Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Hypertensive Disorder of Pregnancy คือ ความดันโลหิตมากกว่า 140/90 mmHg.…

- - - - อาการทางคลินิก
        
        อาการชัก
        
        ระยะเริ่มแรก พบริมฝีปากบิดเบี้ยวและมีการกระตุกที่บริเวณใบหน้า
        
        ระยะเกร็ง (tonic) มีการเกร็งทั่วตัว ใบหน้าบิดเบี้ยว ตาถลน แขนงอ กำมือแน่น ใช้เวลาประมาณ 15-20 วินาที
        
        ระยะชักกระตุก (clonic) เกิดการกระตุกทั่วร่างกาย ขากรรไกอ้าและหุบสลับกันอย่างรวดเร็วจนอาจกัดลิ้นได้ แขนขากระตุกอย่างรุนแรง ใช้เวลาประมาณ 60 วินาที
        
        ระยะฟื้น (recovery) ผู้ป่วยจะสงบ นอนนิ่งๆ แล้วรู้สึกตัว ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วอาจมีอาการชักซ้ำอีก
        
        อาการนำ ได้แก่ จุกแน่นลิ้นปี่ เจ็บบริเวณใต้ชายโครงขวาอย่างรุนแรง ปวดศีรษะมากโดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก ตาพร่ามัว อาเจียน มี hyperreflexia
      - การดูแลรักษา
        
        การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการที่มีประโยชน์และจำเป็น : CBC, Plt smea, venous clotting time, เเละ Serum Cr /ในผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บแน่นยอดอกซึ่งแสดงถึงภาวะที่มีเลือดออกที่เยื่อหุ้มตับหรือมีอาการรุนแรง ควรตรวจ fibrinogen, electrolytes และ arterial blood gas ด้วย
        
        เมื่อควบคุมภาวะได้แล้วและผู้ป่วยเริมรู้สึกตัวดีควรตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อวินิจฉัยแยกภาวะแทรกซ้อนทางอายุรกรรมรมออกไป
        
        ถ้าสามารถควบคุมอาการของผู้ป่วยได้คงที่ ควรสิ้นสุดการตั้งครรภ์โดยชักนำการคลอดด้วยยา oxytocin ซึ่งสามารถให้ได้ในทุกรายที่มีอายุครรภ์เกิน 30 wks.
        
        การป้องกันอันตรายขณะชัก : จัดให้ผู้ปวยนอนในท่าตะแคงซ้าย ดูดเสมหะหรือล้วงเอาเศษอาหารออกจากปาก ใส่ที่กดลิ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยกัดลิ้นตนเอง โดยพยายามไม่กระตุ้นให้เกิด gag reflex ซึ่งจะทำให้อาเจียนและเกิดการสำลักตามมาได้
        
        การให้ออกซิเจน : หลังชักผู้ป่วยจะเริ่มหายใจต้องให้ออกชิเจนให้พอในรายที่สงสัยภาวะปอดอักเสบจากการสำลัก
        
        การให้ยากันชัก : magnesium sulfate
        
        Loading dose : ให้ 10% magnesium sulfate 4-6 mg V push ช้าๆ ในอัตราไม่เกิน 1 g/min
        
        Maintain dose
        
        ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ : ให้ 50% magnesium sulfate 10 mg + lidocaine 1 cc
        ฉีดเข้ากล้ามเนื้อสะโพกโดยแบ่งฉีดซ้ายและขวา ใช้เข็มเบอร์ 20 จากนั้นให้ 50% magnesium sulfate 5 g. ทุก 4 ชั่วโมง
        
        แบบหยดทางหลอดเลือดดำ : ให้ 50% magnesium sulfate 10 g ใน IV 1000 cc. drip in 1-2 gm/hr.
        
        การให้ยากันชักชนิดอื่น : diazepam
        
        อาจทำให้เกิด phlebitis
        และ venous thrombosis
        
        กรณีที่จำเป็นต้องให้ diazepam
        ไม่ควรให้ขนาดเกิน 5 มิลลิกรัม
        เนื่องจากการให้ diazpam ขนาดสูงและเร็ว
        อาจทำให้ผู้ป่วยหยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้น
        หรือเกิดทั้งสองภาวะพร้อมกัน
    - - Mild Preeclamsia
        
        พบ Albumin ในปัสสาวะ 24 ชั่วโมงมากกว่าหรือเท่ากับ 300 มิลลิกรัม หรือ urine dipstick 1+, 2+
        
        การรักษา
        
        อายุครรภ์ต่ำกว่า 37 สัปดาห์ควรรับไว้ให้นอนพักในโรงพยาบาลเพื่อประเมินสภาวะทารกในครรภ์และมารดา
        
        กรณีมีความดันโลหิตสูงที่ไม่คงที่ โปรตีนในปัสสาวะเปลี่ยนแปลง ผลการตรวจเลือดผิดปกติหรือมีการเจริญของของทารกผิดปกติ ควรให้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล
        
        อายุครรภ์มากกว่าหรือเท่ากับ 37 สัปดาห์ควรตรวจภายในเพื่อประเมินความพร้อมของคอมดลูก หากพบว่าคอมดลูกพร้อมหรือทารกอยู่ในภาวะอันตราย มีอาการรุนแรงขึ้น ควรยุติการตั้งครรภ์โดยชักนำการคลอด ถ้าคอมดลูกยังไม่พร้อม สามารถตั้งครรภ์ต่อได้และควรติดตามทั้งผู้ป่วยและทารกอย่างใกล้ชิดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
        
        กรณีเปลี่ยนจาก mild preeclampsia เป็น severe preeclampsia ต้องได้รับการรักษาด้วย Magnesium sulfate
        
        หากไม่เกิดการเจ็บครรภ์เองควรสิ้นสุดการตั้งครรภ์เมื่ออายุครรภ์ 40 สัปดาห์
      - Severe Preeclamsia
        
        พบ Albumin ในปัสสาวะ 24 ชั่วโมงมากกว่าหรือเท่ากับ 2 กรัม หรือ urine dipstick 3+, 4+ เเละมีความดันโลหิตมากกว่า 160/100 mmHg. โดยวัด 2 ครั้งห่างกันมากกว่า 6 hr.
        
        การรักษา
        
        อายุครรภ์มากกว่าหรือเท่ากับ 34 สัปดาห์ ควรสิ้นสุดการตั้งครรภ์ กรณีอายุครรภ์น้อยกว่านี้ถ้ามารดาหรือทารกตกอยู่ในภาวะอันตรายก็ควรสิ้นสุดการตั้งครรภ์
        
        ปัจจุบันการให้ตั้งครรภ์ต่อกรณีที่อายุครรภ์น้อยกว่า 34 สัปดาห์ (28-32สัปดาห์) ทำได้โดยพิจารณาให้การรักษาเฉพาะผู้ป่วยบางรายที่ไม่มีข้อบ่งห้าม
        
        HELLP syndrome : เป็น Severe Preeclamsia ที่มีความผิดปกติหลายประการร่วมกัน
        
        EL (Elevated liver enzyme) = การเพิ่มขึ้นของเอนไซม์ในตับ
        
        LP (Low plateled count) = ปริมาณเกล็ดเลือดต่ำ
        
        HE (Hemolysis) = การเเตกของเม็ดเลือด
      - การป้องกันภาวะภาวะแทรกซ้อน
        
        แอสไพริน : ทำให้หลอดเลือดหดรัดตัวและกระตุ้นการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด สารกันเลือดเกาะกลุ่มจึงอาจมีฤทธิ์ป้องกันการเกิด preeclampsia
        
        แคลเซียม : ช่วยป้องกันและลดอันตรายจากความดันโลหิตสูงเพราะระดับแคลเชียมต่ำ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด preeclampsia โดยเฉพาะจากภาวะ gestational hypertension ได้ โดยพบว่าการเสริมแคลเซียมยังช่วยลดอัตราคลอดก่อนกำหนด
        
        Antioxidative stress คือวิตามินซี 1000 มิลลิกรัมและวิตามินอี 400 IU ต่อวัน จะช่วยป้องกันภาวะ preeclampsia ได้
- - - - Pre-hypertension : 120-139/80-90 mmHg.
      - Stage 1 hypertension : 140-159/90-99 mmHg.
      - Stage 2 hypertension : มากกว่า 160/100 mmHg.
    - - มีอาการเฉพาะความดันโลหิตสูงโดยไม่พบความผิดปกติ
        ในระบบอื่นๆ ของร่างกาย
      - ในกลุ่มนี้พบว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ยาลดความดันโลหิต
      - ข้อแนะนำ
        
        หยุดยาลดความดันโลหิตในช่วงไตรมาสแรก
        
        ให้ยาในกรณีที่ความดันมากกว่า 160/110 mmHg.
        
        ยาที่นิยมคือ methyldopa 750 มิลลิกรัม ถึง 4 กรัมต่อวัน
        
        ระดับความดันโลหิตที่สูงขึ้นไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้ของการสิ้นสุด
        การตั้งครรภ์
        
        การสิ้นสุดการตั้งครรภ์ขึ้นกับอายุครรภ์และสภาวะของทารกในครรภ์
        
        กรณีที่ไม่พบภาวะแทรกซ้อนใดๆ สามารถให้ตั้งครรภ์ได้จนอายุครรภ์ครบกำหนด 40 สัปดาห์
    - - กรณีที่ความดันโลหิตสูงมาก
        อาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกในสมองผู้ป่วยได้
      - พยากรณ์โรคของผู้ป่วยและทารกในครรภ์มักไม่ดีโดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตบกพร่องร่วมด้วย เนื่องจากมีความเสี่ยงของการเกิดไตวายเฉียบพลันง่าย
      - การใช้ยาลดความดันโลหิตช่วยทำให้ภาวะทุพพลภาพของผู้ป่วยลดลง ยาที่แนะนำคือ methyldopa และ hydralazine
      - ภาวะแทรกซ้อนที่ตามมาในผู้ป่วยกลุ่มนี้ คือ hypertensive encephalopathy, acute left
        ventricular failure และ acute aortic dissection
  - - - รกลอกตัวก่อนกำหนด (โอกาสเกิด
        เพิ่มขึ้นตามความดันโลหิตที่สูงขึ้น)
      - ทารกตายคลอด