Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่3 การเปลี่ยนแปลงการใช้กระบวนการทางการพยาบาลในการดูแลมารดาทารก…
บทที่3 การเปลี่ยนแปลงการใช้กระบวนการทางการพยาบาลในการดูแลมารดาทารก ในระยะตั้งครรภ์
พัฒนาการทารกในครรภ์การเกิดรกและพัฒนาของรก
พัฒนาการทารกในครรภ์
สัปดาห์ที่ 1
หลังปฏิสนธิ 3-4 วัน Zygote ( Fertilized egg) แบ่งตัวแบบทวีคูณ ( Cleavage)
เกิดการฝังตัวของไข่ (6 - 7 วัน) ซึ่งอยู่ในระยะ blastocyst
เซลล์ที่จะเจริญเป็นทารก (inner cell mass) ล้อมรอบด้วย เซลล์ที่จะเจริญเป็นรก (trophoblast) ฝังตัวสำเร็จภายใน 11-12 วัน
สัปดาห์ที่ 2
Blastocyst จะเกิดช่องว่างขึ้น 2 แห่ง คือระหว่าง inner cell mass และ trophoblast
1.Inner cell mass ชั้นนอกติดอยู่กับ trophoblast ต่อมาช่องว่างนี้จะกลายเป็น โพรงถุงน้ำคร่ำ (amniotic cavity) และถุงไข่นี้จะทำหน้าที่เป็นแหล่งสะสมอาหารสำหรับตัวอ่อน (embryo)
Trophoblast จะประกอบด้วย Syncytiotrophoblast และ Cytotrophoblast
สัปดาห์ที่ 3
ตัวอ่อนจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกตัวอ่อนในระยะนี้ว่า trilaminar มีการพัฒนาส่วน mesoderm.ระบบประสาท,ตา,หู,เม็ดเลือดแดงมีอยู่ในปัจจุบัน ,หัวใจเต้นเริ่มในวันที่ 21
Gastrula and blastopore
ชั้นในสุด (endoderm) เจริญไปเป็นอวัยวะในทางเดินอาหาร ปอด และกระเพาะปัสสาวะ
ชั้นกลาง (mesoderm) เจริญไปเป็นกล้ามเนื้อ โครงกระดูก และระบบไหลเวียน ไต
ชั้นนอกสุด (ectoderm) เจริญไปเป็นระบบประสาทและผิวหนัง
สัปดาห์ที่ 4
เกิดการงอตัวของตัวอ่อนมากขึ้นคล้ายรูปตัวซี (c – shaped curve) มีการเจริญของอวัยวะ เช่น ท่อประสาท (neural tube) กล้ามเนื้อ กระดูกสันหลัง
น้ำหนักประมาณ 400 มิลลิกรัม
สัปดาห์ที่ 5
มีเส้นประสาทสมอง กล้ามเนื้ออยู่ในตัว ยาวขนาด 7.0 - 8.0 มม
ส่วนของหัวใหญ่กว่าลำตัวเนื่องจากมีการจริญเติบโตของสมอง
น้ำหนัก 800 มิลลิกรัม
สัปดาห์ที่ 6
ความยาว 12 มิลลิเมตร หนัก 1,200 มิลลิกรัม
มีการไหลเวียนของทารกในครรภ์,ตับสร้าง RBCs,เกิดระบบประสาทอัตโนมัติส่วนกลางมีตาปอด,รูปแบบโครงกระดูกดั้งเดิม,
รูปแบบของไต,กล้ามเนื้อแยกความแตกต่าง
สัปดาห์ที่ 7
มีเปลือกตา,มีเพดานและลิ้น,เกิดกระเพาะอาหาร,เกิดไดอะแฟรม,แขนและขาขยับ
สัปดาห์ที่ 8
ตาเคลื่อนไปด้านหน้า,มือและเท้ามีรูปร่างที่ดี,การพัฒนาหัวใจสมบูรณ์,เซลล์กระดูกเริ่มแทนที่กระดูกอ่อน,อวัยวะในร่างกายทั้งหมดได้เริ่มก่อตัวขึ้น
สัปดาห์ที่ 9
