Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Aneurysm, Underlying : Hypertension - Coggle Diagram

- - - - Bed rest and sedatives ให้นอนพักในห้องเงียบและแสงสว่างไม่มาก พักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจ ให้ Transsquilizer (Diazepam) หรือ Sedative (Phenobarbital) จะช่วยให้ผู้ป่วยพักผ่อนเต็มที่
      - Steroid Therapy ให้ Dexamethasone จะช่วยลดการบวมของสมองและลดความดันในกระโหลกศีรษะ
      - Vasospasm Therapy ใน SAH มี 2 แบบ คือ 1.Angiographic Vasospasm ควรได้รับการผ่าตัด Aneurysm โดยไม่ต้องรับการรักษาทางยา
        2.Angiographic Vasospasm ที่ทำให้เกิดอาการ Focal ได้แก่ Diffuse Cerebral Ischemia ผู้ป่วยรในกลุ่มอาการระดับที่ III, IV และ V พบได้ในผู้ป่วยก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัด การรักษา Vasospasm จะช่วให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ทำให้ผลการผ่าตัดดีขึ้นทั้งในด้านอัตราการตายและทุพพลภาพ การรักษา Vasospasm มีหลายแบบ ได้แก่
        1.Volume Replacement ให้ Fluid ในรูปแบบของ Whole blood, Albumin หรือ Dextran ให้ Central Venous Pressure อยู่ในเกณฑ์ 10-12 cmHO2
        2.หลีกเลี่ยงการให้ยาลดความดันโลหิตโดยไม่จำเป็น รักษาให้อยู่ในระดับ Normal
        3.ให้ยา Aminophylline ร่วมกับ Iso solution ทางหลอดเลือดดำ
    - - การผ่าตัดหนีบหลอดเลือดสมองที่โป่งพอง clipping ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่ละเอียดอ่อนที่สุด โดยประสาทศัลยแพทย์จะใช้คลิปขนาดเล็กหนีบที่บริเวณฐานของหลอดเลือดโป่งพองเพื่อไม่ให้เลือดไหลผ่านเป็นการป้องกันการแตกซ้ำ
      - การใส่ขดลวดทางสายสวนหลอดเลือด (endovascular coiling) โดยการใส่ขดลวดแพลทตินัมเข้าไปในหลอดเลือดสมองที่โป่งพองเพื่อทำ ให้เลือดเข้าไปในหลอดเลือดส่วนที่โป่งพองไม่ได้ ซึ่งเริ่มมีการรักษาโดยวิธีนี้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991 จนได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากทำ ให้ผู้ป่วยเจ็บปวดทุกข์ทรมานน้อยกว่าการผ่าตัด
      - การอุดเส้นเลือด (Embolization) เป็นการอุดหลอดเลือดแดงเพื่อการรักษาภาวะโรคต่างๆ เช่น AVM (ภาวะหลอดเลือดแดงและหลอดดำมีการเชื่อมต่ออย่างผิดปกติ), AVF (ภาวะมีรูรั่วระหว่างหลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดง), Aneurysm (เส้นเลือดโป่งพอง), ภาวะเลือดออก, และเนื้องอกที่มีเส้นเลือดไปเลี้ยง โดยใช้วัสดุพิเศษ เช่น Coil (ขดลวดเล็กๆ) Glue (กาว) Balloon (ลูกโป่ง) Gelfoam ซึ่งการเลือกใช้วัสดุเหล่านี้แล้วแต่กรณีขึ้นยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ผู้ รักษา โดยใส่วัสดุผ่านสายสวนหลอดเลือดเพื่อไปอุดหลอดเลือดแดงในตำแหน่งที่ต้องการ
- - - - ทฤษฎี
        
