CPR
ปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพด้วยวิธีปั๊มหัวใจ เป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อช่วยชีวิตผู้ที่หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้นให้มีการหายใจและการไหลเวียนกลับคืนสู่สภาพเดิม ป้องกันเนื้อเยื่อได้รับอันตรายจากการขาดออกซิเจนอย่างถาวร
การวินิจฉัยผู้ป่วยที่มีภาวะ Cardiopulmonary Arrest
- หมดสติ ซึ่งจะเกิดเมื่อหัวใจหยุดทำงานไปประมาณ 3-6 นาที
- ซีด เขียว จะเห็นได้ชัดที่หน้า ริมฝีปาก และเล็กมือเล็บเท้า
- ไม่หายใจหรือมีหัวใจกระตุกเป็นช่วง ๆ นาน ๆ ครั้ง
- คลำชีพจรไม่ได้ที่ซอกคอ ข้อพับแขน และขาหนีบ
- ฟังเสียงการเต้ยของหัวใจไม่ได้หรือฟังได้แต่ช้ามาก
- รูม่านตาขยายและไม่ปฏิกิริยาตอบสนองซึ่งจะเริ่มเกิดเมื่อหัวใจหยุดทำงานไป 45 วินาที และจะขยายเต็มที่เมื่อ 1 นาที
บางรายอาจชักได้
ภาวะของหัวใจหยุดทำงาน
Ventricular Asystole
Ventricular Fibrillation
Electromechanical Dissociation
สาเหตุของการที่หัวใจหยุดทำงาน
โรคหัวใจ
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
มีเลือดออกในเยื่อหุ้มหัวใจ
การทำงานของหัวใจล้มเหลวอย่างรุนแรง
มีภาวะการหายใจล้อมเหลวอย่างเฉียบพลัน
อุณหภูมิของร่างกายต่ำกว่าปกติมาก
มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำมาก
ปฏิกิริยาจากการกระตุ้นประสาทเวกัส
ความดันโลหิตต่ำอย่างรุนแรง
ภาวะไม่สมดุลของกรดด่าง
ภาวะไม่สมดุลของเกลือแร่
การได้รับยาเกินขนาด
การได้รับเลือดที่เย็นและเร็วเกินไป
มี Air Embolism ขนากใหญ่
อุบัตอเหตุบางอย่าง เช่น ไฟฟ้าช็อค จมน้ำ
การประเมินและการช่วยเหลือ
การประเมินสัญญาณชีพ
สาเหตุ
Respiratory Dysfunction หากไม่ได้รับการแก้ไขจะมีผลทำให้เกิดภาวะ Anoxia, Hypoxia และ Acidosis ก็จะทำให้เกิด Myocardial Dysfunction แและเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นได้
อาการและอาการแสดงออกของ Impending Pediatric Cardiopulmonary Arrest
Respiratory Distres
Rapid Respiration
Shallow Respiration
Chest Wall Retraction
Expiratory Grunting
Nasal Flaring
Air Hunger
อาหารทางระบบประสาท
ระดับความรู้สึกตัวลดลง
แรงตึงตัวของกล้ามเนื้ออ่อนแรงแบบ Flaccid Tone
การเปลี่ยนแปลงระบบหัวใจและหลอดเลือด
Tachycardia
Mottling
ซีด
Capillary Refill ไม่ดี
Peripheral Pulse
ABC
A : Airway
Assessment หรือการประเมินความรู้สึกตัวของผู้ป่วย
Call for help ก็ให้ร้องขอความช่วยเหลือโดยเรียกผู้ร่วมงานมาช่วยให้ตามแพทย์ทันทีพร้อมทั้งเตรียมรถ Emergency ไม้กระดานสามสำหรับรองหลังชุดให้ออกซิเจนและชุดดูดเสมหะ
Position the victim หรือการจัดท่าผู้ป่วยระหว่างรอแพทย์พยาบาลควรจัดท่าผู้ป่วยให้นอนหงายราบไม่หนุนหมอนหรือสอดไม้กระดานรองหลังผู้ป่วย
Open the airway หรือเปิดทางเดินหายใจคือทำการเปิดทางเดินหายใจโดยถ้าไม่มีการอุดกั้นของทางเดินหายใจให้ใช้นิ้วล้วงเอาสิ่งแปลกปลอมหรือเศษอาหารออก (Finger Sweep) ซึ่ง Finger Sweep นี้จะทำเฉพาะในรายที่ช่องปากใหญ่กว่านิ้วเท่านั้นในเด็กเล็กจะไม่ทำเพราะจะยิ่งทำให้สิ่งแปลกปลอมเคลื่อนเข้าไปข้างในมากขึ้นจะใช้วิธีการอุ้มด้วยแขนบริเวณเอวของผู้ช่วยเหลือแล้วตบระหว่างสะบักด้วยสันมือ
. B = Breathing
เมื่อตรวจเช็คแล้วผู้ป่วยหยุดหายใจหรือหายใจลำบากมากต้องให้การช่วยเหลือโดยใช้หน้ากากช่วยหายใจ (Ambu Face Mask) ต่อเข้ากับถุงช่วยหายใจ (Resuscitating Bag) และออกซิเจนเปิด 12-15 ลิตรต่อนาทีครอบจมูกและปากผู้ป่วยโดยจับคางยกขึ้นและกดหน้าผากลงครอบหน้ากากช่วยหายใจให้แน่นโดยขนาดของหน้ากากช่วยหายใจต้องมีขนาดที่พอเหมาะกับปากและจมูกของผู้ป่วยหลังจากนั้นบีบลมเข้าออก แต่ต้องสังเกตว่าลมเข้าปอดดีหรือไม่โดยจะเห็นหน้าอกขยายขึ้นและแฟบลงตามแรงบีบในเด็กเล็กบีบลมเข้าประมาณ 20 ครั้งต่อนาทีในเด็กโตประมาณ 15 ครั้งต่อนาทีหรือเป่าปาก 2 ครั้งในช่วงแรก
C = Circulation
Assessment : Determine Pulselessness
การประเมินการทำงานของหัวใจ โดยการคลำชีพจรที่ซอกคอ (Carotid Pulse) ที่ข้อพับแขน (Brachial Pulse)
Perform Chest Compression คือขั้นตอนการนวดหัวใจแพทย์หรือพยาบาลเตรียมทาการนวดหัวใจจาก ภายนอก (External Chest Compressions)
ผู้ป่วยเด็กโต ให้ผู้ทำการช่วยเหลือวางสันมือลงบนส่วนกลางค่อนไปข้างล่างของกระดูกหน้าอก หรือ ประมาณ 2 นิ้วมือเหนือ Xyphoid Process และวางสันมืออีกข้างหนึ่งทับบนมือแรก ให้แขนทั้ง สองข้างเหยียดตรง โดยผู้ทำต้องอยู่ในระดับที่สูงกว่าตัวผู้ป่วยแล้วโน้มตัวไปข้างหน้า เริ่มนวดหัวใจโดยออกแรง จากไหล่และลำตัวในท่าที่ข้อศอกเหยียดตรงตลอดเวลา ให้แรงที่ออกลงมาบนสันมือแรงพอสมควรและเร็ว โดยกดให้หน้าอกยุบลงประมาณ 1ใน 3 ของความหนาของทรวงอกและด้วยอัตราเร็วอย่างน้อย 100 ครั้งต่อ
ในผู้ป่วยเด็กเล็ก ถ้าจับชีพจรไม่ได้หรือในเด้กเล็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปี ชีพจรจะเต้นช้ามาก ให้กดหน้าอกโดยผู้ทำใช้มือทั้งสองข้างประสาทฃนกันเพื่อรองหลังของผู้ป่วยในลักษณะมือทั้งสองข้างประสานกันเพื่อรองหลังให้เกิดแรงต้านแทนกระดานรองหลังและขณะนวดหัวใจและอ้อมนิ้วแม่มือมา ด้านหน้าของผู้ป่วยกดหัวแม่มือทั้งสองข้างลงบริเวณ ส่วนกลางของกระดูกหน้าอก และในกรณีที่เด็กตัวโตไม่สามารถอมนิ้วมือได้ให้ใช้สองนิ้วมือวางลงที่กระดูก หน้าอกที่ตำแหน่งใต้ราวนมประมาณ 1 นิ้วมือ แล้วกดลงด้วยความลึกและความเร็ว
Advanced Cardiac Life Support (ACLS)
DrugandI.V.line
Defebrillator
Electrocardiogram(E.C.G)
การช่วยฟื้นชีวิตทารกและทารกแรกเกิด
อุปกรณ์สำหรับใช้ในการช่วยฟื้นทารกและทารกแรกเกิด
- อุปกรณ์สำหรับการดูดเสมหะ
Bulb syringe
Mechanical suction
Suction catheter
Meconium aspirator
NG-tube for feeding และ syringe 20 cc.