มีนิ้วและเล็บเท้า,eyelids fuse shut
สัปดาห์ที่ 10
การเจริญเติบโตของศีรษะช้า,สร้างไขกระดูกและผลิต RBC,ถุงกระเพาะปัสสาวะ,ไตทำให้ปัสสาวะ
สัปดาห์ที่ 11
กำลังมีฟันเกิด,ตับจะหลั่งน้ำดี,มีการทำงานของระบบทางเดินปัสสาวะ,มีการผลิตอินซูลิน
สัปดาห์ที่ 12
สามารถได้ยินเสียงหัวใจของทารกในครรภ์,มีการสะท้อนการกลืน
เกิดอวัยวะเพศภายนอก,ปอดเป็นรูปเป็นร่าง
สัปดาห์ที่ 16
Meconium ก่อตัวในลำไส้,ขนหนังศีรษะปรากฏขึ้น,การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์บ่อยๆ,ผิวบาง
สัปดาห์ที่ 20
ไขมันสีน้ำตาล,ดูดและกลืนน้ำคร่ำ,การเต้นของหัวใจด้วย fetoscope
ไขมันสีน้ำตาล
สัปดาห์ที่ 24
มีถุงลมและสารลดแรงตึงผิว,ดวงตาเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์,ขนตาและคิ้วปรากฏขึ้น,รีเฟล็กซ์เกิดขึ้น,ผิวหนังเหี่ยวย่นและแดง
สัปดาห์ที่ 28
การสะสมไขมันใต้ผิวหนัง,เล็บเกิดขึ้น,เปลือกตาเปิดและปิด
สัปดาห์ที่ 32
ระบบประสาทส่วนกลางควบคุมการหายใจเป็นจังหวะ ควบคุมอุณหภูมิบางส่วน,ทารกในครรภ์เก็บธาตุเหล็กแคลเซียมฟอสฟอรัส
สัปดาห์ที่ 36
เพิ่มไขมันใต้ผิวหนัง,ผิวหนังเหี่ยวย่นน้อยลง
สัปดาห์ที่ 40
Lanugo บนไหล่เท่านั้น,Vernix ส่วนใหญ่เป็นรอยพับของผิวหนัง,กระดูกอ่อนใบหู
การแบ่งการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
Pre Embryonic Stage (0-2 weeks)
Embryonic Stage (3-8 weeks)
Fetal stage ( 9-40 weeks)
การปฏิสนธิ
ระยะที่ 2
อสุจิจับและแทรกผ่าน zona pellucida
อสุจิแทรกผ่าน zona pellucida
อสุจิจับกับ zona pellucida
ระยะที่ 1
อสุจิแทรกเข้าไปใน corona radiate
ระยะที่ 3
เยื่อหุ้มเซลล์ไข่รวมกับเยื่อหุ้มเซลล์อสุจิ
หลังจากนั้นโครโมโซมจะเป็น Diploid คือ 46 โดยมาจากบิดา มารดา อย่างละ 23
การคำนวณหาอายุครรภ์จากความยาวของทารก
Hasse’s rule
เดือน 1-4= เดือน กำลัง 2
เดือน 5-10 =เดือน x 5
ลักษณะของรก
Fetal Surface สีเทาอ่อน เป็นมัน มีสายสะดือ หลอดเลือดเกาะอยู่ด้านนี้ มักสิ้นสุดก่อนขอบรก 1-2 cms
หน้าที่ของรก
การหายใจ,การขับถ่าย,โภชนาการ,ฮอร์โมน,สร้างภูมิคุ้มกัน
Maternal surface สีแดงเข้ม แยกเป็นก้อน มี ประมาณ 15-20 cotyledon ร่องระหว่าง cotyledon เรียก Placenta sulcus
เยื่อหุ้มทารก
Amnion (เยื่อหุ้มเด็กชั้นใน): บาง ใส เหนียว เจริญมาจาก Inner cell mass
Chorion (เยื่อหุ้มเด็กชั้นนอก): ขุ่น ไม่เรียบ ขาดง่าย เจริญมาจาก Trophoblast
Amniotic fluid ( น้ำคร่ำ)
