Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
เทคนิคการคิดเชิงสร้างสรรค์ - Coggle Diagram
เทคนิคการคิดเชิงสร้างสรรค์
องค์ประกอบของความคิดเชิงสร้างสรรค์
เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (2556) เสนอแนวคิดเกี่ยวกับองค์ประกอบที่ช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ไว้ว่า
มนุษย์ใช้สมองซีกขวาทำหน้าที่ในการคิดสร้างสรรค์ได้ไม่เท่าเทียมกัน
1.1 ด้านทัศนคติ (attitude) และบุคลิกภาพ (personality) 12 ประการ ดังนี้
1.1.1 เป็นคนเปิดกว้างในการรับประสบการณ์ใหม่ ๆ 1.1.2 มีอิสระในการคิดและตัดสินใจ
1.1.3 มีความเชื่อมั่นและเป็นตัวของตัวเอง 1.1.4 กล้าเผชิญความเสี่ยง
1.1.5 มีทัศนคติเชิงบวกต่อสถานการณ์ 1.1.6 มีแรงจูงใจสูงที่จะทำให้สำเร็จ
1.1.7 สนใจสิ่งที่สลับซับซ้อน 1.1.8 ยินดีทำงานหนัก
1.1.9 บากบั่นอุตสาหะ 1.1.10 อดทนต่อปัญหาที่มองไม่เห็นคำตอบ
1.1.11 เรียนรู้จากประสบการณ์ความล้มเหลว 1.1.12 รับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
1.2 ด้านสติปัญญา 4 ประการได้แก่
1.2.1 ความสามารถในการกำหนดขอบเขตของปัญหา
1.2.2 ความสามารถในการใช้จินตนาการ
1.2.3 ความสามารถในการคัดเลือกอย่างมียุทธศาสตร์
1.2.4 ความสามารถในการประเมินอย่างมีประสิทธิภาพ
1.3 ด้านความรู้
คนมีความรู้มักจะคิดสร้างสรรค์ได้ดีกว่า เพราะความรู้ทำให้เข้าใจธรรมชาติของปัญหาได้ดีกว่า
ทำให้คิดงานที่มีคุณภาพเพราะมีรากฐานของความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นรองรับ
1.4 ด้านรูปแบบการคิด
รูปแบบการคิดของคนบางคนช่วยส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในขณะที่รูปแบบการคิดของบางคนขัดขวางการคิดสร้า
งสรรค์ ลักษณะการคิดที่เหมาะสมต่อการคิดสร้างสรรค์
1.5 ด้านแรงจูงใจ
แรงจูงใจที่กระตุ้นจากภายในมีประโยชน์ต่อความคิดสร้างสรรค์
เพราะทำให้รู้สึกสนุกกับงานและรู้สึกว่างานมีความน่าสนใจ เช่น ความต้องการประสบความสำเร็จ
1.6 ด้านสภาพแวดล้อม
บรรยากาศในสังคมที่ไม่มีการสร้างกรอบมาตรฐานเพื่อบีบรัดย่อมส่งเสริมให้สังคมมีความคิดสร้างสรรค์
ปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้คนในสังคมขาดความคิดสร้างสรรค์
ขั้นตอนและเทคนิคการคิดเชิงสร้างสรรค์
เทคนิคการแสวงหาแนวคิดสร้างสรรค์เพื่อนำมาใช้ในการแก้ปัญหาที่นักวิชาการกล่าวถึงมากและใช้กันอย่างแพร่หลายตั้งแต่ทศ
วรรษที่ 1950 จนถึงปัจจุบัน คือ เทคนิคที่นำเสนอโดย อเล็กซานเดอร์ ออสบอร์น (Alexander Osborn)
นักธุรกิจและนักคิดที่มีชื่อเสียงระดับโลก เทคนิคนี้ประกอบด้วย 10 ขั้นตอน ได้แก่
2.1 การระดมสมอง (brainstorming) เพื่อหาความคิดใหม่ที่หลากหลาย
เมื่อมีปัญหาที่ต้องการคำตอบ
การใช้วิธีการเดิม ๆ หรือการคิดเพียงคนเดียวอาจไม่ทำให้พบคำตอบที่ดีที่สุด
จึงควรใช้วิธีการระดมสมองเพื่อจะได้ความคิดที่หลากหลายซึ่งจะช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ที่มีประสิทธิภาพมาก
เพราะเมื่อมีความคิดจากคน ๆ หนึ่งขึ้นมาจะไปกระตุ้นคนอื่น ๆ ให้เกิดความคิดใหม่ ๆ ขึ้นมาด้วย
2.2 ทำของเก่าให้เป็นของใหม่ด้วยแผ่นตรวจสอบของออสบอร์น
เป็นแผ่นที่มีแนวทางกระตุ้นคิดในแง่มุมต่าง ๆ เพื่อหาแนวทางใหม่ ๆ ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ประกอบด้วย 9 คำถาม ได้แก่
