Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทบทวนสาระวิชาการพยาบาลมารดาและทารก เตรียมสอบ สภาการพยาบาล - Coggle Diagram
ทบทวนสาระวิชาการพยาบาลมารดาและทารก เตรียมสอบ
สภาการพยาบาล
แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวข้องกับการพยาบาลมารดาและทารก
การสนับสนุนการคลอดด้วยตนเอง (Active birth) และ การคลอดโดยวิธีธรรมชาติ (Natural childbirth)
การใช้หลักฐานเชิงประจักษ์
(Evidence based practice)
การพยาบาลแบบองค์รวม
แนวทางการปฏิบัติการพยาบาลกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ครอบครัวมีขนาดเล็กลง
เพิ่มบทบาทการเป็นผู้สนับสนุนมากขึ้นกว่าเดิม
อัตราการอย่างร้างสูง
ให้ข้อมูลแก่ผู้รับบริการเกี่ยวกับทางเลือกของการรับบริการ
อัตราของมารดาทำงาน
นอกบ้านเพิ่มมากขึ้น
กำหนดตารางนัดหมายให้เหมาะสมกับผู้รับบริการในการพาบุตรมารับบริการ
มีการเคลื่อนย้ายของครอบครัวมากขึ้น
พูดคุยซักถามเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะได้ข้อมูล ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพที่ต่อเนื่อง
ครอบครัวมีการตระหนักเรื่องสุขภาพมากขึ้น
ให้ความรู้หรือข้อมูลถือเป็นบทบาทที่สำคัญยิ่งของพยาบาล
อัตราการทารุณกรรม
ในครอบครัวสูงขึ้น
คัดกรองทารกหรือผู้รับบริการที่อาจถูกทารุณกรรมเป็นสิ่งจำเป็น และควรมีการรายงานหากพบกรณีเช่นนี้
เน้นครอบครัวเป็นศูนย์กลาง
นโยบายระบบสุขภาพ/หลักประกันสุขภาพ/สิทธิประโยชน์
ที่เกี่ยวข้องกับมารดา ทารก
ตัวชี้วัด/เป้าหมาย ของกรมอนามัย สธ
(จากแผนฯ12 นำสู่การปฏิบัติ)
ร้อยละหญิงตั้งครรภ์ได้รับการฝากครรภ์ครบ 5 ครั้งตามเกณฑ์ ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 60
การฝากครรภ์คุณภาพ : ครั้งที่ 1 GA : ≤ 12 สัปดาห์
ครั้งที่ 2 GA : 18 สัปดาห์ +- 2 สัปดาห์
ครั้งที่ 3 GA : 26 สัปดาห์ +- 2 สัปดาห์
ครั้งที่ 4 GA : 32 สัปดาห์ +- 2 สัปดาห์
ครั้งที่ 5 GA : 38 สัปดาห์ +- 2 สัปดาห์
ร้อยละหญิงตั้งครรภ์ได้รับการฝากครรภ์ครั้งแรกอายุครรภ์น้อยกว่าหรือเท่ากับ 12 สัปดาห์ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60
ภาวะทารกแรกเกิดขาดออกซิเจนระหว่างคลอด ไม่เกิน 25 ต่อพันการเกิดมีชีพ
ร้อยละของภาวะตกเลือดหลังคลอด ไม่เกินร้อยละ 5
ร้อยละการบริการฝากครรภ์คุณภาพ (ANCคุณภาพ) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70
ร้อยละห้องคลอดคุณภาพ (LRคุณภาพ) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70
ระบบการบริการสุขภาพ
กองทุนสุขภาพ 3 กองทุน
กองทุนสิทธิประกันสังคม
หลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์ประกันสังคมสิทธิกรณีคลอดบุตร
คลอดบุตรที่ใดก็ได้ ให้วินิจฉัยจ่ายค่าบริารทางการแพทย์เหมาจ่าย กรณีคลอดบุตรให้แก่ผู้ประกันตนในอัตรา 13,000 บาทต่อการคลอดบุตรหนึ่งครั้งใช้สิทธิไม่จำกัดจำนวนครั้ง
ลาคลอดได้ครั้งละ 90 วัน
ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบ 5 เดือน ภายใน 15 เดือน ก่อนเดือนคลอดบุตร มีสิทธิเบิกค่าคลอดบุตรได้
ผู้ประกันตนหญิงมีสิทธิรับเงินสงเคราะห์การหยุดงาน เพื่อการคลอดบุตรเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นระยะเวลา 90 วัน ไม่เกิน 2 ครั้ง หรือ ได้รับ รายได้ชดเชยจากนายจ้าง เป็นระยะเวลา 45 วัน
กองทุนสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาทรักษาทุกโรค) จากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
1.1 ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
การให้ยาต้านไวรัสเอดส์ เพื่อการป้องกันและการแพร่กระจายเชื้อจากแม่สู่ลูก
ตรวจและดูแลเพื่อส่งเสริมสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์
การวางแผนครอบครัว
ชุดสิทธิประโยชน์
ระยะคลอด
ได้รับการเฝ้าคลอดโดยใช้กราฟดูแลการคลอดได้อย่างมีคุณภาพ
ได้รับการช่วยคลอดตามมาตรฐานการคลอด และได้รับการเฝ้าระวังภาวะวิกฤติโดยมีทีมบุคลากร และอุปกรณ์สามารถฟื้นคืนชีพได้ทันท่วงที
เมื่อผู้คลอดมีภาวะที่ไม่สามารถคลอดได้ตามปกติ มีการช่วยเหลือการคลอดโดยวิธีอื่น หรือสามารถส่งต่อได้ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ
ผู้คลอดได้รับเลือดหรือสารทดแทนเมื่อมีเหตุจำเป็น
ระยะหลังคลอด
ได้รับการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
อย่างเดียว 6 เดือน
ได้รับบริการตามมาตรฐานการดูแลหญิงหลังคลอด (ในสถานบริการ/บ้านอย่างเหมาะสม)
ระยะตั้งครรภ์
ได้รับการตรวจ LAB : โลหิตจาง ซิฟิลิส กลุ่มเลือด Thalassemia ก่อน 16 สัปดาห์ ตรวจ HIV ตามความสมัครใจหลังให้คำปรึกษา ตรวจปัสสาวะหาไข่ขาวและน้ำตาล
ได้รับการฉีดวัคซีนบาดทะยักครบตามเกณฑ์
ได้รับการตรวจครรภ์ อย่างน้อย 4 ครั้งตามเกณฑ์
ในรายปกติ ควรได้รับการตรวจจากแพทย์อย่างน้อย 1 ครั้ง
ได้รับวิตามินเสริมธาตุเหล็ก/ยาเม็ดเสริมธาตุเหล็ก
1.2 จ่าย 30 บาททุกครั้ง
คลอดบุตรใช้สิทธิได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
การตรวจ การวินิจฉัย บำบัดและฟื้นฟูสภาพทางการแพทย์จนสิ้นสุดการรักษา รวมแพทย์ทางเลือกที่ผ่านการรับรองของคณะกรรมการประกอบโรคศิลปะ
กลุ่มข้าราชการไทยและครอบครัว จากกองทุน กรมบัญชีกลาง
การคลอดบุตรรวมกันไม่เกิน 3 ครั้ง ที่ลูกยังมีชีวิตอยู่
เป้าหมายแผนพัฒนาสุขภาพฉบับที่ 12
(พ.ศ. 2560-2564) ที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุข
อัตราการคลอดมีชีพในหญิงอายุ 15-19 ปี ไม่เกิน 34 ต่อประชากรหญิงอายุ 15-19 ปี พันคน
ร้อยละของการตั้งครรภ์ซ้ำในวัยรุ่น อายุ 15-19 ปี ไม่เกินร้อยละ 10
อัตราส่วนมารดา ไม่เกิน 15 ต่อการเกิดมีชีพแสนคน
อัตราการตายทารกไม่เกิน 5 คนต่อการเกิดมีชีพพันคน
ร้อยละทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 2,500 กรัมไม่เกินร้อยละ 7
อัตราป่วยด้วยโรคบาดทะยักในเด็กทารกแรกไม่เกิน 1 ต่อเด็กเกิดมีชีพพันคน