        อาการที่บ่งบอกว่าเกิด Aneurysm rupture
        
        ปวดศีรษะรุนแรง
        
        ง่วงซึม สับสน หรือบางรายอาจหมดสติทันที
        
        อาการเยื่อหุ้มสมองถูกรบกวน
        
        คอแข็ง neck rigidity
        
        กลัวแสง photophobia
        
        ปวดหลัง
        
        การเคลื่อนไหว การพูด และการทำงานของเส้นประสาทผิดปกติ
        
        เเขนขาอ่อนแรง
        
        อาการแสดงนำ
        
        ปวดศีรษะ
        
        สับสน
        
        ซึมลง
        
        คอแข็ง
      - กรณีศึกษา
        
        ซึมลง
        
        พูดคุยสับสน
        
        มีอาการปวดศีรษะมาก
        
        อาเจียน
        
        E1VT M5
    - - ซักประวัติ ปวดศีรษะอย่างรุนแรงหมดสติ ผู้ป่วยอาจฟื้นสติขึ้นมาหรือยังหมดสติอยู่ ตรวจร่างกายพบคอแข็ง
      - CTA ตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ร่วมกับการฉีดสารทึบแสง วัดขนาดของหลอดเลือดแดงที่โป่งพองให้ชัดเจนมากขึ้น
      - การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าร่วมกับการฉีดสารทึบแสง (magnetic resonance angiogram :MRA )เป็นการตรวจเพื่อช่วยวินิจฉัยเกี่ยวกับความผิดปกติของเส้นเลือดแดง ได้ชัดเจนมากกว่าการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (computed tomography :CT ) และ การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (magnetic resonance imaging :MRI)
      - การตรวจโดยฉีดสารทับแสง (cerebral angiography) เป็นการตรวจที่สำคัญที่สุดทำให้ทราบตำแหน่งของหลอดเลือดสมองโป่งพอง
      - เจาะหลัง เพื่อพิสูจน์ภาวะเลือดออกในช่องใต้เยื่ออะแรชนอยด์
      - กรณีศึกษา
        
        ผลการตรวจ
        
        1.CT Brain: Acute SAH at left sylvian fissure and left suprasellar cistern,colud be rupture aneurysm.
        แปรผล: เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางอย่างเฉียบพลันที่รอยแยกซิลเวียด้านซ้ายและจะโป่งพองแตก
        
        2.CTA: Suggestive of rupture aneurysm at left MCA bifurcation, resulting in acute subarachnoid as described. The aneurysmal sac measures 5.16.25.7 mm; neck about 1.1 mm.
        แปรผล: การชี้นำของการแตกของหลอดเลือดโป่งพอง ที่การแยก middle cerebral arteries ด้านซ้ายส่งผลให้เกิดเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางอย่างเฉียบพลัน ถุงหลอดเลือดที่โป่งพองนั้นมีขนาด 5.1x6.2x5.7 mm. ที่บริเวณคอ 1.1 mm.
    - - 2.อาจเกิดภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง เนื่องจากมีการเเตกของหลอดเลือดแดงในสมอง
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        O: ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัด Craniotomy with clipping aneurysm วันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2563
        
        O: T = 37.6 C
        RR = 16 bpm
        P= 96 bpm
        BP = 156/70mmHg
        วันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2563
        
        O: CTA Brain พบ Ruptured Aneurysm at left middle cerebral arteries
        
        O:ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ Behavioral Pain Scale 5 คะแนน วันที่16 กันยายน พ.ศ.2563
        
        O:Glasgow coma scale E4VTM5 รวม 10 คะแนน
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        1.ผู้ป่วยไม่มีอาการของภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง ได้แก่ อาเจียนพุ่ง ปวดศีรษะมาก ตาพร่ามัว
        
        2.vital sign อยู่ในเกณฑ์ปกติ
        T= 36.5-37.4 องศาเซลเซียส
        R= 16-20 ครั้ง/นาที
        P=60-100ครั้ง/นาที
        BP=120/80-180/110 มิลลิเมตรปรอท
        
        3.อาการทางสมองอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ ระดับความรู้สึกตัวไม่เลวลงกว่าเดิม รูม่านตาขนาด 2-3 มิลลิเมตร เท่ากันทั้ง 2 ข้าง มีปฏิกิริยาต่อแสงดี
        
        เป้าหมาย
        
        ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินสัญญาณชีพ และอาการเเสดงทางระบบประสาท ทุก 1 ชั่วโมง เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงซึ่งสามารถบอกพยาธิสภาพที่เกิดขึ้นต่อสมองนั้นมีความรุนแรงเพียงใด พร้อมทั้งอาการ cushing’s respone โดยเฉพาะ conscious และ GCS ถ้าลดลงตั้งแต่ 2 คะแนน ต้องรายงานแพทย์
        
        3.ดูแลให้ยาลดความดันโลหิต ตามแผนการรักษาได้แก่
        3.1nicardipine (1:5) v 30 ml/hr.
        หลังได้รับยาติดตามอาการข้างเคียง ได้แก่ ความดันโลหิตต่ำ EKG ผิดปกติ ใจสั่น ปวดศีรษะ สับสน
        3.2 nimodipine 2 tab q 6 hr. หลังได้รับยาติดตามอาการข้างเคียง ได้แก่ มึนงง ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว ความดันโลหิตต่ำ
        
