Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Case 1 การพยาบาลในระยะตั้งครรภ์ - Coggle Diagram
Case 1
การพยาบาลในระยะตั้งครรภ์
แยกโรค
physiologic anemia ธาลัสซีเมีย
อาการเหนื่อยออก ตัวเย็น หน้ามืด ตาลาย อาจเกิดจากความดันต่ำจากเปลี่ยนอิริยาบถน้ำตาลต่ำการเคลื่อนไหวที่เร็วเกินไป
การบวมเกิดจากการคั่งของน้ำเนื่องจากเลือดจากส่วนปลายไหลกลับไม่ดี
ปัสสาวะบ่อยเนื่องจากมดลูดขยายใหญ่
อาการเหนื่อยง่ายอาจเกิดจากการพักผ่อนน้อยการคลื่นไส้อาเจียนลุกไปปัสสาะวะบ่อย
ซักประวัติ ตรวจครรภ์ ตรวจร่างกาย ตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม
ซักประวัติ
ประวัติความเจ็บป่วยในอดีต
ระบบอวัยวะสืบพันธุ์สตรีเชิงกราน
ประวัติโรคธาลัสซีเมีย
โรคอื่น ๆ
ประวัติประจำเดือนที่เคยผิดปกติ
ประวัติการคุมกำเนิด
ประวัติการดิ้นของทารกในครรภ์
ประวัติการตรวจร่างกาย
ประวัติส่วนตัวและประวัติครอบครัว
สถานภาพสมรส
การใช้ยาและสิ่งเสพติด
บุหรี่
สุรา
ยาบางประเภทอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกหรือทำให้ทารกพิการ
ประวัติทางพันธุกรรมบ่งบอกถึงโรคที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
ระดับการศึกษา
ฐานะทางเศรษฐกิจและรายได้
ตรวจครรภ์
1) การเข้ารับการฝากครรภ์
2) ความสูงของยอดมดลูกที่วัดได้จริง ไม่ใกล้เคียงกับจำนวนสัปดาห์ของอายุครรภ์ คือน้อยกว่าซึ่งอาจเกิดจาก
•การคาดคะเนคลอดถูกต้องหรือไม่
•ปริมาณน้ำคร่ำผิดปกติหรือไม่
•การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
•การมีเนื้องอกในมดลูก
•การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก
•การตั้งครรภ์นอกมดลูก
เพิ่มเติม
1) การดู (Inspection)
ขนาดหน้าท้อง
ลักษณะทั่วไปของท้อง
แนวของมดลูก
การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์
สังเกตบริเวณเหนือหัวหน่าวราบหรือปุ่มลงไป
2) การคลำ (Palpation)
4 ขั้นตอน
First Leopold Handgrip (Fundal grip)
Second Leopold Handgrip (Umbilical grip)
Third Leopold Handgrip (Pawlick's grip)
Fourth Leopold Handgrip (Bilateral inguinal grip)
ตรวจร่างกาย
วัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก ประเมินสัญญาณชีพประเมิน BMI และดูลักษณะทั่วไปของหญิงตั้งครรภ์
ตรวจร่างกายทั่วไปต้องเป็นระบบตั้งแต่ศีรษะลงไปจนถึงเท้าเพื่อดูภาวะซีดหรือต่อม Thyroid โตหรือไม่ เต้านมและหัวนมมีปัญหาหรือไม่ เช่น หัวนมบอดหรือบุ๋มถ้าพบควรแนะนำวิธีการแก้ไขหัวนมก่อนคลอด เช่น Hoffman'smaneuver, Nippleshield, Nipplepuller, การฟังHeart, Lungs
เพิ่มเติม
ท่าเดิน
เดินขากระเผลก
อาจมีความพิการหรือความผิดปกติของกระดูกเชิงกราน
ทำให้คลอดยาก
Lab
เก็บปัสสาวะตรวจ UA ทุกรายในครั้งแรกที่มาฝากครรภ์
ตรวจหา Albumim
ทุกครั้งที่มาฝากครรภ์
ตรวจหา Sugar
อายุครรภ์และระดับมดลูก
12 wks
อยู่ที่ระดับ 1/3 เหนือกระดูกหัวหน่าว
16 wks
อยู่ที่ระดับ 2/3 เหนือกระดูกหัวหน่าว