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อภาวะสุขภาพของมารดาและทารกในครรภ์
ปัจจัยภายใน
โรคประจำตัว ประวัติการตั้งครรภ์ และภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์
มารดาที่อายุน้อยกว่า 20 ปี
มีอุบัติการณ์สูง
ภาวะ Preeclamsia
ทารกมีน้ำหนักน้อย
การเจ็บครรภ์คลอดและการคลอดก่อนกำหนด (ส่วนใหญ่เกิดจากการเครียด และดูแลตนเองไม่เหมาะสม)
ตกเลือดหลังคลอด เนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี และอาจเกิดการฉีกขาดช่องทางคลอด
การผิดสัดส่วนระหว่างศีรษะทารกกับช่องเชิงกราน (อายุต่ำกว่า 15 ปี)
ภาวะแทรกซ้อนจากการใช้สารเสพติด (เหล้า บุหรี่ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์)
ภาวะเลือดจางจากการขาดธาตุเหล้กระหว่างตั้งครรภ์
ความเครียดโดยเฉพาะการตั้งครรภ์ไม่ตั้งใจ มีปัญหาการปรับตัวไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆได้
ระยะห่างของการมีบุตร (ช่วงเวลาที่เหมาะสม 2-4 ปี)
มารดาที่อายุมากกว่า 35 ปี
PIH
Diabetes
chromosome abnormalities (โดยเฉพาะ Down's syndrome)
ทารกมีน้ำหนักมากกว่า 4,000 กรัม หรือน้ำหนักน้อยกว่า 2,500 กรัม
เพิ่มอัตรากการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง (ระยะคลอดยาวนาน และความดันโลหิตสูง)
การแท้ง ทารกเสียชีวิตในครรภ์สูง
ภายในโพรงมดลูกมักจะมี Fibrous จึงเกิด Placenta previa, Abruptio placenta สูง
จำนวนครั้งของการตั้งครรภ์ (ครรภ์แรกและครรภ์ที่ 4 ขึ้นไป มีอันตรายมาก)
อายุ (ที่เหมาะสม = 20-25 ปี)
ปัจจัยภายนอก
ได้แก่ ความรู้ ความเชื่อ วัฒนธรรมท้องถิ่น พฤติกรรมการดูแลสุขภาพ การบริการสุขภาพ สิ่งแวดล้อม อาชีพ
ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment factors)
เสียง มารดาระยะตั้งครรภ์ ถ้าอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดังมากกว่า 85 dB อาจทำให้ทารกมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยิน
สารปรอท เป็นส่วนประกอบหนึ่งของฟลูออเรส ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ทำให้ระบบประสาทถูกทำลาย นิ้วมือหงิกงอ และปัญญาอ่อน
สารตะกั่ว การหลอมตะกั่วจากแบตเตอรี่เก่า สารตะกั่วสามารถซึมผ่านรกไปสู่ทารกในครรภ์ โดยที่ระดับตะกั่วในเลือด ตั้งแต่ 25 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต IUGR
แนวโน้มการพยาบาลมารดาทารก
ด้านการดูแล
สนับสนุนให้หญิงตั้งครรภ์ตัดสินใจเกี่ยวกับการคลอดด้วยตนเอง
การคลอดด้วยตนเอง
(Active birth)
การคลอดที่ดำเนินการตามกระบวนการธรรมชาติ โดยผู้คลอดเป็นผู้กำหนดปัจจัยสนับสนุนการคลอดและกระทำด้วยตนเอง รวมทั้งใช้สิทธิตนเองในการตัดสินใจเลือกเมื่อจำเป็นต้องตรวจรักษา หรือการช่วยเหลือการเตรียมสตรีตั้งครรภ์เพื่อการคลอดในแนวคิดนี้ สตรีตั้งครรภ์ควรได้รับความรู้และการฝึกทักษะที่จะช่วยให้การคลอดดำเนินไปตามธรรมชาติ ใน 4 เรื่อง คือ 1. การเคลื่อนไหว (Movement) และท่าการคลอด (Position) 2. การหายใจ (Breathing) 3. การบริหารร่างกาย (Excercise) 4. การนวด (Massage)
