Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบหัวใจและหลอดเลือดในภาวะวิกฤติ -…
บทที่ 3 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบหัวใจและหลอดเลือดในภาวะวิกฤติ
Congestive Heart Failure (ภาวะหัวใจล้มเหลว)
ภาวะที่หัวใจไม่สามารถบีบเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย กลไกการปรับชดเชยไม่สามารถที่จะปรับชดเชยได้อีกต่อไป
การหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจลดลงเนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มีของเหลวในเยื่อหุ้มหัวใจ
กล้ามเนื้อหัวใจทำงานหนัก จากการเพิ่มแรงต้านทานของเส้นเลือด การเพิ่มปริมาณเลือดก่อนบีบตัวในโรคลิ้นหัวใจรั่ว ภาวะร่างกายใช้พลังงานมากขึ้น และการคั่งของน้ำในระบบไหลเวียน
อาการและอาการแสดง : แน่นหน้าอกเหมือนถูกกดหรือบีบประมาณ 2 – 3 นาที บางคนเป็นต่อเนื่อง บางคนเป็นๆ หายๆ
การพยาบาล
• จัดท่านอนที่สุขสบาย ส่งสริมการหายใจโดยการนอนศีรษะสูง
• ดูแลให้ได้รับออกซิเจน
• ดูแลให้ได้รับสารเหลวทางหลอดเลือดดำ
• ดูแลให้ได้รับยา Isoproterenal เพื่อเพิ่มอัตราการเต้นและบีบตัวของหัวใจรวมทั้งลดแรงต้านทานของเส้นเลือดดำทั่วร่างกาย ทำให้มีปริมาณเลือดออกจากหัวใจเพิ่มขึ้น
• เตรียมเครื่องมือในการฟื้นคืนชีพให้พร้อม
• แนะนำไม่ให้กลั้นแล้วเบ่ง (valsalva’s maneuver)
• หลังเจาะช่องเยื่อหุ้มหัวใจ บันทึกของเหลว ปริมาณ และเก็บสิ่งส่งตรวจ บันทึกสัญญาณชีพ สังเกตภาวะแทรกซ้อน เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ
• บันทึกสัญญาณชีพ ระดับความรู้สึกตัว ปริมาณปัสสาวะและความดันในหลอดเลือดดำส่วนกลาง
ลิ้นไมตรัลตีบ (Mitral Stenosis)
ลิ้นหนาตัวขึ้นและอาจจะมีหินปูนมาจับทำให้ลิ้นไม่เคลื่อนไหวตามปกติทำให้เลือดเข้าสู่เวนตริเคิลซ้ายลดลง
พยาธิสภาพ : มีการเชื่อมติดกันของกลีบลิ้นซึ่งเกิดขึ้นบริเวณของลิ้น และพังผืดและแผลเป็นที่เกิดขึ้นที่หัวใจซึ่งต่อมาจะแข็งและหดตัว chordae tendineae อักเสบเชื่อมกันเป็นแผลเป็นซึ่งจะหดสั้นลงมีหินปูนเกาะจับที่กลีบลิ้นเมื่อเป็นเวลานาน
อาการและอาการแสดง : ใจสั่น หอบเหนื่อย ไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอก ชีพจรค่อนข้างเบาและได้ยินเสียงฟู่กลางไดแอสโตล
ลิ้นไมตรัลรั่ว (Mitral regurgitation)
การผิดปกติของลิ้นไมตรัลทำให้มีการไหลย้อนกลับของเลือดจากเวนตริเคิลซ้ายไปยังเอเตรียมขวา
พยาธิสภาพ : เมื่อเวนตริเคิลซ้ายบีบตัวเลือดบางส่วนไหลกลับสู่เอเตรียมซ้ายทำให้การสูบฉีดเลือดลดลง Pressure ในเอเตรียมซ้ายสูงขึ้น ขนาดโตขึ้นเกิดภาวะปอดบวมน้ำทำให้เวนตริเคิลขวาล้มเหลว
อาการและอาการแสดง : หอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก ใจสั่น
การพยาบาล
2.ดูแลเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนเช่น เจ็บหน้าอก
1.ดูแล ส่งเสริมและการประเมินการทำงานของหัวใจเพื่อให้สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้เพียงพอ
3.ให้ความรู้เกี่ยวกับแผนการรักษาและการปฏิบัติตัว
4.บอกแพทย์/ทันตแพทย์เกี่ยวกับการรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือดทุกครั้ง
5.พบแพทย์เมื่อเลือดออกไม่หยุด
Valvular Heart Disease (โรคลิ้นหัวใจ)
ลิ้นเอออร์ติดตีบ (Aortic Stenosis)
ลิ้นหน้าตัวขึ้นและมีการยึดติดของกลีบลิ้นซึ่งเป็นผลจากการมีหินปูนมาเกาะจับทำให้รูเปิดของเออร์ติคแคบลง
พยาธิสภาพ : เมื่อลิ้นมีการตีบแคบมากกว่าร้อยละ 50 ขึ้นไปจะมีความแตกต่างของความดันเลือดระหว่างเวนตริเคิลซ้ายและเอออร์ต้าเลือดไหลผ่านออกไปได้ช้ามาก เวนตริเคิลจึงต้องบีบตัวแรงและนานขึ้นกว่าปกติจึงทำให้ผนังหนาตัวขึ้นความยืดหยุ่นลดลง
อาการและอาการแสดง : เจ็บหน้าอก เป็นลมหมดสติ เหนื่อยหอบ
ลิ้นเออร์ติครั่ว (Aortic regurgitation)
ความผิดปกติของลิ้นทำให้เลือดออกจากเวนตริเคิลซ้ายไปเอออร์ต้าไหลย้อนกลับเข้าสู่เวนตริเติลซ้าย
พยาธิสภาพ : ลิ้นเอออร์ติครั่ว เลือดไหลย้อนกลับเข้าสู่เวนตริเคิลซ้ายและขนายโตขึ้นปริมาตรบีบตัวเพิ่มขึ้นจนล้มเหลวทำให้เลือดดคั่วในปอดส่งผลให้เวนตริเคิลขวาล้มเหลว
อาการและอาการแสดง : ใจสั่น หัวใจเต้นแรง เจ็บหน้าอกพบได้ในระยะหลังปวดที่คอบริเวณหลอดเลือดแดงแคโรติค
Inflammations and Infections (การอักเสบและการติดเชื้อ)
Pericarditis(โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ)
สาเหตุ Acute Pericarditis : การอักเสบที่ไม่ทราบสาเหตุ ไวรัส แบคทีเรีย Chronic Pericarditis
TB การฉายรังสี Chemotherapy
การพยาบาล : มุ่งเน้นในการบรรเทาอาการเจ็บหน้าอกโดยลดการอักเสบ
อาการและอาการแสดง : เจ็บปวดร้าวไปที่คอไหล่ หลัง ต้นแขนดีขึ้นเมื่อนั่งก้มตัวไปข้างหน้า หายใจลำบาก
การรักษา : ยาแก้ปวด ยาลดไข้ ยาปฏิชีวนะ ผู้ป้วยที่มีภาวะ Constrictive Pericarditis รักษาแบบผู้ป่วยหัวใจวาย การเจาะช่องทำ Pericadial eindow ในรายที่ติดเชื้อเรื้อรัง
ภาวะแทรกซ้อน : Pericardial eflfusion , Cardiac temponade
Coronary artery disease (โรคหลอดเลือด)
Non STEMI
เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจแบบ เฉียบพลัน ซึ่งหากมีอาการติดต่อกันนานกว่า 30 นาทีจะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย เฉียบพลันได้แต่ถ้าอาการไม่รุนแรง อาจเกิดเพียงภาวะเจ็บหน้าอกชนิดไม่คงที่
STEMI
เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจอย่างเฉียบพลันจนทำให้เกิดความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง หากไม่ได้รับการรักษาโดยเร็ว จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันแบบรุนแรงได้
อาการหัวใจขาดเลือด : รู้สึกแน่นและเจ็บหน้าอก รู้สึกอึดอัดที่หน้าอกและลิ้นปี่ หายใจถี่ๆ
สาเหตุของหัวใจขาดเลือด : โรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะหลอดเลือดหัวใจหดตัวอย่างรุนแรง ภาวะขาดออกซิเจนในเลือด
ภาวะแทรกซ้อน : หัวใจเต้ยผิดจังหวะ หัวใจวาย ภาวะความดันโลหิตต่ำที่มีสาเหตุจากหัวใจ ผนังกล้ามเนื้อหัวใจฉีกขาด
การพยาบาลผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดหัวใจ
การผ่าตัดหัวใจ(heart surgery)
เป็นนการรักษาด้วยหัตถกาศัลยกรรมที่มุ่งแก้ไขพยาธิสภาพที่เกิดขึ้นภายในหัวใจ หลอดเลือดที่เลี้ยงหัวใจหรือหลอดเลือดแดงที่ออกจากหัวใจเพื่อทำให้ระบบการไหลเวียนและการทำทำงานของหัวใจดีขึ้น
การผ่าตัดหัวใจแบบเปิด(Open heart surgery)
เป็นการผ่าตัดหัวใจโดยใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมช่วยทำหน้าที่แทนปอดและหัวใจขณะผ่าตัดทำให้สามารถมองเห็นพยาธิสภาพที่ต้องการแก้ไขได้ชัดเจน
การผ่าตัดหัวใจแบบปิด(Close heart surgery)
เป็นการผ่าตัดหัวใจชนิดที่ไม่ต้องใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมเข้าช่วยโดยที่ในขณะทำการผ่าตัดการไหลเวียนของเลือดผ่านหัวใจและปอดเป็นปกติซึ่งการผ่าตัดชนิดนี้ส่วนใหญ่จะทำภายนอกหัวใจ เช่นการขยายหรือถ่างลิ้นหัวใจและการตัดหรือเย็บผูกพีดีเอ