Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลผู้คลอดเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด ในระยะคลอด (โดยไม่ใช้ยา) …
การดูแลผู้คลอดเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
ในระยะคลอด (โดยไม่ใช้ยา)
และการส่งเสริมสุขภาพในระยะคลอด
แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดในระยะคลอด
ทฤษฎีการยืดขยายของมดลูก (uterine stretch theories)
เชื่อว่าการคลอดจะเริ่มต้น เมื่อมดลูกมีการยืดขยาย ถึงจุดสูงสุด เกิดกระบวนการมีการทำงานประสานกันของมดลูกกกส่วนบนและส่วนล่าง
ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนระหว่างEstrogen และ progesterone เกิดจากในระยะท้ายๆของการตั้งครรภ์โดยจะมีestrogenในเลือดมากขึ้น กระตุ้นให้ Alpha receptor ทำงานมากขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวและเกิดการเจ็บครรภ์คลอด
ทฤษฎีกระตุ้นฮอร์โมน Oxytocin ภาวะเครียดของร่างกาย
ทำให้ต่อมใต้สมองส่วนหลังของผู้คลอดหลั่ง Oxytocin กล้ามเนื้อมดลูกก็จะทำงานทำให้เกิดการหดรัดตัวของมดลูก
ทฤษฎีการหลั่งฮอร์โมน Prostaglandin ต่อมหมวกไตของทารกจะหลั่งสารที่กระตุ้นให้เยื่อหุ้มทารกชั้น chorion และ amnion รวมทั้ง decidual ของผู้คลอดสร้าง Prostaglandin ออกมา ส่งผลให้มีการหดรัดตัวของมดลูกและมีอาการเจ็บครรภ์คลอดตามมา
ปฏิกิริยาและการตอบสนองต่อความเจ็บปวดผู้คลอดและทารกในครรภ์ในระยะคลอด
ปฏิกิริยาและการตอบสนองต่อความเจ็บปวดในระยะคลอดของผู้คลอด
ปฏิกิริยาเฉพาะที่
ระดับไขสันหลัง มีreflex ท าให้กล้ามเนื้อลายและหลอดเลือดหดตัวขาดเลือดมาเลี้ยงส่งผลให้เกิด anaerobic metabolism ส่งผลให้เกิด lactic acid และ local acidosis ท าให้เจ็บปวดกล้ามเนื้อระบบทางเดินอาหาร ระบบขับถ่ายลดลง
ระดับเหนือไขสันหลัง มีการกระตุ้น autonomic center ในไฮโปธาลามัสเร่งการทำงานของประสาทซิมพาเธติคให้หลั่ง epinephrine เพิ่มขึ้น คส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตลดลง หลอดเลือดส่วนปลายขยายตัว อาจทำให้ช็อคได้
ระดับเปลือกสมอง ปฏิกิริยาทางจิตท าให้วิตกกังวล กลัว เศร้า โกรธ มีเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านอารมณ์ เปลี่ยนแปลงจากปกติ หงุดหงิด โมโหง่าย ไม่มีสมาธิ เป็นต้น
ปฏิกิริยาทางจิตสรีระ ได้แก่ พฤติกรรมด้านน้ำเสียง ด้านการเคลื่อนไหว
ปฏิกิริยาและการตอบสนองต่อความเจ็บปวดด้านทารกในครรภ์
ขณะเจ็บครรภ์ เกิด fetaldistress ทารกชดเชยโดยการเพิ่ม cardiac output ถ้าขาดออกซิเจนนานอัตราการเต้นของหัวใจทารกมีภาวะ late deceleration สมองของทารกอาจได้รับความกระทบกระเทือนจากการหดรัดตัวของมดลูก
การยับยั้งการส่งพลังประสาทความเจ็บปวดไปยังสมอง
การส่งสัญญาณจากเรติคูลาร์ฟอร์เมชั่นในก้านสมอง ง มีการปรับสัญญาณที่เข้าและออกรวมทั้ง ปริมาณความรู้สึกของพลังประสาทน าเข้าสู่สมองจากส่วนต่างๆของร่างกาย ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ท าให้ประตูปิดไม่มีการส่งผ่านพลังประสาทความเจ็บปวดไปถึงระดับการรับรู้ที่เปลือกสมองจึงไม่มีความเจ็บปวด
การส่งสัญญาณจากเปลือกสมองและธาลามัสนระดับนี้ท างานเกี่ยวข้องกับกระบวนการสติปัญญา (Cognitive) และความรู้สึกหรืออารมณ์ (affective) ดังนั้นความรู้สึกนึกคิดของ แต่ละคนจะมีอิทธิพลต่อการส่งผ่านของพลังประสาทความเจ็บปวดที่มาจากระบบควบคุมประตูไปยังระดับสมอง
