Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
3.2 ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์และการใช้ยา อย่างสมเหต ุ ผล, ุ - Coggle Diagram
3.2 ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์และการใช้ยา อย่างสมเหต ุ ผล
ภาวะอาเจียนไม่สงบ (Hyperemesis Gravidarum)
อาการแพ้ท้องอยางรุนแรงมักดําเนินต ่ ่อไปหลังไตรมาสแรกหยุดใน สัปดาห์ที่ 21ของการตั ้ งครรภ์แต่ ก ็อาจดําเนินไปตลอดการตั ้ งครรภ
สาเหต
1.ความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมน = Estrogen, Human chorionicgonadotrophin(HCG)ปริมาณมากกระตุ้น Chemoreceptor trigger zone (CTZ)ส ่งกระแสประสาท ความรู้สึกต่อไปยังศูนย์ควบคุมการอาเจียน
สาเหตุจากด้านจิตใจ เช่น มีความรู้สึกสอง ฝักสองฝ่ าย (Ambivalence) มีความยุงยากใน ่ บทบาทการเป็ นมารดา
อาการและอาการแสดง
อาการไม่รุนแรง (Mild hyperemesis gravidarum) อาเจียนน้อยกวา ่ 5ครั ้ งต่อวัน ทํางานได้ตามปกติ อาเจียนไม่ มีนํ้ าหรือเศษอาหารนํ้ าหนักตัวลดเล็กน้อย แต่ไม่มีอาการ ขาดสารอาหาร ทํากิจวัตรประจําวันได้
อาการรุนแรงปานกลาง (Moderate hyperemesis gravidarum) อาเจียนติดต่อกน ั 5-10 ครั ้ งต่อวันติดต่อกนไม ั ่หยุดภายใน 2-4 สัปดาห์ อ่อนเพลีย ไม่สามารถทํากิจวัตรประจําวันได้นํ ้ าหนักตัว ลด มีอาการขาดสารอาหาร มีภาวะเลือดเป็ นกรด (Acidosis)
อาการรุนแรงมาก (Severe hyperemesis gravidarum) อาเจียนมากกวา ่ 10 ครั ้ งต่อวัน ไม่สามารถทํากิจวัตรประจําวันได้ อาเจียน ทันทีภายหลังรับประทาน และอาเจียนติดต่อกนเก ั ิน 4 สัปดาห์ อ่อนเพลีย ซูบผอม นํ ้ าหนักตัวลดมาก เกิดการขาดสารอาหารอยางรุนแรง
การวินิจฉัย
ซักประวัติการตั ้ งครรภ์ อาการคลื่นไส้ อาเจียนอยางรุนแรงภา ่ ยใน 12 สัปดาห์แรกของการตั้ งครรภ์ หรือยาวนานมากกวา ่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป นํ ้ าหนักลด มีอาการกระหายนํ้ า สะอึก ปัสสาวะออกน้อย ปวดศีรษะ
การตรวจร่างกาย ในรายที่มีอาการรุนแรง หญิงตั้ งครรภ์จะนํ้ าหนักลด ผิวหนังแห้ง ลิ้ นเป็ นฝ้า ริมฝี ปากแห้งแตก ปากและฟันสกปรก ลมหายใจมี กลิ่ นเหม็น
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ 1.การตรวจเลือด พบ โซเดียม โปแตสเชียม คลอไรด์ ลดลง ส่วน Hct SGOT, LFT, BUN สูงขึ้ น 2.การตรวจปัสสาวะ พบวามีความถ ่ ่วงจําเพาะสูงขึ้น พบไข่ขาว พบคีโตน ในปัสสาวะมากขึ้ น
ผลต่อมารดาและทารก
ผลต่อมารดา
ภาวะ Dehydration 2. ภาวะ Electrolyte imbalance 3. ภาวะ Ketoacidosis การสูญเสียด่างในนํ้ ายอยไปก ่ บการอาเจียน ั 4.ภาวะขาดสารอาหารและขาดวิตามิน 5.รายที่มีอาการรุนแรงมากต้องนอนรับการรักษาอยูที่โรงพยาบ ่ าล