        2.ให้การพยาบาลเพื่อลดความดันในกะโหลกศีรษะ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการแตกซ้ำได้ โดย
        
        2.2 พลิกตะแคงตัวผู้ป่วยด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการจัดท่าที่ทำให้ข้อสะโพกงอมากกว่า 90 องศา เพื่อลดแรงดันในช่องท้องและช่องอก
        
        2.3 ดูแล suction เมื่อจำเป็น เพื่อลดการระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ ป้องกันการไอซึ่งเพิ่มแรงดันในช่องท้อง
        
        2.1 จัดท่านอนศีรษะสูง 15-30 องศา และไม่ควรเกิน 30 องศา โดยให้ศีรษะและคออยู่ในแนวเดียวกันไม่บิดหมุนซ้าย ขวา เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดีลดแรงดันในกะโหลกศีรษะ
        
        2.4 หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดความดันในกะโหลกศีรษะสูง ได้แก่ ไข้ การไอ จาม การเบ่งถ่าย
        
        4.ดูแลให้ได้รับสารน้ำ voluven 500 cc IV rate 40 cc/hr. ตามแผนการรักษา เพื่อให้ร่างกายได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอและติดตามอาการข้างเคียงของยา
        
        1.เพื่อใช้แทนพลาสม่านี้มีไว้สำหรับการรักษาและป้องกันการเกิดช็อคและภาวะ hypovolemia ของอวัยวะใด ๆ รวมทั้งในช่วงหลังผ่าตัดเนื่องจากความผิดปกติของต่อมหมวกไตเฉียบพลันการบาดเจ็บการสูญเสียเลือด
        
        2.เพื่อสังเกตผลข้างเคียงของยา
        
        1.อาการของการให้ยาเกินขนาด Voluven จะแสดงออกมาจากการที่ระบบไหลเวียนโลหิตล้นเกินเช่นอาการบวมน้ำในปอด
        
        2.hematocrit โปรตีนและปัจจัยการจับตัวของเลือดลดลงและความเสี่ยงต่อการเจือจางส่วนประกอบของเลือด
      - 4.มีอาการปวดแผลเนื่องจากเนื้อเยื่อได้รับบาดเจ็บ
        
        เป้าหมาย
        
        เพื่อบรรเทาอาการปวดให้ทุเลาลง
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        1.ผู้ป่วยไม่แสดงสีหน้าเจ็บปวดเมื่อขยับร่างกาย
        
        Behavioral Pain Scale ลดลงเหลือ 3 คะแนน
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        O: Behavioral Pain Scale 5 คะแนน
        วันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2563
        
        O: ผู้ป่วยแสดงสีหน้าเจ็บปวด ได้แก่ หน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อขยับร่างกาย
        
        O: ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัด Craniotomy with clipping aneurysm วันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2563
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        จัดท่านอนศรีษะสูง 15 - 30 องศา และท่านอนที่สุขสบาย เพื่อให้เลือดไหลเวียนดีเเละลดแรงดันโหลกศรีษะ
        
        3.ให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวล เพื่อลดการกระทบกระเทือน
        
        1.ประเมินระดับความเจ็บปวดด้วยการสังเกต ได้แก่ หน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อขยับร่างกาย ประเมินระดับความรุนแรงของความปวดโดยใช้ Behavioral Pain Scale เพื่อประเมินระดับความเจ็บปวดของผู้ป่วยเเละเพื่อสามารถให้การพยาบาลได้อย่างเหมาะสม
        
        ดูแลให้ได้รับยาเเก้ปวดตามเเผนการรักษา ได้เเก่ Tramadol 50 mg prn q 8 hr ภายหลังได้รับยาต้องเฝ้าระวังอาการข้างเคียง ได้เเก่ คลื่นไส้ อาเจียน และดูแลให้ได้รับยา Plasil 10 mg prn q 8 hr ตามเเผนการรักษา
      - 3.เกิดภาวะไม่สมดุลของสารน้ำในร่าง เนื่องจากไตสูญเสียหน้าที่ จากพยาธิสภาพที่สมอง
        
        เป้าหมาย
        
        เพื่อให้อิเล็กโตรไลต์ในร่างกายกลับสู่ภาวะปกติ
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        รู้สึกตัวดี ไม่มีอาการสับสน
        
