Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่2 ลักษณะเฉพาะทางพฤกศาสตร์, นางสาวศุภิสรา หงษ์ทอง เลขที่ 84 ปี2…
บทที่2
ลักษณะเฉพาะทางพฤกศาสตร์
การปรุงยาตามแบบแผนไทย
มี 28 วิธี
ได้แก่
ยาสับเป็นชิ้นเป็นท่อนใส่ลงในหม้อเติมน้ำต้ม แล้วรินแต่น้ำกิน
ยาดองแช่ด้วยน้ำท่าหรือน้ำสุรา แล้วรินแต่น้ำกิน
3.ยากัดด้วยเหล้าหรือแอลกอฮอล์ หยดลงน้ำกิน
ยาเผาให้เป็นด่าง เอาด่างนั้นแช่น้ำไว้ แล้วรินแต่น้ำกิน
ยากลั่นเอาน้ำเหงื่อ เช่น กลั่นสุรา เอาน้ำเหงื่อกิน
ยาหุงด้วยน้ำมัน เอาน้ำมันใส่กล้องเป่าบาดแผลและฐานฝี
ยาประสมแล้ว ต้มเอาน้ำบ้วนปาก
ยาประสมแล้ว ต้มแล้วเอาน้ำอาบ
ยาประสมแล้ว ต้มเอาน้ำแช่
ยาประสมแล้ว ต้มเอาน้ำชะ
ยาประสมแล้ว ต้มเอาน้ำสวน
ยาตำเป็นผงแล้ว บดให้ละเอียด ละลายน้ำกระสายต่าง ๆ กิน
ยาเผาหรือเผาให้ไหม้ ตำเป็นผงบดให้ละเอียด ละลายน้ำกระสายต่าง ๆ กิน
ยาประสมแล้ว ตำเป็นผงกวนให้ละเอียด ใส่กล้องเป่าทางจมูกและคอ
ยาประสมแล้ว มวนบุหรี่สูบเอาควัน เช่น บุหรี่
ยาประสมแล้ว ใช้เป็นยาทา
ยาประสมแล้ว ใช้เป็นลูกประคบ
ยาประสมแล้ว ทำเป็นยาพอก
ยาประสมแล้ว บดละเอียดเป็นผงแล้ว ปั้นเป็นเม็ดหรือลูกกลอนกลืน กิน
ยาประสมแล้ว บดเป็นผงปั้นเป็นแท่งหรือเป็นแผ่น แล้วใช้เหน็บ
ยาประสมแล้ว บดเป็นผง ตอกอัดเม็ด
ยาประสมแล้ว บดเป็นผง ปั้นเม็ดแล้วเคลือบ
ยาประสมแล้ว ทำเป็นเม็ดแคปซูล
ยาประสมแล้ว ห่อผ้าบรรจุลงในกลักเอาไว้ใช้ดม
ยาประสมแล้ว ใส่กล้องติดไฟใช้ควันเป่าบาดแผลและฐานฝี
ยาประสมแล้ว เผาไฟหรือโรยบนถ่านไฟ ใช้ควันรม
ยาประสมแล้ว ต้มเอาไอรมหรืออบ
ยาประสมแล้ว กวนเป็นยาขี้ผึ้งปิดแผล ซึ่งเรียกว่า ยากวน
การแปรรูปพืชสมุนไพร
เพื่อ
เก็บไว้ได้นานๆและในปริมาณมากๆ
ได้แก่
การตากแห้ง
เป็นการเก็บรักษาสมุนไพรให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีทีสุด
การให้มีขนาดเล็กลง
นำเอาสมุนไพรมาทำให้ขนาดเล็กลง และนำไปตากแห้ง
นิยมใช้กับ ราก เปลือก ลำต้น
การบดปั่นให้เป็นผง
สมัยโบราณนิยมนำมาตากแห้ง และใช้ครกโขรกให้ละเอียด
การสกัดน้ำมันหอมระเหย
นำมาต้มสกัดน้ำมันจากสมุนไพร
มาปรุงเป็นยาดม ยาหอม ยาทา
การเก็บรักษาสมุนไพร
สถานที่ในการจัดเก็บ
ไม่เป็นแหล่งเพาะเชื้อ
อากาศปลอดโปร่ง
ไม่โดนแสงแดดจัด
พื้นที่แห้งและเย็น
ภาชนะในการจัดเก็บ
ขวดแก้ว ฝาโลหะ
เตรียมยาสมุนไพร
ได้แก่
ยาปั้นลูกกลอน
การเตรียม
หั่นสมุนไพรสดให้เป็นแว่นบางๆ
ผึ่งแดดให้แห้ง
