Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พรบ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒,…
พรบ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ ฯ ๔ เม.ย. ๒๕๖๒ ปีที่ ๔ ในราชกาลปัจจุบัน
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจ ากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๒๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระท าได้
โดยอาศัยอ านาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
เหตุผลและความจ าเป็นในการจ ากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัตินี้
เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของข้าราชการครูและบุคลากรทาง
การศึกษา ซึ่งการตราพระราชบัญญัตินี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว
ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ม.๓ ให้ยกเลิกความในม. ๑๐๒ แห่งพรบ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา ๑๐๒ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดซึ่งออกจากราชการอันมิใช่เพราะเหตุตาย
มีกรณีถูกกล่าวหาเป็นหนังสือก่อนออกจากราชการว่า ขณะรับราชการได้กระท าหรือละเว้นกระท าการใด
อันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ถ้าเป็นการกล่าวหาต่อผู้บังคับบัญชาของผู้นั้นหรือต่อผู้มีหน้าที่สืบสวน
สอบสวนหรือตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการ หรือเป็นการกล่าวหาของผู้บังคับบัญชา
ของผู้นั้น หรือมีกรณีถูกฟ้องคดีอาญาหรือต้องหาคดีอาญาก่อนออกจากราชการว่า ในขณะรับราชการได้
กระท าความผิดอาญาอันมิใช่เป็นความผิดที่ได้กระท าโดยประมาทที่ไม่เกี่ยวกับราชการหรือความผิดลหุโทษ
ผู้มีอ านาจด าเนินการทางวินัยมีอ านาจด าเนินการสืบสวนหรือพิจารณา ด าเนินการทางวินัย และสั่งลงโทษ
ตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ต่อไปได้เสมือนว่าผู้นั้นยังมิได้ออกจากราชการ แต่ต้องสั่งลงโทษภายในสามปี
นับแต่วันที่ผู้นั้นออกจากราชการ
กรณีตามวรรคหนึ่ง ถ้าเป็นการกล่าวหา หรือฟ้องคดีอาญาหรือต้องหาคดีอาญาหลังจากที่
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดออกจากราชการแล้ว ให้ผู้มีอ านาจด าเนินการทางวินัยมีอ านาจ
ด าเนินการสืบสวนหรือพิจารณา ด าเนินการทางวินัย และสั่งลงโทษตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ต่อไปได้
เสมือนว่าผู้นั้นยังมิได้ออกจากราชการ โดยต้องเริ่มด าเนินการสอบสวนภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้นั้น
ออกจากราชการ และต้องสั่งลงโทษภายในสามปีนับแต่วันที่ผู้นั้นออกจากราชการ ส าหรับกรณีที่เป็น
ความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งตามมาตรา ๙๘ วรรคเจ็ด จะต้องสั่งลงโทษภายในสามปีนับแต่วันที่ผู้นั้น
ออกจากราชการ
ในกรณีที่ศาลปกครองมีค าพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนค าสั่งลงโทษ หรือองค์กรพิจารณา
อุทธรณ์ค าสั่งลงโทษทางวินัยหรือองค์กรตรวจสอบรายงานการด าเนินการทางวินัยมีค าวินิจฉัยถึงที่สุดหรือ
มีมติให้เพิกถอนค าสั่งลงโทษตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง เพราะเหตุกระบวนการด าเนินการทางวินัย
ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ผู้มีอ านาจด าเนินการทางวินัยด าเนินการทางวินัยให้แล้วเสร็จภายในสองปีนับแต่
วันที่มีค าพิพากษาถึงที่สุด หรือมีค าวินิจฉัยถึงที่สุดหรือมีมติ แล้วแต่กรณ
การด าเนินการทางวินัยตามวรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม ถ้าผลการสอบสวนพิจารณา
ปรากฏว่าผู้นั้นกระท าผิดวินัยไม่ร้ายแรงก็ให้งดโทษ
ความในมาตรานี้มิให้ใช้บังคับแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซึ่งถูกสั่งให้
ออกจากราชการไว้ก่อนตามมาตรา ๑๐๓”
ม.๑ พรบ.นี้เรียกว่า พรบ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒
ม.๒ พรบ.นี้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ม.๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นม. ๑๐๒/๑ แห่งพรบ.ระเบียบขัาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗
“มาตรา ๑๐๒/๑ ในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐมีมติชี้มูลความผิดข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษาผู้ใดซึ่งออกจากราชการแล้ว การด าเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษแก่ข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษาผู้นั้นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ก าหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตหรือกฎหมายว่าด้วยมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกัน
และปราบปรามการทุจริต แล้วแต่กรณ
การด าเนินการทางวินัยตามวรรคหนึ่ง หากปรากฏว่าผู้นั้นกระท าผิดวินัยไม่ร้ายแรงก็ให้งดโทษ”
นายหัฟพี อาแซ เลขที่ ๑๐ กลุ่มที่ ๖
รหัส ๖๒๒๐๑๖๐๔๓๕