วิธีปรุงสมุนไพร
- ยาประสมแล้ว ตำเป็นผงกวนให้ละเอียด ใส่กล้องเป่าทางจมูกและคอ
- ยาประสมแล้ว มวนบุหรี่สูบเอาควัน เช่น บุหรี่
- ยาเผาหรือเผาให้ไหม้ ตำเป็นผงบดให้ละเอียด ละลายน้ำกระสายต่าง ๆ กิน
- ยาประสมแล้ว ใช้เป็นยาทา
- ยาตำเป็นผงแล้ว บดให้ละเอียด ละลายน้ำกระสายต่าง ๆ กิน
- ยาประสมแล้ว ใช้เป็นลูกประคบ
- ยาประสมแล้ว ต้มเอาน้ำสวน
- ยาประสมแล้ว ทำเป็นยาพอก
- ยาประสมแล้ว ต้มเอาน้ำชะ
- ยาประสมแล้ว บดละเอียดเป็นผงแล้ว ปั้นเป็นเม็ดหรือลูกกลอนกลืน กิน
- ยาประสมแล้ว ต้มเอาน้ำแช่
- ยาประสมแล้ว ต้มแล้วเอาน้ำอาบ
- ยาประสมแล้ว ต้มเอาน้ำบ้วนปาก
- ยาหุงด้วยน้ำมัน เอาน้ำมันใส่กล้องเป่าบาดแผลและฐานฝี
- ยากลั่นเอาน้ำเหงื่อ เช่น กลั่นสุรา เอาน้ำเหงื่อกิน
- ยาเผาให้เป็นด่าง เอาด่างนั้นแช่น้ำไว้ แล้วรินแต่น้ำกิน
3.ยากัดด้วยเหล้าหรือเเอลกอฮอล์ หยดลงน้ำกิน
2.ยาดองเเช่ด้วยน้ำท่าหรือสุรา เเล้วรินเเต่น้ำกิน
1.ยาสับเป็นชิ้นเป็นท่อน ใส่ลงในหม้เติมน้ำต้มเเล้วรินเเต่น้ำกิน
- ยาประสมแล้ว บดเป็นผงปั้นเป็นแท่งหรือเป็นแผ่น แล้วใช้เหน็บ
- ยาประสมแล้ว บดเป็นผง ตอกอัดเม็ด
- ยาประสมแล้ว บดเป็นผง ปั้นเม็ดแล้วเคลือบ
- ยาประสมแล้ว ทำเป็นเม็ดแคปซูล
- ยาประสมแล้ว ห่อผ้าบรรจุลงในกลักเอาไว้ใช้ดม
- ยาประสมแล้ว ใส่กล้องติดไฟใช้ควันเป่าบาดแผลและฐานฝี
- ยาประสมแล้ว เผาไฟหรือโรยบนถ่านไฟ ใช้ควันรม
- ยาประสมแล้ว ต้มเอาไอรมหรืออบ
- ยาประสมแล้ว กวนเป็นยาขี้ผึ้งปิดแผล ซึ่งเรียกว่ายากวน
วิธีการปรุงยาตามแบบแผนโบราณนี้แต่เดิม มี 23-24 วิธี
ต่อมากระทรวงฯ ได้ประกาศเพิ่มวิธีการปรุงยาอีกสองครั้ง รวมวิธีการาปรุงยาในปัจจุบัน เป็น 28 วิธี
2.การให้มีขนาดเล็กลง
3.การบดปั่นให้เป็นผง
1.การตากแห้ง
4.การสะกัดน้ำมันหอมระเหย
เป็นการเก็บรักษาสมุนไพรให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีทีสุด
ทั้งในแง่ของคุณภาพ ปริมาณและน้ำหนัก
click to edit
เป็นการนำเอาสมุนไพรมาทำให้ขนาดเล็กลง และนำไปตากแห้ง เพื่อให้ปริมาณน้ำของสมุนไพรลดลง
นิยมใช้กับ ราก เปลือก ลำต้น
เป็นวิธีที่สะดวกในการใช้งานมาก สมัยโบราณนิยมนำมาตากแห้ง และใช้ครกโขรกให้ละเอียด
สมุนไพรที่มีกลิ่นหอมนำมาต้มสกัดน้ำมันจากสมุนไพรมาปรุงเป็นยาดม ยาหอม ยาทา
ป้องกันเชื้อราได้
ป้องกันความชื้นได้
ขวดเเก้ว ฝาโลหะ
ป้องกันแมลงและโรค
ไม่เป็นแหล่งเพาะเชื้อ
อากาศปลอดโปร่ง
ไม่โดนแสงแดดจัด
พื่นที่เเห้งเเละเย็น
ทำยาปั้นลูกกลอน
การเตรียม
หั่นสมุนไพรสดให้เป็นแว่นบางๆ
ผึ่งแดดให้แห้ง
บดเป็นผงในขณะที่ยายังร้อนแดดอยู่ เพราะยาจะกรอบบดได้ง่าย
การปั้นยา
ใช้ผงยาสมุนไพร ๒ ส่วน ผสมกับน้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม ๑ ส่วนตั้งทิ้งไว้ ๒-๓ ชั่วโมง เพื่อให้ยาปั้นได้ง่าย ไม่ติดมือ