ผลต่อทารก
1.ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ 2.ทารกพิการ 3.แท้ง และคลอดก่ อนกาหนด ํ 4.ทารกเสียชีวิต เนื่องจากการเสียสมดุลของElectrolyteเป็ นเวลานาน
การป้องกัน
1.รับประทานอาหารน้อยแต่บ่อยครั ้ งประมาณทุก 2-3 ชัวโมง ่ 2.รับประทานอาหารโปรตีนที่มีไขมันน้อย เช่น เนื ้ อปลา เนื ้อสัตว์ และอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรท ที่ง่ ายต่อการยอย เช ่ ่นข้าวขนมปัง ผลไม้นํ้ าผลไม้อาหารที่มีวิตามินบี 3.ดื่มนํ้ าซุปหรือนํ้ าผลไม้ระหวางมื ่ ้ ออาหาร 4.หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน หรืออาหารที่มีนํ้ ามันมาก 5.หลังรับประทานเสร็จไม่ควรนอนทันที ควรลุกทํากิจกรรมต่ าง ๆ 6.รับประทานอาหารที่ยอยง ่ ่ าย ก่ อนเข้านอนหรือระหวางกลางคืน เช ่ ่น ผลไม้โยเกิร์ต นมเปรี ้ ยว ขนม ปัง 7.หลังตื่นนอนตอนเช้า ถ้ามีอาการคลื่นไส้ควรรับประทานอาหารอ่อนยอยง ่ ่ ายทันที เช่น ขนมปัง กรอบ ข้าวต้มโจ๊ก 8.ควรนอนหลับและพักผอนอย ่ างเพียงพอ การตื่นนอนตอนเช้าควรค ่ ่อยๆ ลุกจากเตียงไม่ควรลุกขึ้ น ทันทีทันใด
การรักษา
ระยะที่มีอาการไม่รุนแรง ดูแลให้รับประทานอาหารที่ทดแทนเกลือแร่ที่ สูญเสียไปจากการอาเจียน ได้แก่ นํ ้ าผลไม้ นํ้ าหวาน ดูแลให้ได้รับประทาน อาหารที่มีโปแตสเชียม
ระยะที่มีอาการรุนแรงปานกลาง ดูแลให้ได้รับยาแกอาเจียนได้แ ้ ก่ กลุ่ม antihistamines เช่น Dramamine ยากลุ่ม Sedative หรือ Tranquilizer เช่น Diazepam ในรายที่มีภาวะขาดสารอาหารอยางรุนแรง ควรได้รับ ่ Parenteral Nutrition Therapy โดยต้องได้แคลอรี่มากกวา ่ 2,000แคลอรี่ต่อ วัน ซึ่งจะต้องมีกรดอะมิโน ไขมัน วิตามิน และ เกลือแร
ภาวะครรภ์แฝด
(Twins, Multi Fetal Pregnancy)
แฝดเทียม หรือ แฝดต่ างไข่ หรือ แฝดคนละใบ หรือ แฝดจากไข่สองใบ หรือมากกวา ่ (Double ovum twins, Dizygotic twins หรือ Fraternal twins) เป็ นกรณีที่เกิด จาก "เชื ้ ออสุจิ 2 ตัวหรือมากกวาเข้าไปผสมก ่ บไข ั ่2 ใบ หรือมากกวา่ "
ปัจจัยเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์แฝด
1.กรรมพันธุ์ คือ คนในครอบครัวมีประวัติการตั้ งครรภ์แฝด 2.เชื ้ อชาติ พบวาชนชาติแอฟริก ่ นจะมีโอกาสตั ั ้ งครรภ์แฝดได้มากกว่ าคนผิวขาว 3.อายุของคุณแม่ ในขณะตั ้ งครรภ์ 4.จํานวนครรภ์หรือการตั้ งครรภ์หลัง ๆ 5.การใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น การทําเด็กหลอดแกว หรือการใช้ยากระตุ้นให้ไข ้ ่สุก
