Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 9 การให้เลือด (Blood transfusion), %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9…
บทที่ 9 การให้เลือด (Blood transfusion)
วัตถุประสงค์
เพิ่มปริมาณเลือด ทดแทนการสูญเสียเลือด เช่น ผ่าตัด บาดเจ็บ
เพิ่มจำนวนเม็ดเลือดแดง และรักษาระดับฮีโมโกลบินในผู้ป่วยโลหิตจาง
เพื่อทดแทนปัจจัยการแข็งตัวของเลือด (Coagulation factor)
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับเลือด ก่อนการให้เลือด
ตรวจสอบประวัติของการได้รับเลือดของผู้ป่วย ในกรณีที่ผู้ป่วยเคยได้รับเลือดมา
ก่อนจะได้ทราบหมู่เลือด 2. บอกวัตถุประสงค์และเหตุผลในการให้เลือด และการเจาะเลือดเพื่อขอเลือด
เจาะเลือด (Clotted blood) จ้านวน 5-10 มิลลิลิตร จากหลอดเลือดด้าเพื่อส่ง
คลังเลือดเพื่อหาหมู่เลือด (Typing) และหาเลือดที่เข้ากันได้ (Cross matching)ระหว่างเลือดของ
ผู้ให้และผู้รับเลือด โดยแพทย์เป็นผู้เจาะ พยาบาลมีหน้าที่ก่อนเจาะเลือดต้องตรวจสอบความ
ถูกต้องทั้งชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวโรงพยาบาล (HN) ของผู้ป่วยให้ตรงกับป้ายข้อมือผู้ป่วย ใบขอเลือด และหลอดใส่เลือด
เมื่อได้รับเลือดแล้วตรวจสอบหมู่เลือด ชนิดของเลือด ชื่อ นามสกุล เลขที่ผู้ป่วย เลขที่
รพ. ให้ตรงกับใบขอเลือดและถุงเลือดก่อนการให้โดยทำร่วมกับแพทย
ขณะให้เลือดพยาบาลควรประเมินอาการและอาการแสดงถึงการแพ้เลือด และการให้
เลือดผิดกลุ่มในช่วง 15นาทีแรก และทุกๆ 15 นาที อาการแสดงที่สำคัญคือ หนาวสั่น ไข้ ผื่นที่ ผิวหนัง ความดันเลือดต่ำ และช็อค
วิธีปฏิบัติการให้เลือดอุปกรณ์
1.ชุดให้เลือด (Blood transfusion set) 2.เข็มที่ใช้ในการแทงหลอดเลือด (IV catheter) เบอร์18 - 20
ถุงมือ
4.เสาน้ำเกลือ
สeลีชุบแอลกอฮอล์ 70%
สายยางรัดแขน (Tourniquet )
กระบอกฉีดยา 20 มิลลิลิตร บรรจุ 0.9% normal saline ต่อกับ Extension tube 8. ขวดหรือถุงเลือด ชนิดตามแผนการรักษา 9. พลาสเตอร
วิธีปฏิบัติ
สวมถุงมือสะอาด
เตรียมกระบอกฉีดยา 20 มิลลิลิตร บรรจุ0.9% Normal saline ต่อ กั บ Extension
tube และเข็มที่จะแทงให้เลือด
รัด Tourniquet เหนือตำแหน่งที่ต้องการแทงเข็ม
เตรียมผิวหนังด้วยส้าลีชุบแอลกอฮอล์70%
เช็ดตำแหน่งที่ต้องการแทงเข็ม เป็นวงกว้างเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ ว ทิ งไว้นาน½-1 นาที
แทงเข็มเข้าไปในหลอดเลือดตามวิธี
ปฏิบัติการแทงเข็มให้สารน้ำ
ยึดติดหัวเข็มที่แทง
ตรวจสอบว่าปลายเข็มที่แทงอยู่ในหลอด
