Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8/2 การพยาบาลในการดูแลมารดาที่มีปัญหาสุขภาพในระยะหลังคลอด - Coggle…
บทที่ 8/2 การพยาบาลในการดูแลมารดาที่มีปัญหาสุขภาพในระยะหลังคลอด
การตกเลือดหลังคลอด (Postpartum hemorrhage)
หมายถึง การที่สตรีหลังคลอดมีเลือดออกหลังคลอดบุตรปกติทางช่องคลอด มากกว่า 500 มล. หรือมากกว่า 1,000 มล. ในรายที่ผ่าตัดคลอดบุตรทางหน้าท้อง แบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้ -Early or immediate or primary postpartum hemorrhage (in 24 hrs. Postpartum period) -Late oe secondary postpartum hemorrhage (more than 24 hrs. to 6 wks.)
ระดับความรุนแรงของการตกเลือดหลังคลอด แบ่งเป็น 3 ระดับ 1. ระดับเล็กน้อย (mild PPH) 500 ml.ขึ้นไป 2. ระดับรุนแรง (severe PPH) 1,000 ml.ขึ้นไป 3. ระดับรุนแรงมาก (very severe or major PPH) 2,500 ml. ขึ้นไป
อาการและอาการแสดง 1. ในกรณีวัดความดันแล้วปกติ ใจสั่น มึนงง ชีพจรเร็ว 2. กรณีความดันโลหิตต่ำเล็กน้อย 80-100 mmHg. อ่อนแรง เหงื่ออก ชีจพเร็ว 3. กรณีวัดความดันโลหิต 70-80 mmHg. กระสับกระส่าย ซีด ปัสสาวะออกน้อย 4. กรณีความดันโลหิต 50-70 mmHg. หมดสติ ขาดอากาศ ไม่มีปัสสาวะ
การรักษาดูแล 1. การดูแลรักษาทั่วไป 2. การประเมินหาสาเหตุ 3. การรักษาตามสาเหตุ
การดูแลรักษาทั่วไป 1. ประเมินภาวะซีดและสัญญาณชีพเป็นระยะ 2. ประเมินทางเดินหายใจ การหายใจและระบบไหลเวียนโลหิต 3. เปิดหลอดเลือดด้วยเข็มเบอร์ใหญ่ (16 หรือ 18) 4. ให้สารน้ำและพร้อมให้เลือดทดแทนได้เพียงพอ 5. ให้ออกซิเจน สวนปัสสาวะ 6. ตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น CBC
การประเมินหาสาเหตุ 4T 1. Tone 2. Tissue 3. Trauma 4. Thrombin
การรักษาตามสาเหตุ 1.Uterine tamponade 2. First line drugs (Oxytocin) 3. การบาดเจ็บต่อช่องทางคลอด เย็บซ่อมแซมตำแหน่งฉีกขาด 4. ตัดมดลูก กรณีมดลูกแตก 5. ใส่มดลูกกลับคืนกรณีมดลูกปลิ้น
การพยาบาล 1. ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก 2. ประเมินปริมาณเลือดที่ออก 3. ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ 4. บันทึกปริมาณน้ำเข้า-ออก 5. จัดท่าในท่านอนราบเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองอย่างเพียงพอ 6. ใส่สายสวนปัสสาวะ เพื่อให้กระเพาะปัสสาวะว่างตลอดเวลา 7. ให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก Oxytocin 8. เจาะเลือดส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ จองเลือด 9. ให้ยาปฏิชีวนะป้องกันการติดเชื้อ 10. U/S เพื่อดูความผิดปกติในโพรงมดลูก
หลอดเลือดดำส่วนปลายอุดตัน (Thrombo phlebitis)
การอักเสบของหลอดเลือดดำและลิ่มเลือด มีแนวโน้มที่จะเกิดหลังคลอด เพราะการแข็งตัวของเลือดมีสูงขึ้น เนื่องจากไฟบริโนเจนเพิ่มขึ้น มีการขยายของหลอดเลือดดำจากการที่ศีรษะทารกมากดระหว่างตั้งครรภ์และระหว่างคลอด และการไหลเวียนของเลือดไม่ดี มีเลือดขังอยู่บริเวณขา ส่วนมากมักเกิดตรงลิ้นเปิด-ปิด ของหลอดเลือดดำที่การไหลเวียนของเลือดช้า ทำให้เกิดลิ่มเลือด รูของหลอดเลือดขยายและเกิดการอักเสบ สร้างแรงกดรอบๆของเนื้อเยื่อ
