Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์ (Piaget) - Coggle Diagram
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์ (Piaget)
ประวัติ
เพียเจต์ (Jean Piaget, 1969)
นักจิตวิทยาชาวสวิส และเป็นผู้เชี่ยวชาญในทฤษฎีพัฒนาการทางด้านสติปัญญา
ทฤษฎีของเพียเจย์เน้นความสำคัญของความเป็นมนุษย์อยู่ที่มนุษย์มีความสามารถในการสร้างความรู้ผ่านการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
โครงสร้างตามความคิด (Scheme)
เกิดการ การปรับตัว (Adaptation)
เด็กพยายามปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดบ้อม
โดยซึมซับประสบการณ์ (Assimilation) และการปรับโครงสร้างสติปัญญา (Accommodation)
ทำให้เกิดความสมดุลในโครงสร้างความคิด ความเข้าใจ (Equilibration)
ความสามารถพื้นฐานของมนุษย์
การจัดรวบรวม
การปรับตัว
การรับประสบการณ์
การปรับโครงสร้างทางปัญญามีอย่างต่อเนื่อง
มนุษย์ทุกคนมีพัฒนาการทางสติปัญญาจากการปรับตัวกับสิ่งแวดล้อม
การมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทำให้มนุษย์มีการปรับตัว
เช่น เด็กอายุ4ขวบ เห็นลาแล้วบอกว่าเป็นม้า แม่จึงสอนให้แยกแยะว่าม้าและลาต่างกันอย่างไร จนแยกประเภทของสัตว์ทั้ง2ตัวได้
เป้าหมายสำคัญของทฤษฎีเพียเจย์
เป้าหมายเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา
เป้าหมายเพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านการเรียนรู้
เป้าหมายเพื่อนำไปสู่การคิดตั้งสมมติฐานอย่างสมเหตุสมผล
เป้าหมายเพื่อนำไปสู่การคิดอย่างเป็นเหตุผลเชิงนามธรรม
องค์ประกอบที่เสริมสร้างพัฒนาการทางสติปัญญา
ประสบการณ์
การถ่ายทอดความรู้ทางสังคม
การกำกับตัวเองหรือควบคุมพฤติกรรมตนเอง
ขั้นพัฒนาการทางสติปัญญาไว้ 4 ขั้น
ขั้นประสาทรับรู้และการเคลื่อนไหว (Sensorimotor Stage)
ขั้นก่อนปฏิบัติการคิด (Preoperational Stage)
ขั้นปฏิบัติการคิดด้วยรูปธรรม (Concrete Operational Stage)
ขั้นปฏิบัติการคิดด้วยนามธรรม (Formal Operational Stage)
ช่วงอายุ 12 ปีเป็นต้นไป
เด็กจะสามารถคิดไม่เพียงแต่ในสิ่งที่เห็นหรือได้ยิน แต่จะสามารถจินตนาการเงื่อนไขของปัญหาในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
พัฒนาสมมติฐานอย่างสมเหตุสมผลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้
ช่วงอายุ 7-11
เด็กจะมีความสามารถคิดเหตุผลและผลที่เกี่ยวข้องกับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่ยึดอยู่เฉพาะการรับรู้
เด็กจะสามารถคิดย้อนกลับ (Reversibility) สามารถเข้าใจเรื่องการอนุรักษ์ (Conservation) สามารถจัดกลุ่มหรือประเภทของสิ่งของ (Classification) และสามารถจัดเรียงลำดับของสิ่งต่าง ๆ (Seriation) ได้
จะพัฒนาจากการยึดตนเองเป็นศูนย์กลางไปสู่ความสามารถที่จะเข้าใจแนวคิดของสังคมรอบตัว
ช่วงอายุ 2-7
ในระยะ 2-4 ปี เด็กยังยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง มีขีดจำกัดในการรับรู้ สามารถเข้าใจได้เพียงมิติเดียว
ในระยะ 5-6 ปี ระยะนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการคิด ที่ขึ้นอยู่กับการรับรู้กับการคิดอย่างมีเหตุผลตามความจริง แต่ยังคิดและตัดสินผลของการกระทำต่าง ๆ จากสิ่งที่เห็นภายนอก
ช่วงอายุ 0-2
การเรียนรู้จากประสาทสัมผัส มีการเรียนรู้ การแก้ปัญหา การจัดระเบียบการกระทำ
มีการคิดก่อนที่จะทำ การกระทำจะทำด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเด็กยังสามารถเลียนแบบ โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวแบบซึ่งแสดงถึงพัฒนาการด้านความจำที่เพิ่มมากขึ้นในช่วง 18-24 เดือน