รกลอกตัวก่อนกำหนด
(Abruptio placenta หรือPlacental abruption)

ความหมาย

หมายถึง ภาวะที่รกซึ่งเกาะอยู่บริเวณส่วนบนของ
โพรงมดลูกในตำแหน่งปกติ

แต่เกิดมีโรคหรือมีภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง เช่น ความดันโลหิต ครรภเป็นพิษสูง ครรภ์ถูกกระทบกระเทือนหรือสาเหตุอื่นๆ

ชนิดของรกลอกตัวก่อนกำหนด

1) ภาวะรกลอกตัวแบบไม่เปิดเผย (Concealed type หรอ Internal hemorrhage) คือ เลือดที่ออกมาจะคั่งอยู่หลังรก ไม่ไหลออกมาทางช่องคลอดให้เห็นอย่างชัดเจน พบได้น้อยกว่าชนิดที่สอง คือพบได้ประมาณ 20-35%

2)ภาวะรกลอกตัวแบบเปิดเผย (Revealed type หรอ external hemorrhage) คือ ภาวะที่รกลอกตัวแล้วเลือดไหลเซาะระหว่างเยื่อถุงน้ำคร่ำกับผนังมดลูกและไหลออกมาทางปากมดลูกและช่องคลอด คุณแม่จะเห็นเลือดออกมาทางช่องคลอดอย่างชัดเจน ทำให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้ง่ายพบได้บ่อยที่สุดประมาณ 65-80%

3) ภาวะรกลอกตัวแบบผสม (Mixed type หรอ Combined hemorrhage)เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุด เชื่อว่าเริ่มแรกเป็นชนิดภาวะรกลอกตัวแบบไม่เปิดเผยเลือดที่ออกจะแทรกอยู่ระหว่างรกกับผนังมดลูก เมื่อเลือดออกมามากขึ้นจึงสามารถเซาะแทรกถุงน้ำคร่ำกับผนังมดลูกแล้วผ่านออกมาทางปากมดลูกได้

สาเหตุ

1.คุณแม่เคยมีประวัติภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดในครรภ์ก่อน

2.คุณแม่มีภาวะครรภ์เป็นพิษและมีความดันโลหิตสูงในขณะตั้งครรภ์ เป็นสาเหตุที่ชัดเจนและพบได้บ่อยที่สุด

3 คุณแม่ได้รับอุบัติเหตุรุนแรงฉับพลันหรือเกิดการกระทบกระเทือนบริเวณหน้าท้องในขณะตั้งครรภ์ เช่น หกล้ม ถูกกระแทกที่หน้าท้อง

4) การลดขนาดอย่างฉับพลันของมดลูกขนาดใหญ่ เช่น ในครรภ์แฝดน้ำ (Polyhydramnios)

5) สายสะดือเด็กสั้น เมื่อทารกเคลื่อนต่ำลงมาตามกลไกของการคลอดสายสะดืออาจไปดึงรกจนเกิดการลอกตัวได้

6) ผลจากหัตถการของแพทย์ (Iatrogenic trauma) การหมุนกลับตัวเด็กทางหน้าท้อง (external cephalic version) อาจทำให้สายสะดือพันคอหรือแขนขาได้ จนสายสะดือสั้นลงหรือถูกดึงรั้งไว้จนเกิดการลอกตัวการออกแรงกดต่อหลอดเลือด เวนาคาวา (Inferior vena cava) เพราะเชื่อวาจะทำให้มีการเพิ่มความดันใน Intervillous space และเกิดภาวะรกลอกตัวตามมาเกิดจากความผิดปกติทารกเอง เช่น Circumvallate placenta ซึ่งรกชนิดนี้มีเลือดออกบริเวณริมรกและอาจเกิดภาวะลอกตัวก่อนกำหนดเกิดจากสารปัจจัยเสี่ยงบางอย่าง เช่น การสูบบุหรี่

7.คุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป

8.คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์แฝด

ภาวะเเทรกซ้อน

ภาวะเเทรกซ้อนต่อมารดา

-ช็อกเนื่องจากเสียเลือดมากซึ่งอาจไม่สัมพันธ์กับปริมาณเลือดที่ออก

-การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ

-ตกเลือดหลังคลอดเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดีซึ่งเป็นผลมาจากการที่มดลูกขยายใหญ่จากมีเลือดแทรกอยู่ภายในกล้ามเนื้อมดลูก และจากความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด

-ไตวายเฉียบพลันเนื่องจากมีเลือดไปเลี้ยงไตลดลงจากการตกเลือด

-ภาวะชีแฮนซินโดรมเนื่องจากเกิดภาวะช็อกนาน ๆทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงต่อมพิทูอิตารีย์ส่วนหน้า

ภาวะเเทรกซ้อนต่อทารก

-ทารกเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้มากถึงร้อยละ 20 – 30

-ในรายที่รุนแรง ทารกมีโอกาสเสียชีวิตร้อยละ 100 ทารกมีภาวะขาดออกซิเจนมีผลทำให้สมองทารกขาดออกซิเจน

-เกิดความพิการได้

-ทารกมีภาวะซีด

-คลอดก่อนกำหนด

การรักษา

1) การคลอดทันที

1.1การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง มีข้อบ่งชี้ คือ ทารกในครรภ์มีภาวะขาดออกซิเจน และระยะเวลาของการคลอดทางชองคลอดต้องใช้เวลาเนิ่นนาน เช่น ปากมดลูกยังไม่พร้อมชักนำให้คลอด

1.2) การคลอดทางช่องคลอด มีข้อบ่งชี้ คือ ทารกในครรภ์เสียชีวิตและทารกในครรภ์มีชีวิตอยู่ และระยะเวลาของการคลอดทางช่องคลอดสั้น

2) การดแลรักษาแบบเฝ้าคอย วัตถุประสงค์เพื่อให้การตั้งครรภ์ดำเนินต่อไปนานที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ทารกในครรภ์ครบกำหนดและอยู่รอดโดยทั่วไปพิจารณาในรายที่รกลอกตัวก่อนกำหนดชนิดไม่รุนแรงและอายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์ โดยให้ยายับยั้งการหดรัดตัวของมดลูกเฝ้าดูแลทารกในครรภ์อย่างใกล้ชิด ตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงเป็นระยะเพื่อดูขนาดของก้อนเลือดขังหลังรกและการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ การดูแลรักษาวิธีนี้ยังเป็นข้อถกเถียงอยู่เป็นที่นิยมใช้น้อยมาก

3) การดูแลรักษาภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากรกลอกตัวก่อนกำหนดทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อมารดาได้หลายประการดังกล่าวข้างต้น การดูแลรักษาภาวะแทรกซ้อนที่ได้ผลดีนั้น มีหลักการ หลักการ คือ ประคับประคองอาการแสดงของสัญญาณชีพให้คงที่ปริมาณ
ปัสสาวะให้ออกตามปกติในกรณีที่ตกเลือดหลังคลอดที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยากอาจจำเป็นต้องให้สารน้ำและเลือด ตลอดจนส่วนประกอบของเลือดให้เพียงพอต้องรักษาด้วยการผ่าตัด เช่น การผูกเส้นเลือดแดง หรือการตัดมดลูก