Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 2 การดูแลผู้คลอดเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในระยะคลอด (โดยไม่ใช้ยา)…
บทที่ 2
การดูแลผู้คลอดเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในระยะคลอด (โดยไม่ใช้ยา) และการส่งเสริมสุขขภาพในระยะคลอด
แนวปฏิบัติในการบรรเทาการเจ็บครรภ์คลอดจากหลักฐานเชิงประจักษ์
1.วิธีการไม่ใช้ยาใช้ร่วมกับการใช้ยา
1.1 การเตรียมความรู้ก่อนคลอด (Childbirth education)
ลักษณะปวด ความรุนแรง
เครื่องมือที่ใช้ประเมินการเจ็บครรภ์
การมีส่วนร่วมของครอบครัว
การพยาบาลเพื่อบรรเทาการเจ็บครรภ์ทั้งการใช้ยาและไม่ใช้ยา
การวางแผนการพยาบาลเพื่อบรรเทาจากการเจ็บครรภ์
1.2 โปรแกรมการให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ในทีมสุขภาพ
การประเมินการเจ็บครรภ์
วิธีการพยาบาลเพื่อบรรเทาการเจ็บครรภ์
ผลข้างเคียงจากวิธีการบรรเทาความทุกข์ทรมาน
การให้ความรู้เรื่องการเจ็บครรภ์
เทคนิคของวิธีการบรรเทาความทุกข์ทรมานจากการเจ็บครรภ์
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเจ็บครรภ์
ประเด็นจริยธรรมในการบรรเทาความทุกข์ทรมานจากการเจ็บครรภ์
1.3 การดูแลอย่างต่อเนื่อง (Labor Support)
ควรมีทางเลือกให้ผู้คลอดนำญาติหรือสามี เข้ามาดูแลในระยะรอคลอด
ให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง (Continuous labor support)
1.4 การปรับท่าทางและการเคลื่อนไหวในระยะคลอด
latent phase ส่งเสริมให้ผู้คลอดเดิน/
ยืน ทำให้ความเจ็บปวดจากการหดรัดตัวของมดลูกลดลง
ในขณะรอคลอดควรปรับในผู้คลอดอยู่ในท่า Upright โดยการนั่งพิง/ท่าคลาน ทำให้ความเจ็บปวดจากการปวดหลังลดลง
ในรายที่ปากมดลูกเปิด 6-8 ซม. ควรปรับให้ผู้คลอดอยู่ในท่านั่งดีกว่าท่านอนและส่งเสริมให้เปลี่ยนท่าทุก 30-60 นาที
1.5 การนวดและการสัมผัส (Touch and massage)
นวดที่บริเวณศีรษะ หลังมือ เท้า
นวดแบบกดเน้นบริเวณกระดูกกระเบนเหน็บ
1.6 การบeบัดด้วยน้ำ (Hydrotherapy-warm or cool)
ประคบร้อน บริเวณท้องส่วนล่าง ต้นขา ขาหนีบ ฝีเย็บและหลัง
ประคบเย็น บริเวณหลังและลำคอส่วนหลัง
1.7 การผ่อนคลายหรือการหายใจ (Relaxation and breathing)
การใช้เทคนิคหายใจ (Breathing)
การใช้เทคนิคผ่อนคลาย (Relaxation)
วิธีการใช้ยา
หากผู้คลอดไม่สามารถเผชิญความเจ็บปวดได้เหมาะสม ควรส่งเสริมให้ผู้คลอดนำเทคนิคบรรเทาปวดที่ใช้ได้ผลก่อนหน้านี้มาใช้ต่อเนื่อง
การดูแลเพื่อบรรเทาคüามปüดในระยะคลอดโดยไม่ใช้ยา
