Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สถานการณ์ที่ 2 - Coggle Diagram
สถานการณ์ที่ 2
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 1
ทารกในครรภ์เสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดออกซิเจน เนื่องจากมีการคลอดที่ยาวนาน
Subjective data :
มารดาบอกว่า “อยากเบ่ง” “เบ่งแล้วหายปวด”
เวลา14.30 น. มารดาบอกว่า “ไม่มีแรงเบ่ง”
Objective data :
จากการสังเกตเวลา 11.00 น. มารดามีการเบ่งเรื่อยๆ
จากการ PV (11.00 น.) พบปากมดลูกเปิด 7 cm, effacement 80%, station 0+, membrane rupture ตรวจพบ ปากมดลูกบวม ศีรษะทารกมี caput และทารกในครรภ์อยู่ในท่า OPP ,FHR144 ครั้ง/นาที
วางแผนทางการพยาบาล
ดูแลให้มารดาได้รับออกซิเจน Mask with bag 8-10 lit/min หรือตามแผนการรักษาของแพทย์
6.เตรียมสูติศาสตร์หัตถการช่วยคลอด กรณีที่เบ่งคลอดนานกว่า 1 ชั่วโมง
ดูแลให้ได้รับสารน้ำ ตามแผนการรักษาของแพทย์
ประเมินสภาพทารกในครรภ์ โดยการฟังอัตราการเต้นของหัวใจทารกทุก 15-30 นาที ถ้าพบว่าผิดปกติ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจทารกมากกว่า 160 ครั้ง/นาที หรือน้อยกว่า 110 ครั้ง/นาที หรือจังหวะไม่สม่ำเสมอ รายงานแพทย์เพื่อให้การช่วยเหลือและติดFetal Mornitoring
สอนมารดาให้เบ่งอย่างถูกวิธี โดยเมื่อมดลูกหดรัดตัว มารดาหายใจล้างปอด 1 ครั้ง แล้วจึงหายใจเข้ายาวๆ ลึกๆ กลั้นหายใจแล้วเบ่งให้แรงที่สุด โดยผู้ดูแลจะนับ 1-10 ช้าๆ ขณะที่มารดาเบ่ง และหายใจออกอย่างเร็วภายหลังการเบ่ง ครั้งต่อไปหายใจเข้าใหม่ และเบ่งอีกครั้ง ทำซ้ำจนมดลูกคลายตัวหายใจล้างปอด 1 ครั้ง มดลูกหดรัดตัว 1 ครั้ง ควรเบ่งได้ 3-4 ครั้ง
ประเมิน Uterine contraction ในระยะคลอด ทุก 5-10 นาที ให้อยู่ในช่วง Good contraction คือ
Interval 2-3 นาที Duration 45-60 วินาที Intensity Moderate-strong และตรวจภายใน
รายงานกุมารแพทย์ กรณีที่ทารกมีภาวะ Fetal distress
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 2 :
Subjective data :
none
Objective data :
สูติแพทย์ใช้คีมช่วยคลอด ทารกคลอด F/E due to OPP
ประเมินโดยใช้หลัก 4T - Trauma คือ การฉีกขาดของช่องทางคลอด แผลฝีเย็บฉีกขาดระดับ4
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินอาการและอาการแสดงที่เกิดจากภาวะตกเลือดหลังคลอดได้แก่ ซีด ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ เหงื่อออก ตัวเย็น ใจสั่น
2.ในรายที่ให้ oxytocin เมื่อทารกคลอดแล้วควรให้ต่อไปอย่างน้อย 1ชั่วโมง และควรดูแลอย่างใกล้ในระยะ 2 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
3.ดูแลกระเพาะปัสสาวะให้ว่างโดยกระตุ้นให้ขับถ่ายปัสสาวะ ระวังไม่ให้กระเพาะปัสสาวะเต็ม
4.แนะนำสตรีหลังคลอดให้ตรวจดูการหดรัดตัวของมดลูกหากมดลูกนุ่มต้องสอนวิธีคลึงมดลูก จนกระทั่งมดลูกหดรัดตัวแข็งจึงหยุดคลึง
5.โดยวางกระเป๋าน้ำแข็งที่ฝีเย็บในชั่วโมงแรกหลังคลอด และให้สังเกตการบวมเลือดของอวัยวะสืบพันธุ์หลังคลอดโดยทั่วไปบริเวณบวมเลือดจะเเข็ง เวลาสัมผัสจะรู้สึกเจ็บปวดมาก
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 3ทารกหลังคลอดเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายจากการทำ Forceps Extraction
Objective data :
เบ่งนาน 1 ชั่วโมง ศีรษะทารกไม่เคลื่อนต่ำ บางครั้ง FHR drop อยู่ในช่วง 90-100 ครั้ง/นาที มารดาไม่มีแรงเบ่ง สูติแพทย์ใช้คีมช่วยคลอด ทารกคลอด F/E due to OPP
Subjective data : -
none
กิจกรรมการพยาบาล
3.ประเมินทารกคลอดออกมาประเมิน Apgar score
4.ประเมินการบาดเจ็บของทารแรกเกิด ได้แก่ การเกิดบาดแผลบริเวณใบหน้า Hematoma รอยถลอก
Erb'paralysis ฯลฯ
5.จัดให้ทารกนอนบน Radiant warmer(ที่เปิดพร้อมใช้งาน)
6.ดูแลเรื่องหายใจ สังเกตอาการขาดออกซิเจน เช่น หายใจตื้น หายใจลำบาก อาการเขียวของลำตัวทารกและถ้าพบให้ลูกสูบยางดูดสารคัดหลั่งออกมา
7.หยอดตาทารก และฉีดวิตามิน K เมื่อครบหนึ่งชั่วโมงแรกหลังคลอด
8.ส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดา และทารกแรกเกิด ภายหลังเช็ดตัวให้แห้ง และทารกหายใจได้ปกติโดยจัดให้มี skin to skin contract และ eye contract โดยเร็วเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงหลัง
คลอดก่อน
1.ประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ทุก 5 นาที
2.เตรียมอุปกรณ์การช่วยชีวิตทารกแรกเกิดไว้ให้พร้อม และรายงานแพทย์