Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การช่วยฟื้นคืนชีพในทารกและเด็ก, น.ส.อรยา ลาชัย 61120267 Section 2 กลุ่ม 4…
การช่วยฟื้นคืนชีพในทารกและเด็ก
1.การวินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีภาวะ Cardiopulmonary Arrest (ต้องทำอย่างรีบด่วนภายใน 5-10 วินาที)
หมดสติซึ่งจะเกิดเมื่อหัวใจหยุดท างานไปประมาณ 3-6 นาที
ซีด เขียวซึ่งจะเห็นได้ชัดที่หน้าริมฝีปาก และเล็บมือเล็บเท้า
คลำชีพจรไม่ได้โดยเฉพาะที่ซอกคอข้อพับแขน และขาหนีบ
รูม่านตาขยายและไม่มีปฏิกิริยาต่อแสง ซึ่งจะเริ่มเกิดเมื่อหัวใจหยุดทำงานไป 45 วินาที และจะ
ขยายเต็มที่เมื่อ 1 นาที
ไม่หายใจ หรือมีหายใจกระตุกเป็นช่วงๆนานๆครั้ง
4.ขั้นตอนต่อไปเป็น Advanced Cardiac Life Support (ACLS) ซึ่งเป็นการใช้ยาและเครื่องมือเข้ามาช่วยใน
การทำ CPR ให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบด้วย
Drug and I.V. line
Defebrillator
Electrocardiogram (E.C.G)
อุปกรณ์สำหรับใช้ในการช่วยฟื้นชีวิตทารกและทารกแรกเกิด ได้แก่
1. อุปกรณ์สำหรับการดูดเสมหะ
ลูกสูบยางแดง (Bulb syringe)
เครื่องส าหรับดูดเสมหะ (Mechanical suction)
2. อุปกรณ์ส าหรับการให้ออกซิเจน
Oxygen with flow meter (flow rate up to 10 L/min) and tubing
3. อุปกรณ์ส าหรับการใส่ท่อช่วยหายใจ
Laryngoscope with straight blades No. 0 ส าหรับทารกคลอดก่อนก าหนดและ No. 1 ส าหรับทารก
ครบก าหนด
Endotracheal tube sizes 2.5, 3.0, 3.5, 4.0 mm.
Extra bulbs and batteries for laryngoscope
4. อุปกรณ์ส าหรับใส่สาย umbilical catheter
umbilical artery catheterization tray
Epinephrine 1:10 000 (0.1 mg/mL) 3-mL or 10-mL ampules
5. ยาต่างๆ
6. อุปกรณ์อื่นๆ
Radiant warmer or other heat source
การให้การช่วยฟื้นชีวิต (CPR)
1. A = Airway
คือขั้นตอนการท าทางเดินหายใจให้โล่ง
2. B = Breathing คือขั้นตอนการช่วยหายใจ
3. C = Circulation คือขั้นตอนการช่วยให้โลหิตไหลเวียน
2.ภาวะของหัวหยุดทำงานแบ่งเป็น 3 ประเภทคือ
1.Ventricular Asystole
2.Ventricular Fibrillation
3.Electromechanical Dissociation
3.สาเหตุของการที่หัวใจหยุดทำงาน
โรคหัวใจ
อุณหภูมิของร่างกายต่ำกว่าปกติมาก (Hypothermia) โดยเฉพาะในทารกแรกเกิด
การท างานของหัวใจล้มเหลวอย ่างรุนแรง (Severe Heart Failure)
ความดันโลหิตต่่ำอย่างรุนแรง (Severe Hypotension) หรือมีภาวะช็อค(Shock)
มีเลือดออกในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ(Cardiac Temponade)
การได้รับยาเกินขนาด (Drug Overdose) เช่น Digitalis, Potassiun
หัวใจเต้นผิดจังหวะ(Arrhythmias) เช่น Ventricular Tachycardia (VT),Ventricular
Fibrillation (VF)
อุบัติเหตุบางอย ่าง เช่น ไฟฟ้าช็อค (Electric Shock), จมน้ า (Near Drowning)
การได้รับเลือด (Blood Transfusion) ที่เย็นมากและเร็วเกินไป
4.การประเมินและการช่วยฟื้นชีวิตในผู้ป่วยเด็ก
5.อาการและอาการแสดงออกของ Impending Pediatric Cardiopulmonary Arrest
มีอาการเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาท
3.มีอาการเปลี่ยนแปลงทางระบบหัวใจและหลอดเลือด
มีภาวะการหายใจล าบาก (Respiratory Distress)
การทำExternal Chest Compressions
ในผู้ป่วยเด็กโตให้ผู้ท าการช่วยเหลือวางสันมือลงบนส่วนกลางค่อนไปข้างล่างของกระดูกหน้าอก หรือ
ประมาณ 2 นิ้วมือเหนือ Xyphoid Process ด้วยอัตราเร็วอย่างน้อย 100 ครั้งต่อนาทั
ในเด็ก
ในผู้ป ่วยเด็กเล็ก ถ้าจับชีพจรไม่ได้หรือในเด็กเล็กที่อายุต่ ากว่า 1 ปี ชีพจรจะเต้นช้ามาก (น้อยกว่า 60
ครั้งต่อนาที) ให้กดหน้าอกโดยผู้ท าใช้มือทั้งสองข้างอ้อมไปทางด้านหลังของผู้ป ่วยในลักษณะมือทั้งสองข้าง
ประสานกันเพื่อรองหลังให้เกิดแรงต้านแทนกระดานรองหลังและขณะนวดหัวใจ
สัมพันธ์ไปด้วยโดยให้อัตราการนวดหัวใจ (External Chest Compression) ต่อการช่วยหายใจเท่ากับ
15 : 2
(ในกรณีที่มีผู้ช่วยสองคน)
ถ้ามีเพียงคนเดียวให้ทำ
30: 2
ถ้าในเด็กทารกแรกเกิดจะมีการกดหน้าอก 3 ครั้งต่อ
การช่วยหายใจ 1 ครั้ง หรือ 3:1 จ านวน 30 รอบ
ทารกแรกเกิดควรได้รับการดูแล ดังต่อไปนี้
การช่วยกู้ชีพขั้นเบื้องต้น ได้แก่ การให้ความอบอุ่น จัดท่าเพื่อเปิดทางเดินหายใจโล่งหรือดูด
เสมหะเมื่อจำเป็น เช็ดตัวทารกและกระตุ้นทารก
การกดหน้าอก
การช่วยหายใจ ในการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก มีข้อบ ่งชี้คือ เมื่อทารกหยุดหายใจ หายใจ
เฮือก (Gasping) หรืออัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 100 ครั้งต่อนาที หรือมีภาวะตัวเขียวขณะ
ให้ออกซิเจนความเข้มข้น 100 %
การให้ยา epinephrine และหรือสารน้ า (volume expansion)
การช่วยเหลือทารกที่สำคัญๆมีดังต่อไปนี้
1. การช่วยเหลือพื้นฐานหรือขั้นต้น (Basic step
)
Warmth
Radiant warmer
skin to skin contact
Clearing the airway
Positioning
Suctioning
Clearing the airway of meconium
decrease muscle tone
Oxygen administration
โดยข้อบ ่งชี้ในการให้ PPV คือ
ทารกที่ไม่หายใจ
ทารกที่ไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้นการหายใจ
ในรายที่ทารกมี apnea หรือ gasping respirations
ทารกหายใจ แต่มีอัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 100 ครั้งต่อนาที
ทารกที่มีภาวะ cyanosis แม้ว่าได้ให้ 100% ออกซิเจน ผ่านทาง face mask and flow-inflating
bag หรือ oxygen mask หรือ วิธี hand cupped around oxygen tubing
2. Ventilation
การกระตุ้นการหายใจ ควรให้ออกซิเจนทางสายเข้า face mask แต่ถ้าทารกยังหายใจไม่ดีขึ้นควรให้
positive pressure ventilation (PPV) ด้วยออกซิเจน 100%
ท่อหลอดลมคอโดยมีข้อบ ่งชี้ในการใส่ท่อหลอดลมคอ endotracheal tube (ET tube) คือ
ทารกที่มีน้ำคร่่ำและขี้เทาใน trachea และต้องดูดออก
ทารกได้ทำ PPV ด้วย bag และ mask แล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น
ทารกที่ต้องช่วยเหลือโดยการท า Chest compression
ทารกที่มีน้ าหนักตัวน้อยกว่า 1,500 กรัมและไม่มีการหายใจ อัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 100 ครั้ง
ต่อนาทีโดยในการใส่ET tube ควรเลือกขนาดให้เหมาะสมกับตัวทารก ส่วนต าแหน่งในการใส่ผู้ใส่จะดู
vocal cord เป็นแนว โดยใส่ลงไปให้ปลายของท่ออยู่เหนือต าแหน่งของ carina ซึ่งความลึกของ tube
3. Chest compression
การท า Chest compression จะท าก็ต่อเมื่อทารกมีอัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 60 ครั้ง/นาทีแม้ว่า
ได้ช่วยเหลือด้วยการให้ออกซิเจน 100 % โดย bag และ mask แล้วประมาณ 30 วินาทีโดยวิธีการท า Chest
compression ควรเลือกท าจากวิธีใดวิธีหนึ่งจาก 2 วิธีดังนี้ทั้งนี้ในปัจจุบันในทางปฏิบัติแนะน าให้ใช้ Thumb
technique(Myra, H. et. Al, 2015) และจะหยุดท า Chest compression เมื่อทารกมีอัตราการเต้นของ
หัวใจมากกว่า 60 ครั้ง/นาที
ABC โดยมีรายละเอียด ดังนี้
การช่วยกู้ชีพขั้นเบื้องต้น ได้แก่ การให้ความอบอุ่น จัดท่าเพื่อเปิดทางเดินหายใจโล่งหรือดูด
เสมหะเมื่อจ าเป็น เช็ดตัวทารกและกระตุ้นทารก
การช่วยหายใจ ในการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก มีข้อบ ่งชี้คือ เมื่อทารกหยุดหายใจ หายใจ
เฮือก (Gasping) หรืออัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 100 ครั้งต่อนาที หรือมีภาวะตัวเขียวขณะ
ให้ออกซิเจนความเข้มข้น 100 %
การกดหน้าอก
การให้ยา epinephrine และหรือสารน้ า (volume expansion)
3.ยาต่างๆ ที่ใช้ควบคุมการทำงานของหัวใจและความดันโลหิต ซึ่งได้แก่
3.1 Adrenaline (Epinephrine)
3.2 Atropine
3.3 Lidocaine
3.4 Cordarone
3.5 Isuprel
3.6 Dopamine
3.7 Dobutamine
3.8 10% Calcium gluconate
3.9 Sodium Bicarbonate
ข้อควรระวัง
ในเด็กเล็กต้องเจือจางยานี้ด้วย Sterile Water 1 : 1 ก่อนให้เสมอเพราะอาจท าให้เกิด
Intracranial hemorrhage ได้
การให้ยานี้มากเกินไปจะท าให้เกิด Metabolic Alkalosis ท าให้เกิด Oxyhemoglobin
Dissociation Curve ขยับไปทางซ้ายท าให้การปล่อยออกซิเจนสู่เนื้อเยื่อลดลง
3.10 50% Glucose
เมื่อทำ CPR แล้วควรประเมินผลการทำว่าได้ผลดีหรือไม่ โดยการตรวจ
คลำชีพจรและวัดความดันได้
ผู้ป ่วยตอบสนองต่อการกระตุ้น
อาการเขียวลดลง
รูม่านตาเล็กลงและมีปฏิกิริยาต่อแสง
ผู้ป ่วยเริ่มหายใจเองได้
ผู้ป่วยตื่นและกลับรู้สึกตัวดีเหมือนเดิม
ควรหยุดทำ CPR เมื่อ
กรณีที่ CPR แล้วไม่ตอบสนองต่อ CPR เมื่อ CPR นานมากกว่า 1 ชั่วโมงและมีSign ของ
Cardiac Death คือไม่มีElectricity ของหัวใจ
Irreversible Brain Damaged,Brain Death
ผู้ป ่วยอาการดีขึ้น
ภาวะแทรกซ้อนของการทำ CPR
อาเจียนและ Regurgitation ซึ่งอาจเป็นผลท าให้เกิด Aspirated Pneumonia
กระดูกหน้าอกหัก
กระดูกซีโครงหัก
มีลมในช่องเยื่อหุ้มปอด
มีเลือดออกในช่องเยื่อหุ้มปอด
อวัยวะภายในฉีกขาด
มีเลือดออกภายใน
ปอดช้ำ
กระดูกซี่โครงแยกออกจากกระดูกหน้าอก
CPR จะมีประสิทธิภาพดีได้ผล
1. ทีม CPR โดยปกติแล้วประกอบด้วย
-กุมารแพทย์(1-2 คน)
-วิสัญญีแพทย์(บางกรณี)
-พยาบาลประจ าหอผู้ป ่วย
2. อุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้ต้องพร้อม
และรู้แหล่งที่เก็บซึ่งได้แก่
รถ Emergency
3.บุคลากรควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนในการทำ CPR
ภายหลังการท า CPR ทุกครั้งควรประเมินโดยเฉพาะในจุดที่ยังบกพร่องและหาทางแก้ไข
ติดตามและศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับ CPR ที่ทันสมัยและน ามาดัดแปลงใช้ในหอผู้ป ่วย
ควรมีCPR Card หรือ CPR Drug Flow Sheet ส าหรับผู้ป ่วยแต่ละรายที่เสี่ยงการเกิดภาวะ
หัวใจหยุดท างานโดยให้แพทย์กรอกข้อมูลในการให้ยาช่วยฟื้นชีวิตไว้อย ่างครบถ้วนและสามารถ
น ามาใช้ได้ทันทีที่ต้องการในผู้ป ่วยแต่ละรายซึ่งจะท าให้การใช้ยาเป็นไปอย ่างรวดเร็วและถูกต้อง
สรุปบทบาทของพยาบาลเกี่ยวกับการทำ CPR
พยาบาลต้องมีความรู้ความสามารถในการประเมินผลและวินิจฉัยว่าผู้ป ่วยมีCardiac Arrest
พยาบาลควรมีสติและไม่ตกใจเมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น
พยาบาลจะต้องมีความรอบคอบ ช่างสังเกตและสามารถจัดเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินได้ทันและเร็วในขณะที่
Cardiac Arrest เกิดขึ้น
พยาบาลควรมีความรู้เกี่ยวกับการใช้ยาขนาดของยาและเครื่องมือต่างๆในการท า CPR
พยาบาลต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการท าที่ถูกต้องและทันสมัย
พยาบาลควรมีการตรวจเช็คเครื่องมือต่างๆที่เกี่ยวกับการท าให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้ได้อยู่เสมอ
น.ส.อรยา ลาชัย 61120267 Section 2 กลุ่ม 4