Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การวินิจฉัยโรค Abdominal pain ,…

- - - - จุกเสียดแน่นท้อง ให้ยาลดกรด (Antacid)
      - แนะนำการปฏิบัติตัว ลดอาหารรสจัด งดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
    - - ปวดจุกแน่นใต้ลิ้นปี่ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
      - บางรายอาจท้องเสีย มักปวดหลังรับประทานอาหารครึ่งถึง 1 ชม. บริเวณใต้ลิ้นปี่ค่อนมทางซ้าย
  - - - กดเจ็บบริเวณใต้ลิ้นปี่
    - - จุกเสียดแน่นท้อง ให้ยาลดกรด (Antacid)
      - ถ้ามีอาการอาเจียนเป็นเลือดหรือถ่ายดำส่งต่อโรงพยาบาลภายใน 24 ชม.
      - หากปวดท้องรุนแรงนานเกิน 6 ชม. ให้รีบส่งต่อโดยด่วน
    - - ปวดท้องเรื้อรังหลายวัน ปวดเป็นๆหายๆ
      - ปวดบริเวณกลางยอดอกหรือใต้ลิ้นปี่
      - เวลาปวดมักสัมพันธ์กับมื้ออาหาร อาจปวดเเสบ จุกเสียด อาการปวดจะดีขึ้นเมื่อรับประทานอาหาร
  - - - มีไข้ต่ำ ( 37.5-38.0 มักไม่เกิน 38.5 c.)
      - บางรายไม่มีไข้ ชีพจรเร็ว ลิ้นเป็นฝ้าหนา กดเจ็บที่ท้องน้อยด้านขวาตรงจุดไส้ติ่งหรือจุด Mc Burney point
    - - หากสงสัย ควรรีบส่งต่อโรงพยาบาล
      - ควรงดน้ำงดอาหารเพื่อเตรียมผ่าตัดฉุกเฉิน
      - ห้ามวางกระเป๋าน้ำร้อนเพราะอาจทำให้ไส้ติ่งแตกได้
    - - อาการปวดจะย้ายมาที่ท้องน้อยข้างขวาปวดเสียดตลอดเวลา ต้องนอนนิ่งๆ เคลื่อไหวจะปวดมาก
      - คลื่นไส้ มีไข้ต่ำๆ
      - เริ่มแรกปวดเป็นพักๆ รอบสะดือคล้ายโรคกระเพาะ แต่ถ่ายไม่ออก
  - - - มีไข้ มีการหดเกร็งหน้าท้องอย่างรุนแรงบริเวณใต้ชายโครงขวา
      - กดท้องเจ็บเฉพาะที่
      - Bowel Sound ลดลง
      - Murphy's sin positive
    - - Refer
    - - ปวดมากขึ้นเมื่อหายใจลึกๆและหลังรับประทานอาหารมันๆ อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือดีซ่านร่วมด้วย
      - มักพบในดพศหญิง อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป มีบุตรหลายคน และอ้วน
      - ปวดรุนแรงที่ชายโครงขวาร้าวไปที่ไหล่ขวา หรือหลังใต้สะบักขวา
  - - - ไข้ กดเจ็บที่หน้าท้อง ไม่มีท้องแข็ง อาจมีท้องอืด
      - Bowel Sound ลดลง
      - อาจมีช็อค คือ ชีพจรเบาเร็ว ความดันตก
    - - หากสงสัยควร Refer ด่วน
      - ถ้ามีภาวะขาดน้ำหรือช็อค ควรให้น้ำเกลือไประหว่างเดินทาง
    - - ปวดตลอดเวลาร้าวไปที่หลัง เวลานอนหงาย เคลื่อนไหวจะปวดมากขึ้น
      - มีไข้คลื่อนไส้อาเจียน อาจอ่อนเพลียมาก
      - ปวดท้องรุนแรงใต้ลิ้นปี่ทันทีทันใด
  - - - กล้ามเนื้อท้องเกร็งแข็ง และกดเจ็บมากเมื่อกดหน้าท้องลึกๆ
      - เคาะท้องมีเสียงโปร่ง
      - มีไข้สูง
    - - งดน้ำงดอาหาร
      - หากส่งสัว่ามีอาการเยื่อบุช่องท้องอักเสบควรรีบ Refer โดยด่วน
    - - มีท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน มีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว เบื่ออาหาร
      - ถ้าอาการรุนแรงอาจช็อค คือ กระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวเย็น ใจสั่น เป็นลมหมดสติ
      - ปวดท้องรุนแรง ตลอดเวลา กระเทือนถูกจะเจ็บ
- - - - ไข้
      - ภาวะขาดน้ำ
    - - มีไข้ให้ยาลดไข้ และให้สารละลายน้ำตาลเกลือแร่
      - หากรับประทานไม่ได้ หรือใีภาวะขาดน้ำรุนแรงควร Refer ให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ
    - - บางรายมีอาการคล้ายเป็นหวัด อาการเป็นนาน 2-6 วัน
      - อาเจียนมาก่อน แล้วปวดท้อง จากนั้นมีถ่ายเป็นน้ำตามมา
- - - - อาจมีภาวะขาดน้ำ
      - ไข้
      - อาการแทรกซ้อน ภาวะขาดน้ำรุนแรง
    - - ให้ยาลดไข้
      - ถ้าอาการรุนแรงให้ Refer เพื่อให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ
      - ให้สารละลายน้ำตาลเกลือแร่
    - - มักหายได้ภายใน 1-2 วัน
      - คลื่นไส้ อาเจียน ปวดบิดในท้องเป็นพักๆ ถ่ายเป็นน้ำ มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว (คล้ายไข้หวัดใหญ่)
  - - - อาจมีภาวะขาดน้ำ
      - อาการแทรกซ้อน ภาวะขาดน้ำรุนแรง
      - ไข้
    - - ให้ยาลดไข้
      - ถ้าอาการรุนแรงให้ Refer เพื่อให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ
      - ให้สารละลายน้ำตาลเกลือแร่
    - - ไม่มีไข้
      - อาการจะค่อยๆหายเอง ภายใน 1-2 วัน
      - คลื่นไส้ อาเจียน ปวดบิดในท้องเป็นพักๆ ถ่ายเป็นน้ำ
  - - - ไข้ อาจมีภาวะขาดน้ำ
      - อาการแทรกซ้อน ภาวะขาดน้ำรุนแรง
    - - ให้ยาลดไข้
      - ถ้าอาการรุนแรงให้ Refer เพื่อให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ
      - ให้สารละลายน้ำตาลเกลือแร่
    - - ค่อยๆหายภายใน 2-5 วัน
      - บางคนอาจเรื้อรัง 10-14 วัน
      - มีไข้ หนาวสั่น ปวดบิดในท้อง ถายเป็นน้ำ คลื่นไส้อาเจียนเล็กน้อย
  - - - ภาวะขาดน้ำ
      - ชีพจรเต้นเร็ว
      - ความดันโลหิตต่ำ
    - - ในรายที่ไม่รุนแรง เก็บอุจจาระส่งเพาะเชื้อ
      - ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
      - ให้ยาปฏิชีวนะ
    - - ท้องร่วงอย่างรุนแรง อุจาระไหลพุ่ง อาเจียน ไม่มีปวดท้อง ไม่คลื่นไส้
      - อุจจาระเหมือนน้ำซาวข้าว
      - รายที่เป็นรุนแรงจะมีอาการขาดน้ำรุนแรง และช็อคอย่างรวดเร็ว
  - - - หนังตาตก รูม่านตาขยาย แขนขาอ่อนแรง
      - อาการแทรกซ้อน กล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นอัมพาต หยุดหายใจ
    - - หากสงสัยควรรีบ Refer
      - ถ้าฉีดเซรุ่มแก้พิษได้ทันก็จะช่วยให้รอดได้
    - - ทำลายระบบประสาท ทำให้ตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน หนังตาตก รูม่านตาขยาย
      - กลืนน้ำลายไม่ได้ น้ำลายฟูมปาก พูดอ้อแอ้ แขนขขาอ่อนแรง หายใจไม่ได้และอาจเสียชีวิตภายใน 24 ชม.
      - คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ ปากแห้ง คอแห้ง เจ็บในลำคอ ปวดบิดในท้อง
  - - - สิ่งตรวจพบมักตรวจ
        