มีฤทธิ์เป็นด่าง
ประโยชน์: การเคลื่อนไหวของทารก, ป้องกันการกระทบกระเทือน, ควบคุมอุณหภูมิ, เป็นแหล่งอาหาร, ช่วยในการคลอด
การเปลี่ยนแปลงทางสรีร
การเปลี่ยนแปลงของระบบสืบพันธ์
มดลูก
Ladin’s sign จุดที่เริ่มนุ่มเป็นแห่งแรก ตรงกลางทางด้านหน้าของมดลูกส่วนล่าง
Hegar’s sign มดลูกนุ่มมากทำให้แยกคอมดลูกออกจากตัวมดลูกได้ GA 6-8
Piskacek’s sign คือมดลูกขยายใหญ่และนุ่มคลำได้จากการตรวจภายใน GA 12-16
Von Fernwald’s sign คือตำแหน่งของยอดมดลูกที่รกเกาะจะนุ่มและไม่สม่ำเสมอ GA 4-5
ปากมดลูก
Goodell’s sign คือ ปากมดลูกนุ่มคล้ายกับริมฝีปาก GA 6-8
McDonald’s sign คือ มดลูกและปากมดลูกสามารถหักทำมุมกันได้ง่าย
Chadwick’s sign คือ ปากมดลูกมีสีคล้ำ
Mucous Plug ป้องกันการติดเชื้อ เมื่อหลุดออกมาในระยะคลอดเรียก Mucous show
รังไข่
Corpus luteum หลั่ง Progesterone จน 6-7 wks
ไม่มีการตกไข่เพราะ Progesterone&Estrogen อยู่ในระดับสูงเมื่อตั้งครรภ์ จึงยับยั้ง FSH&LH ทำงาน
เต้านม
หลังจาก 8 สัปดาห์หน้าอกจะโตขึ้นและมักจะมองเห็นเส้นเลือด
หัวนมมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีสีเข้มขึ้น
Colostrumเริ่มผลิตเมื่อ 12-16 สัปดาห์ แต่ไม่มีการให้นม
การเปลี่ยนแปลงของหัวใจและหลอดเลือด
เพิ่มปริมาณโรคหลอดเลือดสมอง,เพิ่มการเต้นของหัวใจ,เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ,เพิ่มปริมาณเลือด (ส่วนใหญ่ในช่วงครึ่งหลังของการตั้งครรภ์),มดลูกอาจบีบตัวหลอดเลือดขนาดใหญ่เพื่อลดการไหลกลับของหลอดเลือดดำ,อัตราชีพจรอาจเพิ่มขึ้น 10-15 ครั้ง
INCREASE
(เพิ่มขึ้น)
ปริมาณเลือด
การเต้นของหัวใจ (หัวใจ)
% ของพลาสมาในเลือด
DECREASE
(ลดลง)
Hematocrit
ความดันโลหิต
เลือดไปเลี้ยงมดลูก
สำรองหัวใจ(Blood supply to uterus )
plasmaเพิ่ม 50% จะเพิ่มGA 6 สัปดาห์จนสูงสุดที่GA 30-34 สัปดาห์ RBC เพิ่ม 450 ml
WBC จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และกลับมาปกติหลังคลอด ระยะคลอด WBC อาจเพิ่มสูงขึ้นมากถึง 14000-16000 cell/ml
Immunological Functions: ทำงานลดลง T-helper 1 (Th1) & T-cytotoxic (Tc) ถูกกด และ cytokineต่ำลง เป็นสาเหตุที่โรค autoimmun
Immunoglobluin G ลดลง
platelet จะลดลงเล็กน้อย
การเปลี่ยนแปลงของต่อมไร้ท่อ
Hormone จากรก :Estrogen,HCG,HPL,Progesterone
Estrogen
กล้ามเนื้ออ่อนตัวลง
สะสม melanin pigment
เพิ่มการคั่งของน้ำ, Na
5.กระตุ้นการทำงาน เต้านม ท่อน้ำนม
1.เพิ่มขนาดกล้ามเนื้อมดลูก หลอดเลือด vulva
เพิ่ม fribrinogen
7.ลด HCI &pepsin
กระตุ้นมดลูกหดตัว
กระตุ้นการทำงานของน้ำลาย
Progesterone
4.ทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว มดลูก ลำไส้ กระเพราะปัสสวะ
5.อุณหภูมิกายสูงขึ้น ร้อน เหงื่ออกง่าย
3.กระตุ้นการทำงาน เต้านม ท่อน้ำนม
6.เพิ่มการหายใจ ทำให้ PCO2 ลดลง
2.อ่อนเพลีย เนื่องจากการปป.ของประสาทส่วนกลาง
7.กระตุ้นการขับโซเดียมออกจากร่างกาย
1.กระตุ้นการทำงานของเยื่อบุมดลูก
การเปลี่ยนแปลงทางเดินหายใจ
Tidal volumeเพิ่มขึ้น
มีการลดลงของ residual volume(ปริมาณของอากาศที่เหลืออยู่ในปอด หลังจากหายใจออกอย่างเต็มที่แล้ว)
ใช้ O2 เพิ่มขึ้น 20%
อัตราการหายใจจะไม่เปลี่ยนแปลง
กระบังลมยกสูงขึ้น เปลี่ยนจากการหายใจมาใช้กล้ามเนื้อหน้าอก Dyspnea
การเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินอาหาร
คลื่นไส้อาเจียน
อาการเสียดท้องหรือ Pyrosis เป็นเรื่องปกติ
ระยะเวลาในการล้างถุงน้ำดีเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี
การสะสมของเกลือน้ำดีอาจทำให้เกิดอาการคัน
ความดันในหลอดเลือดดำสูงขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินปัสสาวะ
เสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะและไตมากขึ้น
กระเพาะปัสสาวะบีบตัวทำให้ปัสสาวะบ่อยและไม่หยุดยั้ง
เพิ่มอัตราการกรองของไต
ไตเติบโตและกรองเลือดได้มากขึ้นเมื่อปริมาณเลือดเพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง
รอยแตกลายเป็นเรื่องปกติที่หน้าอกหน้าท้องและสะโพก “ Striae”
เส้นสีเข้มที่หน้าท้องซึ่งเรียกว่า“ Linea Nigra”
เม็ดสีบนใบหน้าและลำคอเปลี่ยนไป
ปัจจัยที่มีผลต่อการปรับตัวในระยะตั้งครรภ์
อายุ,จำนวนการตั้งครรภ์,การสนับสนุนทางสังคม,สถานภาพสมรส,ฐานะทางเศรษฐกิจ
แนวทางการให้การพยาบาล
การประเมินสภาพจิตสังคม เพื่อประเมินดูการปรับตัวต่อการตั้งครรภ์
การวางแผน
3.ลดความขัดแย้งระหว่างสามี ภรรยา
2.อธิบายแนวทางและวิธีการเพื่อบรรลุพัฒนกิจ
1.พูดคุยเพื่อตอบสนองความต้องการตามไตรมาส
การวิเคราะห์
การพยาบาล: ให้ข้อมูลแก่สามีภรรยา ในการยอมรับและปรับบทบาท เปิดโอกาสให้ซักถามเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ
วินิจฉัยการพยาบาล
Ineffective role performance
Risk for impaired attachment
Risk for ineffective health maintenance
Disturbed body image
Anxiety(ความวิตกกังวล)