัดหรือบริเวณที่หลอดเลือดได้รับการผ่าตัดเชื่อมระหว่างหลอดเลือด 2 หลอด (shunt)
6.ในทารกแรกเกิด ให้แทงเข็มบริเวณ scalp vein เนื่องจากเห็นชัดตาแหน่งของเข็มเลื่อนหลุดได้ยากกว่าเมื่อทารกดิ้น
คำนึงถึงชนิดของสารน้ำที่ให้ สารน้ำชนิด hypertonic เนื่องจากสารน้ำมีความเข้มข้นของสารละลายสูง และมีความหนืดควรเลือกหลอดเลือดเส้นใหญ่ในการให้สารน้ำ
ผู้ป่วยที่ให้ยาทางหลอดเลือดดำ เช่น ยาปฏิชีวนะโปตัสเซียมคลอไรดอาจมีการระคายเคืองและปวด บริเวณหลอดเลือด
ควรเปลี่ยนตาแหน่งหลอดเลือดทุก 72-96 ชม. การแทงเข็มให้เริ่มจากตำแหน่งส่วนปลายของหลอดเลือดเข้าหาส่วนต้นในทิศทางเขาหาหัวใจ
ควรเลือกเข็มเบอร์เล็กความยาวสั้นในผู้ป่วยที่มีคำสั่งการรักษาต้องให้สารน้ำทางหลอดเลือดดาเป็นเวลาหลายวัน
หลีกเลี่ยงการแทงเข็มบริเวณข้อ ข้อพับเพราะจะทำให้เข็มเคลื่อนไปมาทาให้เกิดการบาดเจ็บต่อหลอดเลือด
การเตรียมอุปกรณ์สำหรับให้สารน้ำ
ชุดให้สารน้ำ (IV infusion set)
1.ชุดให้สารน้ำชนิดหยดใหญ่
(Macrodrip)
ชุดให้สารน้ำชนิดหยด
เล็ก (Microdrip )
ชุดให้สารน้ำชนิดควบคุมปริมาตร
(Volume controlled set (Solu set))
2.เข็มแทงหลอดเลือดดำมีหลายแบบเช่น
2.1 Butterfly needle
2.2 IV catheter
ส่วนประกอบของ iv catheter
มีส่วนประกอบ 3 ส่วน คือ
1.ปลอกพลาสติก
2.เข็มท่อพลาสติก
3.Introducer needle
หัวต่อชนิด 3 ทาง (3 –way stopcock)
สายรัดแขน (Tourniquet)
5.ถุงมือสะอาด (disposable gloves)
6.เสาแขวนถุง/ขวดสารน้ำ (Iv pole)
การให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด
(Blood and blood components transfusion)
การดูแลผู้ป่วยเมื่อมารับเลือดหรือส่วนประกอบของเลือด
ขั้นตอนก่อนการให้เลือด
เตรียมความพร้อมผู้ป่วย
1.1 อธิบายให้ผู้ป่วยและญาติทราบถึงความจำเป็นของการให้เลือด และการปฏิบัติตัวขณะได้รับเลือด
1.2 เปิดหลอดเลือดดำส่วนปลาย โดยใช้ catheter เบอร์ 20 หรือโตกว่า เพื่อช่วยให้เลือดไหลได้ดีไม่อุดตันง่ายและช่วยป้องกัน hemolysis
เตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์และเครื่องมือในการให้เลือด
2.1 ใช้ blood set ที่มีแผ่นกรอง (filter)
2.2 เครื่องควบคุมอัตราการไหล (infusion pump)
เตรียมการขอเลือด
3.1 เตรียม sticker ชื่อผู้ป่วยติด tube เลือด ชื่อผู้เจาะและวันที่เจาะ
3.2 ตรวจสอบรายละเอียดคำสั่งการรักษา แล้วทำการสั่งจองเลือดในระบบคอมพิวเตอร์ ตรวจสอบใบส่งจองเลือดของผู้ป่วยอย่างน้อย 2 ครั้ง
3.3 ก่อนเจาะเลือด ผู้เจาะต้องสอบถามชื่อ-สกุล HN หรือตรวจดูป้ายชื่อผู้ป่วยให้ตรงกับ tube เจาะเลือด
3.4 เจาะเลือดใส่ EDTA tube ปริมาณ 3 cc จำนวน 1-2 tube แล้วส่ง tube เลือดพร้อมใบสั่งจองเลือดไปยังห้องเลือด
3.5 เมื่อได้รับเลือดจากทางห้องเลือด ให้ตรวจสอบชื่อ-สกุล HN หมู่เลือด ชนิดเลือด Rh ให้ตรงกับฉลากที่ติดมากับถุงเลือด สังเกตดูว่าไม่มีสี ความขุ่นหรือฟองผิดปกติ ตรวจเช็คอย่างน้อย2 รอบ
ขั้นตอนขณะให้เลือด
ก่อนนำเลือดไปให้ ควรตรวจสอบคำสั่งการให้เลือดของแพทย์อีกครั้ง
ตรวจสอบใบบันทึกชนิดเลือดว่าตรงกับชื่อ-สกุล HN หมู่เลข หมู่เลือด ชนิดเลือด ลักษณะของเลือด วันหมดอายุ ใบบันทึกชนิดเลือดให้ตรงกับฉลากปิดถุง
ล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังให้เลือดด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ
ต่อ blood set เข้ากับถุงเลือด ปล่อยเลือดลงสายโดยระมัดระวัง ไม่ให้เกิดฟองอากาศค้างในสาย
นำ blood set ที่พร้อมใช้แล้วต่อเข้ากับ three way เพื่อให้เลือดผ่านหลอดเลือดดำเดิมที่เปิดไว้แล้ว และปรับทิศทางการไหลให้ถูกต้อง
ห้ามให้เลือดในสายให้อาหารทางหลอดเลือดดำ (TPN, PPN) ให้เปิดเส้นใหม่
ก่อนให้เลือด ถ้ามีสารน้ำชนิดอื่นให้อยู่ก่อนแล้ว ให้ flush สายด้วย 0.9% NSS ก่อน เพื่อป้องกัน hemolysis หรือเลือดจับตัวเป็นลิ่ม และไม่ควรให้ร่วมกับสารน้ำชนิดอื่น
สังเกตอาการใน 10-15 นาทีแรกของการให้เลือดเนื่องจากอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
วัดสัญญาณชีพก่อนให้เลือด หลังให้เลือด 15 นาทีและต่อไปทุก 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง จนกว่าจะให้หมด หลังจากนั้นทุก 4 ชั่วโมง อย่างน้อย 1 วัน
PRC 1 unit ต้องให้หมดภายใน 4 ชั่วโมงและควรเขย่าถุงทุก 30 นาที ขณะให้
หากให้เลือดหลายถุง ควรเปลี่ยน blood set ทุก 4 ชั่วโมง
ตรวจสอบตำแหน่งแทงเข็ม อัตราการไหลของเลือด ฟองอากาศในสาย อย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง
สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไข้ หนาวสั่น ไอ เหนื่อยหอบ คลื่นไส้ อาเจียน ผื่นคัน ตะคริว ความดันเลือดลดต่ำลงมาก ให้รีบรายงานแพทย์
การให้เลือด ในกรณีปกติอาจไม่จำเป็นต้อง warm ก่อน โดยวางไว้ที่อุณหภูมิห้องไม่เกิน 30 นาทีแล้วสามารถนำไปให้ผู้ป่วยได้เลย แต่ถ้ามีข้อบ่งชี้ที่เหมาะสม เช่น กรณีเร่งด่วนต้องให้เลือดอย่างเร็ว แก่ผู้ป่วย (ผู้ใหญ่มากกว่า 50 cc/min และเด็กมากกว่า 15 cc/kg/hr) กรณีเช่นนี้จำเป็นต้องwarm เลือดเพื่อไม่ให้อุณหภูมิร่างกายต่ำลงซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้ การ warm เลือดที่ ถูกต้องคือใช้เครื่อง blood warmer หากไม่มีเครื่อง ควรใช้ภาชนะใส่น้ำที่มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 30-37°C ข้อควรระวังคือ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุณหภูมิของน้ำไม่สูงกว่า 37°C โดยการวัดด้วย ปรอทที่ผ่านการสอบเทียบมาแล้ว
ขั้นตอนหลังให้เลือด
ให้การรักษาแบบประคับประคองหากเกิดอาการที่เป็นผลข้างเคียงจากการให้เลือดแบบไม่รุนแรง เช่น เช็ดตัวลดไข้ ให้ยาลดอาการผื่นคัน ให้ออกซิเจน รวมถึงจัดท่านอนที่เหมาะสม
ช่วยเหลือกิจวัตรประจำวัน เช่น การรับประทานอาหาร การเคลื่อนย้าย อาบน้ำ ตามความเหมาะสม
จัดสิ่งแวดล้อมให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนเต็มที่ ระบายอากาศได้ดี