20 wks
อยู่ระดับสะดือ
24 wks
อยู่ที่ระดับ 1/4 เหนือสะดือ
กรณีศึกษาอายุครรภ์ไม่สัมพันธ์กับระดับยอดมดลูก
28 wks
อยู่ที่ระดับ 2/4 เหนือสะดือ
32 wks
อยู่ที่ระดับ 3/4 เหนือสะดือ
38-40
อยู่ระดับ 3 + / 4 เหนือสะดือ แต่ในสัปดาห์ที่ 40 ลดลงอยู่ที่ระดับ 2/4 เหนือสะดือ แต่ลักษณะท้องจะขยายออกด้านข้างและศีรษะทารกเข้าช่องเชิงกราน
คำนวณจาก L.M.P 1 ตุลาคม 2562
ตุลาคม = 30 วัน
คิดเป็นสัปดาห์จะได้ 15/7 = 21 สัปดาห์ 5 วัน
เพราะฉะนั้นอายุครรภ์นับจาก L.M.P จนถึงมาฝากครรภ์จะมีอายุครรภ์ 21 สัปดาห์ 5 วัน
ปัญหาที่พบ
อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ มาฝากครรภ์ OF positive Hct 32.6% VDRL reactive
อายุครรภ์ 28 สัปดาห์ ตรวจความเข้มข้นเลือด 29% เกิดภาวะซีดและมีระดับยอดมดลูกกับหน้าท้องน้อยกว่าอายุครรภ์
อายุครรภ์ 34 สัปดาห์มีขนาดมดลูกน้อยกว่าอายุครรภ์มีระดับของยอดมดลูกกับหน้าท้องน้อยกว่าอายุครรภ์
การนัดครั้งต่อไปควรจะอยู่ในช่วง 24 สัปดาห์ ทารกอยู่ในท่า longitudinal lie ส่วนนำคือก้น ลำตัวโค้ง ทารกมีการเจริญเติบโตช้าลง พื้นที่ในท้องไม่พอเริ่มทำให้ตัวงอกอีกครั้งผิวหนังแดง เริ่มลืมตาได้ ยังไม่เข้าสู่อุ้งเชิงกราน เนื่องจากยังไม่เกิดกลไก Engagement แม่จะรู้สึกท้องลด จะเกิดก่อนคลอดประมาณ 2 สัปดาห์
คลำพบ ballottement ได้ large part อยู่ด้านซ้ายมือของหญิงตั้งครรภ์คลำพบก้อนนิ่ม ๆ บริเวณหัวเหน่า คลำท่าที่ 4 พบปลายนิ้วของผู้ตรวจสอบชนกัน
ได้ยินเสียงหัวใจทารก (fetal heart sound) โดยการฟังเสียงผ่านผนังหน้าท้องสตรีมีครรภ์ถ้าใช้ fetoscope จะได้ยินเสียงประมาณสัปดาห์ที่ 17-20 ของการตั้งครรภ์หากใช้ Doppler สามารถได้ยินเสียงตั้งแต่สัปดาห์ที่ 12-14 ของการตั้งครรภ์เสียงหัวใจทารกที่ปกติจะเป็นเสียงคู่ ได้ยินเสียง funic Souffle หรือ umbilical cord Soufle เป็นเสียงเลือดที่สายสะดือทารกในครรภ์ซึ่งเป็นเสียงแผ่วเบาดังฟู่ จากการถูกกด หรือสายสะดือบิด มีอัตราการเต้นเท่ากับเสียงหัวใจทารก
ฟังบริเวณหน้าท้องได้ยินเสียงฟูเท่ากับเสียง FHS 146 ฟังบริเวณหน้าท้อง (ปกติ 110-160)
ขั้นตอนการฟังสียงหัวใจทารกในครรภ์ มีดังนี้
ตรวจครรภ์ด้วยวิธี Leopold Handgrip โดยการคลำหน้าท้องของมารดา เพื่อค้นหาส่วนนำและท่าของทารกในครรภ์
วางเครื่องมือตำแหน่งฟังเสียงหัวใจทารก ในครรภ์ได้ชัดเจนเพื่อง่ายต่อการนับ
คลำหน้าท้องของมารดาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการหดรัดตัว ของมดลูกและนับเสียงหัวใจทารกในครรภ์ระยะพัก
นับ matemal radial pulse ขณะฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์เพื่อแยกอัตราการ เต้นของหัวใจทารกในครรภ์กับอัตราการเต้นของ หัวใจมารดา
นับอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์นาน 60 วินาทีขณะที่ไม่มีการหดรัดตัวของมดลูกเพื่อประเมิน อัตรา baseline การเต้นของหัวใจทารกในครรภ์