        ไม่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        O: CTA Brain พบ Ruptured Aneurysm at left middle cerebral arteries
        
        O: CTA Brain พบ Ruptured Aneurysm at left middle cerebral arteries
        
        O : Potassium 3.39 mmol/L
        
        O: ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัด Craniotomy with clipping aneurysm วันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2563
        
        S : "สับสน ซึมลง อ่อนเพลีย "
        
        O : Co2 20 mmol/L
        
        O : Sodium 112.9 mmol/L
        
        O : ค่า CVP 14 เซนติเมตรน้ำ
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ดูเเเลให้ได้รับยา E.KCL 30 mg x 3 does เพื่อเพิ่มประปริมาณ Potassium ในร่างกาย
        
        1.ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะ Electrolyte imbalance เช่น มีอาการกล้ามเนื้อ อ่อนแรง สับสน เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
        
        ดูแลให้ได้รับสารน้ำ 0.9% NSS 100 cc/hr ตามเเผนการรักษาของเเพทย์ เพื่อเพิ่มความสมดุลย์ของสารน้ำในร่างกาย
        
        6.ประเมินภาวะไม่สมดุลของอิเล็กโตรไลต์ในร่างกาย หลังให้การพยาบาล
        
        2.บันทึกปริมาณสารน้ำที่เข้าออกร่างกาย เพื่อประเมินปริมาณสารน้ำในร่างกาย
        
        วัด CVP ทุก 8 ชั่วโมง เพื่อประเมินปริมาณสารน้ำเเละเลือดในร่างกาย
      - 6.เฝ้าระวังการติดเชื้อ เนื่องจากเนื้อเยื่อได้รับการบาดเจ็บ
        
        เป้าหมาย
        
        ไม่เกิดการติดเชื้อที่บริเวณแผลผ่าตัด
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        ไม่เกิดแผลติดเชื้อเพิ่มขึ้น
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        O: T = 37.6 องศาเซลเซียส
        วันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2563
        
        O:WBC count = 27900cell/cumm :
        Neutrophils% = 87
        lymphocytes% = 9
        วันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2563
        
        O: ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัด Craniotomy with clipping aneurysm วันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2563
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        ดูแล dressing od ตามแผนการรักษา เพื่อให้แผลสะอาด ไม่เกิดการติดเชื้อ
        
        7.ประเมินอาการแสดงของการติดเชื้อที่แผลผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ มีอาการบวม แดง ร้อน ที่แผล มีเลือดหรือหนองซึม มีกลิ่นเหม็น ไข้ หนาวสั่น เพื่อติดตามอาการเปลี่ยนแปลง
        
        4.ประเมินสัญญาณชีพ q 4 hr โดยเฉพาะอุณหภูมิของร่างกาย เเละอัตตราการเต้นของหัวใจ เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพที่เเสดงถึงภาวะติดเชื้อ
        
        1.ล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาลกับผู้ป่วย หรือการสัมผัสกับสารคัดหลั่งผู้ป่วย และให้การพยาบาลโดยใช้หลัก Aseptic Technique
        
        5.ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา คือ Cefazolin 1 g Vein drip q 6 hr. เนื่องจาก cefazolin เป็นยาปฏิชีวนะ มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย ใช้รักษาหรือป้องกันโรคหรือการติดเชื้อจากแบคทีเรีย รวมถึงใช้ป้องกันการติดเชื้อในผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดที่เข้ารับการผ่าตัด
        
        6.ติดตามอาการข้างเคียงหลังได้รับยา cefazolin ได้แก่ คัน มีคราบสีขาวในปาก เบื่ออาหาร แสบร้อนกลางอก ท้องอืด คลื่นไส่ อาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ สับสน ง่วงซึม อ่อนเพลีย รวมถึงอาการเจ็บ บวม แดง หรือมีเลือดออกบริเวณที่ฉีดยา
        
        3.ระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ เพื่อป้องกันการนำเชื้อโรคเข้าสู่แผล ถ้าแผลเปียกน้ำให้ทำแผลใหม่ให้แห้ง สะอาดทันที
      - 7.ญาติวิตกกังวลจากอาการของผู้ป่วย
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        O : สีหน้าเคร่งเครียด กังวล
        
