Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พยาธิสรีรภาพระบบขับถ่ายปัสสาวะ - Coggle Diagram
พยาธิสรีรภาพระบบขับถ่ายปัสสาวะ
หน้าที่ของไต
ขับของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญอาหาร
รักษาความสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย
สร้างสารควบคุมความดันโลหิต
กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด
กำจัดสารพิษ สารเคมี รวมทั้งขับถ่ายยาออกจากร่างกาย
พยาธิสรีรภาพที่โกลเมอรูลัส
พยาธิสรีรภาพ
ที่ไม่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน
การกรองเพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงกลไกการทำงานของเรนิน
พยาธิสรีรภาพที่โกลเมอรูลัสกระตุ้นภูมิฯ โปรตีนในปัสสาวะสูง ไขมันในเลือดสูง
พยาธิสรีรภาพ
ที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน
การเพิ่มของสารประกอบ Major histocompathibilitycomplex class II
การเพิ่มของ co-stimulator เช่น cytokine
การเพิ่มขึ้นของ TH
การลดลงของ TS
พยาธิสรีรภาพที่หลอดฝอยไต
ความผิดปกติในการทางานของหลอดฝอยไตส่วนต้น
หน้าที่หลักของหลอดฝอยไตส่วนต้น คือการดูดกลับสารที่มีประโยชน์ เช่น กรดอะมิโน กลูโคส ไบคาร์บอเนต
โซเดียม ฟอสเฟต
หากส่วนนี้มีพยาธิสภาพ และส่งผลต่อหลอดเลือดออกจากโกลเมอรูลัสหดตัวส่งผลให้ไตขาดเลือดส่งผลเสียมากขึ้น
ความผิดปกติของหลอดฝอยไตส่วนปลาย
เนื่องจากไตส่วนนี้มีหน้าที่ในการการขับไฮโดรเจนและโปแตสเซียมส่งผลให้เกิดภาวะกรดคั่งและโปแตสเซียมในเลือดสูง(ส่งผลต่อกล้ามเนื้อลาย
อาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้)หากมีพยาธิสรีรภาพที่ส่วนนี้
ความผิดปกติของห่วงเฮนเล่ส่วนหนาที่ขึ้น
หน้าที่ของไตส่วนนี้คือทำให้ปัสสาวะเข้มข้นหรือเจือจาง ดูดกลับโซเดียมโปแตสเซียมจึงส่งผลเสียต่อการน้ากลับสู่ร่างกาย
ไตวาย
ไตวายเฉียบพลัน
ภาวะที่ไตลดหน้าที่อย่างรวดเร็ว อาการถ่ายปัสสาวะน้อยกว่าวันละ 400 cc ถ้ารักษาช้าไตเสียหน้าที่ถาวร
สาเหตุ
**
พยาธิสภาพนอกไต
1.พยาธิสภาพเหนือไต คือภาวะลดการไหลเวียนมาที่ไต เช่นกล้ามเนื้อหัวใจวาย
2.พยาธิสภาพถัดจากไตลงมา เช่นการอุดกั้นของระบบทางเดินปัสสาวะ
พยาธิสภาพที่ไตเกิดจากการติดเชื้อ การขาดเลือดมาเลี้ยง ทำให้ไตอักเสบ
กลไกการเกิดไตวายเฉียบพลัน**
ระยะปัสสาวะน้อย
อาการ
• การเสียสมดุลของน้าและโซเดียม ความดันต่ำ ชีพจรเบาเร็ว ขับน้าออกลดลง สับสน ซึม
• เสียสมดุลกรดด่าง เกิดภาวะกรดเกิน ไตดูดกลับ HCO HCO3 ได้น้อย จึงหายใจเร็ว เกร็งกระตุก
• เสียสมดุลโปแตสเซียม ทำให้ K ในเลือดสูง เกิดอาการอ่อนแรง หายใจลำบาก
• เสียสมดุล Ca, P, Mg Ca, P, Mg Ca, P, Mg สูญเสียการขับอิเล็คโทรไลต์ P, Mg P, Mg ในเลือดสูง Ca ตกตะกอนในเนื้อเยื่อต่างๆ ทำให้ Ca ในเลือดต่ำ
• การคั่งของยูเรีย คลื่นไส้อาเจียน
• การติดเชื้อ
กลไก
• เรนินเข้ากระแสเลือดทำให้แองจิโอเทนซิโนเจน เป็น แองจิโอเทนซิน แล้วเปลี่ยนเป็น 2 ทำให้หลอดเลือดหดตัว เลือดเลี้ยงไตลดลง
• เกิดการไหลลัดของเลือดจากผิวไตเข้าสู่แกนไต
• เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือด
• การลดการทำงานที่ไต
• การอุดกั้นของหลอดฝอยไต
