Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สถานการณ์ที่3, IV flud Resuscitation, การเตรียมผู้ป่วยก่อนทำการปลูกถ่ายผิว…
สถานการณ์ที่3
-
การประเมิน
•ต้นขาข้างขวา และเท้าด้านหน้า มีรอยแดงไม่มีตุ่มน้ำ อยู่ในระดับที่1 (first degree)เป็นการบาดเจ็บบริเวณผิวหนังกำพร้าเฉพาะชั้น epidermis หายเองภายใน1-10วัน
•บริเวณลำคอ ลำตัวด้านหน้า และอวัยวะสืบพันธุ์ ขาข้างซ้ายทั้งขาและเท้าข้างซ้าย พบแผลผุพองมีตุ่มน้ำ บวมแดง อยู่ในระดับที่2 (second degree)เกิดการบาดเจ็บชั้น epidermis และ superficial dermis จะจะมีเซลล์ที่สามารถเจริญทดแทนส่วนที่ตายได้ จึงหายเร็ว แผลจะหายภายใน 2-6 สัปดาห์
•ต้นแขนข้างซ้าย มีแผลสีขาวปนดำถึงชั้นกล้ามเนื้อ อยู่ในระดับที่3 (third degree)เกิดการบาดเจ็บชั้น epidermis และ dermis ทั้งหมด กล้ามเนื้อ กระดูกรวมทั้งต่อมเหงื่อ รูขุมขนถูกทำลาย จะไม่มีความเปจ็บปวดเนื่อฝจากเส้นประสาทถูกทำลาย แผลประเภทนี้จะไม่หายเองต้องผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนังเท่านั้น
มารดามีความวิตกกังวลจากความเจ็บป่วย
ข้อมูลสนับสนุน
S:วิ่งชนกระทาทอดไก่ของมารดา
O: หกแผลพุพองมีตุ่มน้ำบวมแดงบริเวณคอลำตัวด้านหน้าอวัยวะสืบพันธุ์ขาข้างซ้ายทั้งขาและเท้าข้างซ้ายต้นแขนข้างซ้ายมีแผลสีขาวปนดำลึกถึงชั้นลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ
เป้าหมาย มารดาลดความวิตกกังวลจากความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น
เกณฑ์การประเมิน
-มารดามีสีหน้าคลายกังวล ยิ้มเเย้มเเจ่มใส
-มารดามีความรู้ในการดูเเลเด็ก
กิจกรรมการพยาบาล
1.การสร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วยและญาติตั้งแต่แรกรับ ให้เกิดความไว้วางใจ
2.ให้ข้อมูลการดูแลรักษา การพยาบาลและระยะเวลาการหายของแผลโดยประมาณ
3.ให้โอกาสญาติซักถามและตอบข้อสงสัย ประสานกับแพทย์ในการให้ข้อมูลผู้ป่วยด้านแผนการรักษา
4.ให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการรักษาพยาบาลและการดูแลบาดแผล
5.พยาบาลควรพูดคุยให้กำลังใจ ตลอดจนดูแลให้ได้รับยาแก้ปวดก่อนทำแผลและบริหารร่างกาย
- ให้ญาติมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย เพราะเด็กต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิด
- จัดกิจกรรมนันทนาการให้เกิดความเพลิดเพลินแก่ผู้ป่วยเด็กตามความต้องการของผู้ป่วยเช่น ฟังเพลง ดูโทรทัศน์ เป็นต้น ตลอดจนส่งเสริมการใช้เทคนิคผ่อนคลาย ลดความเจ็บปวด
- เตรียมความพร้อมก่อนจำหน่ายผู้ป่วยทุกราย และติดตามการให้ความรู้ในการดูแลตนเองต่อเนื่องที่บ้าน
Cloxacillin (คลอกซาซิลลิน) เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มยาเพนิซิลิน (Penicillin)
-กลไกการออกฤทธิ์ของยา คือ คลอกซาซิลินมีฤทธิ์เข้าจับกับ penicillin-binding protein (PBPs) ที่จะยับยั้งกระบวนการทรานส์เปปทิเดชันในขั้นตอนสุดท้ายของการสังเคราะห์เปปทิโดไกลแคนของผนังเซลล์ของแบคทีเรีย เป็นผลให้ยับยั้งชีวสังเคราะห์ของผนังเซลล์แบคทีเรียและหยุดการประกอบโครงสร้างของผนังเซลล์ แบคทีเรียจะถูกย่อยสลายโดยเอนไซม์ออโตไลซิน (autolysin) และมูเรอิน ไฮโดรเลส (murein hydrolase) ควรปฏิบัติตามแพทย์สั่งและฉลากยาอย่างเคร่งครัด เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้
ขนาดยา
-ในเด็กอายุ > 1 เดือน และมีน้ำหนัก < 20 กิโลกรัม การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน ผิวหนังหรือโครงสร้างของผิวหนัง ชนิดไม่รุนแรง ให้ยาในขนาด 50 mg/kg/day โดยแบ่งให้ทุก 6ชั่วโมง ชนิดรุนแรง ให้ยาในขนาด 100 mg/kg/day โดยแบ่งให้ทุก 6 ชั่ว โมง ขนาดยาสูงสุดในเด็ก 4 g/day
-ขนาดยาในผู้ใหญ่และเด็กที่มีน้ำหนัก20กิโลกรัม การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน ผิวหนังหรือโครงสร้างของผิวหนัง ชนิดไม่รุนแรง ให้ยาในขนาด 250 mg ทุก 6 ชั่วโมง ชนิดรุนแรง ให้ยาในขนาด 500 mg ทุก 6 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุด 6 g/day ผู้ป่วยที่มีสภาวะการทำงานของไตบกพร่องไม่มีความจำเป็นต้องปรับขนาดยา ยกเว้น ผู้ที่มีการทำงานของไตบกพร่องรุนแรง
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Cloxacillin
ยา Cloxacillin เป็นยาที่แพทย์สั่งโดยประเมินจากอาการของผู้ป่วยแต่ละราย อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงขึ้นได้ดังต่อไปนี้
-ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป เช่น ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน มีแก๊สในกระเพาะอาหาร และแผลในปาก
-ผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อย และไม่เป็นอันตราย เช่น บริเวณลิ้นอาจเปลี่ยนเป็นสีดำลักษณะเป็นเส้น ๆ สามารถหายไปเองได้หลังจากการใช้ยา รวมถึงการรักษาสุขอนามัยที่ดีในช่องปากด้วยการแปรงลิ้นหลังแปรงฟันวันละ 2 เวลา สามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมได้จากแพทย์หรือเภสัชกร อาจเกิดคราบขาวในช่องปากหรือตกขาวผิดปกติในผู้หญิง หลังจากใช้ยานี้ในการรักษาระยะยาว ควรไปพบแพทย์
-ผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อย แต่เป็นอันตราย ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เช่น อาจเกิดอาการที่ผิดปกติ เช่น มีอาการเหนื่อย เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ มีอาการเจ็บหรือบวมตามข้อ อาจเกิดอาการที่พบได้ยากแต่มีความรุนแรง เช่น มีอาการช้ำหรือเลือดออกง่าย ปริมาณและสีของปัสสาวะแปลกไป คลื่นไส้อาเจียนบ่อยครั้ง ปวดท้อง ตาหรือผิวมีสีเหลือง อาจเกิดอาการแพ้ยา เช่น ผื่นคันหรือบวมโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น หรือลำคอ เป็นไข้ วิงเวียนศีรษะ รวมถึงหายใจลำบาก
-
การเตรียมผู้ป่วยก่อนทำการปลูกถ่ายผิวหนัง (skin graft))
-อธิบายวัตถุประสงค์ขั้นตอนและวิธีการปลูกถ่ายผิวหนังสภาพผู้ป่วยภายหลังการปลูกถ่ายผิวหนังให้บิดามารดาหรือให้ผู้ป่วยเด็กในวัยที่สามารถเข้าใจได้โดยใช้คำพูดง่ายๆและ บิดามารดาจะต้องลงนามในใบยินยอมการรักษาด้วย
-ทำความสะอาดร่างกายแผลและผิวหนังบริเวณที่จะทำการปลูกถ่ายผิวหนังหากมีขนอาจจำเป็นต้องโกนขนด้วย
-ดูแลงดน้ำงดอาหารและให้สารน้ำตามแผนการรักษาของแพทย์
-ดูแลถอดเครื่องประดับและเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมไปห้องผ่าตัด การดูแลบาดแผลปลูกถ่ายผิวหนัง (Skin graft)
-ในเด็กต้องระมัดระวังในการเลื่อนหลุดของ graft เนื่องจากเด็กจะไม่ให้ความร่วมมือดูแล จำกัด การเคลื่อนไหวส่วนที่ปลูกถ่ายโดยทั่วไปแพทย์จะทำการใส่เฝือกบริเวณ ที่ทำการปลูกถ่ายไว้ประมาณ 3 วัน
-ดูแลให้ผู้ป่วยนอนพักบนเตียงพลิกตะแคงตัวด้วยความระมัดระวัง
-ห้ามเปิดแผลที่ได้รับการปลูกถ่ายผิวหนังโดยเด็ดขาดจนกว่าจะครบกำหนดส่วนมากแผลบริเวณผู้รับจะเปิดประมาณวันที่ 5-7 ส่วนแผลบริเวณผู้ให้จะสามารถเปิดได้ประมาณ 2 สัปดาห์หลังจากการปลูกถ่ายผิวหนัง
-ในการเปิดแผลครั้งแรกแผลอาจจะติดมากควรใช้สำลีหรือ top gauze ชุบ 0.9% NSS ซับให้ชุ่มหรือราดเบา ๆ ค่อยๆดึงออกช้าๆเพื่อป้องกัน graft หลุดหลังจากนั้นทำความ สะอาดแผลตามปกติปิดแผลด้วยแผ่นปิดแผลแบบตาข่ายทับด้วย gauze และพันด้วย Elastic bandage หรือ Conform
-ประเมินสิ่งคัดหลั่ง และการติดเชื้อแผลทั้ง2บริเวณ แผลบริเวณผู้ให้จะสามารถเปลี่ยน gauze และelastic bandage ภายนอกได้
-โดยจัดท่ายกบริเวณที่ทำการปลูกถ่ายผิวหนังให้สูงเล็กน้อยประเมินอวัยวะส่วนปลายเนื่องจากอาจมีการพันแผลที่แน่นเกินไป 7 ส่งเสริมให้ได้รับโภชนาการที่ช่วยการหายของแผลหากผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ใส่ NG tube for feed เพื่อประเมินการทำงานของลำไส้เริ่ม feed และ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนของภาวะ stress ulcer แต่อาจจะต้อง จำกัด น้ำในผู้ป่วยบางรายเพราะอาจทำให้เกิดภาวะท้องอืดหรือเกิดการขยายตัวของกระเพาะอาหารได้ (gastric dilation) หรือภาวะพิษจากน้ำได้ (water intoxication) ซึ่งในเด็กไตอาจขับน้ำได้ไม่ดีร่วมกับภาวะไตวายเฉียบพลันทำให้ขับน้ำได้น้อย
-
-