        O : ญาติผู็ป่วยสอบถามอาการซ้ำๆ อยู่บ่อยครั้ง
        
        เป้าหมาย
        
        เพื่อลดความเพื่อตกกังวล
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        ญาติผู้ป่วยไม่มีสีหน้าเคร่งเครียดหรือกังวล
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินระดับความวิตกกังวลของผู้ป่วยโดยใช้แบบประเมินความวิตกกังวล
        
        2.ตรวจเยี่ยมให้คำปรึกษากับผู้ป่วยและครอบครัวให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนการรักษาและประสานกับแพทย์พร้อมทั้งอธิบายเกี่ยวกับโรคและการรักษาตัดสินใจร่วมกับแพทย์
        
        3.กระตุ้นให้ญาติมีส่วนร่วมในการให้กำลังใจ/กิจกรรมต่างๆของผู้ป่วย พร้อมทั้งส่งเสริม ช่วยเหลือผู้ป่วยในการปฏิบัติตัว
        
        4.เปิดโอกาสให้ญาติสักถาม ปรึกษา อาการเเละเเผนการรักษาผู้ป่วย
      - 1.แบบแผนการหายใจไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากระดับความรู้สึกตัวลดลงจากภาวะความดันในกะโหลกศรีษะสูง
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        O:ผู้ป่วย GCS= E4VTM5
        
        O: on endotracheal tube เบอร์ 7.5 ขีด 22 เซนติเมตรมุมปากต่อกับเครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมปริมาตร
        
        O:สัญญาณชีพ ความดันโลหิต 144/62 มิลลิเมตรปรอท
        ชีพจร 90 ครั้ง/นาที อัตราการหายใจ 18 ครั้ง/นาที O2 saturation 100%
        
        O:Tidal volume ของผู้ป่วย 50 cc.
        
        เป้าหมาย
        
        ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        1.ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ลืมตาได้เอง ทำตามคำสั่งได้
        
        2.ไม่มีอาการกระสับกระส่าย ปลายมือปลายเท้าไม่ซีดหรือเขียวคล้ำ
        
        3.ผิวหนังอุ่นไม่มีอาการหนาวสั่น
        
        4.ความดันโลหิต 100/60-160/90 มิลลิเมตรปรอท ชีพจร 60-100 ครั้ง/นาที อัตราการหายใจ 16-20 ครั้ง/นาที สม่ำเสมอ
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ตรวจสอบและบันทึกสัญญาณชีพและสัญญาณทางระบบประสาททุก 15 นาที 4 ครั้ง ทุก 30 นาที 2 ครั้ง ทุก 1 ชั่วโมง จนอาการคงที่ จากนั้นตรวจวัดทุก 1 ชั้วโมง เพื่อสังเกตและติดตามอาการเปลี่ยนแปลง ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงต้องรายงานแพทย์ทราบทันที
        
        2.ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง โดยจัดท่านอนตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่ง ดูดเสมหะอย่างนุ่มนวล ไม่ควรดูดเกิน 10-15 วินาทีและดูดเสมหะเท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้เป็นการเพิ่มความดันในกะโหลกศรีษะ
        
        3.ตรวจสอบประสิทธิภาพการหายใจและอาการของภาวะเนื้อเยื่อขาดออกซิเจน เช่น ปลายมือปลายเท้าซีดหรือเขียวคล้ำ กระสับกระส่าย ถ้าพบอาการผิดปกติรายงานแพทย์
        