2.อุปกรณ์สำหรับให้ออกซิเจน
Infant resuscitation bag with reservoir (the bag must be capable of delivering 90% to 100% oxygen)
Face masks หลายขนาด สำหรับ newborn and premature sizes
Oxygen with flow meter (flow rate up to 10 L/min) and tubing
- อุปกรณ์สำหรับใส่ท่อช่วยหายใจ
Laryngoscope with straight blades No. 0 สำหรับทารกคลอดก่อนกำหนด No. 1 สำหรับทารกคลอดครบกำหนด
Endotracheal tube sizes 2.5, 3.0, 3.5, 4.0 mm.
Extra bulbs and batteries for laryngoscope
Stylet
กรรไกร
- อุปกรณ์สำหรับใส่สายumbilicalcatheter
umbilical artery catheterization tray
umbilical tape
umbilical catheters
3-way stopcocks
- ยาต่างๆ
6.อุปกรณ์อื่น ๆ
Radiant warmer or other heat source
Stethoscope
Firm, padded resuscitation surface
พลาสเตอร์, ถุงมือปราศจากเชื้อ , Syringes, Needles
Cardiac monitor and electrodes and/or pulse oximeter with probe (optional for delivery room)
Oropharyngeal airways
การช่วยเหลือทารกที่สำคัญ
การช่วยเหลือการหายใจขั้นต้น (Basic step)
- ให้ความอบอุ่นของร่างกาย(Warmth)
โดยเช็คตัวทารกใต้ Radiant warmer และห่อด้วยผ้านวมที่อุ่นหรืออาจให้ ทารกนอนบนหน้าอกของมารดา (skin to skin contact)
เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง(Clearingtheairway)
โดยใช้นิ้วดึงคางขึ้นมืออีกข้างกดหน้าผากเล็กน้อย เอียงหูและแก้มฟังเสียงหายใจตามองที่หน้าอกเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวของทรวงอกและประเมินการหายใจหลังจากนั้นดูดเสมหะในปากและจมูก
การจัดท่านอนสำหรับทารก (Positioning)
ควรจัดให้ทารกนอนหงายหรือนอนตะแคง โดยศีษระตรงและเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อเปิดทางเดินหายใจให้โล่งซึ่งอาจใช้ผ้าหุ่มหรือผ้าเช็ดตัว ม้วนรองมต้ไหล่ ของทารกสูงจากพื้นที่ทารกนอนประมาณ2 - 3 เซนติเมตร
การดูดเสมหะ(Suctioning)
Clearing the airway of meconium
14Fโดยใช้แรงดูดไม่เกิน80mmHg หรือใช้ลูกสูบยางแดงโดยห้ามเช็คตัวทารกหรือทำการกระตุ้นใด ๆ เพื่อป้องกันการดูดสำลักขี้เทาเข้าไปใหนปอด
Tactile stimulation การกระตุ้นทารกควรกระตุ้นโดยการตีหรือดีดฝ่าเท้าหรือใช้ฝ่ามือลูบหลังทารก ไม่ควรเกิน 15-20 วินาที
Oxygenadministration
ในการให้ออกซิเจนแก่ทารกแรกเกิดคือให้ 100 % ในรายที่มีภาวะ cyanosis อัตราการดต้นของหัวใจน้อยกว่า 100 ครั้งต่อนาที
Ventilation
การกระตุ้นการหายใจ ควรให้ออกซิเจนทางสายเข้า face mask แต่ถ้าทารกยังหายใจไม่ดีขึ้นควรให้ positive pressure ventilation (PPV) โดยออกซิเจน 100%