การคลอดโดยวิธีธรรมชาติ (Natural childbirth)
เป็นการคลอดทางช่องคลอดตามกลไกธรรมชาติ ลดการใช้สูติศาสตร์หัตถการและเทคโนโลยีเกินความจำเป็น รวมทั้งผู้คลอดมีสิทธิในการตัดสินใจเลือกกิจกรรมการดูแลในระยะคลอด ให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลสตรีตั้งครรภ์ : การให้กำลังใจ ดูแลความสุขสบาย ทำให้ผู้คลอดรับรู้ประสบการณ์การคลอดที่ดี ลดความเครียดและวิตกกังวล สร้างสัมพันธภาระหว่างมารดา ทารก รวมทั้งครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพ
การเตรียมตัวเพื่อการคลอด
Lamaze method เป็นวิธีการควบคุมทางจิต (Psychoprophylaxis method) โดยให้ความรู้สึก ความเข้าใจในกระบวนการของความเจ็บปวดและการคลอด เทคนิคการผ่อนคลายด้วยตนเอง และต้องฝึกจนสามารถใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนอย่างอัตโนมัติ
Bladley method ใช้หลักให้สามีเฝ้าคลอดในบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวและสงบ ปรับปรุง สิ่งแวดล้อมในการคลอดเหมือนบ้าน
Dick-read method ใช้เทคนิคการผ่อนคลายร่วมกับการฝึกจิตในการตัดวัฏจักรของความกลัว เครียด เจ็บปวด
การส่งเสริมการดูแลตนเองระยะตั้งครรภ์และหลังคลอด
ด้านผู้รับบริการ
ต้องการข้อมูลและการมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของตนเอง และพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ
ด้านเทคโนโลยี
มีเทคโนโลยีการดูแลทารกในครรภ์เพิ่มมากขึ้น เช่น การใช้ ultrasound, fetal monitoring, DNA therapy, stem cell therapy ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลครรภ์เพิ่มมากขึ้น
สถิติชีพที่เกี่ยวข้องกับการพยาบาลมารดาและทารก
ความสำคัญ : ดัชนีอัตราการตายของมารดา และอัตราการตายของทารก เป็นการวัดบริการอนามัยแม่และเด็ก วัดความสามารถในการส่งเสริมสุขภาพอนามัยของแม่และเด็ก
การตายของมารดา สาเหตุส่วนใหญ่ : PPH การติดเชื้อจากการคลอด PIH
การตายของทารก สาเหตุส่วนใหญ่ : การบาดเจ็บจากการคลอด การขาดออกซิเจน การติดเชื้อ
การคำนวณสถิติชีพที่เกี่ยวข้อง
อัตราส่วนมารดาตาย (Marternal Mortality Ratio) : จำนวนมารดาตาย เนื่องจากการตั้งครรภ์ การคลอดและการอยู่ไฟ ต่อเด็กเกิดมีชีพ 100,000 คนต่อปี
อัตราตายของทารกแรกเกิด (Neonatal death rate) : จำนวนการตายของทารกที่มีอายุใน 28 วันต่อการเกิดมีชีพ 1,000 ราย
อัตราการเกิดไร้ชีพ (Still birth Rate) : การตายของทารกในครรภ์ ที่มีอายุ 28 สัปดาห์ขึ้นไป
หรือตายขณะคลอดต่อการเกิดมีชีพ
และเกิดไร้ชีพ 1,000 ราย
อัตราตายปริกำเนิด (Perinatal rate) : การเกิดไร้ชีพ (Still birth) + ทารกตายก่อนอายุครบ 7 วัน หลัง คลอด ต่อการเกิดมีชีพ และเกิดไร้ชีพ 1,000 ราย