        4.จัดท่านอนศรีษะสูง 30 องศาไม่ให้เกิดการพับงอที่คอและสะโพก เพื่อลดความดันในกะโหลกศรีษะสูงลดการคั่งของเลือดในสมอง
    - - 1.Saccular aneurysm > มีลักษณะโป่งพองเป็นถุงยื่นออกจากผนังของเส้นเลือดตรงรอยแยกของเส้นเลือด ส่วนของถุงตรงที่ติดผนังหลอดเลือดมักคลอดเป็นคอ (neck of aneurysm) ตัวถุงติดต่อกับหลอดเลือดด้วยรูซึ่งอยู่ภายในคอนี้
      - 2.Mycotic aneurysm > เกิดจาก septic emboli ที่มาจาก Bacteria Endocarditic การอักเสบทำให้ผนังของเส้นเลือดอ่อนแอจึงโป่งออก พบบ่อยที่แขนงของ MCA. แต่ไม่จำเป็นต้องเกิดที่รอยแยก ซึ่งพบได้น้อย
      - 3.Fusifrom aneurysm > เป็นการพองตัวของเส้นเลือดสมองขนาดใหญ่ เช่น Internal carotid artery เกิดจาก atherosclerosis และมี dissection ของ intima layer เป็นลักษณะของ False aneurysm
      - 4.Traumatic aneurysm > เป็นผลจาก Trauma เส้นเลือดฉีกขาดด้วยการกดหรือฉีก ความจริงเป็น False aneurysm มากกว่า ซึ่งจะพบได้น้อย
    - - 1.unruptured aneurysm ที่ทำให้เกิดอาการโดยไปกดเส้นประสาทสมองข้างเคียงจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 7 – 10 มิลลิเมตร จนถึง 2 – 3 เซนติเมตร (gigantic aneurysm) เช่น internal carotid aneurysm ไปกดบน optic nerve ทำให้ตาบอด กดลงบน CN III เกิด CN III palsy เป็นต้น
      - ruptured aneurysm เมื่อ aneurysm แตกและเลือดออกไม่หยุด เพราะรูแตกของ aneurysm มีขนาดใหญ่จtทำให้ความดันในกะโหลกศีรษะสูงขึ้นและสูงเท่ากับความดันเลือดในเวลาอันสั้น เมื่อถึงจุดนี้จะไม่มีเลือดไปเลี้ยงสมองผู้ป่วยจะเสียชีวิตทันที ถ้ารูแตกขนาดเล็กเลือดที่ออกจะหยุดได้ด้วยกลไกการแข็งตัวของเลือด เลือดที่รั่วออกมาในน้ำหล่อสมองกลายเป็นภาวะเลือดออกในช่องใต้เยื่ออะแรชนอยด์ ส่วนเลือดออกในเนื้อสมองและในช่องใต้เยื่อดูรา จะกลายเป็น intracerebral hemorrhage และก้อนเลือดเลือดออกในช่องใต้เยื่อดูรา (subdural hematoma ) ตามลำดับ ภาวะเลือดออกในช่องใต้เยื่ออะแรชนอยด์ มีผล 3 อย่างคือ
        
        increased intracranial pressure มีผลทำให้ปริมาณเลือดไปเลี้ยงสมองลดลง ผู้ป่วยจะซึมลงหมดสติและเสียชีวิตในที่สุด
        
        vasospasm จะเกิดขึ้นประมาณ 3-4 วันหลังจากการแตกครั้งแรก จะมีผลทำให้เกิดภาวะสมองขาดเลือด (cerebral ischemia) และภาวะเนื้อสมองตาย (cerebral infarction) ผู้ป่วยจะเกิดทุพพลภาพจาก ภาวะอัมพาตครึ่งซีก (hemiplegia) ภาวะกลืนลำบาก (aphasia) ภาวะสูญเสียความรู้สึก (anesthesia)
        
        meningeal irritation ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะ อาเจียน คอแข็ง กระสับกระส่าย กลัวแสง ซึมลง
      - 3.mycotic aneurysm เป็น aneurysm ที่ติดเชื้อเนื่องจากการสะสมของแบคทีเรียหรือเชื้อราในกระแสเลือด นอกจากนี้ยังอาจเป็นปากทางที่มีอยู่แล้วที่ติดเชื้อ Mycotic aneurysms เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยของ endocarditis จากแบคทีเรียหรือติดเชื้อซึ่งเป็นภาวะที่หลอดเลือดหัวใจติดเชื้อเนื่องจากแบคทีเรียในกระแสเลือด โป่งพองชนิดนี้มักเกิดขึ้นภายในหลอดเลือดแดงใหญ่ทรวงอก แต่ก็อาจเกิดขึ้นในหลอดเลือดแดงของคอแขนต้นขาและหน้าท้อง
      - กรณีศึกษา
        
        ruptured aneurysm
    - - ทฤษฎี
        
        เกิดจากความผิดปกติแต่กำเนิด เนื่องจากความพิการของ Elastic Lamina ของผนังชั้นในของหลอดเลือด คือ ชั้น Intima ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่
        
        Anteriosclerosis เส้นเลือดแข็งตัวและโป่งพอง เนื่องจากมีการทำลายของผนังหลอดเลือด พบมากเป็นสาเหตุรองลงมา
        
        เป็นมาแต่กำเนิดของผนังหลอดเลือดมีผนังไม่สมบูรณ์
        
        เป็นส่วนที่เหลือ (Remnant) ของหลอดเลือดตั้งแต่กำเนิดซึ่งควรจะหายไป แต่คงอยู่ไม่สมบูรณ์กลายเป็น Aneurysm
        