บดเป็นผงในขณะที่ยายังร้อนแดดอยู่ เพราะยาจะกรอบบดได้ง่าย
การปั้น
ใช้ผงยาสมุนไพร ๒ ส่วน ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อม ๑ ส่วน
ตั้งทิ้งไว้ ๒-๓ ชั่วโมง
ปั้นยาเป็น ลูกกลมๆ เล็กๆเสร็จแล้วผึ่งแดดจนแห้ง
อีก ๒ สัปดาห์ ให้นำมาผึ่งแดดซ้ำอีกทีเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อราขึ้นยา
ยาต้ม
การเตรียม
ปริมาณที่ใช้โดยทั่วไป คือ ๑ กำมือ
การต้ม
.เทน้ำลงไปพอให้น้ำท่วมยาเล็กน้อย
ต้มให้เดือดนาน ๑๐-๓๐ นาที
ยาชง
การเตรียม
หั่นต้นสมุนไพรสดให้เป็นชิ้นเล็กๆ บางๆ แล้วผึ่งแดดให้แห้ง
ถ้าต้องการให้ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว ให้เอาไปคั่ว
การชง
ใช้สมุนไพร ๑ ส่วน
ปิดฝาตั้งทิ้งไว้ ๑๕-๒๐ นาที
เติมน้ำเดือดลง ไป ๑๐ ส่วน
ยาดอง
การเตรียม
บดต้นไม้ยาให้แตกพอหยาบๆ
ห่อด้วยผ้าขาวบางหลวม ๆ
การดอง
เติมเหล้าโรงให้ท่วมห่อยา ตั้งทิ้งไว้ ๗ วัน
ยาตำคั้นเอาน้ำกิน
การเตรียม
นำสมุนไพรสดๆมาตำให้ละเอียดหรือจนกระทั่งเหลว
ถ้าตัวยาแห้งไป ให้เติมน้ำลงไปจนเหลว
กระทือ กระชาย ให้นำไปเผาไฟให้สุกเสียก่อนจึงค่อยตำ
การคั้น
คั้นเอาน้ำยาจากสมุนไพรที่ตำไว้ นั้นมารับประทาน
ยาพอก
การเตรียม
ใช้สมุนไพรสดตำให้แหลกที่สุดให้พอเปียก
ถ้ายาแห้ง ให้เติมน้ำหรือเหล้าโรงลงไป
การพอก
เมื่อพอกยาแล้ว ต้องคอยหยอดน้ำให้ยาเปียกชื้นอยู่เสมอ
เปลี่ยนยาวันละ ๓ ครั้ง
อายุของยาสมุนไพร
ได้แก่
ยาผง
ผสมด้วยใบไม้ล้วน ๆ
มีอายุประมาณ 3-6 เดือน
ผสมด้วยแก่นไม้ โกฐเทียน
มีอายุประมาณ 6-8 เดือน
ใบไม้และแก่นไม้ อย่างละครึ่ง
มีอายุประมาณ 4-6 เดือน
ยาปั้นเป็นลูกกลอน เป็นเม็ด เป็นแท่ง
ใบไม้ล้วน
6-8 เดือน เริ่มเสื่อมคุณภาพ
1 ปี อาจหมดคุณภาพ
แก่นไม้ล้วน
1 ปี เริ่มเสื่อมคุณภาพ
2 ปี อาจหมดคุณภาพ
หัว เหง้า แก่น โกศเทียน แร่ธาตุ
18 เดือน เริ่มเสื่อมคุณภาพ
2 ปี อาจหมดคุณภาพ
ใบไม้ หัว โกศเทียน แร่ธาตุ
8 เดือน เริ่มเสื่อมคุณภาพ
2 ปี อาจหมดคุณภาพ
ยาน้ำ น้ำต้ม และยาดอง
ใบไม้ล้วน
ต้มกินได้ครั้งเดียว แล้วเททิ้งเสีย
แก่นไม้ เครื่องเทศ โกฐเทียน
ถ้าต้มอุ่น เช้า-เย็นทุกวัน มีอายุ 7-10 วัน
แก่นไม้ เครื่องเทศ โกฐเทียน หัวพืชแห้ง
ถ้าต้มอุ่น เช้า-เย็นทุกวัน อายุ 7-15 วัน
ยาดองที่เข้าเกลือ หรือ ดีเกลือ
ผสมด้วยของเค็มมาก ๆ
มีอายุประมาณ 2 ปี
ยาดองอื่น ๆ ที่ไม่ได้เข้าตัวยาเค็ม ๆ
มีอายุประมาณ 1 ปี
นางสาวศุภิสรา หงษ์ทอง เลขที่ 84 ปี2 รุ่น37
รหัสนักศึกษา 622001087