Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Case Study PP 7CDB2AE0-F47C-44A1-B704-FCAB83329589 - Coggle Diagram
Case Study PP
พยาธิสภาพของหญิงตั้งครรภ์หลังคลอดที่เปลี่ยนแปลงไป
จิตใจ
ระยะที่1 Taking in phase 1-3 วันหลังคลอดร่างกายมีความอ่อนล้าไม่สุขสบาย สนใจแต่ตนเอง มีความต้องการพึ่งพาผู้อื่น บางรายอาจเป็นโรคซึมเศร้า
ระยะที่2 Taking hold phase 3-10 วันหลังคลอด ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเองมากขึ้น เริ่มสนใจลูกและผู้คนรอบข้าง
ระยะที่ 3 Letting go phase 10 วันหลังคลอด ผู้ป่วยปรับตัวเข้าสู่บทบาทใหม่และแสดงบทบาทได้ดี
ร่างกาย
ระบบย่อยอาหาร
มีแนวโน้มท้องผูก จากกล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนตัว การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลง และการสูญเสียแรงดันภายในช่องท้องอย่างทันที
ผิวหนังและอุณหภูมิ
Linea nigra จะหายไปใน 6 สัปดาห์หลังคลอด
Striae garvidarum จะไม่หายไปแต่สีจะจางลง
อุณหภูมิ 24 ชั่วโมงหลังคลอด อาจสูงได้ แต่ไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส จากการขาดน้ำและการเสียพลังงาน
เต้านม
Estrogen , Progesterone HM ลดลง
Anterior pituitary gland หลั่ง Prolactin ผลิดน้ำนม
Posterior pituitary gland หลั่ง Oxytocin หลั่งน้ำนมและทำให้มดลูกหดรัดตัว
น้ำนม
ระยะที่1 : หัวน้ำนม (Colostrum)
สร้างขึ้นช่วง 1-3 วันแรกหลังคลอดเท่านั้น ถือเป็นน้ำนมที่ดีที่สุด มีภูมิคุ้มกันที่ดีต่อลูก มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของลำไส้ สารสร้างภูมิต้านทานที่ดีกับลูก เช่น lgA แลคโตเฟอริน เซลล์เม็ดเลือดขาว และมีปริมาณแร่ธาตุต่างๆ เช่น โซเดียม คลอไรด์ แมกนีเซียมมปริมาณสูง ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย
ระยะที่2 : น้ำนมใส (Trasitional milk)
สร้าขึ้น 4-14 วันแรกหลังคลอด น้ำนมจะมีลักษณะขาวขึ้น น้ำนมในช่วงนี้จะประกอบไปด้วยไขมัน แลคโตส และวิตามินที่ละลายน้ำได้ค่อนข้างสูง และจมีปริมาณแคลอรี่มากกว่าช่วงหัวน้ำนม
ระยะที่3 : น้ำนมขาว (Mature milk)
ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 หลังคลอด ระยะนี้น้ำนมจะเปลี่ยนเป็นน้ำนมสีขาว เรียกว่า น้ำนมขาว มีโปรตีนช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อดรคืเพิ่มภูมิต้านทานให้ทารก และมีกรดไขมันที่จำเป็น ได้แก่ DHA และ AA เป็นกรดไขมันจำเป็นที่สำคัญต่อการพัฒนาระบบประสาทและการมองเห็นของลูก
มดลูก
หลังคลอดทันทีมดลูกจะอยู่ระดับสะดือหรือต่ำกว่าสะดือ
มดลูกหนัก 1000 กรัม
มดลูกจะลดขนาดลงวันละ 0•5 - 1 นิ้ว
7 วันหลังคลอด มดลูกอยู่ระหว่างหัวเหน่ากับสะดือประมาณ 3 นิ้ว
2 สัปดาห์หลังคลอด มดลูกอยู่ระดับหัวเหน่าหรือคลำไม่พบทางหน้าท้อง
6 สัปดาห์หลังคลอด มดลูกมีขนาดเท่ากับก่อนตั้งครรภ์คือประมาณ 50 กรัม ขนาด 3 x 2 x 1 เซนติเมตร
ปากมดลูก
หลังคลอดปากมดลูกจะอ่อนนุ่ม มีรอยช้ำและมีรอยฉีกขาดเล็กๆ
1 สัปดาห์ เริ่มกลับสู่สภาพเดิมเกือบสมบูรณ์
6 สัปดาห์ เป็นรูปยาวรีไม่กลมเหมือนก่อนตั้งครรภ์
แผลฝีเย็บ
หลังคลอดจะมีอาการปวด บวม อาจมีเลือดออกใต้ผิวหนัง
Labia minora และ Labia majera เหี่ยวและอ่อนนุ่มมากขึ้น หายเป็นปกติใน 5-7 วัน
การมีประจำเดือน
หลังคลอดจะไม่มีประจำเดือน เนื่องจากระหว่างตั้งครรภ์รังไข่หยุดทำงาน และการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมน Estrogen และ Progesterone
มารดาที่ไม่ได้เลี้ยงทารกด้วยนมตนเองจะเริ่มมีประจำเดือน 6 - 8 สัปดาห์หลังคลอด
มารดาที่เลี้ยงทารกด้วยนมตนเองนาน 3 เดือน จะเริ่มมีประจำเดือน 7 -9 เดือนหลังคลอด
น้ำคาวปลา(Lochia)
แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
Lochia rubra 2-3 วันแรกหลังคลอด ลักษณะสีแดงคล้ำและข้น ประกอบด้วยเลือดเป็นส่วนใหญ่
Lochia serosa 4-9 วันหลังคลอด ลักษณะสีจางแดงชมพู หรือค่อนข้างเหลือง เนื่องจากมีเม็ดเลือดขาวและมีน้ำเหลืองปน
Lochia alba 10 วันหลังคลอด ลักษณะสีเหลืองจางๆหรือสีขาว ปริมาณจะค่อยๆน้อยลงจนถึงไม่มี
คำแนะนำหลังกลับบ้าน
น้ำนม
ควรกระตุ้นให้ทารกดูดนมทุก 2-3 ชั่วโมง หรือเมื่อทารกร้องหิวนม และควรอมลึกถึงลานนม ดูดให้เกลี้ยงเต้านม และดูแลให้ทารกได้รับนมแม่อย่างเดียวจนถึง 6 เดือน ถึงเริ่มให้ทารกได้รับอาหารเสริมได้
การดูแลเต้านม
วันที่ 2-3 หลังคลอด มารดาจะมีน้ำนมสีเหลืองๆ(colustrum) หลั่งออกมา ซึ่งมีสารอาหารครบถ้วนและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
วันที่ 3 หลังคลอด แม่จะรู้สึกคัดตึงเต้านม และอาจมีไข้ได้จากการคัดตึงเต้านม (Milk fever)
ประจำเดือน
แม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จะไม่มีประจำเดือน แต่ถ้ามีประจำเดือนระหว่างให้นมลูก ถือว่าไม่ผิดปกติ และหลัง 3 เดือนจะมีการตกไข่ซึ่งเกิดเมื่อใดก็ได้ หากต้องการป้องกันการตั้งครรภ์ ควรคุมกำเนิด
การทำความสะอาดร่างกาย
มารดาสามารถอาบน้ำได้ตามปกติ แต่ไม่ควรแช่น้ำในอ่างหรือว่ายน้ำ เนื่องจากมดลูกยังปิดไม่สนิทอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง
การนอนหลับพักผ่อน
หลังคลอดมารดาจะอ่อนเพลียจากการคลอด ควรได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ นอนวันละ 8-10 ชั่วโมง โดยเฉพาะใน2สัปดาห์แรก
การรับประทานอาหาร
ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเน้นโปรตีน เช่น เนื้อ นม ไข่ เพื่อช่วยเสริมสร้างให้มีสารอาหารเพียงพอที่จพนำไปสร้างน้ำนม ห้ลูก รับประทานผักผลไม้เพื่อป้องกันท้องผูก และดืมน้ำให้มากๆ
อาหารเสริมสร้างน้ำนม เช่น หัวปลี ใบกะเพรา แกงเรียง น้ำขิง
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น อาหารพวกหมักดอง ชา กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
การออกกำลังกายหลังคลอด
แนะนำให้มารดาทำ Kegel exercise หรือการขมิบช่องคลอด ซึ่งช่วยให้กล้ามเนื้อช่องคลอดกลับมาสู่สภาพปกติได้เร็ว และสามารถออกกำลังกายที่ไม่ใช้แรงเยอะได้ เช่น ทำงานบ้าน
มดลูก
ควรคลึงมดลูกให้กลมแข็ง และมดลูกควรลดขนาดลงวันละ 0.5-1 นิ้ว เมื่อครบ 2 สัปดาห์จะไม่สามารถคลำพบก้อนมดลูกได้ แต่ถ้ายังคำพบก้อนมดลูกแสดงว่ามดลูกยังไม่เข้าอู่ ควรรีบพบแพทย์
น้ำคาวปลา
1-3 วันหลังคลอด น้ำคาวปลามีสีแดงคล้ำและข้น ประกอบด้วยเลือดเป็นส่วนใหญ่
4-9 วันหลังคลอด น้ำคาวปลาสีแดงชมพูหรือสีเหลือง ยึดได้จากการมีเม็ดเลือดขาวและน้ำเหลือง
10 วันหลังคลอด น้ำคาวปลาสีเหลืองครีมๆจนถึงสีขาว และปริมาณลดลง จนไม่มีน้ำคาวปลา
น้ำคาวปลาที่ผิดปกติ จะมีสีเขียว กลิ่นเหม็นมาก หรือมีสีแดงสด มีกลิ่นและปริมาณมาก ควรรีบพบแพทย์
แผลฝีเย็บ
ควรทำความสะอาดทุกครั้งหลังปัสสาวะหรืออุจจาระให้สะอาด ทำความสะอาดจากด้วยหน้าไปด้านหลัง และซับให้แห้ง และควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2- 3 ชั่วโมง และห้ามใช้ผ้าอนามัยแบบสอด
การมีเพศสัมพันธุ์
ควรงดมีเพศสัมพันธุ์ 6 สัปดาห์หลังคลอด เนื่องจากระยะหลังคลอดมีน้ำคาวปลา และปากมดลูกยังปิดไม่สนิท อวัยวะอื่นๆภายในยังไม่กลับสู่สภาพปกติ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
ข้อวินิจทางการพยาบาล
มารดาเสี่ยงต่อภาวะตกเลือดหลังคลอด
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยดูอ่อนเพลียเล็กน้อย
เสียเลือดระหว่างการคลอด 200 ml
คลอดทารกน้ำหนัก 2350 กรัม
ตัดฝีเย็บแบบ RML แผล 2 degree tear
มีแผลในโพรงมดลูก
กิจกรรมการพยาบาล
ตรวจวัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะความดันโลหิตสูง ถ้าพบว่าสัญญาณชีพผิดปกติ เช่น ชีพจรเบาเร็ว หายใจเร็วขึ้น ความดันโลหิต เพิ่มขึ้นในระยะแรกและเริ่มลดต่ำลงในระยะหลัง ควรรายงานแพทย์ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการช่วยเหลือทันที
สังเกตและตรวจการหดรัดตัวของมดลูก โดยคลึงหน้าท้องบริเวณยอดมดลูกทุก 2-3 ชั่วโมง คลึงให้มดลูกกลมแข็ง และคลึงอย่างนุ่มนวล เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวดีขึ้น และถ้าตรวจพบว่ามดลูกลอยอยู่สูงผิดปกติ เนื่องจากปัสสาวะเต็ม ขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก ต้องดูแลให้ผู้ป่วยปัสสาวะทุก 4 ชั่วโมง
สังเกตลักษณะ สี กลิ่น และปริมาณเลือดที่ออกจากช่องคลอดและแผลฝีเย็บโดยใส่ผ้าอนามัยไว้ ประมินและบันทึกทุก 2-3 ชั่วโมง ในระยะ 24ชั่วโมงแรก ไม่เกิน 500 ml และควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2-3 ชั่วโมง และในส่วนของการประเมินแผลฝีเย็บ สังเกตลักษณะแผลฝีเย็บว่ามีบวมแดง ซ้ำ Hematoma มีDischarge ซึม แผลแห้งติดกันดีหรือไม่
ประเมินและกระตุ้นให้มารดาปัสสาวะเองใน 6-8 ชั่วโมงหลังคลอด หลังจากนั้น ปัสสาวะทุก 3-4 ชั่วโมง ในระยะ 24 ชั่วโมงแรก เนื่องจากป้องกันภาวะ Bladder Fall ขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก และประเมินภาวะขาดน้ำจากการเสียเลือด
ประเมินและสังเกตอการผิดปกติที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการเสียเลือด คือ กระสับกระส่าย ใจสั่น ตัวเย็น หน้ามืดเหงื่อออกมาก ซีด อ่อนเพลีย และมีเลือดออกมาก หรือปวดบริเวณแผลฝีเย็บมาก