        Infection จาก Septic emboli พบในโรคหัวใจ ทำให้เกิดการทำลายของผนังหลอดเลือด เรียกว่า Mycotic aneurysm ส่วนใหญ่เป็นเชื้อ Bacteria
        
        Neoplastic aneurysm เกิดจากเนื้องอกหรือ Neoplasm เฉพาะที่หรือมาจากที่อื่น Mattastatic
      - กรณีศึกษา
    - - เมื่อผนังหลอดเลือดชั้นกลางสูญเสียความยืดหยุ่น เนื่องจากจำนวนเซลล์กล้ามเนื้อเรียบลดลงมีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ elastin และเกิดการตายของเนื้อเยื่อ ทำให้มีแรงดัน (tension) กระทำต่อผนังหลอดเลือดมากขึ้นๆในที่สุดผนังหลอดเลือดจะอ่อนแรง การไหลเวียนของเลือดซึ่งปกติจะไหลจากหัวใจไปตามแนวขนาน (laminar flow) ของหลอดเลือดก็จะเปลี่ยนเป็นการไหลวน (turbulent flow) ยิ่งทำให้เพิ่มแรงดันต่อผนังหลอดเลือดมากขึ้นๆ ในที่สุดผนังหลอดเลือดจะขยายออกและมีโอกาสแตกได้ เมื่อไม่สามารถจะขยายได้อีกและผนังหลอดเลือดเกิดการฉีกขาด จะปรากฏเลือดแทรกซึมเข้าไปในผนังชั้นกลาง เลือดมักจะแทรกซึมไปทางด้านส่วนปลายมากกว่าส่วนต้น ก้อนเลือดที่เกิดขึ้นจะทำให้รูหลอดเลือดมีขนาดเล็กลง ยิ่งทำให้เป็นการเพิ่มแรงดันต่อบริเวณผนังหลอดเลือดนั้นมากขึ้น และถ้าเลือดออกมากขึ้นจะไปกดอวัยวะที่อยู่ข้างเคียงได้เช่นกดช่องเยื่อหุ้มหัวใจทำให้เกิดภาวะหัวใจถูกบีบรัด
        (cardiac tamponade) ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอย่างกะทันหัน
- - - - ความอ้วน
      - ความผิดปกติของเส้นเลือดแดงบางเส้น
      - โรคความดันโลหิตสูงในครอบครัว
      - การสูบบุหรี่
      - การรับประทานอาหารที่มีรสเค็ม
      - การดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินควร
    - - เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดแดงบางเส้น ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง
  - - - ปวดศีรษะ ลักษณะอาการปวดมักจะปวดที่ท้ายทอย โดยเฉพาะช่วงเช้าหลังตื่นนอน และมักค่อยๆดีขึ้นและหายไปเอง
      - เวียนศีรษะ มึนงง ซึ่งอาจเกิดจากสมองขาดเลือดชั่วขณะ อาจมีอาการคล้ายจะเป็นลม
      - เลือดกำเดาไหล แต่ไม่พบบ่อย
      - หายใจลำบากขณะออกแรงหรือทำงานหนัก หรืออาจหายใจลำบากขณะนอนราบ (มักพบในผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อนในหัวใจ)
      - อาการอื่นๆที่อาจพบได้ เช่น ปัสสาวะมาก กระหายน้ำ ใจสั่นและอาการทางพยาธิสภาพของอวัยวะที่สำคัญเสียหน้าที่
    - - ผู้ป่วยมีอาการ เหนื่อยง่าย ปวดศรีษะ หายใจเหนื่อยหอบ
  - - - การลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
      - การออกกำลังกายสม่ำเสมอ
      - การลดปริมาณอาหารเค็ม
      - งดสูบบุหรี่
      - ไม่ดื่มสุรา หรือ ดื่มเพียงเล็กน้อย
    - - enalapril
      - propranolol
      - metoprolol
      - doxasozin
      - hydralazine
      - hydrochlorothiazide
      - Nimodipine
    - - ผู้ป่วยได้รับยา -Nicardipine (1:5) Iv 10 ml/hr
        -Nimotop 2 tab q 8 hr
  - - - ผู้ป่วยมีความดันโลหิตสูงอยู่ที่ 172/92 mmHg
    - - ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 mmHg ติดต่อกัน 2 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน