Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 การพยาบาลผู้ที่มีปัญหาการรับประทาน อาหารและน้ํา การขับถ่ายอุจจาระ…
บทที่ 5 การพยาบาลผู้ที่มีปัญหาการรับประทาน
อาหารและน้ํา การขับถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาการรับประทานอาหารและน้ํา
ระบบทางเดินอาหาร (Digestives System)
เป็นอวัยวะภายในของมนุษย์ที่ใช้ในการย่อยอาหารและดูดซับพลังงานรวมทั้งสารอาหารต่าง ๆ ซึ่งระบบทางเดินอาหารประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่เป็นท่อยาวต่อเนื่องกัน แต่อวัยวะมีรูปร่างที่แตกต่างกันไปเพื่อทําหน้าที่เฉพาะของอวัยวะนั้น
ปัญหาที่พบบ่อยในการรับประทานอาหาร
เบื่ออาหาร (anorexia)
เป็นอาการที่มีความรู้สึกไม่อยากรับประทานอาหาร อาจรู้สึกต่อต้านเมื่อนึกถึงหรือเมื่อเห็นอาหาร
อาการคลื่นไส้ (nausea)
เป็นความรู้สึกไม่สุขสบายในท้อง ที่ต้องการเอาสิ่งที่ค้างในกระเพาะอาหารออกมา
อาเจียน (vomiting, emesis)
เป็นอาการที่มีแรงดันจากภายในร่างกาย มีการบีบตัวของกระเพาะอาหาร
กล้ามเนื้อหน้าอก เพื่อนําสิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารออกมาทางปาก
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาการรับประทานอาหารและน้ํา
1.การป้อนอาหาร
วัตถุประสงค์
อุปกรณ์
ภาชนะใส่อาหารที่มีประเภทของอาหารถูกต้องกับผู้ป่วยและโรค
ผ้ากันเปื้อนหรือผ้าขนหนูผืนเล็ก 1 ผืน
น้ําดื่ม 1 แก้ว
หลอดดูด (ในรายที่จําเป็น)
ขั้นตอนปฏิบัติ
ประเมินสภาพผู้ป่วย
อธิบายให้ผู้ป่วยทราบ
ล้างมือและเตรียมอุปกรณ์
ทําความสะอาดปากฟันให้ผู้ป่วย
จัดท่าผู้ป่วยให้อยู่ในท่าที่สบาย ในรายที่ลุกไม่ได้อาจให้นอนตะแคง หรือ นอนศีรษะสูง
รองผ้ากันเปื้อนบริเวณหน้าอก รอบคอ ใต้คางให้ผู้ป่วย
ยกถาดอาหารให้ผู้ป่วยเห็น หรือถ้ามองไม่เห็นเห็นให้บอกรายการและตําแหน่งของอาหาร
ตักอาหารพอประมาณ ป้อนช้า ๆ
ผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองได้แต่มองไม่เห็น กระตุ้นให้รับประทานเองและช่วยเมื่อต้องการ
ระหว่างรับประทานอาหารควรอยู่ใกล้ชิดและสนทนาเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผู้ป่วยสนใจ
สังเกตประเภทและปริมาณอาหารที่ผู้ป่วยรับประทาน
ให้ผู้ป่วยดื่มน้ําเมื่ออิ่ม พร้อมทั้งนําถาดอาหารออกและเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย
ทําความสะอาดปากและฟันให้ผู้ป่วย
เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
ได้รับอาหารเหมาะสมกับโรค
ช่วยเหลือและให้กําลังใจผู้ป่วยขณะรับประทานอาหาร
2.การใส่สายจากจมูกถึงกระเพาะอาหาร Nasogastric tube
วัตถุประสงค์
อุปกรณ์
ขั้นตอนปฏิบัติ
บอกให้ผู้ป่วยทราบ
เตรียมอุปกรณ์ใส่ถาดวางไว้ข้างเตียงผู้ป่วย
ล้างมือให้สะอาด
จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนท่าศีรษะสูง ( High fowler’s position ) หรือนั่งพิง
สํารวจความผิดปกติของช่องจมูกทั้ง 2 ข้างและผนังกั้นจมูก (septum)
ใส่ถุงมือและคลุมผ้ากันเปื้อนให้ผู้ป่วย ส่งชามรูปไตให้ผู้ป่วยถือไว้พร้อมทั้งผ้าก๊อซ
วัดความยาวของสายยางที่จะใส่ลงไปถึงกระเพาะอาหาร
หล่อลื่นปลายสายด้านที่จะใส่ด้วยสารหล่อลื่น
ให้ผู้ป่วยตั้งศีรษะตรงแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย ค่อย ๆ สอดสายยางเข้าทางรูจมูก เมื่อสายผ่านถึงคอให้ผู้ป่วยก้มศีรษะลงและบอกให้ผู้ป่วยช่วยกลืนสายหรือให้ดูดน้ําที่เตรียมมา พร้อมกับดันสายเข้าช้า ๆ
ถ้าผู้ป่วยมีอาการไอหรือขย้อน ให้หยุดดันสายรอสักพักจนอาการดีขึ้นแล้วจึงใส่ต่อ
ถ้ามีอาการกระสับกระส่าย ไอมาก หายใจไม่สะดวก ให้รีบดึงสายออก และรอให้อาการสงบก่อนแล้วจึงใส่ใหม่
เมื่อใส่สายลึกถึงตําแหน่งที่ต้องการแล้ว ต้องทดสอบว่าสายอยู่ในกระเพาะอาหาร
เมื่อแน่ใจว่าสายยางอยู่ในกระเพาะอาหารแล้ว ใช้พลาสเตอร์พันสายติดกับจมูก
ถ้าต้องการใส่ถึงลําไส้เล็กให้ผู้ป่วยนอนตะแคงขวา
ถ้าต้องการใส่สายค้างไว้ปิดสายด้วยจุกปิด
ถ้าใส่เพื่อระบายสิ่งตกค้างภายในออก อาจวางปลายสายในชามรูปไตดูดออกด้วยกระบอกฉีดยาหรือต่อกับเครื่องดูด
เมื่อหมดความจําเป็นในการใส่สาย ใช้กระบอกฉีดยาดันลมเข้าไปในสาย ประมาณ 5-10
มิลลิเมตรพร้อมทั้งบีบปลายสายยาง ให้ผู้ป่วยหายใจเข้าออกลึก ๆ ช้า ๆ พร้อมทั้งดึงสายออกอย่างรวดเร็ว
ทําความสะอาดปาก รูจมูก ให้ผู้ป่วย
ถาดสี่เหลี่ยม 1 ใบ สําหรับใส่ของใช้
สาย Nasogastric tube disposable
กระบอกฉีดยาหัวโต
K-Y Jelly หรือ Xylocaine Jelly
ชามรูปไต 1 ใบ
ผ้ากอซ 1-2 ผืน
ผ้ากันเปื้อน 1 ผืน
ไม้พันสําลี ชุบ N.S.S. 0.9%
หูฟัง (Stetchtoscope)
น้ําดื่ม 1 แก้ว พร้อมหลอดดูด
ถุงมือสะอาด 1 คู่
เป็นทางเพิ่มแรงดันเข้าไปในระบบทางเดินอาหาร เพื่อยับยั้งการมีเลือดออกในกระเพาะ
เพื่อเป็นทางให้อาหาร น้ําหรือยา
3.เพื่อล้างในกระเพาะอาหาร
3.การให้อาหารทางสายยาง (feeding)
วัตถุประสงค์การให้อาหาร
อุปกรณ์
ขั้นตอนการปฏิบัติในการให้อาหารทางสายยาง
เตรียมเครื่องใช้ให้พร้อม ยกวางข้างเตียงผู้ป่วย
ล้างมือ
บอกผู้ป่วยให้ทราบ
จัดท่าให้นั่งพิงสบาย ๆ หรือศีรษะสูงอย่างน้อย 45 องศา
เตรียมสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม ปิดประตูหรือกั้นม่าน
ปูผ้ากันเปื้อนที่บริเวณคอ
เช็ดปลายสายด้วยสําลีชุบ N.S.S. 0.9 % ให้สะอาด
ทดสอบว่าปลายสายอยู่ในกระเพาะอาหาร ตามวิธีที่กล่าวมาข้างต้น
ถ้ามั่นใจว่าปลายสายอยู่ในกระเพาะอาหารแล้ว ดูดน้ําจากกระเพาะอาหารดู ถ้ามีมากเกิน 50
มิลลิลิตร ให้ดันกลับเข้าไปในกระเพาะอาหาร รายงานแพทย์พิจารณาเลื่อนเวลาให้อาหารออกไป
ถาดสําหรับใส่ของใช้ 1 ใบ
หูฟัง
ชามรูปไต
แก้วใส่น้ําสะอาด 50-100 ซี.ซี.