การลดตัวกระตุ้นความปวด
1.1 การเคลื่อนไหว
rocking
swaying
sitting backwards on a chair
1.2 ท่า
upright position
all four or hands and knees position
การกระตุ้นประสาทส่วนปลาย
การประคบร้อน และเย็น
การบำบัดโดยใช้น้ำหรือวารีบำบัด
การสัมผัส การนวด และการกดจุด
การลูบ ใช้ปลายนิ้วมือลูบเป็นวงกลมด้วยจังหวะสม่ำเสมอ ไม่ออกแรงกดกล้ามเนื้อ
การนวด เน้นบริเวณไหล่ หลัง กระเบนเหน็บและต้นขา
การกดจุด กดนาน 10 นาที ปล่อย 2 üินาที รวมเวลา 20-30 นาที จะช่วยบรรเทาเจ็บปวดได้
การส่งเสริมการยับยั้งการส่งกระแสประสาทจากไขสันหลังในระดับสมอง
การใช้ดนตรี ช่วยให้ผู้ฟังผ่อนคลายมากกว่าเพลงที่มีเนื้อร้อง
การเพ่งและเบี่ยงเบนความสนใจ มีผลให้ระดับการรับรู้ต่อความรู้สึกเจ็บปวดลดลง
สุคนธบำบัด มีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการ
รับรู้ต่อความเจ็บปวด
การใช้เทคนิคการหายใจ ทำให้เกิดความสมดุลกับการหดรัดตัวของมดลูกที่ถี่และแรงขึ้นเรื่อยๆ
การจัดการความจ็บปวดในระยะคลอดโดยการใช้ยา
แนวทางการจัดการยา Pethidine ( Meperidine )
ยา Pethidine ให้ได้ทั้ง IV push และ IV dripและ IM กรณี IV drip สารละลายที่ สามารถผสมเพื่อเจือจาง Pethidine คือ Dextrose, Lactate Ringer, Dextrose in water, 0.9 % Sodium Chloride
2.การให้ IV injection ให้เจือจางความเข้มข้น อย่างน้อย10 mg/ml (0.1 – 1 mg / cc )
3.ยาที่ไม่สามารถผสมกับ pethidine คือ Heparine Phenyloin Na HCO3 Barbiturate ( Phenobabital , thiopental ) Aminophylline
แนวทางการจัดการยา Fentanyl
Fentanyl เป็นยาบรรเทาปวดชนิดเสพติดที่มีประสิทธิภาพสูง (1 Amp = 100 mcg มี 2 ml.) ออกฤทธิ์เท่าฤทธิ์บรรเทาปวดของ M.O 10 mg โดยประมาณ ระยะเวลาออกฤทธิ์รวดเร็วมาก อย่างไรก็ตาม อาจไม่พบฤทธิ์สูงสุดในการบรรเทาปวด Fentanyl มีฤทธิ์กดการหายใจได้ โดยทั่วไปช่วงระยะเวลาการออก ฤทธิ์บรรเทาปวดคือ ประมาณ 30 นาที ภายหลังให้ยา 100 mcg ฉีดไปครั้งเดียวในหลอดเลือดดา นอกจากนี้ Fentanylอาจทาให้กล้ามเนื้อหดเกร็งได้,ม่านตาหดตัว, หัวใจเต้นช้าและทาให้เคลิบเคลิ้มเช่นเดียวกับยา บรรเทาปวดชนิดเสพติดอื่น
2.อาการข้างเคียงของยาต่อระบบประสาทส่วนกลางและส่วนปลายที่พบบ่อยคือ กล้ามเนื้อแข็ง เกร็ง (ซึ่งอาจเป็นกับกล้ามเนื้อบริเวณทรวงอก) กล้ามเนื้อกระตุก เวียนศีรษะ, ความผิดปกติทั่ว ๆ ไปของระบบ หลอดเลือดหัวใจที่พบบ่อย คือ ความดันเลือดต่า หัวใจเต้นช้า
ควรเก็บไว้ในที่มีอุณหภูมิ 15 – 30 ◦C