ระยะปัสสาวะน้อย คือหลอดฝอยไตเสื่อมสมรรถภาพ ปัสสาวะไม่เกิน400 cc /วัน พบได้ในภาวะ Shock แคททีโคลามีนหลั่งเข้ากระแสเลือดมากขึ้น หลอดเลือดแดงหดรัดตัว ทำให้เลือดเลี้ยงไตลดลง
ระยะปัสสาวะมาก
ปัสสาวะมากกว่าวันละ 400 cc จนมากกว่า 1,500 cc ไตเริ่มฝื้นตัว
กลไก
• ระยะเริ่มปัสสาวะมาก อัตราการกรองเพิ่มขึ้น ขับน้าแต่ไม่ขับของเสีย หลอดฝอยไตอยู่ในระยะซ่อมแซม
• ระยะปัสสาวะมาก มากกว่า 1500 CC/ วัน การกรองเกือบปกติ หลอดฝอยไตทาหน้าที่ได้ แต่ส่วนต้นยังไม่สมบูรณ์ ปัสสาวะมาก สูญเสีย NA ,K
อาการ
ขาดน้ำ
Na ในเลือดต่ำ ผิวแห้ง เป็นตะคริว
K ต่ำ กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาเจียน หายใจลาบาก
ระยะฟื้นตัว
ระยะที่ไตฟื้นตัว หลอดเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติหลอดฝอยไตยังไม่สมบูรณ์ ปัสสาวะเข้มข้น และเป็นกรด ใช้เวลา 6-12เดือน
ไตวายเรื้อรัง
ภาวะที่ไตลดหน้าที่อย่างรวดเร็ว อาการถ่ายปัสสาวะน้อยกว่าวันละ 400 cc ถ้ารักษาช้าไตเสียหน้าที่ถาวร
สาเหตุ
พยาธิสภาพที่ไต
โรคของหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง
การติดเชื้อ กรวยไตอักเสบ (ท่อปัสสาวะอักเสบ)
ความผิดปกติแต่กำเนิด
โรคอื่นๆ เบาหวาน SLE
ขาด K เรื้อรัง (ดูดกลับขับน้ำออกมีปัญหา)
กลไกแบ่งเป็น 4 ระยะ
ระยะที่ 1 สมรรถภาพสารองของไตลดลง GFR เหลือ 50 % Cr,BUN ยังปกติ
ระยะที่ 2 ไตเสื่อม GFR เหลือ 20 -50 % ไตถูกทาลาย 75 % Cr,BUN เริ่มสูง ความดันสูง มีอาการซีด (ต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติ)
ระยะที่ 3 ไตวายGFR เหลือ 5-25 % ไตถูกทาลาย 90 % เกิดภาวะกรด จากการคั่งของแอมโมเนีย จึงหายใจหอบลึก Cr สูง ปัสสาวะลดลง Na คั่ง บวม
ระยะที่ 4 ระยะสุดท้ายของไตวายGFR เหลือ 5 %Cr> 10 uria คั่ง ปัสสาวะน้อย หรือไม่มี มีอาการ ซีด จากการสร้างอีริโธรโพอิติน ผิวหนังมีจ้าเลือด หายใจหอบลึก บวม หัวใจทางานหนัก ความดันสูง Ca ถูกสลายจากกระดูก เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน สะอึก จากการคั่งของยูเรีย สับสน วุ่นวาย กล้ามเนื้อกระตุก ติดเชื้อง่าย จากการกด B-lym ของพาราธัยรอยฮอร์โมน ไขมันในเลือดสูง
การถ่ายปัสสาวะผิดปกติ
การถ่ายปัสสาวะบ่อย ( Frequency of urinary)
การถ่ายปัสสาวะบ่อยที่จำนวนปัสสาวะปกติ ครั้งละ 200-500 cc. เกิดจากยา โรคเบาจืด
การถ่ายปัสสาวะกะปริบกะปรอย ถ่ายบ่อย แต่จำนวนปัสสาวะน้อยกว่าปกติ จากการติดเชื้อ นิ่ว ก้อนเนื้อ ระบบประสาทควบคุม
การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (URINARY INCONTINENCE )
True incontinence
กลั้นปัสสาวะไม่อยู่โดยสิ้นเชิง
ปัสสาวะไหลตลอดเวลา ผลของกล้ามเนื้อ และการผ่าตัด
ปัสสาวะไหลทางอื่นจากการทะลุ
Stress incontinence
เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุดมักจะพบในผู้ป่วยผู้หญิงที่มีอายุและมีบุตรหลายคนเนื่องจากกล้ามเนื้อมีการยืดและอ่อนแรง ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะออกเมื่อไอ จาม หัวเราะ หรือกิจกรรมที่เพิ่มความดันหน้าท้อง
Urgency incontinence
ผู้ป่วยไม่สามารถอั้นปัสสาวะได้นานพอ มักจะเข้าห้องน้ำไม่ทัน
Overflow incontinence
ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีปัญหาไม่สามารถปัสสาวะออก เช่น โรคต่อมลูกหมากโต หรือโรคทางเส้นประสาท เช่น โรคเบาหวาน คลำพบก้อนที่หัวเหน่า ผู้ป่วยจะมีปัสสาวะไหลกระปริดกระปอยผู้ป่วยจะปัสสาวะครั้งละไม่มาก หลังปัสสาวะจะรู้สึกว่ายังปัสสาวะไม่หมด ใช้เวลาปัสสาวะนานแต่ปัสสาวะออกน้อย
Unconscious or reflex incunconscious
มักเกิดในผู้ป่วยที่มีโรคทางระบบประสาท
Functional incontinence
ผู้ป่วยพวกนี้อาจจะมีโรคทำให้เคลื่อนไหวช้าเช่นข้อเสื่อมทาให้ไปห้องน้าไม่ทัน ผู้สูงอายุ
การถ่ายปัสสาวะไม่ออก (RETENTION OF URINE )
มีการคั่งค้างของปัสสาวะ แต่ถ่ายออกไม่ได้
การถ่ายไม่ออกเฉียบพลัน (Acute Retention of urine ) เกิดจากการอุดกั้น เนื้องอก มะเร็ง
การถ่ายไม่ออกเรื้อรัง(Chronic Retention of urine) เกิดจากต่อมลูกหมากโต
การเจ็บปวดจากการถ่ายปัสสาวะ (PAINFUL URINATIONPAINFUL )
เกิดจากมีการอุดกั้นการไหลของปัสสาวะ เช่น นิ่ว
เนื้องอก การติดเชื้อ อาการปวดจะสัมพันธ์กับตาแหน่ง
การถ่ายปัสสาวะลำบาก (DIIFFICULTY MICTURITION)
ต้องออกแรงเบ่งเพื่อการถ่ายปัสสาวะ
มีความลำบากตลอดการถ่ายปัสสาวะ (Diifficulty throughout micturition ) ปัสสาวะพุ่งไม่แรง เกิดจากระบบประสาทควบคุม
มีความลำบากในการเมปัสสาวะ (Delay in commencing micturition) เบ่งถ่ายนานถึงออก จากต่อมลูกหมากโต เนื้องอก
มีความลำบากในตอนสุดของการปัสสาวะ (afurther cell at the micturition) ต้องเบ่งแรงเพิ่มตอนสุดท้าย มักมีอาการปวด เกิดจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
มีความลำบากเป็นช่วงๆขณะถ่ายปัสสาวะ (interruption of stream ) ปัสสาวะสะดุด เกิดจากก่อนนิ่ว
ปวดถ่ายปัสสาวะอีกหลังจากถ่ายปัสสาวะ (micturition in two attempt) เกิดจากการขยายขนาดของท่อปัสสาวะ
การปัสสาวะรดที่นอน (NOCTURNAL ENURESIS )
เกิดจากความผิดปกติของสมองในการควบคุมหรือการหลั่ง ADH กลางคืน การอักเสบติดเชื้อ จิตใจ
การอุดกั้นของระบบขับถ่ายปัสสาวะ ( URINARY TRACT OBSTRUCTION )
เกิดขึ้นที่ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ เกิดจากนิ่ว เนื้องอก การบวม การสูญเสียการหดรัดตัวของท่อไต
นิ่วในทางเดินปัสสาวะ(STONE )
นิ่วในทางเดินปัสสาวะ หมายถึง นิ่วที่เกิดในไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ
นิ่วเกิดจากการรวมตัวของผลึก ซึ่งมาจากส่วนประกอบต่างๆเหล่านี้
นิ่วแคลเซี่ยมฟอสเฟต นิ่วแคลเซี่ยม คาร์บอเนต นิ่วแคลเซี่ยม ออกซาเลต นิ่วกรดยูริค(พบมากในยอดผัก) นิ่วซีสทีน นิ่วแซนทีน
มีอาการปวดรุนแรง บั้นเอวร้าวไปหน้าขา ปัสสาวะขัด และเป็นเลือด(ก้อนนิ่วไปบาดตรงทางเดินปัสสาวะ)
เนื้องอก (TUMOR )
เนื้องอกที่กระเพาะปัสสาวะ (bladder tumor )
สาเหตุ
จากการสูบบุหรี่ การรับสารเคมี
อาการ
ปัสสาวะเป็นเลือด น้าหนักลด
เนื้องอกที่ไต (Renal tumor)
สาเหตุ
การสูบบุหรี่ และฮอร์โมนเอสโตรเจน
อาการ
ปัสสาวะเป็นเลือด คลาพบก้อน ปวดตื้อๆ น้าหนักลด
การสูญเสียการหดรัดตัวของกระเพาะปัสสาวะหรือความพิการจากระบบประสาท (NEUROGENIC BLADDER )
สาเหตุ
การบาดเจ็บ เนื้องอก และการติดเชื้อ
อาการ
จากสมองใหญ่ กลั้นปัสสาวะไม่ได้ หรือออกน้อย บ่อย
จากพอนส์จะถ่ายปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะคั่งค้าง
จากไขสันหลัง จะสูญเสียการรู้สึกปวดถ่ายปัสสาวะ ปัสสาวะไหลหยดตลอดเวลา