เลือดดำโดยการฉีด สารละลาย 0.9 %NSS เข้าไปในหลอดเลือด ประมาณ 2-5 มล. ถ้าไม่มีอาการบวมที่ปลายสายหรือเมื่อดึงลูกสูบถอยหลังจะมีเลือดย้อนเข้ามาในสาย
ต่อสายชุดให้เลือดที่ไล่ฟองอากาศออกตามวิธีปฏิบัติการแทงเข็มให้สารน้ำ
เปิด Clamp ให้เลือดหยดเข้าไปช้าๆ โดยปรับอัตราหยดเท่ากับ 20 หยด/นาทีในระยะ15 นาทีแรก ถ้า ไม่มีอาการผิดปกติ ให้ปรับอัตราหยดตามที่คำนวณการให้เลือด แต่ละยูนิตไม่ควรเกิน 4 ชั่วโมง
ตรวจสอบสัญญาณชีพทุก 15 นาที ใน ระยะเริ่มต้นและสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นอาการแสดงที่สำคัญคือ หนาวสั่นไข้ ผื่นที่ผิวหนัง BP ต่ำshock 11. ลงบันทึกทางการพยาบาล
การปรับอัตราการหยด
การให้เลือดทุกส่วน (Whole blood) 1 ยูนิต มีปริมาตรเท่ากับ 450 มิลลิลิตร และเม็ด เลือดแดงอัดแน่น ( Packed red cell) 1 ยูนิต มีปริมาตรเท่ากับ 250 มิลลิลิตร ใช้เวลานาน 1 ½-4 ชั่วโมง
พลาสม่า (Plasma) 1 ยูนิต มีปริมาตรเท่ากับ 220-250มิลลิลิตร ใช้เวลานาน 2-3 ชั่วโมง เกล็ดเลือด (Platelet) 1 ยูนิต มีปริมาตรเท่ากับ20-30 มิลลิลิตรและ Leukocyte 1 ยูนิต มี ปริมาตรเท่ากับ 20-30 มิลลิลิตร ใช้เวลา 10 นาที
อาการแทรกซ้อน
เกิดปฏิกริยาภูมิแพ้
1.1 ปฎิกริยาการเกิดไข้กิดจากการที่ร่างกายของผู้ที่ได้รับเลือดมีความไวต่อการได้รับเซลล์เม็ดเลือดขาว
ของผู้ที่ให้เลือดมากกว่าปกติ ทำให้มีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะและปวดเมื่อยตามตัว รีบรายงานแพทย์ ติดตามสัญญาณชีพ
เกิดปฏิกริยาการท้าลายเม็ดเลือด (Hemolytic reactions)ผู้ป่วยจะมีอาการหน้ำแดง ร้อน มีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดหลัง หายใจเร็ว หายใจลำบาก
ความดันเลือดต่ำปัสสาวะมีเลือดปน
เกิดปริมาตรสารน ้าเกิน (Fluid volume overload)
เกิดการติดเชื้อ (Septic reaction) ผู้ป่วยมักมีไข้อย่างรวดเร็ว หนาวสั่น อาจมีอาเจียน ท้องเสีย
ความดันเลือดต่ำต้องรีบหยุดการให้เลือดรีบรายงานแพทย์
ข้อควรระวัง
ต้องเปลี่ยนชุดให้เลือดใหม่ทุกครั้งที่เปลี่ยนถุงเลือด (1 ถุงต่อ1ชุด) เพื่อให้การกรองเลือดมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ห้ามให้ยาหรือสารละลายที่มีส่วนประกอบของเด็กซ์โตส (Dextrose) ทุกชนิดร่วมไป
พร้อมกับเลือด เพราะอาจท้าให้เกิดการสลายตัวของเลือด หรือท้าให้สายยางอุดตันและแบคทีเรียเจริญเติบโตได้
ไม่ควรให้เลือดที่เพิ่งนำออกมาจากตู้เย็นใหม่ๆ เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยหนาวสั่น ความ
เย็นของเลือดอาจรบกวนการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นผิดปกต