การทำงานของใยประสาทการรับรู้ของใยประสาทขนาดใหญ่และขนาดเล็ก
มีกลไกการปรับสัญญาณอยู่ในระดับไขสันหลังบริเวณ substantia gelationosa พลังประสาทจากใยประสาทขนาดเล็กจะทำหน้าที่เปิดประตู ส่วนพลังประสาทจากใยประสาทขนาดใหญ่ (อยู่บริเวณใต้ผิวหนัง) จะทำหน้าที่ปิดประตูการลูบ นวด หรือที่ผิวหนังจึงลดความเจ็บปวดได้
แนวทางการบรรเทาการเจ็บครรภ์คลอดจากหลักฐานเชิงประจักษ์
ด้านจริยธรรมและสิทธิผู้คลอด
ผู้คลอดทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการประเมินอาการปวดที่เหมาะสม
ผู้คลอดทุกคนมีสิทธิในการได้รับการจัดการอาการปวดที่เหมาะสม
ผู้คลอดและครอบครัวมีสิทธิที่จะได้รับความรู้เกี่ยวกับการเจ็บครรภ์คลอดกระบวนการคลอดที่เพิ่มการเจ็บครรภ์คลอด และวิธีการบรรเทาการเจ็บครรภ์ รวมทั้งเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับตัวเอง
ด้านการประเมินความเจ็บปวด
ประเมินอาการเจ็บครรภ์ตั้งแต่แรกรับผู้คลอดไว้ในหน่วยคลอด
ใช้เครื่องมือประเมินการเจ็บครรภ์ที่โดยใช้การรายงานอาการเจ็บครรภ์จาก
ความรู้สึกของผู้คลอด และประเมินจากการสังเกตพฤติกรรม/การเปลี่ยนแปลงทางสรีระขณะมีอาการเจ็บครรภ์ จากนั้นจึงนำระดับคะแนนทั้งสองแบบมาประเมินว่าเป็นพฤติกรรมที่เหมาะสมหรือไม่ในระยะต่างๆของการรอคลอด (latent phase / active phase)
แนวปฏิบัติในการบรรเทาการเจ็บครรภ์คลอดจากหลักฐานเชิงประจักษ์
วิธีการไม่ใช้ยา / ใช้ร่วมกับการใช้ยา
การเตรียมความรู้ก่อนคลอด (Childbirth education) (Level 3A) เนื้อหาความรู้ที่ให้แก่ผู้คลอด ผู้ดูแล หรือญาติและครอบครัว และเจ้าหน้าที่ในทีมการดูแลผู้คลอด เกี่ยวกับ ลักษณะปวด ความรุนแรง ความแรงที่สัมพันธ์กับระยะการรอคลอด เครื่องมือที่ใช้ประเมินการเจ็บครรภ์และแนวทางการรายงานการเจ็บครรภ์ให้เจ้าหน้าที่ เป็นต้น
โปรแกรมการให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ในทีมสุขภาพ ควรมีเนื้อหาเกี่ยวกับ (Level 4B) การประเมินการเจ็บครรภ์ วิธีการพยาบาลเพื่อบรรเทาการเจ็บครรภ์ทั้งการใช้ยาและไม่ใช้ยา ผลข้างเคียงจากวิธีการบรรเทาความทุกข์ทรมานจากการเจ็บครรภ์ เป็นต้น
การดูแลอย่างต่อเนื่อง (Labor Support) ควรมีทางเลือกให้ผู้คลอดนำญาติหรือสามีเข้ามาดูแลในระยะรอคลอด ให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง (Continuous labor support) เป็นการดูแลโดยผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการคลอด พยาบาลผดุงครรภ์ หรือสามี/ญาติซึ่งควรผ่านการอบรมเกี่ยวกับการคลอดบุตร
การปรับท่าทางและการเคลื่อนไหวในระยะคลอด
ในรายที่ปากมดลูกเปิดน้อย (latent phase) และไม่มีข้อห้าม ควรส่งเสริมให้ผู้คลอด เดิน/ยืน ทำให้ความเจ็บปวดจากการหดรัดตัวของมดลูกลดลง
ในขณะรอคลอดควรปรับในผู้คลอดอยู่ในท่า Upright โดยการนั่งพิง/ท่าคลาน ทำให้ความเจ็บปวดจากการปวดหลังลดลง
ในรายที่ปากมดลูกเปิด 6-8 ซม. ควรปรับให้ผู้คลอดอยู่ในท่านั่งดีกว่าท่านอน และส่งเสริมให้เปลี่ยนท่าทุก 30-60 นาที เพื่อเพิ่มความสุขสบายและลดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ
การนวดและการสัมผัส (Touch and massage) นวดที่บริเวณศีรษะ หลัง มือ เท้า ตามบริเวณที่ผู้คลอดชอบ จะช่วยลดอาการไม่สุขสบายจากการเจ็บครรภ์
การบำบัดด้วยน้ำ (Hydrotherapy-warm or cool)
การประคบร้อน ความร้อนลดจะช่วยความเจ็บปวดเฉียบพลันและอาการปวดหลังได้ดี รวมถึงช่วยลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ
การประคบเย็น เป็นการใช้ผ้าเย็นเช็ดใบหน้า ลำตัว ช่วยให้สุขสบาย หรือประคบบริเวณหลังและลำคอส่วนหลัง ตามความชอบของผู้คลอด
การผ่อนคลายหรือการหายใจ การใช้เทคนิคหายใจ (Breathing) การหายใจที่ถูกต้อง จะทำให้มีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนและาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยังช่วยเบี่ยงเบนความกลัว
วิธีการ อื่นๆ การปรับสภาพแวดล้อมในห้องรอคลอด หรือ การส่งเสริมความเป็นส่วนตัว ปิดม่านขณะทำกิจกรรม ทำให้ผู้คลอดเพิ่มความรู้สึกในการควบคุมอาการเจ็บครรภ
วิธีการใช้ยา มีข้อเสนอแนะจากงานวิจัยว่าหลังจากใช้ยาแก้ปวดแล้ว หากผู้คลอดไม่สามารถเผชิญความเจ็บปวดได้เหมาะสม ควรส่งเสริมให้ผู้คลอดน าเทคนิคบรรเทาปวดที่ใช้ได้ผลก่อนหน้านี้มาใช้ต่อเนื่อง เช่น เทคนิคหายใจ ผ่อนคลาย ปรับท่าทาง
การดูแลเพื่อบรรเทาความปวดในระยะคลอดโดยไม่ใช้ยา
การลดตัวกระตุ้นความปวด
การเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวในระยะคลอด ได้แก่ การนั่ง การนั่งเก้าอี้โยก (rocking) การนั่งเอียงไปมาบนลูกบอล (swaying)
ท่า
ท่าศีรษะและล าตัวสูง (upright position) ทำให้แนวลำตัวของผู้คลอดส่วนบนสูงกว่าส่วนล่าง จึงส่งผลให้ทารกอยู่แนวตรงกับลำตัวของมารดาท าให้ปริมาณเลือดและออกซิเจนมีเพียงพอไปเลี้ยงกล้ามเนื้อมดลูก จึงลดอาการเวียนศีรษะ
ท่าคุกเข่า (all four or hands and knees position) ช่วยลดอาการปวดหลังกรณีที่ทารกมีท้ายทอยอยู่ด้านหลังช่องเชิงกรานมารดา (occipitoposterior position)
ท่านั่งยอง โดยมีวัตถุประสงค์ให้กระบวนการคลอดเร็วขึ้น
การกระตุ้นประสาทส่วนปลาย
การประคบร้อน และเย็น
การบ้าบัดโดยใช้น้ำหรือวารีบำบัด
การสัมผัส การนวด และการกดจุด
การส่งเสริมการยับยั้งการส่งกระแสประสาทจากไขสันหลังในระดับสมอง
การใช้ดนตรี
การเพ่งและเบี่ยงเบนความสนใจ (attention-focusing and distraction)
สุคนธบำบัด
การใช้เทคนิคการหายใจ (breathing technique)
การส่งเสริมความสุขสบายในระยะคลอด
การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล พยาบาลผดุงครรภ์ต้องดูแลสุขอนามัยผู้คลอดทั้งทางร่างกาย และปากฟันให้สะอาด โดยเฉพาะช่วงที่งดน้ำและอาหาร เพราะช่องปากจะแห้ง ริมฝีปากอาจแตก ต้องดูแลให้ผู้คลอดบ้วนปากบ่อยๆ ให้ได้รับสารน้ำ
ทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษาของแพทย์
การช่วยให้ผู้คลอดเผชิญกับความปวดและความไม่สุขสบาย
การดูแลสิ่งแวดล้อม ด้วยการจัดสิ่งแวดล้อมให้มีความเป็นส่วนตัวมากเท่าที่จะทำได้ เช่น กั้นม่าน เป็นต้น ปูเตียงด้วยผ้าสะอาด แห้ง ให้เรียบตึง เสื้อผ้าที่สะอาดและแห้ง มีผ้ารองเลือดหรือน้ าคร่ าใต้ก้นผู้คลอด เปลี่ยนผ้าให้ทุกครั้งที่ผ้าชุ่ม และอนุญาตให้ญาติเฝ้าคลอดได้
การจัดการความเจ็บปวดในระยะคลอดโดยการใช้ยา การจัดการความปวดโดยใช้ยา ให้ยา Pethidine / Fentanyl ตามแนวปฏิบัติในการบริหารยา มักให้ในกรณีที่ผู้คลอดอยู่ในระยะ Active ปากมดลูกเปิด มากกว่า 3 ซ.ม. หรือในกรณีที่ผู้คลอดไม่สามารถเผชิญความเจ็บปวดได้เหมาะสมและต้องการยาแก้ปวด โดยพยาบาลผู้ดูแลจะรายงานแพทย์เพื่อพิจารณาให้ยาแก้ปวด Pethidine หรือยา Fentanyl ในกรณีที่ผู้คลอดเป็นหอบหืด มีข้อเสนอแนะจากงานวิจัยว่าหลังจากใช้ยาแก้ปวดแล้ว หากผู้คลอดไม่สามารถเผชิญความเจ็บปวดได้
เหมาะสม ควรส่งเสริมให้ผู้คลอดน าเทคนิคบรรเทาปวดที่ใช้ได้ผลก่อนหน้านี้มาใช้ต่อเนื่อง เช่น เทคนิคหายใจ
ผ่อนคลาย ปรับท่าทาง