        กดเจ็บเล็กน้อยบริเวณท้องส่วนล่างด้านซ้าย
        
        มักตรวจไม่พบอะไรที่ชัดเจน
      - การรักษา
        
        ให้ยาปฏิชีวนะ
        
        เด็ก Metronidazole 35-50 mg/kg.แบ่งให้ 3 ครั้ง 10 วัน
        
        Metronidazole 750 mg.tid pc 10 วัน
        
        ถ้ามีอาการปวดและกดเจ็บบริเวณชายโครงขวามาก หรือสงสัยจะเป็นโรคฝีในตับ ควร Refer โดยเร็ว
      - อาการ
        
        ไม่มีไข้
        
        ต่อมาถ่ายเป็นมูกเลือดทีละน้อย ไม่มีเนื้อปน ถ่ายกะปริบกะปรอยหลายครั้ง แต่ไม่อ่อนเพลีย
        
        อุุจจาระเหลวมีเนื้อปน ปวดท้อง ปวดเบ่งที่ก้น
        
        กลิ่นอุจจาระเหม็นเหมือนหัวกุ้งเน่า
    - - สิ่งตรวจพบ
        
        ไข้ 38.5-40 c
        
        อาจพบขาดน้ำ หรือช็อค คือ เหงื่อออก ตัวเย็น ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ
        
        คลำท้องอาจกดเจ็บเล็กน้อย บางรายอาจไม่พบสิ่งผิดปกติ
      - การรักษา
        
        ถ้ามีภาวะขาดน้ำรุนแรงหรือช็อค ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ แล้วส่ง Refer ทันที
        
        รักษาตามอาการ มีไข้ ให้ยาลดไข้ เกลือเเร่
        
        ให้ยาปฏิชีวนะ
        
        Cotrimoxazole bid p.o pc 3 วัน
        
        Norfloxacin 400 mg. bid pc 3 วัน
        
        ไม่จำเป็นต้องให้ยาแก้ท้องเดิน
        
        ในรานที่ไม่แรง แต่ให้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลา 5 วัน
      - อาการ
        
        ต่อมาอาการจะทุเลาลงแต่จะปวดเบ่งที่ก้น และถ่ายเป็นมูก มีมูกปนเลือดบ่อยครั้ง กลิ่นไม่เหม็นมาก
        
        ปวดบิดในท้องก่อนใน 1 ชม. ต่อมาจะมีไข้ ถ่ายเป็นน้ำ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย คลื่นไส้ อาเจียน