Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ตั้งครรภ์เกินกำหนดคลอด (Postterm pregnancy) - Coggle Diagram
ตั้งครรภ์เกินกำหนดคลอด
(Postterm pregnancy)
ความหมาย
การตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์มากกว่า 42 สัปดาห์ หรือมากกว่า 294 วัน นับจากวันแรกของการมีประจ้าเดือนครั้งสุดท้าย (last mentrual preroid: LMP)
การวินิจฉัย
อาการและอาการแสดง
ได้แก่ มดลูกมีขนาดเล็กลง คลำพบทารกชัดเจนเนื่องจากปริมาณน้ำคร่ำลดลง กล้ามเนื้อและไขมันใต้ผิวหนังของทารกมีน้อยลง และปริมาณน้ำคร่ำลดลง
ผลมาจากรกเสื่อม น้ำหนักมารดาลดลงมากกว่า 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์
ทารกดิ้นน้อยลง และในระยะคลอดจากการตรวจภายในอาจพบกระดูกศีรษะทารกแข็ง และไม่เกิด molding
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
1.การเจาะน้ำคร่ำ (amniocentesis) พบน้ำคร่ำมีขี้เทาปน
2.การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound) พบปริมาณน้ำคร่ำลดลง
1.การนับจำนวนวันของการตั้งครรภ์
พบอายุครรภ์มากกว่า 42 สัปดาห์ หรือมากกว่า294 วัน ยกเว้นหญิงตั้งครรภ์ที่มีรอบเดือนยาวนาน (menstrual cycles 40-45 วัน)
ซึ่งพบว่าการคาดคะเนวันคลอดจะคลาดเคลื่อนจาก EDC ไปอีก 12-17 วัน
สาเหตุ
น่าจะเกิดจากลักษณะทางกายวิภาคและระบบชีวเคมีของทารก หรือ amnion ที่ไม่สามารถกระตุ้นให้มีการหลั่ง prostaglandin ออกมาได้ จึงไม่มีอาการเจ็บครรภ์
จากการศึกษาพบว่าครรภ์เกินก้าหนดมีความสัมพันธ์กับทารกที่มีความพิการ เช่น ทารกที่มีต่อมหมวกไตฝ่อ ทารกสมองเล็ก การตั้งครรภ์ในช่องท้อง และสภาพรกผิดปกติ
ปัจจัยด้านอายุ พบว่า หญิงตั้งครรภ์ที่อายุน้อยกว่า 25 ปี หรือมากกว่า 35 ปี
หญิงตั้งครรภ์ที่เคยมีประวัติการตั้งครรภ์เกินกำหนดมาก่อน มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์เกินกำหนดอีก
ปัจจัยทางอายุรศาสตร์ที่ท้าให้รถเสื่อมเร็ว (placental aging) เช่น ความดันโลหิตสูงเบาหวาน collagen vascular disease
หญิงตั้งครรภ์ที่มีความวิตกกังวลสูง
หญิงตั้งครรภ์ที่เคยผ่านการคลอดมากกว่า 4 ครั้ง
หญิงตั้งครรภ์ที่รับประทานยาคุมกำเนิด จนกระทั่งถึงวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย (LMP)
ผลต่อมารดาและทารก
ต่อมารดา
3.หญิงตั้งครรภ์ได้รับความกระทบกระเทือนด้านจิตใจจากการคลอยาวนาน เนื่องจากอาการไม่สุขสบายในไตรมาสที่สาม และในระยะคลอดที่ยาวนาน รู้สึกว่าตนเองไม่สามารถควบคุมการคลอดให้เป็นไปตามกำหนดได้
2.เสี่ยงต่อการตกเลือดในระยะที่ 2 ของการคลอด เนื่องจากระยะที่ 1, 2 ของการคลอดยาวนาน หรือได้รับการคลอดโดยใช้หัตถการ
คลอดยาก เนื่องจากทารกตัวโตกว่าปกติ (macrosomia) เกิดจากรกอยู่ในสภาพปกติ จึงทำให้ทารกเจริญเติบโตต่อไปได้ การที่ทารกตัวโตมากจะมีผลท้าให้ศีรษะทารกไม่ได้สัดส่วนกับ เชิงกราน การคลอดติดไหล่ (shoulder dystocia) หรือในรายที่มีรอยต่อกระดูกกะโหลกศีรษะเริ่มติดกันและแข็ง จะทำให้ไม่มีการเกิด molding ในระยะคลอด
ต่อทารก
เสี่ยงต่อภาวะขาดออกซิเจน (fetal distress) เนื่องจากภาวะน้ำคร่ำน้อย ทำให้สายสะดือถูกกด (cord compression) ถ้าสายสะดือถูกกดอย่างรุนแรงและเป็นเวลานาน จะทำให้ทารกเสียชีวิตได้ พบว่ามีเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติ (polycythemia)
ขี้เทาปนในน้ำคร่ำ เนื่องจากปฏิกิริยาของ parasympathetic reflex ซึ่งมีผลทำให้ทารกสำลักขี้เทาได้ตั้งแต่อยู่ในมดลูกและทารกอาจเสียชีวิตจากการสำลักขี้เทาได้
การรักษา
1. ระยะตั้งครรภ์
1.ควรได้รับการตรวจสอบอายุครรภ์อย่างแม่นยำ ตั้งแต่การฝากครรภ์ครั้งแรก ถ้าจ้า LMP ไม่ได้แน่นอน ควรตรวจด้วย ultrasound ตั้งแต่ระยะแรกเมื่ออายุครรภ์ 41 สัปดาห์แล้วยังไม่มีอาการเจ็บครรภ์ จะได้รับการทำ NST หรือ Biophysical profile
2.ถ้าพบว่าทารกปกติ อาจตรวจด้วย ultrasound เพื่อคำนวณอายุครรภ์วัด biparietal diameter
3.ถ้าพบว่าทารกครบกำหนดจะพิจารณากระตุ้นให้เจ็บครรภ์คลอดโดยใช้ prostaglandin เหน็บช่องคลอด (พบว่าทำให้ทารกมีความปลอดภัยมากกว่าการเฝ้าระวังรอคอยให้เกิดการเจ็บครรภ์ขึ้นเองตามธรรมชาติ)
2.ระยะคลอด
1.ถ้าตรวจพบว่ารกเสื่อมควรติดตามฟังเสียงหัวใจทารกตลอดระยะการคลอดถ้าพบว่าการเร่งคลอดไม่ประสบผลสำเร็จควรพิจารณาผ่าตัดคลอด
2.ถ้าพบว่าถุงน้ำแตกควรสังเกตขี้เทาที่ปนออกมากับน้ำคร่ำ ดูแลให้ออกซิเจน และเตรียมทีมช่วยฟื้นคืนชีพทารก
3.ถ้าพบว่าถุงน้ำแตกควรสังเกตขี้เทาที่ปนออกมากับน้ำคร่ำ ดูแลให้ออกซิเจน และเตรียมทีมช่วยฟื้นคืนชีพทารกเพื่อป้องกันทารกสำลักน้ำคร่ำคือการดูดขี้เทาออกจากจมูกและปากด้วยลูกยางแดงให้หมด
4.ก่อนการทำคลอดไหล่ และทันทีที่คลอดควรหนีบสายสะดือทันที่เพื่อป้องกันภาวะ polycythemia ส่วนการดูดเสมหะออกจากหลอดลมควรดู
การประเมินสภาพ
1.ซักประวัติอายุครรภ์ และตรวจสอบอายุครรภ์ และตรวจสอบอาการและอาการแสดงและการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
2.การประเมินภาวะแทรกซ้อนที่มีต่อหญิงตั้งครรภ์และทารก
1.การฟังเสียงหัวใจทารก ทั้งนี เนื่องจากน้ำคร่ำมีปริมาณน้อย
สายสะดือทารกอาจถูกกด ท้าให้ทารกขาดออกซิเจนได้ออกซิเจนได้
2.ซักประวัติการดิ้นของทารกในครรภ์ ถ้าพบทารกดิ้นน้อยลง ทารกอาจเสี่ยงต่อการขาดออกซิเจนได้
ตรวจสอบน้ำหนัก น้ำหนักเมื่ออายุครรภ์ใกล้ครบคลอดไม่ควรลดมากเกิน1 กก. / สัปดาห์ แต่ถ้าพบว่าน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นถึง 1.5 กก. / สัปดาห์ หญิงตั้งครรภ์อาจเป็นเบาหวาน
4.วัดความดันโลหิต อาจพบว่าความดันโลหิตสูง เพราะความดันโลหิตสูงพบว่ามีความสัมพันธ์กับครรภ์เกินกำหนดคลอดได้
3.ภาวะจิตสังคมของหญิงตั้งครรภ์เมื่อรับรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์เกินกำหนดคลอด
1.การรับรู้สุขภาพและการดูแลสุขภาพ ได้แก่ การประเมินความรู้ของมารดาเกี่ยวกับอันตรายของครรภ์เกินกำหนด ความรู้เกี่ยวกับการสังเกตการดิ้นของทารกในครรภ์การรับรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของการตรวจพิเศษ เช่นNST, CST
2.การพักผ่อน อาจประเมินพบว่ามารดาดูอ่อนเพลีย นอนไม่ค่อยหลับเนื่องจากอยู่ในระยะไตรมาสที่สามที่ยาวนานกว่าปกติ หรือวิตกกังวลเนื่องจากกลัวภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นกับตนเอง
3.ความนึกคิดและการรับรู้ อาจพบว่ามารดาวิตกกังวล กลัวรู้สึกว่าตนเองไม่
สามารถควบคุมการคลอดให้เป็นไปตามกำหนดได้ กลัวภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น กลัวการผ่าตัด ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองลดลง
4.การเผชิญภาวะเครียดและการปรับตัว อาจพบว่ามารดาเครียดและปรับตัวไม่มีประสิทธิภาพ
ค่านิยมและความเชื่อ ควรประเมินสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของมารดา บุคคลหรือแหล่งสร้างขวัญและก้าลังใจเมื่อมีปัญหา