ปั้นยาเป็น ลูกกลมๆ เล็กๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๑ เซนติเมตรเสร็จแล้วผึ่งแดดจนแห้ง
จากนั้นอีก ๒ สัปดาห์ให้นำมาผึ่งแดดซ้ำอีกทีเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อราขึ้นยา
ยาต้ม
การเตรียม
การต้ม
ปริมาณที่ใช้โดยทั่วไป คือ ๑ กำมือ เอาสมุนไพรมาขดมัดรวมกันเป็นท่อนกลม
เทน้ำลงไปพอให้น้ำท่วมยาเล็กน้อย (ประมาณ ๓-๔ แก้ว) ถ้าปริมาณยาที่ระบุไว้น้อยมาก เช่น ใช้เพียง ๑ หยิบมือ
ให้เทน้ำลงไป ๑ แก้ว (ประมาณ ๒๕๐ มิลลิลิตร) ต้มให้เดือดนาน ๑๐-๓๐ นาที
ยาต้มนี้ต้องกินในขณะที่ยายังอุ่นๆ
ยาชง
การเตรียม
ปกติใช้สมุนไพรแห้งชง
โดยหั่นต้นสมุนไพรสดให้เป็นชิ้นเล็กๆ บางๆแล้วผึ่งแดดให้แห้ง
ถ้าต้องการให้ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว ให้เอาไปคั่วเสียก่อนจนมีกลิ่นหอม
การชง
ใช้สมุนไพร ๑ ส่วนเติมน้ำเดือดลง ไป ๑๐ ส่วนปิดฝาตั้งทิ้งไว้ ๑๕-๒๐ นาที
ยาดอง
การเตรียม
การดอง
ปกติใช้สมุนไพรแห้งดองโดยบดต้นไม้ยาให้แตกพอหยาบๆ ห่อด้วยผ้าขาวบางหลวม ๆ เผื่อยาพองตัวเวลาอมน้ำ
เติมเหล้าโรงให้ท่วมห่อยา ตั้งทิ้งไว้ ๗ วัน
ยาตำคั้นเอาน้ำกิน
การเตรียม
การคั้น
นำสมุนไพรสดๆมาตำให้ละเอียดหรือจนกระทั่งเหลวถ้าตัวยาแห้งไป ให้เติมน้ำลงไปจนเหลว
คั้นเอาน้ำยาจากสมุนไพรที่ตำไว้นั้นมารับประทาน
ยาพอก
การเตรียม
การพอก
ใช้สมุนไพรสดตำให้แหลกที่สุดให้พอเปียก แต่ไม่ถึงกับเหลวถ้ายาแห้ง ให้เติมน้ำหรือเหล้าโรงลงไป
เมื่อพอกยาแล้วต้องคอยหยอดน้ำให้ยาเปียกชื้นอยู่เสมอเปลี่ยนยาวันละ ๓ ครั้ง
- ยาผง
ยาผงที่ผสมด้วยใบไม้และแก่นไม้ อย่างละครึ่ง มีอายุประมาณ 4-6 เดือน
ยาอาจเสื่อมคุณภาพช้ากว่านี้ ถ้าเก็บรักษาดี ไม่ถูกแดด ฝน ความชื้น
ยาผงที่ผสมด้วยแก่นไม้ โกฐเทียน มีอายุประมาณ 6-8 เดือน
- ยาปั้นเป็นลูกกลอน
ยาเม็ดที่ผสมด้วยใบไม้ล้วน 6-8 เดือน เริ่มเสื่อมคุณภาพ 1 ปี อาจหมดคุณภาพ
ยาเม็ดที่ผสมด้วยแก่นไม้ล้วน1 ปี เริ่มเสื่อมคุณภาพ2 ปี อาจหมดคุณภาพ
3.ยาน้ำ น้ำต้ม และยาดอง
- ยาดองที่เข้าเกลือ หรือ ดีเกลือ
ยาต้มผสมด้วยใบไม้ล้วนต้มกินได้ครั้งเดียว แล้วเททิ้งเสีย
ยาต้มผสมด้วยแก่นไม้ เครื่องเทศ โกฐเทียนถ้าต้มอุ่น เช้า-เย็นทุกวัน มีอายุ 7-10 วัน
ยาต้มผสมด้วยแก่นไม้ เครื่องเทศ โกฐเทียน หัวพืชแห้ง ถ้าต้มอุ่น เช้า-เย็นทุกวัน อายุ 7-15วัน
ยาดองที่ผสมด้วยของเค็มมาก ๆ เช่น เกลือ หรือ ดีเกลือ และ ตัวยาแห้งดี ปรุงถูกต้องมีอายุประมาณ 2 ปี
ยาดองอื่น ๆ ที่ไม่ได้เข้าตัวยาเค็ม ๆมีอายุประมาณ 1 ปี
1.ศึกษาให้ดีก่อนใช้
2.เริ่มกินน้อยๆ
3.ห้ามใช้ยามากจนเกินไป
4.หมั่นตรวจสอบสรรพคุณ
5.ผลที่ได้ไม่เเน่นอน
6.อย่าใช้ยาเข้มข้นมากเกินไป