อาหารเหลวตามตามแผนการรักษา
กระบอกฉีดยา
ผ้ารองกันเปื้อน 1 ผืน
สําลีชุบ N.S.S 0.9 %
เพื่อให้อาหารและน้ําแก่ผู้ป่วยที่มีปัญหาในการให้
อาหารทางปากแต่การทํางานของระบบทางเดินอาหารปกติ
เพื่อป้องกันและบําบัดภาวะขาดสารอาหาร
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาการขับถ่ายอุจจาระ
กลไกการขับถ่ายอุจจาระ
เมื่ออาหารที่เหลือจากการย่อยและดูดซึมไปใช้มาสะสมบริเวณลําไส้ตรง(Rectum) จนมีจํานวนมากเพียงพอ ดันให้ผนังลําไส้ยื่นขยายออกจะกระตุ้นตัวรับปลายประสาทที่ผนังลําไส้ทําให้เกิดความรู้สึกปวดถ่ายอุจจาระ การที่จะปวดมากจนต้องรีบไปถ่าย
ปัจจัยที่มีผลต่อการขับถ่าย
การได้รับสารน้ํา (Fluid intake) ถ้าดื่มน้ําน้อยจะทําให้อุจจาระแข็ง ถ่ายลําบาก
การได้รับอาหาร (Nutrition needs) การได้รับอาหารที่มีกากน้อยจะทําให้การเคลื่อนไหวของลําไส้ลดลง ทําให้ท้องผูก ความอยากอาหารลดลง
การได้รับออกซิเจน (Oxygen needs) ในคนที่ขาดออกซิเจน จะทําให้เนื้อเยื่อของลําไส้ถูกทําลาย ทําให้การเคลื่อนไหวของลําไส้ลดลง
4.การออกกําลังกาย (Exercise)การออกกําลังกายช่วยทําให้การเคลื่อนไหวของลําไส้ดีขึ้น
ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับการขับถ่ายอุจจาระและแนวทางช่วยเหลือ
1.ท้องผูก
2.การอัดแน่นของอุจจาระ (Fecal impaction)
3.ท้องเดิน (Diarrhea)
4.การถ่ายอุจจาระเป็นเลือด (Melena)
5.กลั้นอุจจาระไม่ได้ (Fecal incontinence)
3.การประเมินการขับถ่ายปัสสาวะ
แบบแผนการขับถ่ายปัสสาวะ แบบแผนการขับถ่ายปัสสาวะในแต่ละคนจะแตกต่างกัน
ลักษณะและส่วนประกอบของปัสสาวะ
ความถ่วงจําเพาะ ค่าปกติอยู่ระหว่าง 1.003-1.030
ความเป็นกรดด่าง (pH) น้ําปัสสาวะมีสภาพเป็นกรดอ่อน pH ประมาณ 4.5-6 ค่าความเป็นกรดด่างของปัสสาวะเปลี่ยนแปลงตามการเผาสารอาหาร ชนิดของอาหาร โรค และยา
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการและอาการแสดงที่ผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ
ส่งเสริมให้ได้รับน้ําอย่างเพียงพอ
ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
ส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและช่องคลอด
ส่งเสริมการถ่ายปัสสาวะเองตามแบบแผนปกติ
การสวนปัสสาวะ (Catheterization)
การสวนปัสสาวะมี 2 วิธี คือ
การสวนปัสสาวะแบบเป็นระยะ ๆ หรือเป็นครั้งคราว (Intermittent catheter)
การสวนปัสสาวะค้างไว้ (Retention of urethral catheter)
การสวนอุจจาระ (Enemas)
การสวนอุจจาระชนิดปล่อย (Cleansing Enemas หรือ Non – Retention Enemas)
การสวนเก็บ (RetentionEnemas)