ข้อบ่งชี้
- ทารกที่ไม่หายใจ
- ทารกที่ไม่ตอบสนองการกระตุ้นของหัวใจ
- ทารกในรายที่มี apnea หรือgasping respirations
4.ทารกหายใจแต่มีอัตราการเต้นขอบหัวใจน้อยกว่า 100 ครั้งต่อนาที
- ทารกที่มีภาวะcyanosis แม้ว่าให้ได้ 100% ออกซิเจนผ่านทางfacemaskandflow-inflating
bag หรือ oxygen mask หรือวิธี hand cupped around oxygen tubing
Chest compression
คือการกดหน้าอก ปั๊มหัวใจช่วยให้ผู้บาดเจ็บมีการไหลเวียนของเลือดในร่างกายอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้หลักในการปั๊มหัวใจ คือ ต้องกดให้กระดูกหน้าอก (Sternum) ลงไปชิดกับกระดูกสันหลัง ซึ่งจะทำให้หัวใจที่อยู่ระหว่างกระดูกทั้งสองอันถูกกดไปด้วย ทำให้มีการบีบเลือดออกจากหัวใจไปเลี้ยงร่างกาย เสมือนการบีบตัวของหัวใจ
ABC
การช่วยการกู้ชีพเบื้องต้น ได้แก่ การให้ความอบอุ่น จักชดท่าเพื่อเปิดทางเดินหายใจโล่งหรือดูดเสมหะเมื่อจำเป็น เช็ดตัวทารกอละการกระตุ้นทารก
การช่วยหายใจ ในการช่วยหายใจด้วยแรงดันบวก
ข้อบ่งชี้
เมื่อทารกหยุดหายใจ ห่ชายใจเฮือก อัตราการเต้นของหัวใจน้อยกว่า 100 ครั้งต่อนาที หรือมีภาวะตัวเขียวขณะให้ออกซิเจนความเข้มข้น 100%
การกดหน้าอก
การให้ยา epinephrine หรือสารน้ำ
Targeted Preductal SpO2 after Birth (Myra, H. et. Al, 2015)
1 min 60% - 65%
2 min 65% - 70%
3 min 70% - 75%
4 min 75% - 80%
5 min 80% - 85%
10min85%-95%
DRUGS USED IN PEDIATRIC ACLS
- ออกซิเจน ใช้ 100% ออกซิเจนในระหว่างการทำ CPR เพื่อแก้ไขภาะ Hypoxemia
- Intravenous Fluids เชน
เลือด
พลาสม่า
Colloid Solution เชน Albumin
Crystalloid Solution เชน Ringer's Lactate
3 ยาต่าง ๆ
Adrenaline (Epinephrine)
เป็นแอลฟ้าและเบต้า Receptor Stimulating Action ช่วยให้หัวใจบีบตัวแรงและเต้นเร็ว เพิ่ม Myocardial Contractility และ Conductivity และ Excitability
เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
เพิ่มMyocardial Contractility
เพิ่ม Systemic Vascular Resistant
ขนาดบรรจุ 1 มก./มล. หรือ 1: 1,000 เจือจางด้วยน้ำกลั่นเป็น 10 มล.จะได้เป็น 1: 10,000 และใน
เด็กใช้ Adrenaline 1 : 10,000 0.1-0.3 มล./กก.ให้ได้ทั้งสองทาง Intravenous และทาง Endotracheal tube ซึ่งในผู้ป่วยเด็กมักจะให้Endotracheal tube ได้ก่อนให้ Intravenous Fluid ซึ่ง
สามารถให้ได้เร็วขึ้น
Atropine
0.6 มก./มล. เป็นยา Parasympathothelytic ทำให้หัวใจบีบตัวแรงและเต้นเร็วขึ้น Intravenous หรือหยอดทาง Endotracheal tube ขนาดทีใช้ 0.01 มก./กก.
Lidocaine
เป็น Antiarrhythmic Drug ในรายที่มี PVC,VT และVF ฉีดเข้าทาง Intravenous และ IV.Drip ต่อขนาดที่ใช้ 1 มก./กก.(ขนาดบรรจุ 10 มก./มล.) หรือจะหยอดทาง Endotracheal tube
Cordarone
เป็น Antiarrhythmic Drug เป็นยาที่ให้เมื่อใช้ Lidocaine แล้วไม่ได้ขนาด บรรจุ 150 มก/ 3 มล.ขนาดที่ใช้ 5 มก./กก./24 ชม.(ข้อควรระวังยานี้ควรผสม 5% D/W เพราะจะตกตะกอน
Isuprel
เบต้า-Receptor Stimulation ช่วยกระตุ้นการเต้นของหัวใจให้เร็วขึ้น ใช้ผสมกับวารน้ำให้เจือจางใน 50-100 มล. แล IV.Drip ช้าๆ โดยดู Heart rate (ข้อควรระวังยานี้ให้ O2 Consumptionจะต้องระวังในผู้ป่วย M.I. ยานี้ขนาดบรรจุ 0.2 มก./มล
Dopamine
Inotropic Drug ช่วยเพิ่มหัวใจบีบตัวแรงและเพิ่มแรงดันหลอดเลือดโดยจะกระตุ้นทั้ง แอลฟาและเบต้า Receptor ถ้าให้ขนาดสูง(มากกว่าหรือเท่ากับ 10 ug/กก./นาที) จะมีฤทธิ์เป็นแอลฟาทำให้เกิด Vasoconstriction มาก แต่ถ้าใช้ในขนาด (1-5ug/กก./นาที) จะช่วยเพิ่ม Renal blood flow
Dobutamine
Synthetic Cathecholemine drug ออกฤทธิ์ตรงต่อเบต้า- Adrenergic Receptor Stimulating ทำให้เพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ ทำให้ Cardiac output เพิ่มขึ้น ขนาด บรรจุ 250 มก./Vial เป็นผงสีขาวใช้ผสมสารน้ำและให้ใช้หลัง CPR เรียบร้อยนแล้วใช้ในการรักษาา Refractory Heart Failureยานี้จะไม่มีผลให้้หัวใจเต้นเร็วยกเว้นให้ในปริมารมาก ๆ
10% Calcium gluconate
ช่วยเพิ่มแรงบีบของหัวใจและช่วยยับยั้งการทำ
งานของK+ มักใช้กับผู้ป่วยที่มี Electromechanical Dissociation โดยฉีดเข้าทาง Intravenous ขนาดบรรจุ 10 มล./1 Amp = 1 กรัม (100 มก./มล.) ขนาดทีใช้ 10 มก./กก.
Sodium Bicarbonate
ใช้แก้ไขภาวะ Metabolic Acidosis ขนาดบรรจุ 8.92 meq/10 มล. ขนาดที่ใช้1 meq/กก ฉีดเข้าทาง Intravenous หลังจากนั้นถ้าสามารถหาค่าของ Arterial Blood Gas และ pH ได้
ข้อควรระวัง
ในเด็กเล็กต้องเจือจางยานี้ด้วย Sterile Water 1 : 1 ก่อนให้เสมอเพราะอาจทำใหเเกิดIntracranial hemorrhage ได
การให้ยานี้มากเกินไปจะทำให้เกิดMetabolic Alkalosis ทำให้เกิดOxyhemoglobin Dissociation Curve ขยับไปทางซ้ายทำให้การปล่อยออกซิเจนสู่เนื้อเยื่อลดลง
จากนี้ปฏิกิริยาหลังจากยาน้ีจะมี CO2 เกิดขึ้น ดั้งนั้นVentilation ของผู้ป่วยต้องเพียงพอที่จะขับเอา CO2 นี้ออกมาจากร่างกาย
ห้ามผสมยานี้กับCathecholamine เพราะจะทำให้เกิด Cathecholamine เสื่อมสภาพ
ห้ามผสม Calcium กับยานี้ เพระาจะทำให้ Calcium ตกตะกอน
50%Glucose
ใช้แก้ไขภาวะ Hypoglycemia และกรณีที่ต้องให้ K+Shift เข้าสู่ cell เร็ว ๆ ในกรณี Hyper K+ โโดยใช้ 50% Glucoseร่วมกับ Regular Insulin
เมื่อทำ CPR แล้วควรประเมิน โดยการตรวจ
คลำชีพจรและวัดความดันได้
ผู้ป่วยตอบสนองต่อการกระตุ้น
อาการเขียวลดลง
รูม่านตาเล็กลวและมีปฏิกิริยาต่อแสง
ผู้ป่วยเริ่มหายใจเองได้
ผู้ป่วยตื่นและกลับรู้สึกตัวดีเหมือนเดิม
ผู้ป่วยตื่นและกลับรุ้สึกตัวดีเหมือนเดิม
ควรหยุดทำ CPR เมื่อ
กรณี CPR แล้วไม่ตอบสนอง CPR นานมากกว่า 1 ชั่วโมงและมี sing ของ Cardiac Death คือไม่มี Electricity ของหัวใจ
Irreversible Brain Damaged,Brain Death
ผู้ป่วยอาการดีขึ้น
ภาวะแทรกซ้อนของการทำ CPR
อาเจียนและ Regurgitation ซึ่งอาจเป็นผลทำให้เกิด Aspirated Pneumonia
กระดูกหน้าอกหัก
กระดูกซี่โครงหัก
มีลมในช่องช่องเนื่อหุ้มปอด
มีเลือดออกในช่องเยื่อหุ้มปอด
อวัยวะภายในฉีกขาด
ปอดซ้ำ
กระดูกซี่โครงแยกออกจากกระดูกหน้าอก
CPR จะมีประสิทธิภาพดีขึ้นอยู่กับ
ทีม CPR
กุมารแพทย์
วิสัญญีแพทย์
พยาบาลประหอผู้ป่วย
อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้
รถ Emergency
ชุดให้ออกซิเจน
ชุดดูดเสมหะที่สะอาดปราศจากเชื้อ
Portable E.C.G
Defibrillator
บุตลากรควรมีความรู้ความเข้าในจเกี่ยวกับขั้นตอนในการทำ CPR
ภายหลังการทำ cpr ทุกครั้งคสรประเมินโดยเฉพาะในจุดที่ยังบกพร่อง
ติดตามและศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับ CPR
ควรมี CPR Card รือ CPR Drug Flow Sheet
ควรมี CPR Record Flow Sheet สำหรับจดบันทึกข้อมูลระหว่างการทำ CPR เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ได้
61104956 เบญจมาศ ฉ่ำดำ
เด็กให้กดลงอย่างน้อย 1/3 ของความลึกทรวงอก (ประมาณ 2 นิ้ว หรือ 5 เซนติเมตร) ส่วนในเด็กแรกเกิดหรือเด็กอ่อน การปั๊มหัวใจให้ใช้เพียงนิ้วหัวแม่มือกดกลางกระดูกหน้าอกให้ได้อัตราเร็ว 100–120 ครั้งต่อนาที โดยใช้นิ้วมือโอบรอบทรวงอกสองข้างแล้วใช้หัวแม่มือกด