ปัจจัยร่วม - เคยมีประวัติการอักเสบของหลอดเลือดดำมาก่อน - มีหลอดเลือดดำขอดโป่งพอง - เคยผ่าตัดเกี่ยวกับช่องท้องและอุ้งเชิงกราน - ได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจน - อ้วนมากได้รับบาดเจ็บจากการคลอด คลอดโดยขึ้นขาหยั่งเป็นเวลานาน ปัจจัยเสี่ยง - หลังคลอด หลังผ่าตัด - ไม่เคลื่อนไหวร่างกายนานๆ - มีประวัติการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในร่างกาย - มีอาการเส้นเลือดขอด โรคหัวใจ อาการเลือดออกง่าย - มีโรคอ้วน อายุมาก
การตรวจหา ภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน - การตรวจอัลตราซาวน์หลอดเลือดดำเพื่อหาลิ่มเลือด - เจาะเลือดเพื่อตรวจค่า D-dimer เป็นค่าในการบ่งบอกการมีลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ - การถ่ายภาพรังสีหลอดเลือดดำ (venography X-ray) เพื่อตรวจหาลิ่มเลือดที่ขาและเท้า - ตรวจ CT scan / MRI เพื่อตรวจดูเส้นเลือดดำส่วนลึก
อาการและอาการแสดง กรณีมีการอักเสบของหลอดเลือดดำที่บริเวณพื้นผิว (Superficial venous thrombosis) จะมีอาการปวดท้องเล็กน้อย บวม แดง ร้อน หลอดเลือดดำแข็ง - กรณีมีการอักเสบของหลอดเลือดดำที่ลึกลงไป (Deep vein thrombosis) จะมีอาการไข้ต่ำๆ ผิวหนังร้อน แต่มองไม่เห็นหรือคลำไม่ได้ กดหลอดเลือดดำส่วนลึกเจ็บ เมื่อดันปลายเท้าเข้าหาลำตัวให้น่องตึงจะรู้สึกปวดมาก (Homans sign positive กล้ามเนื้อน่องเกร็ง ปวดตื้อๆที่น่องหรือขา มีอาการบวมบริเวณขาเนื่องจากหลอดเลือดดำอุดตัน)
Superficial vein thrombosis (SVT) - พบร่วมกับคนที่มีประวัติเส้นเลือดขอดอักเสบ - พบมากที่เส้นเลือดดำขนาดใหญ่ที่ขา อาการมักเกิดในวันที่ 3-4 หลังคลอด - ปวด บวม แดง ร้อน บิเวณเส้นเลือดดำ - บวม ตึง แข็ง หรือมีอาการตึงตามเส้นเลือดดำ
การรักษาและการพยาบาล : นอนยกเท้าสูงเหนือหัวใจ, ประคบร้อน, ใส่ถุงน่องประคับประคอง/พันขา, ให้ยาแก้ปวดเมื่อมีอาการปวดมาก
Deep vein thrombosis (DVT) - พบร่วมกับมารดาหลังคลอดที่มีประวัติลิ่มเลือดอุดตัน - พบมากที่ femoral vein, pelvic vein - อาการมักเกิดในวันที่ 10 หลังคลอด - มีไข้ หนาวสั่น ซีด ปวดบวมที่ขา - Positive Homan's sign ปวดที่เท้า ขา ขาหนีบ เชิงกราน
ให้นอนยกเท้าสูงเหนือหัวใจ, ประคบร้อน, ให้ยาละลายลิ่มเลือด (heparin,warfarin) , ให้ยาปฏิชีวนะถ้ามีไข้ , ติดตามผล PT,PTT เป็นระยะ , กระตุ้นให้ผู้ป่วยลุกเดิน /เคลื่อนไหว , ผ่าตัดในรายที่มีอาการรุนแรง
การพยาบาลเพื่อป้องกันการอักเสบของหลอดเลือดดำ : รองผ้าบนขาหยั่ง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหนักกดลงบนน่อง และอยู่บนขาหยั่งนานไม่เกิน 1 ชม. - กระตุ้นให้สตรีหลังคลอดลุกจากเตียงโดยเร็ว เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนเลือด - กรณีมีเลือดดำขาพอง /มีประวัติหลอดเลือดดำอักเสบมาก่อน ให้สวมถุงน่องช่วง 2 wks.หลังคลอด -แนะนำให้ดูแลตนเองดังนี้ หลีกเลี่ยงการนั่งนานๆ ควรลุกเดินทุกครึ่งชม. หรือทุกชม. ป้องกันเลือดคั่งบริเวณขา และหลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้างเพื่อหลีกเลี่ยงแรงกดดันใต้เข่า
