Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ผู้ป่วยหญิงไทย วัย 44 ปี Diagnosis DKA Over Lap with HHS Underlying…

- - - - DKA เป็นภาวะที่ร่างกายมีการขาดอินซูลินอย่างรุนแรง
        ร่วมกับมีฮอร์โมนที่ออกฤทธิ์ตรงข้ามInsulin ได้แก่ Glucagon Catecholamine, Cortisal และ Growth Hormone มากเกินไป ทำให้มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงร่วมกับภาวะกรดเมตะบอลิคจากกรดคีโตนคั่งในร่างกาย
      - ถ้าขาดInsulin น้อย จะมีผลเพิ่มการสร้างน้ำตาลจากตับ จนเกิด Hyperglycemic hyperglycemic hyperosmolar state
      - ถ้าขาด Insulin มากจะเพิ่มการสลายไขมันและส่งไปที่ตับ
        สร้างเป็นคีโตนที่พบในภาวะ DKA
  - - - 1.มีโรคที่ก่อภาวะเครียดต่อร่างกายเช่น ภาวะติดเชื้อ
        การได้รับอุบัติเหตุ หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง
        ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ได้รับยาบางชนิดเช่น thiazide,steroid
      - 2.การขาดอินซูลิน
    - - จากกรณีศึกษา : เกิดจากการขาดอินซูลิน
        3 วันก่อนมาโรงพยาบาลผู้ป่วยไม่ได้ฉีดยา Insulin
        ร่วมกับญาติให้ข้อมูลว่า ปกติผู้ป่วยฉีดยาไม่ต่อเนื่อง
  - - - 1.Plasma glucose >300-350มก/ดล
        2.มีภาวะกรดเมตะบอลิคชนิดanion gab กว้าง
        (serum HCO3<15mEq/L)และค่า Arterial PH<7.3
        3.ตรวจพบคีโตนในเลือดหรือในปัสสาวะ
    - - จากกรณีศึกษา
        1.Plasma glucose = 1056 mg/dl
        2.HCO3 = 16.3 mmol/L และ Arterial PH = 7.330
        3.Serum Ketone 2+
        (ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการวันที่ 7 กันยายน 2563 )
  - - - 1.การบริหารสารน้ำทดแทน ใช้0.9% NaCl
        -ชั่วโมงที่ 1 ควรให้ 0.9% NaCl 1000 ซีซี
        -ชั่วโมงที่ 2 ควรให้ 0.9% NaCl 500-1000 ซีซี
        -ชั่วโมงที่ 3 ควรให้ 0.9% NaCl 500 ซีซี
        -ชั่วโมงที่ 4 ควรให้ 0.9% NaCl 250 ซีซี
        เมื่อระดับน้ำตาลในเลือด<250-300 มก./ดล.
        จึงเปลี่ยนไปให้5%D/NSS/2 แทนด้วยอัตรา80-100มล.
      - 2.การบริหารอินซูลิน( regular insulin,RI)
        
        2.1 หยดเข้าในกระแสเลือดอย่างต่อเนื่อง
        โดยเข้าหลอดเลือดดำด้วยการหยดRIทางหลอดเลือดดำอย่างต่อเนื่อง
        ในอัตรา5-10ยูนิต/ชม.และปรับปริมาณอินซูลินได้ตามความเหมาะสม
        
        2.2 ฉีดยาเข้ากล้าม
        เมื่อระดับน้ำตาลในเลือด <250-300 มก./ดล.
        พร้อมกับเปลี่ยนเป็นสารน้ำ5% หรือ 10%D/NSS/2
      - 3.การบริหารโปแตสเซียมทดแทน
        
        ควรให้potassium ตั้งแต่เริ่มรักษาชั่วโมงแรก
        ยกเว้นผู้ป่วยไม่มีปัสสาวะ
        หรือระดับ serum potassium มากกว่า 5 mEq /L
        
        ถ้าระดับ K < 3 mEq /L ให้KCL 20-30 mEq ต่อชั่วโมง
        K = 4-5 mEq /L ให้KCL 5 mEq ต่อชั่วโมง
        K = 3-4 mEq /L ให้KCL 10 mEq ต่อชั่วโมง
    - - เมื่อมีอาการรุนแรงเช่น หมดสติ ความดันเลือดต่ำ หายใจแบบkussmual มีระดับserumHCO3<7 mEq/L หรือระดับarterial pH<6.9-7
    - - แรกรับที่ ER (7ก.ย.63)
        
        ผู้ป่วยได้ 0.9%NSS 1000ml load in 1hr.
        หลัง Load ครบ 1000 ml ให้ 0.9% NSS 1000 ml drip in 2 hr.
        -DTX = Hi ได้รับ RI (1:1) 4 cc/hr.
        
        Admit อายุรกรรม 4 (7ก.ย.63)
        -0.45 Nacl 1000 ml rate 250 ml/hr (เส้นที่1)
        -0.45% Nacl+Kcl 20mEq drip 100 cc/hr (เส้นที่ 2 )
        -RI (1:1) rate 10 cc/hr
        Admit อายุรกรรม 4 (8 ก.ย.63)
        -5%DN/2 1000 ml + KCL 20 mEq rate 100 cc/hr
        -RI (1:1) rate 6 cc/hr
        ย้าย ICU (8 ก.ย.63 21.00น.)
        -RI (1:1) rate 3 cc/hr
        (9 ก.ย.63)
        -RI (1:1) rate 4 cc/hr
        -5%DN/2 1000 ml + KCL 20 mEq rate 60 cc/hr
        (10ก.ย.63)
        -off RI เดิม ให้ RI 20-20-20-20 SC
  - - - อาการ : ปัสสาวะบ่อย อ่อนเพลีย น้ำหนักตัวลดลง ตาพร่ามัว
        เมื่อมีภาวะ Ketosis มักมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ตามมา และรุนแรงถึงขั้น Ketoacidosis จะมีอาการหอบหายใจลึก บางรายมีลมหายใจกลิ่นหอมเหมือนผลไม้สุก และผู้ป่วยมีระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง
    - - 3 วันก่อนมาโรงพยาบาลผู้ป่วยมีอาการซึมลง อ่อนเพลีย
        1 ชั่วโมง ก่อนมา ผู้ป่วยมีอาการนอนซึมเรียกปลุกไม่ตื่น
- - - - มักพบในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 มีประวัติการขาดยา Insulin
      - มีการติดเชื้อ cerebrovascular disease ,acute myocardial ดื่มสุรา
      - การได้รับยา เช่น ยาขับปัสสาวะ Glucocorticoids Phenytoin
    - - เกิดจากการขาดอินซูลิน
        3 วันก่อนมาโรงพยาบาลผู้ป่วยไม่ได้ฉีดยา Insulin
        ร่วมกับญาติให้ข้อมูลว่า ปกติผู้ป่วยฉีดยาไม่ต่อเนื่อง
  - - - 1.ระดับน้ำตาลในเลือด > 600 มก./ดล.
        
        serum osmolality > 320 mOsm/kg
    - - 1.ระดับน้ำตาลในเลือด 1056 mg/dl
        2.Serum osmolality 377 mOsm/kg
  - - - 1 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล นอนซึม ปลุกไม่ตื่น มีไข้
    - - ปัสสาวะบ่อย ดื่มน้ำมาก ความดันโลหิตต่ำ ตรวจพบอาการทางระบบประสาท ซึม หมดสติ ชัก พบได้บ่อยกว่าภาวะ DKA อาจมีไข้ร่วมด้วย