Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยาบาลมารดาที่มีการตกเลือดหลังคลอด, การพยาบาล, แผลฝีเย็บระดับ second…

- - - - .
  - - - กลไกการออกฤทธิ์
        
        ผ่านทางช่องแคลเซียมในมดลูก
        
        กระตุ้นตัวรับ dopamine ในระบบประสาทส่วนกลางทำให้มดลูกหดรัดตัวและค้างอยู่ (sustained contraction)
        
        ออกฤทธิ์ทันทีเมื่อบริหารยาทางหลอดเลือดดำออกฤทธิ์ใน 2-5 นาที
        
        เมื่อบริหารยาทางกล้ามเนื้อมีค่าครึ่งชีวิตเฉลี่ยประมาณ 120 นาที
      - ผลข้างเคียง
        
        ผลต่อระบบไหลเวียนเลือดทำให้ความดันโลหิตสูงจากการหดตัวของหลอดเลือด
        
        ผลต่อระบบประสาททำให้มีอาการปวดศีรษะสมองบวม (cerebral edema)
        
        ผลต่อระบบหายใจมีรายงานการเกิดหลอดลมหดเกร็งอย่างรุนแรง
        
        4.คลื่นไส้และอาเจียน
      - การบริหารยา
        
        ขนาดที่ใช้ American college of obstetricians and gynecologists (ACOG) ปีพศ. 2560 แนะนำให้ใช้ยานี้เพื่อรักษาภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวภายหลังจากได้รับ Oxytocin
        
        แล้วโดยใช้ ergometrine หรือ methylergometrine ในขนาด 0.2 มก.
        
        ทางกล้ามเนื้อให้ซ้ำได้ทุก 2-4 ชั่วโมงขนาดสูงสุดไม่เกิน 0.8 มก.
        
        ทางหลอดเลือดดำต้องให้ช้าๆไม่เร็วกว่า 60 วินาทีและเฝ้าระวังระดับความดันเลือดอย่างใกล้ชิด
      - สามารถใช้ได้ เป็นยาที่ทำให้มีการเพิ่มขึ้นของความดันโลหิต จึงเหมาะที่จะใช้ในผู้ป่วยรายนี้ แต่ควรเฝ้าระวังผลข้างเคียงคือ หลอดลมหดเกร็ง ความดันโลหิตสูง เจ็บแน่นหน้าอก กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หลอดเลือดหัวใจหดตัว
        
        ข้อห้ามใช้ ห้ามให้ในผู้คลอดที่มีความดันโลหิตสูง มากกว่า 140/90 mmHg
    - - กลไกการออกฤทธฺ์
        
        ตัวยาออกฤทธิ์ของ Syntocinon คือ Octapeptide สังเคราะห์
        
        เหมือนกับ Oxytocin
        ซึ่งเป็นฮอร์โมนจาก anterior pituitary
        
        มีฤทธิ์กระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบของมดลูก
        
        ทําให้มดลูกบีบตัว
      - ข้อบ่งใช้ของยา
        
        จากคำแนะนำของ American college of Obstetric and
        Gynecology ปี พศ.2560
        
        การใช้ยาoxytocinในขนาด 10-40 ยูนิตบริหารยาแบบ Infusion ผสม
        ในสารน้ำ 500-1,000 มล.ให้หยดต่อเนื่องทางหลอดเลือดดำ
        
        ให้ทางกล้ามเนื้อ10 ยูนิต เข้ากล้ามเนื้อ
        
        ผลข้างเคียงของยา
        
        ส่งผลต่อตัวอ่อนหรือทารกแรกเกิด
        
        ดีซ่าน หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นช้า
        
        ส่งผลต่อมารดา
        
        ความดันโลหิตต่ำชั่วคราว หัวใจเต้นเร็ว เลือดออกที่บริเวณช่องคลอด ช่องคลอดหดตัว ช่องคลอดหดเกร็ง คลื่นไส้อาเจียน
        
        อาการอันไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง
        
        การหดตัวของช่องคลอดเป็นระยะเวลานาน
        
        1 more item...
    - - 0.9% NSS 1,000 ml + Syntocinon 20 unit v drip 120 ml/hr
      - RLS 1,000 ml free flow
        
        เนื่องจากยาไม่สามารถให้ผ่านหลอดเลือดดำเส้นเดียวกันกับที่ให้สารน้ำได้เพราะอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาและอาจส่งผลเสียต่อหลอดเลือด
      - อาการแทรกซ้อนการจากให้สารน้ำ
        
        บวมตรงตำแหน่งที่แทงเข็มให้สารน้ำ เกิดจากการมีสารน้ำออกนอกหลอดเลือดดำ(Infiltration) และมีการแทรกซึมของสารน้ำดั่งในเนื้อเยื่อใต้ชั้นใต้ผิวหนัง
        
        เกิดจากเข็มแทงทะลุออกนอกหลอดเลือด ตรวจพบสารน้ำไหลช้าหรือหยุดไหลโดยไม่มีการหักพับงอหรือกดทับสายให้สารน้ำ อาการและอาการแสดงพบผิวหนังบริเวณที่แทงเข็มจะบวม
        
        การพยาบาล
        
        1) ให้เปลี่ยนตำแหน่งที่แทงเข็มใหม่
        
        2) จัดแขนข้างที่บวมให้สูงกว่าลำตัวผู้ป่วย ประคบบริเวณที่บวมด้วยความร้อน เพื่อให้สารน้ำซึมกลับและยุบบวม
        
        3) ถ้าสารน้ำมียาที่ระคายเคืองซึมใต้เนื้อเยื่อ ให้รายงานแพทย์ทราบ
        
        หลอดเลือดดำอักเสบ (Phlebitis)
        
        การระคายเคืองและบอบช้ำของหลอดเลือด
        
        อาจจากการเสียดสีจากเข็มบ่อยครั้ง
        
        การระคายเคืองจากยา
        
        อาการและอาการแสดงพบตำแหน่งหลอดเลือดดำที่แทงเข็ม แดง ร้อน ตามแนวของหลอดเลือด หลอดเลือดดำที่ให้สารน้ำเป็นลำแข็ง
        
        ฟองอากาศเข้าไปอยู่ในหลอดเลือด (Air embolism)
        
        เกิดจากการไล่ฟองอากาศออกจากสายให้สารน้ำไม่หมดหรือกรปล่อยให้สารน้ำหมดขวดจนมีอากาศผ่านเข้าไปในสายให้สารน้ำหรือการต่อปลายข้อต่อของสายให้สารน้ำกับหัวเข็มที่มีช่องว่างให้ฟองอากาศเข้าแทรก
        
        การพยาบาล
        
        1) หยุดการให้สารน้ำจัดท่าให้ผู้ป่วยนอนตะแคงซ้าย ศีรษะต่ำ ฟองอากาศจะผ่านเข้าไปสู่หัวใจห้องล่างขวาและเข้าไปในปอด
        
        2) เตรียมอุปกรณ์ให้ออกซิเจน รายงานแพทย์ทันที
        
        3) ตรวจสอบสัญญาณชีพ และสังเกตอาการเปลี่ยนแปลง
        
        4) ในกรณีที่มีลิ่มเลือดอุดตันที่ปลายเข็ม ห้ามใช้กระบอกฉีดยาฉีดสารน้ำดูดหรือฉีดผ่านเข็ม เพราะลิ่มเลือดจะหลุดเข้าไปในหลอดเลือด ให้เปลี่ยนเข็มและตำแหน่งที่แทงใหม่
        
        การมีสารน้ำมากกว่าปกติในระบบหลอดเลือด (Circulatory overload)
        
        เกิดจากการให้สารน้ำมีอัตราหยดเร็วเกินไป ผู้ป่วยจะมีภาวะน้ำเกิน อันตรายในเด็ก สูงอายุ โรดไตหัวใจ ผู้ป่วยอาจหัวใจวาย น้ำท่วมปอด
        
        การพยาบาล
        
        ปรับอัตรหยดลดลงจัดท่านอนให้ศีรษะสูง รายงานแพทย์ ให้ออกซิเจนวัดสัญญาณชีพ สังเกตอาการเปลี่ยนแปลง
        
        การติดเชื้อในกระแสเลือด (Bacteremia หรือ Septicemia )
        
        เกิดจากมีการปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายจากกระบวนการเตรียมสารน้ำ การผสมยาลงขวดสารน้ำหรือฉีดเข้าสายให้สารน้ำที่ปราศจากเทคนิคการกีดกั้นเชื้อ การทำความสะอาดผิวหนังไม่ดีพอ
        
        การพยาบาล
        
        1) หยุดให้สารน้ำทันที และรายงานแพทย์
        
        2) ตรวจสอบสัญญาณชีพ
        
        3) ส่งตรวจเลือด และสารน้ำไปเพาะเชื้อ
        
        4) ให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
- - - - มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
        
        กล้ามเนื้อมดลูกยืดขยายมากกว่าปกติหรือมีการยืดขยายเป็นเวลานาน
        
        ทำให้การหดกลับไม่เป็นเหมือนเดิม
        
        ทำให้หลอดเลือดบริเวณรอยแผลตรงที่รกเคยเกาะหดรัดตัวไม่ดี
        
        ทำให้เลือดไหลไม่หยุด
        
        เสี่ยงตกเลือดหลังคลอดได้
        
        G6P3A2,อายุ 35 ปี
    - - แผลฉีกขาดของปากมดลูก ช่องคลอด หรือฝีเย็บ
        
        ช่องทางคลอดเกิดการฉีกขาด
        
        เส้นเลือดได้รับการบาดเจ็บ
        
        เสียเลือดปริมาณมาก
        
        เกิดการตกเลือดได้หลังคลอด
        
        เสียเลือดปริมาณมาก
        
        1 more item...
    - - การเกาะของรกผิดปกติ
        
        ตั้งครรภ์ 6 ครั้ง เคยคลอด 2 ครั้ง,ขูดมดลูก 1 ครั้ง,รกที่ตกค้าง
        
        ขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก
        
        ทำให้เลือดออกมาจากมดลูก
        
        อาจติดเชื้อได้
    - - ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด
      - เช่น เคยมีประวัติตกเลือดมาก่อน
        
        ทำให้มีเกล็ดเลือดต่ำทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
        
        ส่งผลให้เลือดออกมากและเกิดการตกเลือดได้
  - - - จากงานวิจัยภาษาอังกฤษ โดยให้ misoprostol โดยการอมใต้ลิ้น
        
        โดยลดระยะเวลาของการเจ็บครรภ์และการสูญเสียเลือด
  - - - เพราะมารดารายนี้ มี Estimate blood loss 700 cc. และ BP 90/60 mmHg,PR 110 bpm,RR 24 bpm ซึ่งมี signs ของการช็อกคือ HR มากกว่า 100,SBP decrease มากกว่า 30 mmHg,DBP decrease มากกว่า 15 mmHg
        
        การพยาบาล
        
        ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ได้แก่ RLS 1,000 มิลลิลิตรปรับหยดของชุดให้สารน้ำให้ไหลเต็มที่ (Free flow)
        
        จัดท่านอนให้เหมาะสมให้ผู้คลอดนอนราบไม่ต้องใช้หมอน
        
        สังเกตระดับความรู้สึกตัวและอาการผิดปกติเช่นหน้ามืดใจสั่นเหงื่อออกตัวเย็นซีด
        
        ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพทุก 15 นาทีจนมีอาการปกติหลังจากนั้นบันทึกทุก 4 ชั่วโมงเพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติและให้การช่วยเหลือได้ทันที
        
        ใส่สายสวนคาปัสสาวะ เพื่อให้กระเพาะปัสสาวะว่างไม่ขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูกและบันทึกปริมาณปัสสาวะทุก 1 ชั่วโมงเพื่อดูการทำงานของไตและบันทึกจำนวนน้ำที่ได้รับประเมินความสมดุลของน้ำในร่างกายป้องกันภาวะได้รับสารน้ำเกิน
        
        สังเกตลักษณะสีและจำนวนเลือดที่ออกทางช่องคลอด
        
        ให้คำแนะนำเสริมสร้างกำลังใจประคับประคองให้สามารถเผชิญความเครียดและสามารถปรับตัวในการเป็นมารดาได้อย่างเหมาะสม
    - - ผู้คลอดที่มีภาวะตกเลือดหลังคลอดมากกว่า 1,000 มิลลิลิตรทำให้มีภาวะซีดโลหิตจางมีผลทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลงมีโอกาสติดเชื้อหลังคลอดได้ง่าย
        
        การพยาบาล
        
        การให้คำแนะนำในการรักษาสุขภาพสุขวิทยาส่วนบุคคล
        
        ประเมินอาการของการติดเชื้อคือการมีไข้หลังคลอดอุณหภูมิสูง 38 องศาเซลเซียสหรือสูงกว่าติดต่อกัน 2 วันในช่วง 10 วันแรกไม่นับ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
        
        ตรวจดูแลแผลฝีเย็บว่ามีอาการบวมเลือดแผลฝีเย็บบวมแดงร้อนมีหนองกดเจ็บรอบ ๆ แผลปวดมากขณะถ่ายปัสสาวะหรือไม่
        
        ตรวจดูลักษณะของน้ำคาวปลาว่ามีกลิ่นเหม็นน้ำคาวปลาไม่เปลี่ยนสีมีสีน้ำตาลแดงหรือเป็นหนอง
        
        ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้องตามแผนการรักษา
    - - ปริมาณเลือดในร่างกายต่ำ (Hypovolumia)
        
        เนื้อเยื่อของต่อมใต้สมองส่วน anterior pituitary gland
        
        ขาดเลือดไปเลี้ยง (pituitary necrosis)
        
        เกิดความผิดปกติในการควบคุมการหลั่งฮอร์โมน
        
        พูดช้า คิดซ้า เซื่องซึม เดินช้า กินจุอ้วน ผมร่วง
        
        ไม่สามารถสร้างฮอร์โมนควบคุมต่อมไทรอยด์
        
        1 more item...
        
        มีการเสียสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย
        
        การทำงามของต่อมหมวกไตผิดปกติ
        
        1 more item...
        
        ไม่มีน้ำนมไหลหลังคลอดต่อมใต้สมองส่วนหน้า
        
        ไม่สามารถสร้างฮอร์โมนโปรแลคติน (prolactin)
        
        1 more item...
        
        ไม่มีประจำเดือนหลังคลอด
        
        ต่อมใต้สมองไม่สามารถผลิตฮอร์โมนไปกระตุ้นรังไข่
        
        1 more item...
        
        มีอาการอ่อนเพลียเบื่ออาหารเหนื่อยง่าย
    - - การสังเกตอาการเตือนแรกเริ่มที่เรียกว่า
        early warning signs และรีบให้การรักษาก่อนที่จะเกิดการตกเลือดมากขึ้น รวมทั้งการให้เลือดทดแทนที่ทันท่วงทีก่อนที่ร่างกายจะสูญเสียเลือดมากเกินไป จนทำให้สมองและต่อมพิทูอิตารีขาดเลือดเฉียบพลัน
- - - - ทารกตัวโต
        
        หลังคลอดกล้ามเนื้อมดลูกจึงหดรัดตัวไม่ดี
    - - มดลูกคลายตัวยาวนานถึงหลังคลอด
    - - ทําให้ผนังมดลูกบาง
        
        กล้ามเนื้อมดลูกไม่แข็งแรง
    - - ได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกก่อนคลอด
        
        หากหยุดยาเร็วเกินทําให้มดลูกคลายตัว
    - - การคลอดที่สิ้นสุดเร็วภายใน 2-3 ชั่วโมง
        
        มดลูกลดขนาดเร็วเกินไป
        
        ทําให้กล้ามเนื้อมดลูกอ่อนแรง
    - - เคยผ่าตัดมดลูก
        
        มดลูกมีรูปร่างผิดปกติ
        
        มีเนื้องอกในมดลูก
        
        รกเกาะตํ่า
    - - เกิน 24 ชั่วโมง
        
        กล้ามเนื้อมดลูกจะทํางานนานมีการหดรัดตัวนาน
        
        เกิดการเผาผลาญ glycogen มาก
        
        หลังคลอดกล้ามเนื้อมดลูกจึงขาด glycogen
        
        ทําให้กล้ามเนื้อมดลูกอ่อนแรง
  - - - เกิดการสูญเสียเลือดเพิ่มขึ้น
    - - forceps/vacuum extraction
    - - มีโอกาสฉีกขาดต่อถึงทวาร
  - - - รกเกาะฝังลึกกับผนังกล้ามเนื้อมดลูก
        
        รกลอกตัวยาก ใช้เวลานาน
        
        เกิดการฉีกขาดของกล้ามเนื้อมดลูก
        
        ทําให้มดลูกหดรัดตัวไม่ดีและมีเศษรกติดค้าง
        
        มักพบในมารดาที่มีประวัติการขูดมดลูกก่อนการตั้งครรภ์
  - - - ทําให้มีลิ่มเลือดกระจายไปทั่วร่างกาย