การพยาบาลเมื่อเกิดการอักเสบของหลอดเลือดดำ : การพยาบาลเพื่อส่งเสริมความสุขสบาย ได้แก่ ให้ยาแก้ปวด นอนพักยกขาสูง ประคบร้อน ดูแลความสุขสบายทั่วไป - กรณีการอักเสบของหลอดเลือดดำส่วนลึก แพทย์อาจให้ยาต้านการแข็งตัวของหลอดเลือด (anticoagulant) และตรวจประเมินดังนี้ ระดับกรแข็งตัวของเม็ดเลือด ปริมาณเลือดออกในส่วนต่างๆผิดปกติ ไม่ให้ยาแอสไพรินในรายที่ได้รับยาต้านการแข็งตัวของหลอดเลือด - ดูแลให้ยาปฏิชีวนะ -การให้การพยาบาลตามอาการ และอธิบายเกี่ยวกับอาการที่เป็น
อารมณ์เศร้าหลังคลอด
(Postpartum/maternal/baby blues)
เกิดได้ภายหลังคลอด 1-2 ชม. ถึง 2 สัปดาห์ (3-4วันหลังคลอด) เกิดจาก : - เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านรางกาย จิตใจ - การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนทันทีหลังคลอด - ความเหนื่อยล้า ไม่สุขสบาย - ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับบทบาทใหม่ - ทำให้เกิดความไม่สมดุลของสภาพอารมณ์ เกิดขึ้นในระยะแรกหลังคลอด (วันที่ 1-10 หลังคลอด) - พบประมาณ 50-85% ของสตรีหลังคลอด - อาการคงอยู่ไม่เกิน 2 สัปดาห์ และไม่มีผลกระทบที่ร้ายแรง ต่อการดูแลสุขภาพตนเองและทารกแรกเกิด
อาการและอาการแสดง : ร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ ความรู้สึกไว อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด / วิตกกังวล ท้อแท้ เป็นอยู่เพียงชั่วคราวและดีขึ้นเองใน 2 สัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องรับการรักษา
สาเหตุส่งเสริม - การตั้งครรภ์หรือการคลอดที่มีภาวะแทรกซ้อนโดยเฉพาะในหญิงครรภ์แรก การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนต่อมไร้ท่อ โดย Progesterone ลดลงหลังคลอด ร่วมกับระดับ estridiol, cortisol และ prolactin ที่เพิ่มขึ้น - ความเครียดทางจิตใจหลังคลอด การเปลี่ยนแปลงบทบาท ความรู้สึกสูญเสีย unwanted pregnancy - ความเครียดจากสังคมและสิ่งแวดล้อม
แนวทางการพยาบาลที่มีอารมณ์เศร้าหลังคลอด - ไม่มีวิธีการที่แน่นอนตายตัว เนื่องจากเป็นอาการที่สามารถหายไปได้เอง - สิ่งสำคัญพยาบาลให้การช่วยเหลือประคับประคองทางจิตใจแก่มารดา รวมทั้งอธิบายสภาพอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของมารดาให้สามีและญาติเข้าใจและให้การประคับประคองทางจิตใจแก่มารดา - จะช่วยให้มารดาคลายความตึงเครียด และสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจอย่างเหมาะสม
การพยาบาล: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลบุตรและตนเองในระยะหลังคลอด เพื่อให้ปรับตัวทางด้านจิตใจและอารมณ์ได้ - ส่งเสริมให้บุคคลในครอบครัวโดยเฉพาะสามีให้กำลังใจ ประคับประคอง แบ่งเบาภาระ - คอยสังเกตอาการด้านอารมณ์ของมารดาหลังคลอด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอารมณ์เศร้า รุนแรง
มดลูกไม่เข้าอู่ (Sub involution of Uterus)
ภาวะมดลูกเข้าอู่ช้า : ภาวะที่มดลูกไม่มีการหดรัดตัวกลับคืนสู่สภาพเดิม หรือใช้เวลายาวนานขึ้นกว่าที่จะกลับคืนสู่สภาพเดิม ซึ่งปกติมดลูกควรลดระดับลง วันละ 1 ซม. และจะคลำไม่พบบริเวณหัวเหน่าประมาณ 2 สัปดาห์หลังคลอด