นับอัตราการเต้นของหัวทารกในครรภ์ขณะที่มี การหดรัดตัวของมดลูกและ 30 วินาทีหลังหด รัดเพื่อประเมินการเพิ่มหรือลดลงของอัตราการเต้น ของหัวใจทารกในครรภ์
พฤศจิกายน = 30 วัน
มกราคม = 31 วัน
กุมภาพันธ์ = 28 วัน
มีนาคม = 1 วัน
ดัชนีมวลกาย
น้ำหนักตัวน้อย (BMI < 19.8) พลังงานที่ร่างกายต้องการต่อวัน = 35-40 แคลอรี / น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
น้ำหนักตัวปกติ (BMI = 19.8-26) พลังงานที่ร่างกายต้องการต่อวัน = 30 แคลอรี / น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
กรณีศึกษามารดา BMI = 22.9 แปลผล น้ำหนักตัวปกติพลังงานที่ต้องได้รับจึงเท่ากับ 30 kg / นน 1 kg
โดยตลอดการตั้งครรภ์ควรเพิ่มขึ้น 11.6-16 กิโลกรัมและกรณีศึกษามาฝากครรภ์ในไตรมาสที่ 2 น้ำหนักจึงควรเพิ่มขึ้น 0.5 กิโลกรัม / สัปดาห์ในกรณีจึงมีการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักน้อยเกินไปโดยต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น 300 กิโลแคลลอรี่ต่อวันต้องการโปรตีนมากขึ้นเนื่องจากมีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์และการเจริญเติบโตหากโภชนาการมารดาไม่เหมาะสมทำให้ทารกเกิดภาวะเองทารก IUGR ได้
คำแนะนำ
ในระยะตั้งครรภ์แนะนำให้สตรีตั้งครรภ์ทานหลากหลายเพื่อให้ได้สารอาหารทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีนไขมันและวิตามิน
ระยะตั้งระยะตั้งครรภ์ควรได้รับโปรตีน 71 ครั้งต่อวันโดยเฉพาะในช่วงระยะเวลาครึ่งหลังของการตั้งครรภ์เพื่อใช้ในการเพิ่มปริมาณเลือดและสร้างเนื้อเยื่อสตรีและทารกในครรภ์แหล่งโปรตีนสูงเช่นเนื้อสัตว์นมไข่ถั่วเมล็ดพืช
คาร์โบไฮเดรตประมาณ 175 กรัมคาร์โบไฮเดรตซ้อนเดี่ยวพบได้ในผักและผลไม้ส่วนคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนพบในข้าวแป้งพืชที่มีเส้นใยซึ่งจะดูดซึมน้ำได้ดีและจะป้องกันอาการท้องผูกได้
กรดไขมันจำเป็นเช่นโอเมก้า 3 พบมากในปลาแซลมอน ปลาเฮริง
ไตรมาสนี้สตรีตั้งครรภ์มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ ครรภ์เป็นพิษเด็กโตช้าได้
น้ำหนักตัวอ้วน (BMI = 26-29) พลังงานที่ร่างกายต้องการต่อวัน = 20-25 แคลอรี / น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
การบริการฝากครรภ์คุณภาพ 5 ครั้ง
ครั้งที่ 1 ก่อน GA 12 wks
กรณีศึกษาฝากครรภ์ครั้งแรกช้าและมีภาวะซีดอาจนัดติดตาม 2-4 สัปดาห์ต่อครั้ง
ครั้งที่ 2 GA 20 wks
ครั้งที่ 3 GA 26 wks
ครั้งที่ 4 GA 32 wks
ครั้งที่ 5 GA 38 wks
การฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก
เข็มที่ 2 อีก 1 เดือนห่างจากเข็มแรกและควรฉีดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนคลอด
จากประวัติ dT 1 dose จากการฝากครรภ์ที่ครั้งที่ 1
เข็มที่ 3 อีก 6 เดือนห่างจากเข็ม 2
การเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจและจิตสังคม
Ambivalence
ความกลัวและความวิตกกังวลของหญิงตั้งครรภ์
ผล
ต่อหญิงตั้งครรภ์
มีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรงในขณะตั้งครรภ์
มีการแท้งเช่นมีการแท้งติดต่อกันหลายครั้ง (habitual)
มีภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
นอนไม่หลับ ตื่นเต้น กระวนกระวาย
ต่อทารกในครรภ์
ทารกจะมีอัตราการเต้นหัวใจเร็วกว่าปกติมีการเปลี่ยนแปลงของระบบหัวใจและมีอารมณ์หงุดหงิดเนื่องจากได้รับฮอร์โมนคอร์ติโชน (cortisone) ที่มากขึ้นของมารดาจากภาวะเครียด
ทารกมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น
ทารกคลอดก่อนกำหนด
ทารกมีน้ำหนักน้อย ตัวเล็ก
ทารกภายหลังคลอดมีการขับถ่ายอุจจาระปัสสาวะมากกว่าปกติบางรายมีอาการปวดท้องท้องเดินโดยที่ตรวจไม่พบเชื้อโรค
ภาวะเครียดในหญิงตั้งครรภ์
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีอาการไม่สุขสบายในระยะตั้งครรภ์
อาการปวดหลัง
การพยาบาล
1) ฝึกท่าที่ถูกต้องในการยืนนั่งให้ไหล่คอและหลังอยู่ในแนวตรง
2) ไม่ควรก้มเก็บของ แต่ควรย่อเข่าลงก่อนและไม่ควรยกของหนัก
3) หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูง
4) นอนตะแคงใช้หมอนหรือผ้าหนุนหลังและข้อพับเข่า
5) ฝึกการหายใจแบบลึกและออกกาลังกายเพื่อผ่อนคลาย
6) ผ่อนคลายกล้ามเนื้อโดยการใช้ความร้อนความเย็นประคบหรืออาบน้ำด้วยน้ำอุ่น
7) ออกกาลังกายท่า Pelvic rocking เพื่อบรรเทาอาการปวดหลัง
8) ใช้การแพทย์ทางเลือกเช่นการกดจุด
9) อาจใช้ยาแก้ปวดเช่น Tylenol ลดการปวดได้
10) ไม่ควรซื้อยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาลดการอักเสบมารับประทานเองควรปรึกษาแพทย์
อาการเหนื่อยง่าย
การพยาบาล
1) ให้พักผ่อนนอนหลับบ่อยๆ
2) ควรลดกิจวัตรประจาวันหรือลดระดับการออกกำลังให้น้อยลง
3) นอนหนุนหมอนให้ศีรษะสูงหรือนอนหงายศีรษะสูง
4) ถ้ามีอาการเจ็บหน้าอกหรือไอเป็นเลือดมีไข้ควรปรึกษาแพทย์
อาการปัสสาวะบ่อย
การพยาบาล
1) อธิบายให้สตรีตั้งครรภ์เข้าใจถึงสาเหตุของการปัสสาวะบ่อย
2) หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอื่น เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม
3) ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อระบบปัสสาวะ
4) ควรดื่มน้ำให้น้อยลงในช่วงกลางคืนก่อนเข้านอน แต่ไม่ควรงดดื่มน้ำควรดื่มน้ำ 8 แก้ว
5) ควรแนะนำการบริหารช่องคลอดโดยการขมิบกล้ามเนื้อรอบช่องคลอด (Kegel exercise) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ Pubococcygeus
อาการเรอเปรี้ยว
การพยาบาล
1) รับประทานอาหารให้ตรงเวลารับประทานอาหารที่ละน้อย แต่บ่อยครั้ง 5-6 มื้อต่อวันหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและอาหารรสจัด
2) หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมาก ๆ ในระหว่างมื้ออาหารและควรแบ่งการดื่มน้ำทีละน้อย
3) หลังรับประทานอาหารไม่ควรนอนทันทีควรนั่งอย่างน้อย 30 นาที
4) ควรนอนตะแคงข้างขวาและใช้หมอน 2 ใบหนุนศีรษะและลาตัวให้สูงขึ้น
5) เคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อให้กรดมีฤทธิ์เป็นกลาง
6) ถ้ามีอาการแสบร้อนยอดอกให้หายใจยาว ๆ ลึก ๆ และจิบน้ำทีละนิด
7) หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
8) หลีกเลี่ยงชากาแฟน้ำอัดลมและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
9) หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารก่อนเข้านอนเป็นเวลา 1-3 ชั่วโมง
10) ถ้ารับประทานยาลดกรดเช่น Alum milk, Cimethidine หรือ Ranitidine แล้วอาการไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์
11) ถ้ามีอาการบวมมือหน้าพบโปรตีนในปัสสาวะและมีความดันโลหิตสูงปรึกษาแพทย์
อาการบวม
การพยาบาล
1) ให้นอนตะแคงซ้าย
2) นั่งพักยกเท้าสูงประมาณ 30 นาทีในช่วงเวลาบ่ายและเวลาเย็น
3) บริหารปลายเท้าโดยการกระดกปลายเท้าขึ้นลงและหมุนปลายเท้าเข้าออก
หลีกเลี่ยงการสวมเส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไปหรือสวมถุงน่องที่ยาวระดับหัวเข่า
5) ควรปรึกษาแพทย์ถ้าพบอาการบวมที่เท้าร่วมกับพบโปรตีนในปัสสาวะ ความดันสูง
อาการเส้นเลือดขอดบริเวณขา
การพยาบาล
1) หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนาน ๆ และการนั่งไขว้ขา
2) เพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่ปลายเท้าโดยการสวมใส่ถุงน่องป้องกันเส้นเลือดขอด
3) ยกปลายเท้าให้สูงกว่าระดับสะโพกให้กระดกปลายเท้าขึ้น 2-3 ครั้งทุกๆ 2-3 นาที
4) ควรลูกเดินขึ้นทุก 2 ชั่วโมงเพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดเป็นระยะ
5) ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมสบายไม่รัดแน่นและหลีกเลี่ยงการสวมถุงน่องที่ยาวสวมสูงกว่าเลือดขอด
6) ในกรณีที่เป็นเส้นเลือดขอดที่อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้นอนตะแคงเป็นเวลา 15- 20 นาทีวันละ 2 ครั้ง
7) รับประทานวิตามินซี
Sexual activity
การมีเพศสัมพันธ์หญิงตั้งครรภ์สามารถมีได้เพราะการมีเพศสัมพันธ์ในระยะตั้งครรภ์ไม่มีข้อห้ามเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีสำหรับครอบครัวอีกทั้งหญิงตั้งครรภ์รายนี้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
ลักษณะหญิงตั้งครรภ์ที่มีข้อห้ามในการมีเพศสัมพันธ์
มีถุงน้ำคร่ำรั่วก่อนกำหนด
เคยมีประวัติการแท้ง
งดมีเพศสัมพันธ์ในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์เพื่อป้องกันการแท้งบุตร
มีเลือดออกทางช่องคลอด
คำแนะนำ
ในระยะท้ายของการตั้งครรภ์มดลูกจะมี ขนาดขยายใหญ่ขึ้นและมีความอึดอัดขณะ นอนหงาย
ท่าที่เเนะนำ
Side by side position
Woman on top position
สตรีตั้งครรภ์ตรวจ VDRL reactive แปลผลการได้รับเชื้อมาก่อนแล้ว แต่เคยได้รับการรักษา
ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
งดมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 4 สัปดาห์ก่อนคลอดเพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนดและป้องกันการติดเชื้อ