ท่าของทารกในครรภ์แฝด
การปรับตัวของทารกในครรภ์ให้เข้ากบโพรงมดลูก จึงมีท ั ่ าที่ทารกใน ครรภ์นอนอยูด้วยก ่ นหลายท ั ่ าเช่น ท่ าเอาหัวลงทั ้ งคู่ , ท่ าเอาหัวขึ้ นทั ้ งคู่ ท่ าทารกคนหนึ่งเอาหัวขึ้ นส่วนทารกอีกคนเอาหัวลง, ท่ าทารกคน หนึ่งอยูในลักษณะขวาง ส ่ ่วนทารกอีกคนเอาหัวลง, ท่ าทารกอยูใน่ ลักษณะขวางทั ้ งคู่ เป็ นต้น
ภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์แฝด
1.ภาวะแทรกซ้อนในระยะการตั้งครรภ์
มีอาการแพ้ท้องมากกวาปกติ ่ -รู้สึกแน่นอึดอัด ไม่สะดวกสบาย หายใจไม่ค่อยออก - ท้องมีขนาดโตมากขึ้ น ส่งผลให้สตรีตั้ งครรภ์มีอาการปวดหลังมากขึ้ น -อาจเกิดอาการครรภ์เป็ นพิษหรือโรคความดันโลหิตสูงในระหวางการตั ่ ้ งครรภ์ -อาจเกิดภาวะซีดได้ง่ าย -อาจเป็ นเบาหวานขณะตั้ งครรภ์ได้มากกวาครรภ์ปกติ ่ -อาจเกิดภาวะรกเกาะตํ่า/รกลอกตัวก่ อนกาหนด ํ - เสี่ยงต่อการแท้งบุตร , ทารกอยูในท ่ ่ าผิดปกติ - สายสะดือของทารกพัน , ถ่ ายเทเลือดให้กนั - ทารกในครรภ์เจริญเติบโตผิดสัดส่วนกน
2.ภาวะแทรกซ้อนในระยะคลอด
-คลอดก่ อนกาหนด ํ -การใช้เครื่องมือช่วย ซึ่งจะทําให้มีโอกาสเกิดการติดเชื ้ อหลังคลอดได้สูงกวาปกติ ่ - มีโอกาสได้รับการผาตัดทําคลอดมากกว ่ ารายปกต
ภาวะแทรกซ้อนในระยะหลังคลอด
-การตกเลือดหลังคลอด ส่งผลให้มีเลือดออกจากแผลได้มาก -การติดเชื ้ อหลังคลอด มีโอกาสติดเชื ้อหลังการคลอดได้สูง - มีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้มาก เช่น การติดเชื ้อในกระแสเลือด ปอดยังพัฒนาไม่ สมบูรณ์ และมักกลายเป็ นโรคปอดเรื้อรัง เลือดออกในสมองลําไส้อักเสบติดเชื ้ อ มี ปัญหาในเรื่องของการหายใจและมีความเสี่ยงต่อการมองไม่ เห็นหรือตาบอด เนื่องจาก ได้รับออกซิเจนเป็ นเวลานานเกินไปในระหวางที่รักษาตัวอยู ่ ในตู้อบ ่ - ทารกมีนํ้ าหนักตัวน้อย -อัตราการตายของทารกสูงขึ้นเป็ น 2-3เท่ าของทารกครรภ์เดี่ยว โดยแฝดน้องจะมี โอกาสเสียชีวิตได้มากกวาแฝดพี่ ่ 30% เพราะท่ าของทารกมักจะผิดปกติ - ปัญหาที่เฉพาะเจาะจงกบครรภ์แฝด เช ั ่น แฝดตัวติดกนั , ทารกมีนํ้ าหนักตัวต่ างกนมาก ั ทารกมีโอกาสพิการแต่กาเนิดได้สูงกว ํ าการตั ่ ้ งครรภ์ปกต
การด ู แลครรภ์แฝด
การฝากครรภ์ ตรวจครรภ์ตามนัด สังเกตอาการผิดปกติ 2. ยาบํารุง ควรรับโฟลิกอยางน้อยวันละ ่ 1 มิลลิกรัม ตลอดการตั ้ งครรภ์ และธาตุเหล็ก วันละ 60-100มิลลิกรัม หรือ2-3 เม็ดต่อวัน 3. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้มากขึ้ น 4. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่ าง ๆ เช่น งดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่ม ที่มีคาเฟอีน รวมไปถึงยาเสพติดทุกชนิด และไม่ควรซื ้ อยามารับประทานเอง 5. พักผอนให้มากกว ่ าเดิม ่ 6. ห้ามทํางานหนัก 7. ระวังอุบัติเหตุ 8. การมีเพศสัมพันธ์ (งดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 2-3เดือนแรกของการตั้ งครรภ์และ อายุครรภ์ 7-8เดือน) 9. การเลือกวิธีคลอด
การด ู แลตนเองหลังคลอดของมารดาครรภ์แฝด
การให้นมบุตรหลังคลอด เพื่อเป็ นการสร้างสายใยรัก ความผูกพัน 2. การดูแลตนเอง มารดาหลังคลอดต้องพยายามดูแลตนเองให้มากขึ้ น 3. การกลับมาของประจําเดือน โดยส่วนใหญ่แล้วถ้ามารดาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ประจําเดือนมักจะมาในช่วงประมาณ 5-6 เดือนหลังคลอด ส่วนมารดาที่ไม่ได้เลี้ ยง ลูกด้วยนมแม่ ประจําเดือนก็จะมาตั ้ งแต่ เดือนที่ 1-2 หลังคลอด 4.การคุมกาเนิด แนะนําว ํ ามารดาควรเริ ่ ่มคุมกาเนิดตั ํ ้ งแต่สัปดาห์ที่6หลังคลอดเลยจะ ดีกวา วิธีการคุมก ่ าเนิด เช ํ ่น การใส่ห่วงอนามัย การฉีดยาคุมกาเนิด ํ ยาฝังคุมกาเนิด ยาเม็ดคุมก ํ าเนิด ฯลฯ ํ 5.การวางแผนครอบครัว ควรเว้นระยะการตั้ งครรภ์ใหม่ไปประมาณ 2-3 ปี เพื่อที่จะได้ให้นมบุตรและมีเวลาในการเลี้ยงดูได้อยางเต็มที่
ภาวะนํ้าครํ่าผิดปกติ (Polyhydramnios, Oligohydramnios)
นํ ้ าครํ่าสร้างมาจากทั้ งฝ่ ายมารดาและทารก ได้จาก transudate ของซีรัมมารดาที่ซึมผานเยื่อ ่ หุ้มทารก สารคัดหลังจาก ่ amnion ปัสสาวะของทารกในครรภ์ สารจากผิวหนังทารก และ สารนํ ้ าจากทางเดินหายใจทารก
หน้าที่ของนํ้าครํ่า
ทําให้ทารกมีการเคลื่อนไหวสะดวก - ป้องกนการกระทบกระเทือนซึ่งจะเป็ นอันตรายแก ั ่ ทารก -รักษาอุณหภูมิของทารกให้คงที่ -แหล่งให้อาหารแก่ ทารกด้วยแรงดันนํ้ าในโพรงนํ้ าครํ่ามีส่วน ช่วยขยายปากมดลูกเมื่อเวลาเจ็บครรภ์คลอด
ปริมาณของนํ้าครํ่าแตกต่างกันออกไปตามอาย ุ ครรภ
อายุครรภ์ 6 สัปดาห์ มีนํ้ าครํ่า 8 มล อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ มีนํ้ าครํ่า 50-80 มล. อายุครรภ์ 16 สัปดาห์ มีนํ้ าครํ่า 200 มล. อายุครรภ์ 20 สัปดาห์ มีนํ้ าครํ่า 400 มล. อายุครรภ์ 36-38 สัปดาห์ มีนํ้ าครํ่า 1,000 มล. อายุครรภ์ 40 สัปดาห์ มีนํ้ าครํ่าน้อยกวา ่ 1,000 มล. เล็กน้อย หลัง 42 สัปดาห์ ปริมาณนํ้ าครํ่าลดลงเรื่อย ๆ อาจจะพบเพียง 200-300 มล.
ครรภ์แฝดนํ้า (Polyhymnios)
ครรภ์แฝดนํ้ าหรือครรภ์มานนํ้ า หมายถึง ภาวะตั้ งครรภ์ที่มีจํานวนนํ้ าครํ่ามากผิดปกติ เกินเปอร์เซ็นไทล์ที่ 95 ของแต่ละบุคคล หรือ AFI เกิน 24-25 cm.ถ้าวัดปริมาตรได้ โดยตรงจะถือที่มากกวา ่ 200 ml.
พยาธิสรีรวิทยา
ความสมดุลของนํ ้ าครํ่าสัมพันธ์กบปริมาณของเหลวที่เข้าและออกจากถุงนํ ั ้ าครํ่า สัมพันธ์กบั ปริมาณปัสสาวะของทารก การสร้างของเหลวจากปอด การกลืนและการดูดซึมผานทาง ่ เนื ้อเยื่อของทารก ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์
สาเหต
สาเหตุที่เกี่ ยวกบทารก ั 1.1ความพิการของทารกส่วนใหญ่สัมพันธ์กบการกลืนของทารกตั ั ้ งแต่ความผิดปกติ ของระบบประสาทมาจนถึงการอุดก้ นของทางเดินอาหาร ั 1.2 ความผิดปกติอื่น ๆ เช่น trisomy 18 , (hydrops fetalis) ทําให้การทํางานของ หัวใจล้มเหลว 2.สาเหตุที่เกี่ ยวกบมารดาได้แก ั ่ มารดาเป็ นเบาหวานโดยเฉพาะในรายที่ควบคุมไม่ดี 3.สาเหตุที่เกี่ ยวกบทารก เช ั ่น เนื ้ องอกของรก chorioangioma 4.ไม่ทราบสาเหตุ พบได้บ่อยสุดคือร้อยละ 60 มักไม่รุนแรงมากหรือระดับน้อยถึง ปานกลาง
การวินิจฉัยและการตรวจค้น
1.การวินิจฉัยจากประวัติ 2.การวินิจฉัยจากการตรวจร่างกาย 3.การวินิจฉัยจากการอัลตร้าซาวด์
ผลกระทบ
การตั้งครรภ
เพิ่ มความเสี่ยงต่อการเกิ ด ภาวะแทรกซ้อนทางสูติศาสตร์ เช่น มารดาหายใจลําบาก คลอด ก่ อนกาหนด ถุงนํ ํ ้ าครํ่าแตกก่ อน กาหนด สายครรภ์สะดือย้อย ร ํ ก ลอกตัวก่ อนกาหนด ภาวะครรภ์ ํ เป็ นพิษ การติดเชื้ อทางเดิ น ปัสสาวะ รวมถึงการตกเลือด หลังคลอด
ต่อทารก
อัตราการตายปริกาเนิ ํ ด จะเพิ่ มขึ้ น 2 - 5เท่ า
การรักษา
การด ู ดนํ้าครํ่าออก (amnioreduction)
ทําเพื่อลดปริมาณนํ้ าครํ่า และนํานํ ้ าครํ่าส่ง ตรวจโครโมโซมของทารกในครรภ์ หรือ ความเจริญของปอด(fetal lung maturity) ควรเจาะโดยอาศัยคลื่นความถี่สูง
การรักษาด้วยยา
1.Indomethacin (Prostaglandin synthetase inhibitors)
2.Solindac (nonsteroidal anti-infammatory drug)
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะนํ้าครํ่ามากหรือแฝดนํ้า
ระยะตั้งครรภ์
1.ควรมีการตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ 2.แนะนําให้นอนพักในท่ าศีรษะสูง หรือนอนตะแคงซ้าย 3.เห็นความสําคัญของการมาตรวจตามนัด 4.แนะนําให้สังเกตและนับจํานวนครั้ งของการดิ ้ นของทารกในครรภ์ 5.แนะนําให้ทําจิตใจให้ผอนคลายหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก ่ ่ อให้เกิดภาวะเครียด 6.แนะนําให้มาพบแพทย์ทันทีที่มีอาการผิดปกติ 7.กรณีได้รับการเจาะนํ้ าครํ่าออกจากหน้าท้องให้สตรีตั้ งครรภ์สังเกตุ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้ น
ระยะคลอด
1.แนะนําให้นอนศีรษะสูง หรือนอนตะแคงซ้าย 2.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก และประเมินหัวใจของทารกในครรภ์ 3.ต้องระวังภาวะนํ้ าครํ่าแตกรั่ ว
ระยะหลังคลอด
1.ประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด 2.ดูแลให้ได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก เพื่อป้องกนภาวะตกเลือดห ั ลังคลอด 3.ตรวจร่างกายทารกแรกเกิด เพื่อประเมินความพิการหรือความผิดปกติของทารก
ภาวะนํ้าครํ่าน้อย (Oligohydramnios)
ภาวะนํ ้ าครํ่าน้อย (Oligohydramnios) หมายถึง ภาวะตั้ งครรภ์ที่มีจํานวนนํ้ าครํ่าน้อยกวาปกติ ่ ในบางรายปริมาณ นํ ้ าครํ่ามีน้อยจากค่ าปกติลดลงจนเหลือเพียงปริมาณ 2-3 ml. ของนํ ้ าครํ่าที่เหนียวข้นทัว ๆ่ ไป ภาวะนี้ มักจะมีนํ้ าครํ่า ประมาณ 100 ถึง 300 ml. เมื่อนํ้ าครํ่าน้อยก็ จะเกิดภาวะ pulmonary hypoplasia ได้บ่อย เนื่องจาก