สาเหตุ/ปัจจัยส่งเสริม 1. การตกเลือดหลังคลอด 2. มารดามีการติดเชื้อหลังคลอด 3. มารดามีบุตรหลายคน 4. การมีเนื้องอกมดลูก 5. การไม่เลี้ยงลูกด้วยนมมารดา 6. มารดาเคยตั้งครรภ์แฝด แฝดน้ำ 7. มารดาเคยผ่าตัดคลอดในท้องก่อน 8. มารดามีมดลูกคว่ำหน้าคว่ำหลังมาก น้ำคาวปลาไหลไม่สะดวก 9. มารดาไม่ได้ออกกำลังกายหลังคลอด 10. ได้รับยาสลบก่อนคลอด
อาการและอาการแสดง 1. มดลูกมีขนาดใหญ่นุ่ม 2. ระดับยอดมดลูกไม่ลดลง หรือภายใน 2 สัปดาห์ ยังคลำพบ 3. มีอาการปวดมดลูก 4. มีอาการกดเจ็บ ปวดหลัง ปวดหน่วงท้องน้อย 5. น้ำคาวปลามีจำนวนมากผิดปกติ ออกนานมากกว่าเกิน 2 สัปดาห์ 6. มีอาการติดเชื้อ 7. น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น 8. ตรวจภายในพบปากมดลูกเปิด
การวินิจฉัย หลังคลอด 4-6 สัปดาห์ ยังคลำพบยอดมดลูกเหนือหัวเหน่า สัมผัสนุ่ม น้ำคาวปลาสีไม่จางลงภายใน 2 สัปดาห์ หลังคลอด
การรักษา 1. ให้ยาช่วยการบีบตัวของมดลูก Methagin 0.2 mg รับประทานวันละ 3 เวลาหลังอาหารและก่อนนอน นาน 2-3 วัน 2. ให้ยาปฏิชีวนะในรายที่มีการติดเชื้อเยื่อบุโพรงมดลูก 3. ขูดมดลูกในกรณีมีเศษของรกค้างในโพรงมดลูก
การพยาบาล 1. ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก 2. วัดระดับยอดมดลูกอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง 3. ประเมินกระเพาะปัสสาวะให้ว่าง เพื่อส่งเสริมให้มดลูกหดรัดตัว 4. แนะนำให้ขับถ่ายปัสาวะเมื่อรู้สึกอยากถ่ายทันที 5. แนะนำให้มารดานอนตะแคงกึ่งคว่ำ (Sim's Position) หรือท่านอนคว่ำ (Prone's Position) 6. กระตุ้นให้ทารกดูดนมมารดาบ่อยๆ เพราะจะหลั่ง Oxytocin 7. แนะนำการคลึงมดลูกด้วยตนเอง 8. แนะนำให้สังเกตปริมาณคาวปลาและสี กลิ่น 9. แนะนำการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ 10. ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์
ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Post partum depression) - จิตใจมีภาวะซึมเศร้ารุนแรง จนกวนความเป็นอยู่และเลี้ยงดูทารก - พฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิมมาก - พบได้ทุกระยะตลอด 1 ปีแรกหลังคลอด - เกิดมากที่สุดประมาณ 4 สัปดาห์หลังคลอด
เป็นความผิดปกติด้านอารมณ์ ความคิดและการรับรู้ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและพฤติกรรม พบประมาณ 10-20% ของสตรีหลังคลอด
สิ่งที่แตกต่างจาก Postpartum blue คืออาการรุนแรงรบกวนความเป็นอยู่ และการเลี้ยงดูทารก อาการอยู่ได้นานถึง 6 เดือนหลังคลอด หรือมากกว่า
สาเหตุส่งเสริม - มารดาหลังคลอดครภ์แรก/มีประวัติซึมเศร้าหลังคลอด - รายที่มีความรูสึกสองฝักสองฝ่ายในการตังครรภ์ - ขาดการประคับประคองจากญาติ คู่สมรสและสังคม - ขาดสัมพันธภาพกับบิดา มารดา หรือคู่สมรส - มีความรู้สึกขาดความพึงพอใจในตนเอง - มีความเครียดทางจิตใจ เช่น ปัญหาชีวิตสมรส - ประสบการณ์การคลอดลำบาก /ปัญหาระยะหลังคลอด
การตรวจคัดกรอง ภาวะซึมเศร้าที่หลังคลอดที่มีอาการซับซ้อน ยากต่อการประเมินได้ชัดเจน