2.2.1 นำไปใช้ทำอย่างอื่น (put to other uses) ได้อีกหรือไม่ เช่น ใช้ทำอะไรได้อีก
ถ้านำไปดัดแปลงแล้วจะนำไปทำอะไรได้บ้าง
2.2.2 นำอย่างอื่นมาดัดแปลง (adapt) ใช้แทนได้หรือไม่ เช่น มีอะไรที่เหมือนสิ่งนี้อีกหรือไม่
มีอะไรบ้างที่สามารถลอกเลียนได้
2.2.3 ปรับเปลี่ยน (modify) ได้หรือไม่ เช่น เปลี่ยนรูปร่าง เปลี่ยนสี เติมกลิ่น เคลื่อนไหวแบบอื่น
2.2.4 เพิ่มหรือขยาย (magnify) ได้หรือไม่ เช่น เพิ่มส่วนประกอบให้มากขึ้น เพิ่มเวลาให้นานขึ้น ทำให้ใหญ่ขึ้น
ทำให้มีค่ามากขึ้น
2.2.5 ลดหรือหด (minify) ได้หรือไม่เช่น ย่อส่วนลง ลดราคาให้ถูกลง ทำให้ขนาดเล็กลง ทำให้ช้าลง
2.2.6 ทดแทน (substitute) ได้หรือไม่เช่น ใครจะมาแทนได้อีก จะใช้อะไรแทนได้บ้าง
2.2.7 จัดใหม่ (rearrange) ได้หรือไม่ เช่น จัดองค์ประกอบใหม่ จัดเรียงใหม่ เปลี่ยนสถานที่ใหม่
2.2.8 สลับ (reverse) ได้หรือไม่ เช่น กลับด้าน เปลี่ยนขั้ว สลับบทบาท ย้อนกลับ
2.2.9 ผสมรวม (combine) ได้หรือไม่ เช่น รวมกับผลิตภัณฑ์อื่น รวมวัตถุประสงค์ รวมแผนก รวมแนวคิด
2.3 ขยายขอบเขตปัญหาจากรูปธรรมสู่นามธรรม แล้วค่อยคิด
ความรู้ที่มีอยู่ในตัวเราอาจจำกัดความคิดเราไม่ให้แหวกแนวออกไป
นักคิดเชิงสร้างสรรค์จึงไม่คิดในเรื่องที่กำลังคิดอยู่แต่คิดในความเป็นนามธรรมของเรื่องนั้นที่มีอยู่ในสิ่งทั้งปวง
2.4 ปรับสภาพแวดล้อมและเวลาให้เหมาะสมสำหรับการคิดสภาพแวดล้อมมีผลต่อการคิด
ลองสำรวจตัวเองว่า
เราสามารถคิดเรื่องต่าง ๆ ได้ดีเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อม อยู่ในบรรยากาศเช่นไร เช่น เมื่ออยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบ
ๆเมื่อได้มองคนเดินไปเดินมา เมื่ออยู่ในที่โล่งเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติ ฯลฯ
2.5 กลับสิ่งที่จะคิด แล้วลองคิดในมุมกลับ
การคิดในมุมกลับเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้มองมุมอีกมุมหนึ่งที่เราไม่เคยคิดที่จะมองมาก่อน
2.6 จับคู่ตรงข้าม เพื่อหักมุมสู่สิ่งใหม่
เป็นวิธีการหาสิ่งที่อยู่ตรงข้าม ในลักษณะขัดแย้ง (conflict)
เพื่อก่อให้เกิดการหักมุมความคาดหวังที่คนทั่วๆ ไปไม่คิดว่าจะเป็น กลายเป็นสิ่งสร้างสรรค์ใหม่ เช่น มิตร-ศัตรู ยาจก-เศรษฐี
โชคดี-โชคร้าย
2.7 คิดแหวกวงความน่าจะเป็น ย้อนกลับมาหาความเป็นไปได้
เป็นการเชื่อมโยงถึงความเป็นไปได้โดยแสวงหาแนวคิดใหม่ จากการคิดนอกกรอบของตรรกศาสตร์ที่มีตัวเลือกว่าถูก-ผิด ใช่-
ไม่ใช่ แต่พยายามหาคำตอบที่แหวกกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้มากที่สุด
2.8 หาสิ่งไม่เชื่อมโยง เป็นตัวเขี่ยความคิดสร้างสรรค์
เพื่อให้เกิดการค้นพบสิ่งใหม่
เพื่อตอบปัญหาที่คิดอยู่ให้เห็นทางออกของปัญหาที่สร้างสรรค์ และปฏิบัติได้จริง โดยตัวเขี่ยความคิด หาได้จากเปิดหนังสือ
และเปิดพจนานุกรม
2.9 ใช้เทคนิคการสังเคราะห์ส่วนประกอบ (morphological synthesis)
ทำได้โดยการเขียนรายการของแนวคิดที่เกี่ยวกับลักษณะหรือแง่มุมหนึ่งของสิ่งที่ต้องการตอบออกมาเขียนเรียงไว้แกนหนึ่ง
(เช่น เรียงในแนวตั้ง)
2.10 ใช้การเปรียบเทียบ เพื่อกระตุ้นมุมมองใหม่ ๆ
เทคนิคนี้ได้รับความนิยมในวงการอุตสาหกรรมและองค์กรที่ต้องการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