มีการกดต่อผนังทรวงอก โดยมดลูกที่มีนํ้
าครํ่าน้อย
ขาดนํ ้ าที่จะหายใจเข้าไปใน terminal airway ของปอด
อาจจะเกิดจากความผิดปกติของปอดเอง
ภาวะทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (Intra Uterine Growth Restriction)
สาเหต ุ ของภาวะทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า
1.ความผิดปกติของรก เช่น ภาวะรกเกาะตํ่า หรือภาวะรกลอกตัวก่ อนกาหนด ํ 2.ความผิดปกติของทารก เช่น ความผิดปกติของโครโมโซมในทารก หรือความพิการแต่กาเนิด ํ 3. สุขภาพของมารดาขณะตั ้ งครรภ์ พฤติกรรมของมารดาขณะตั้ งครรภ์ เช่น มารดาที่มีนํ้ าหนักตัวน้อยกวา่ 45กิโลกรัม มารดาใช้สารเสพติด เป็ นต้น
การป้องกันภาวะทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า
ือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ • นอนหลับพักผอนให้เพียงพอ ่ • ควบคุมนํ ้ าหนักให้อยูในเกณฑ์ปกติ ่ • ไม่สูบบุหรี่ หรือสารเสพติดทุกชนิด • ระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุต่ าง ๆ • เฝ้าสังเกตุการเคลื่อนไหวของทารก
ภาวะทารกตายในครรภ์ (Death Fetus in Utero)
ภาวะแทรกซ้อนทางมารดาที่สําคัญ
ภาวะทางจิตใจผิดปกติ มีความรู้สึกสูญเสีย หมดกาลังใจ ํ อาจจะกลายเป็ นโรคจิตประสาท -ความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด : ถ้าทารกตายใน ครรภ์นานก็ จะเกิดปัญหาความผิดปกติในการแข็งตัวของ เลือดได้ - ทารกอาจจะแข็งกลายเป็ นหิน (Lithopedion) ไม่คลอด โพรงมดลูกเสียหาย ตั ้ งครรภ์ต่อไม่ได้ - เพิ่ มหัตถการในการยุติการตั ้ งครรภ์
การรักษา
onservative หรือ expectant การรอให้เจ็บครรภ์คลอดเองเป็ นวิธี ง่ ายที่สุด มักจะเจ็บครรภ์คลอดเองหลังทารกตายภายใน 2 สัปดาห์ ชักนําการคลอดด้วยยา (labor induction) 1.ให้ oxytocin หยดเข้าหลอดเลือดดําจะได้ผลถ้าปากมดลูกเปิ ด 2-3 ซม. 2. Prostaglandins มีหลายตัว เช่น PGE2, PGE2 หัตถการเพื่อยุติการตั้ งครรภ์(surgical induction) 1. เครื่องดูดสุญญากาศ 2. ถ่างขยายปากมดลูก และขูดมดลูก หรือ คีบชิ้ นเนื ้ อการตั ้ งครรภ์ออก Condom-balloon technique ได้นํามาใช้เพื่อทําให้การตั้ งครรภ์สิ้ นสุดลงใน ไตรมาสที่สอง
การพยาบาล
1.ประเมินความเศร้าโศกของหญิงตั้ งครรภ์และครอบครัว 2. การแสดงออกทางอารมณ์ พฤติกรรมและอาการทางกายวาอยู ่ ในระยะใดของ ่ กระบวนการความเศร้าโศก ซึ่งคูเบอร์รอส (Kuber-Ross) ได้แบ่ ง กระบวนการความเศร้า โศกออกเป็ นระยะ ดังนี้ 1.ระยะปฏิเสธ (denial of death of fetus) ไม่ยอมรับวาทารกตาย ่ 2.ระยะโกรธ (anger) มีความรู้สึกโกรธ โดดเดี่ยวและความรู้สึกผิด มักโกรธและโทษ ตนเอง สามี แพทย์ พยาบาล หรือ เจ้าหน้าที่ในทีมสุขภาพคนอื่น ๆ 3.ระยะต่อรอง (bargaining) อาจเกิดหรือไม่ก ็ได้ขึ้ นอยูก่ บการเตรียมหญิงตั ั ้ งครรภ์และ สามี 4.ระยะซึมเศร้า (depression) ร้องไห้เสียใจที่เกิดการสูญเสียบุตร 5.ระยะยอมรับ (acceptance) เป็ นระยะที่ยอมรับการสูญเสีย อาจใช้เวลานานเป็ นเดือน
ุ