คำแนะนำในการรับประทานยา Trifedine 12 O Pc และ Calcium 11 o pc
การรับประทาน Triferdine เพื่อป้องกันการขาดธาตุเหล็ก ขาดไอโอดีน กรดโฟลิก การรับประทานแคลเซียมเพื่อป้องกันการขาดแคลเซียม
กรณีรับประทานพร้อมกันCalcium carbonate จะไปเพิ่มความเป็นด่างในกระเพาะอาหารโดยเกลือ Carbonate ของ Calcium จะไปจับกับ Ferrous ได้เป็นสารประกอบที่ไม่ละลายน้ำส่งผลให้การดูดซึมของธาตุเหล็กลง
ในกรณีคุณแม่ที่ได้รับยาแคลเซียมและยาธาตุเหล็กซึ่งในฉลากยาอาจแนะนำให้รับประทานเวลาเดียวกันก็สามารถเลี่ยงปฏิกิริยาระหว่างยาได้คือรับประทานห่างกันประมาณ 2 ชั่วโมงโดยจะรับประทานยาตัวใดก่อนหรือหลังก็ได้
Calcium carbonate แนะนำให้รับประทานก่อนอาหารเช้าหรือพร้อมอาหารเย็นเนื่องจากต้องการภาวะกรดของกระเพาะอาหารในการแตกตัวและดูดซึมที่ดีขึ้น
ควรรับประทานธาตุเหล็ก ตอนท้องว่างดีที่สุดหรืออาจรับประทานก่อนอาหารพร้อมกับดื่มน้ำส้มเพราะวิตามินซีจากน้ำส้มจะช่วยเพิ่มการดูดซึมของเหล็กได้ แต่ไม่ควรรับประทานพร้อมเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนผสมอยู่เช่นชาหรือกาแฟและนมเนื่องจากจะไปลดการดูดซึมของเหล็ก
คำแนะนำในการฝากครรภ์แต่ละครั้ง
ครั้งที่1
การดูแล
ให้ยาเสริมธาตุเหล็กและโฟเลต
ให้การรักษาถ้าผลตรวจซิฟิลิส Rapid test เป็นผลบวก
ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักเข็มแรก
ส่งต่อในรายที่มีความเสี่ยงสูง
บันทึกข้อมูลทางคลินิกให้ครบถ้วน
คำแนะนำ
แนะนำให้สตรีตั้งครรภ์หยุดสูบบุหรี่ดื่มสุราหรือสารเสพติดอื่น ๆ เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวสถานที่ติดต่อในกรณีที่มีภาวะฉุกเฉินอื่น ๆ นำสมุดฝากครรภ์มาด้วยทุกครั้งที่มาติดต่อรักษา
แนะนำให้สตรีตั้งครรภ์พาสามีเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวมาด้วยในการฝากครรภ์ครั้งต่อไปเพื่อให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมและสามารถเรียนรู้การช่วยเหลือผู้ตั้งครรภ์
ให้คำแนะนำเรื่องการมีเพศสัมพันธ์เน้นให้ทราบความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือแพร่เชื้อ HIV ถ้าไม่ใช้ถุงยางอนามัยกำหนดนัดของการมาฝากครรภ์ตามนัด
ครั้งที่ 2
การดูแล
ส่งอัลตราซาวด์เพื่อยืนยันอายุครรภ์ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักเข็มที่ 1 หรือ 2 (ถ้ายังไม่ได้รับการฉีดยามาก่อน)
ให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวในเรื่องการรับประทานอาหารการออกกำลังกายและการพักผ่อน
การดูแลรักษาต่อเนื่องให้ยาเสริมธาตุเหล็ก
ครั้งที่ 3
คำแนะนำ
ส่งอัลตราซาวด์
ให้ยาเสริมธาตุเหล็ก ยาเม็ดแคลเซียม
แนะนำการรับประทานอาหารการพักผ่อนการออกกำลังกาย
ให้คำแนะเกี่ยวกับการเลือดออกในช่องคลอด ฯลฯ
ครั้งที่ 4
คำแนะนำ
ให้ยาเสริมธาตุเหล็ก, แคลเซียม
ให้ tetanus toxoid เข็มที่ 2
แนะนำกรณีเจ็บครรภ์
ทำตรางนัดหมายและบันทึกข้อมูลทางคลินิกให้ครบถ้วน
แนะนำการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่การคุมกำเนิดและความสำคัญในการตรวจหลังคลอด
ครั้งที่ 5
คำแนะนำ
แนะนำการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
ให้ยาเสริมธาตุเหล็ก, ยาเม็ดแคลเซียม
ให้นำสมุดสีชมพูมาด้วยทุกครั้ง
การส่งเสริมสุขภาพสตรีตั้งครรภ์และทารก
ช่วงไตรมาสแรก
ควรเน้นกินอาหารที่หลากหลายเพื่อให้ได้สารอาหารทั้งคาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันและวิตามิน
หลีกเลี่ยงกินอาหารที่มีกลิ่นแรงเพราะจะกระตุ้นให้คลื่นไส้
หลีกเลี่ยงอาหารทอดเพราะอาหารกลุ่มเหล่านี้จะย่อยยาก
ดื่มเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยวเช่นมะนาวน้ำส้มซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้
สังเกตอาการแพ้ท้องที่เป็นน้อยเกิดช่วงไหนในแต่ละวันให้พยายามกินอาหารช่วงเวลานั้นมากกว่าเวลาอื่น ๆ
กินอาหารที่ละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้งขึ้น
ช่วงไตรมาสที่ 2
สตรีตั้งครรภ์ต้องการอาหารเพื่อใช้ในการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์โดยต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น 300 กิโลแคลอรี่ต่อวัน ต้องการโปรตีนเพิ่มขึ้นจากปกติ 2 ช้อนกินข้าว / ช้อนโต๊ะต่อวัน เพื่อเพิ่มกรดอะมิโน (amino acid) ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเซลล์และการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
ช่วงไตรมาสที่ 3
ควรรับประทานอาหารหรือวิตตามินเสริมที่มีโอเมก้า 3 แคลเซียม วิตามินซี วิตามินดี ยกเท้าพาดสูงเสมอเมื่อมีโอกาสเพื่อลดการเกิดเส้นเลือดขอดและข้อเท้าบวม ฝึกการหายใจให้เป็นจังหวะ หากหายใจไม่ออกให้นอนหัวสูง ไม่กลั้นปัสสาวะเพราะช่วงไตรมาสสุดท้ายจะปวดปัสสาวะบ่อย หลีกเลี่ยงอาหารทอดเครื่องดื่มน้ำอัดลมและอาหารรสจัด ควรจัดเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าของใช้สำหรับการไปโรงพยาบาลให้พร้อมอยู่เสมอ เตรียมยกทรงสำหรับใส่ให้นมลูกได้เตรียมของใช้สำหรับทารก
OF positive, HCT 32.6
แนะนำอาหารที่เน้นธาตุเหล็กขณะตั้งครรภ์ต้องการ -1000mg ยกตัวอย่างเช่นเนื้อสัตว์ไข่แดงผักใบเขียว
คำแนะนำด้านโภชนาการ
แคลเซียมอาหารที่พบว่ามีแคลเซียมมากที่สุด คือนมเช่นนมพร่องไขมันควรพร้อมประทาน พร้อมมื้ออาหารไม่ควรรับประทานพร้อม ธาตุเหล็ก แต่ควรรับประทานพร้อมวิตามินดีเพื่อช่วยในการดูดซึม
วิตามินโดยเฉพาะ folic ขณะตั้งครรภ์รับประทาน 0.6 มิลลิกรัม
โซเดียมเช่นเกลือน้ำปลา แต่ควรรับประทานอย่าง จำกัด
น้ำควรดื่มวันละ 8 แก้วเพื่อเพิ่มปริมาตรเลือด
บทบาทสามีในการดูแลหญิงตั้งครรภ์
ด้านจิตใจ
พาหญิงตั้งครรภ์ไปหาหมอมีส่วนร่วมในการดูแลหญิงตั้งครรภ์รวมถึงชื่นชมและให้กำลังใจ
ด้านร่างกาย
บีบนวด
ดูแลเฝ้าระวังสัญญาณผิดปกติในหญิงตั้งครรภ์
เตือนในสิ่งสำคัญ
การดูแลด้านจิตใจ
เปิดโอกาสให้หญิงตั้งครรภ์ได้ระบาย
แนะนำให้สามีดูแลอย่างใกล้ชิด
คอยเสริมสร้างกำลังใจให้หญิงตั้งครรภ์