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อนบนเตียง ลดการใช้พลังงาน และจัดทำนอนศีรษะต่ำ เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้อย่างเพียงพอ
เกณฑ์การประเมินผล
V/S อยู่ในเกณฑ์ปกติ
-T= 36.5-37.4 องศาเซลเชียส
-BP :90-120/60-80 mmHg
-PR :60-100 ครั้ง/นาที
-RR : 14-22 ครั้ง/นาที่
-PS :=0
มดลูกหดรัดตัวดี คลำได้เป็นก้อนกลมแข็ง
ปริมาณเลือดออกทางช่องคลอดไม่เกิน 500 cc ใน 24 ชั่วโมง
แผลฝีเย็บไม่บวมแดง ไม่ช้ำ ไม่มี Hematoma ไม่มีDischarge ซึม แผลแห้งติดกันดี
ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการเสียเลือด คือ กระสับกระส่าย ใจสั่น ตัวเย็น หน้ามืด เหงื่อออกมาก ซีด อ่อนเพลีย
ไม่พบอาการขาดน้ำ
การประเมินผล
V/S อยู่ในเกณฑ์ปกติ
มดลูกหดรัดตัวดี คลำได้เป็นก้อนกลมแข็ง โดยระดับยอดมดลูก (7/12/63) อยู่ที่ 3.5 นิ้ว เหนือกระดูกหัวเหน่า
Bleeding per vagina 30 ml
มารดาดูอ่อนเพลียเล็กน้อย แต่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการเสียเลือด เช่น กระสับกระส่าย ใจสั่น ตัวเย็น หน้ามืด เหงื่อออกมาก
ไม่มีอาการขาดนํ้า
วัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด
เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยมีแผลในโพรงมดลูกและแผลฝีเย็บ
ตัดฝีเย็บแบบ RML
แผล 2 degree tear
แผลฝีเย็บไม่มีบวมหรือแดง ไม่มี Dischage ซึม แผลแห้งติดกันดี
น้ำคาวปลาสีแดงจาง ไม่มีกลิ่นเหม็น
วัตถุประสงค์
ป้องกันการเกิดการติดเชื้อที่โพรงมดลูกและแผลฝีเย็บ
เกณฑ์การประเมินผล
V/S อยู่ในเกณฑ์ปกติ
-T = 36.5-37.4 องศาเซลเชียส
-BP : 90-120/60-80 mmHg
-PR : 60-100 ครั้งนาที
-RR : 14-22 ครั้งนาทึ
-PS: =0
มดลูกหดรัดตัวดี คลำได้เป็นก้อนกลมแข็ง
ปริมาณเลือดออกทางช่องคลอดไม่เกิน 500 cc ใน 24 ชั่วโมง
แผลฝีเย็บไม่บวมแดง ไม่ช้ำ ไม่มี Discharge ซึม แผลแห้งติดกันดี
5.น้ำคาวปลาไม่มีความผิดปกติ ไม่มีสีเหลือง เขียว หรือมีกลิ่นเหม็น
กิจกรรมการพยาบาล
ล้างมือให้สะอาดอย่างถูกวิธีก่อนและหลังการให้พยาบาลทุกครั้งและให้การพยาบาลโดยใช้หลักเทคนิคปลอดเชื้อ
ตรวจวัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินอาการนำของการติดเชื้อ
ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก อย่างน้อยวันละ 2ครั้ง และเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2-3 ชั่วโมงหรือเมื่อชุ่มเต็มแผ่น
ติดตามปะเมินและสังเกตลักษณะแผลฝีเย็บทุกวัน ถ้ามีอาการอักเสบบวมแดง อาจเกิดการติดเชื้อได้ ควรรีบรายงานแพทย์
5.สังเกต จำนวน สี ลักษณะและกลิ่นของน้ำคาวปลา ถ้ามีความผิดปกติ กลิ่นเหม็นเน่า อาจเกิดการติดเชื้อได้ ควรรีบรายงานแพทย์
ตรวจวัดระดับยอดมดลูกและลงบันทึกทุกวันว่าลดลง หรือไม่ โดยระดับยอดมดลูกควรลดลงวันละ 0.5-1 นิ้ว
ดูแลให้คำแนะนำ การรักษาความสะอาดของปากฟัน ความสะอาดของร่างกาย สามารถอาบน้ำได้ตามปกติ แต่ไม่ควรแช่อ่างอาบน้ำหรือว่ายน้ำ และเน้นย้ำการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก โดยล้างจากด้านหน้าไป ด้านหลัง ภายหลังการปัสสาวะหรือขับถ่ายอุจจาระ ตลอดจนวิธีเปลี่ยนผ้าอนามัย โดยเปลี่ยนทุก 2-3ชั่วโมงหรือเมื่อชุ่มเต็มแผ่น
ประเมินการคั่งค้างของปัสสาวะ เมื่อปัสสาวะมีอาการ เจ็บปวดแสบ หรือถ่ายปัสสาวะบ่อย ๆ หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ให้รายงานแพทย์
ดูแลแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง และวิตามิน เช่น เนื้อสัตว์ไข่ นม ถั่ว ผักใบเขียว ผลไม้ วิตามิน เพื่อช่วยในการซ่อมแซม เนื้อเยื่อ ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ป้องกันการติดเชื้อ
การประเมินผล
1.V/S อยู่ในเกณฑ์ปกติ
2.มดลูกหดรัดตัวดี คลำได้ก้อนกลมแข็ง ระดับยอดมดลูก (8/12/63) อยู่ที่ระดับ 3 นิ้ว เหนือกระดูกหัวเหน่า
3.ลักษณะแผลฝีแย็บ แผลฝีเย็บไม่บวมแดง ไม่ช้ำ ไม่มี Hematoma ไม่มี Discharge ซึมแผลแห้งติดกัน
4.Bleeding per vagina 20 ml
ให้คำแนะนำมารดาเกี่ยวกับการให้นมทารก
ข้อมูลสนับสนุน
มารดาน้ำนมไหลน้อย
วัตถุประสง เพื่อแนะนำให้มารดาให้นมลูกได้อย่างถูกวิธี
เกณฑ์การประเมินผล
มารดาไม่มีอาการปวด ไม่คัดตึงเต้านม
มารดาสามารถให้นมบุตรได้ถูกวิธี
กิจกรรมการพยาบาล
แนะนำให้แม่รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นโปรตีน เช่น เนื้อ นม ไข่ และผักผลไม้
2.งดอาหารหมักดอง อาหารรสจัด ชา กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แนะนำอาหารเสริมน้ำนม เช่น หัวปลี แกงเรียง
แนะนำมารดาให้ลูกดูดนมบ่อยๆ อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง เพื่อเป็นการกระตุ้นน้ำนม
ให้ลูกดูดนมทั้ง 2 ข้าง เพื่อป้องกันการคัดตึงเต้านม
การประเมินผล
มารดาไม่มีอาการปวด คัดตึงเต้านม
ลูกดูดนมได้ดี
มีอาการปวดแผล
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยมีแผลในโพรงมดลูกและแผลฝีเย็บ ตัดฝีเย็บแบบ
RML แผล 2 degree tear
Pain score = 9
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยปวดมดลูกและแผลฝีเย็บลดลง และมีสีหน้าสดชื่นสามารถทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเองได้
เกณฑ์การประเมินผล
ระดับการปวดของมดลูกและแผลฝีเย็บลดน้อยลง
2.ผู้ป่วยมีสีหน้าสดชื่น เคลื่อนไหวร่างกาย สามารถลุกนั่งและเดินได้สะดวกมากขึ้น
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินความเจ็บปวดของมารดาหลังคลอดเกี่ยวกับลักษณะความรุนแรงของความเจ็บปวดเพื่อให้การช่วยเหลืออย่างถูกต้อง
แนะนำ ท่านอนในท่าที่สบายบรรเทาความเจ็บปวด เช่น แนะนำ ให้นอนตะแคงด้านตรงข้ามกับที่มีแผลฝีเย็บ ให้ขมิบก้นก่อนนั่ง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ โดยตรงที่แผลฝีเย็บ
แนะนำการเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ เพื่อลดการกระทบกระเทือนแผลฝีเย็บ
แนะนำและจัดให้นอนคว่ำใช้หมอนรองบริเวณหน้าท้องจะช่วยให้น้ำคาวปลาไหลสะดวก ลดอาการปวดมดลูกและให้บริหารกล้ามเนื้อเชิงกรานโดยการขมิบช่องคลอดจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดี
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์ ยาแก้ปวด Paracetamal(500mg) 1 เม็ด เมื่อจำเป็น และสังเกตผลข้างเคียงคือ มีอาการไข้ หนาวสั่น อุจจาระเป็นเลือดหรือมีผื่นคัน เจ็บคอ
ดูแลไม่ให้เต้านมคัดตึง
พูดคุยให้กำลังใจผู้ป่วย พูดอย่างนุ่มนวล ส่งเสริมสัมพันธภาพในครอบครัว ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลดลง
การประเมินผล
ผู้ป่วยมีสีหน้าสดชื่นแจ่มใส ไม่บ่นเจ็บปวดมดลูกและแผล
ฝีเย็บ Pain Score (7/12/63)ที่โพรงมดลูกและแผลฝีเย็บ = 0
มีคัดตึงเต้านม และสามารถเคลื่อนไหว
ร่างกายได้ตามปกติ เจ็บปวดน้อยลงและพักผ่อนเพียงพอ
ข้อมูลส่วนตัว
หญิงไทยหลังคลอด อายุ 23 ปี G2P1
คลอด Normal Labor 38+2 week by date
ทารกเพศชาย น้ำหนัก 2350 กรัม
รับใหม่ PP วันที่ 6 ธันวาคม 2563
รับไว้ในความดูแล วันที่ 7 ธันวาคม 2563
Term Pregnancy
Active Phase ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 40 นาที
Fully Dilate เวลา 8.40 น.
คลอด เวลา 8.51 น.
Blood loss ที่ LR 200 ml
อาชีพ : แคชเชียร์
รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 14000 บาท
ไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน
ANC ที่โรงพยาบาลตำรวจ 10 ครั้ง
เจ็บครรภ์ เวลา 00.00 น. ของวันที่ 5 ธันวาคม 2563 จึงมาโรงพยาบาล ตรวจภายในพบปากมดลูกเปิด 3 เซนติเมตร
13 B
2.Body Condition
day 0 : ไม่ซีด อ่อนเพลียเล็กน้อย
day 1 : ไม่ซีด สามารถช่วยเหลือตนเองได้สามารถให้ Breast feeding ได้
day 2 : มารดาดูสดชื่น ช่วยเหลือตัวเองได้ดี ให้ Breast feeding ได้
Body temperature & Blood presure
วันที่ 7/12/63
T = 36.6 องศาเซลเซียส
BP 110/86 mmHg
PR 62 ครั้ง/นาที
RR 18 ครั้ง/นาที
PS = 2
วันที่6/12/63
T = 37.3 องศาเซลเซียส
BP 100/78 mmHg
PR 88 ครั้ง/นาที
RR 18 ครั้ง/นาที
PS = 9
วันที่8/12/63
T = 36.3 องศาเซลเซียส
BP 128/80 mmHg
PR 80 ครั้ง/นาที
RR 18 ครั้ง/นาที
PS = 0
Background
G2P1 GA 38+2 week คลอด Normal Labor ทารกเพศชาย น้ำหนัก 2350 กรัม
ปฏิเสธการเจ็บป่วยในครอบครัว
ปฏิเสธการแพ้ยา แพ้อาหาร
ปฏิเสธการผ่าตัด
พักอาศัยอยู่บ้านตัวเอง ไม่มีปัญหาเศรษฐกิจ
4.Brest & Lactation
หัวนมไม่สั้น ไม่บอด ไม่บุ๋ม ลานนมนุ่ม เต้านมคัดตึงเล็กน้อย น้ำนมยังไม่ไหล สามารถนำลูกเข้าเต้าได้ดี
Belly & Fundus
ระดับยอดมดลูก
(7/12/63)3.5 นิ้ว เหนือกระดูกหัวเหน่า มดลูกหดรัดตัวได้ดี คลึงแล้วกลมแข็ง
(8/12/63) 3 นิ้ว เหนือกระดูกหัวเหน่า มดลูกหดรัดตัวได้ดี คลึงแล้วกลมแข็ง
Bladder
ไม่พบปัญหา เนื่องจากมารดาสามารถฉี่ได้เอง
Bledding & Lochia
day 0 : 30 ml น้ำคาวปลาสีแดง ไม่มีกลิ่นเหม็น
day 1: 30ml น้ำคาวปลาสีแดงจางๆ ไม่มีกลิ่นเหม็น
day 2 : 20 ml น้ำคาวปลาสีแดงจางๆ ไม่มีกลิ่นเหม็น
Bottom
ตัดแผลฝีเย็บแบบ Right Mediolateral Episiotomy แผล 2 degree tear
ประเมินแผลฝีเย็บตามแบบ REEDA : ไม่มีแดง ไม่มีบวม ไม่มีช้ำ ไม่มีจ้ำเลือด ไม่มีDischarge ซึม
แผลแห้ง ติดกันดี ไม่มีแผลแยก
Bowel movement
day 0 : ยังไม่ถ่ายอุจจาระ
day 1 : ยังไม่ถ่ายอุจจาระ
day 2 : ยังไม่ถ่ายอุจจาระ
Blue
day 0 : มารดาอ่อนเพลีย
day 1 : มารดาสนใจลูก เป็นห่วง ให้ Breast feeding ลูก
day 2 : มารดาให้ความสนใจลูก นำลูกมานอนข้างๆ และคอยให้นม
Baby
ทารกผิวแดงดี มีผื่นแดงบริเวณใบหน้าเล็กน้อย หายใจปกติ ร้องเสียงดังดี สะดือแห้ง ไม่มีDischageซึม ปลายเปิรูปัสสาวะปกติ ทวารหนักปกติ
Bonding
มารดาสนใจและตั้งใจให้นมบุตร เอาลูกมานอนข้างกาย
Belief
รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
การทำหมัน
มารดาหลังคลอดที่เลี้ยงลูกด้วยนมบุตร ควรคุมกำเนิดโดยวิธีการคุมกำเนิดแบบไม่มีฮอร์โมนหรือ
คุมกำเนิดแบบที่มีฮอร์โมนเดี่ยว เนื่องจากฮอร์โมน Estrogen อาจทำให้ปริมาณน้ำนมลดลงได้
การคุมกำเนิดที่ไม่มีฮอร์โมน
ถุงยางอนามัย เป็นวีธีคุมกำเนิดที่สามารถหาซื้อได้ง่ายและช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย
ห่วงคุมกำเนิดที่มีทองแดง เป็นการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง คุมกำเนิดได้ 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของห่วง ไม่มีผลข้างเคียงจากฮอร์โมน ประจำเดือนจึงมาสม่ำเสมอ แต่ในช่วง 3- 6 เดือนแรกหลังใส่ห่วง อาจมีประจำเดือนมากขึ้น และปวดมดลูกมากขึ้น
การทำหมันหญิง เป็นการคุมกำเนิดถาวร จึงหมาะสำหรับสตรีที่มีบุตรเพียงพอแล้ว สามารถทำหมันได้ขณะผ่าตัดคลอดบุตรหรือหลังคลอดบุตรทางช่องคลอด 24-48 ชั่วโมง
การคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมน ควรเป็นชนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนชนิดเดียว เนื่องจากไม่มีผลต่อ ปริมาณหรือคุณภาพของน้ำนม ไม่มีผลต่อการเจริญเติบโตหรือพัฒนาการของทารกสามารถเริ่ม ใช้ได้ตั้งแต่ 6 สัปดาห์หลังคลอด
ฉีดยาคุมกำเนิด สามารถเริ่มได้ 6 สัปดาห์หลังคลอด หรือ 7 วันหลังมีประจำเดือน อาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอย
ยาฝั่งคุมกำเนิด มีประสิทธิภาพคุมกำเนิดสูงสามารถคุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี แพทย์เป็นผู้ฝังยาให้ที่ใต้ผิวหนังบริเวณต้นแขนด้านใน หลังเอายาออก สามารถกลับมาตกไข่ได้เร็วกว่ายาฉีดคุมกำเนิด
ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนชนิดเดียว เป็นยาที่สามารถหาซื้อได้ง่าย การกินยาชนิดนี้ควรกินให้ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ ถ้าลืมกินยามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ง่ายเนื่องจากฮอร์โมนมีขนาดต่ำ
การคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีทั้งฮอร์โมน Estrogen และ Progesterone เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมยาฉีดคุมกำเนิด ชนิดฮอร์โมนรวม แผ่นแปะคุมกำเนิด และวงแหวนคุมกำเนิด ควรเริ่มใช้หลัง คลอดบุตร 6เดือนขึ้นไป เนื่องจาก ฮอร์โมนเอสโตรเจนอาจทำให้ปริมาณน้ำนมลดลง