การตั้งครรภ์แฝด
( Twins )
ความหมาย
การตั้งครรภ์ที่มีการปฏิสนธิและการฝังตัวอ่อนภายในโพรงมดลูก และมีการเกิดของตัวอ่อนมากกว่า 1 ตัวขึ้นไป มีชื่อเรียกตามจำนวนทารก เช่น แฝดสอง แฝดสาม แฝดสี่ การตั้งครรภ์ที่พบมาก คือการตั้งครรภ์แฝดสอง
แฝดเหมือน หรือแฝดแท้ (Identical Twins or true twins)
Diamnionic, dichorionic, monozygotic twins pregnancy flunsshuplantingin การแบ่งตัวหลังจากที่ไข่ผสมกับอสุจิภายใน 72 ชั่วโมงแรกก่อนมี การสร้าง inner cell mass และ outer layer ของ blastocyst ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปเป็น chorion และ amnion จึงมีผลทำให้เกิดมี 2 embryos, 2 amnions และ 2 chorion ส่วนรกอาจมีรก 2 อันแยกกันหรืออยู่ติดกันก็ได้พบได้ร้อยละ 18-36
Diamnionic, monochorionic, monozygotic twins pregnancy การแบ่งตัวหลังจากไข่ผสมกับอสุจิแล้วภายในช่วงเวลา 4-8 วันซึ่งมีการสร้าง inner cell mass และ chorion แล้วจึงมีผลทำให้มี 2 embryos, 2 amnions, 1 chorion โดยรกจะอยู่ติดกันพบได้ร้อยละ 68 ของ monozygotic twins
Conjoined twins หรือ Siamese twins เป็นครรภ์แฝดที่เกิดจากการแบ่งตัวหลังจากไข่ผสมกับตัวอสุจิภายหลัง 13 วันซึ่งมีการเกิด embryonic disc และ rudimentary amnionic sac แล้วทำให้มีการแบ่งตัวแบบไม่สมบูรณ์จึงมีผล ทำให้มีบางส่วนของร่างกายติดกันพบได้ 1: 50,000-1: 80,000 โดยอาจมีด้านหน้าเชื่อมติดกัน (ventral union)
Monoamnionic, monochorionic, monozygotic twins pregnancy Ouasshudlanina จากการแบ่งตัวหลังจากไข่ผสมกับอสุจิประมาณวันที่ 9 9-12 ซึ่งมีการสร้าง chorion และ amnion เรียบร้อยแล้วจึงพบว่าทารกแยกกันอยู่ในถุงเยื่อหุ้ม amnionic sac อันเดียวมีผลทำให้มี 2 embryos, 1 chorion, 1 amnion, 1 placenta พบได้ร้อยละ 1-5 ของ monozygotic twins และเป็นครรภ์แฝดชนิดที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อทารกมากที่สุด
แฝดไม่เหมือนหรือแฝดพี่น้อง (nonidentical or fraternal twins)การตั้งครรภ์แฝดที่เกิดจากการปฏิสนธิของไข่ต่างใบกับเชื้ออสุจิต่างตัว ทารกอาจเป็นเพศเดียวกันหรือต่างเพศก็ได้ มีรูปร่างต่างกัน ลักษณะพันธุกรรมไม่เหมือนกัน
แนวทางการดูแล
ระยะหลังคลอด
3.1 เฝ้าระวังปัญหาตกเลือดหลังคลอด
3.2 ประเมินการติดเชื้อ
3.3 แนะนำวิธีการเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา
3.4 แนะนำวิธีการคุมกำเนิด
ระยะคลอด
2.1 สตรีตั้งครรภ์แฝดควรได้รับการช่วยเหลือการคลอดจากสูติแพทย์ถ้าทารกในครรภ์มีศีรษะเป็นส่วนน้ำและสามารถคลอดเองได้ทางช่องคลอดพยาบาลผดุงครรภ์สามารถช่วยทำคลอดได้
2.2 ควรได้รับการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound) ประเมินท่าของทารกในครรภ์เพื่อวางแผนการช่วยเหลือได้ถูกต้อง
2.3 เตรียมให้สารน้ำเตรียมเลือดและเกร็ดเลือดสำรองไว้กรณีเกิดการตกเลือด
2.4 ประเมินสุขภาพทารกตลอดระยะเวลาในการรอคลอดโดยใช้ Fetal monitoring
ระยะตั้งครรภ์
1.1 อาหารสตรีตั้งครรภ์แฝดจะต้องได้รับปริมาณอาหารมากกว่าสตรีตั้งครรภ์ปกติ แคลอรีควรได้เพิ่มเป็น 500 แคลอรีต่อวันหรืออย่างน้อยจะต้องได้ 2,400 แคลอรีต่อวันควรเพิ่มธาตุเหล็ก 120 มิลลิกรัมต่อวันและกรดโฟลิก 1 มิลลิกรัมต่อวัน
1.2 การนัดตรวจภายหลังอายุครรภ์ 24 สัปดาห์นัตตรวจทุก 2 สัปดาห์และตรวจ NST ทุกสัปดาห์ภายหลังอายุครรภ์ได้ 32 สัปดาห์ตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound) ทุกเดือนเพื่อดู การเจริญเติบโตทารกในครรภ์
1.3 แนะนำให้พักผ่อนให้มากถ้าเป็นไปได้ไม่ควรทำงานนอกบ้านภายหลังอายุครรภ์ 24 สัปดาห์
1.4 แนะนำการดูแลสุขภาพตนเองและเตรียมแหล่งสนับสนุนทางสังคมในการช่วยเหลือ
ผลกระทบ
ผลต่อทารกในครรภ์
- ทารกพิการ แต่กำเนิด โดยพบในครรภ์แฝดจากไข่ใบเดียวมากกว่าครรภ์แฝดต่างไข่
- อัตราการตายของทารกเพิ่มขึ้นโดยอาจมีการตายของแฝด 1 คน
- ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ
- ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนดและเกิดสายสะดือย้อย
ผลต่อสตรีในครรภ์
- มีอาการคลื่นไส้อาเจียนมากซึ่งเป็นผลมาจากมีฮอร์โมน มากกว่าการตั้งครรภ์ปกติ
- เสี่ยงต่อการแท้งสูง
- เกิดมีเลือดออกทางช่องคลอดที่มีสาเหตุจากทารกครรภ์แฝด 1 คนเกิดหยุดชะงักการเจริญเติบโตและเสียชีวิต
- คลอดก่อนกำหนด
- เกิดภาวะน้ำคร่ำมาก
- พิษแห่งครรภ์
- ตกเลือดหลังคลอด
- คลอดยากส่วนใหญ่จะต้องผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง