Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติของรก น้ำคร่ำ และความผิดปกติของทา…
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติของรก
น้ำคร่ำ และความผิดปกติของทารกในครรภ์
ภาวะน้ำคร่ำมากผิดปกติ หรือการตั้งครรภ์แฝดน้ำ (hydramnios/ polyhydramnios)
สาเหตุ
ด้านมารดา
มารดาเป็นโรคเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์แฝด
ด้านทารก
ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการกลืนของทารก ความผิดปกติของระบบประสาท การอุดกั้นของระบบทางเดินอาหาร ความพิการของทารกในครรภ์
ไม่ทราบสาเหตุ
เป็นกลุ่มที่พบได้บ่อยที่สุดถึงร้อยละ 60
ชนิด
ภาวะน้ำคร่ำมากอย่างเฉียบพลัน (acute hydramnios)
พบได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 20-24 สัปดาห์
จะมีมีปริมาณน้ำคร่ำเพิ่มขึ้นมากอย่างรวดเร็วภายใน 2-3 วัน
ภาวะน้ำคร่ำมากเรื้อรัง (chronic hydramnios)
พบว่าปริมาณน้ำคร่ำจะค่อยๆเพิ่มขึ้น
ส่วนใหญ่จะพบเมื่ออายุครรภ์ 30 สัปดาห์ขึ้นไป
ผลกระทบ
มารดา
เกิดความไม่สุขสบายจากการกดทับของมดลูกที่มีขนาดใหญ่
เนื่องจากมีการขยายตัวของมดลูกมากเกินไป
อาจเกิดการคลอดก่อนกำหนด
ช็อคจากความดันในช่องท้องลดลงอย่างรวดเร็ว
ตกเลือดหลังคลอด
ติดเชื้อหลังคลอด
ทารก
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะพิการ และการคลอดก่อนกำหนด
เกิดภาวะ fetal distress
จากการเกิดสายสะดือย้อย (prolapsed umbilical cord)
ทารกอยู่ท่าผิดปกติและไม่คงที่ เนื่องจากมีปริมาณน้ำคร่ำมาก
ทารกจึงหมุนเปลี่ยนท่าไปมาได้ง่าย
อาการและอาการแสดง
แน่นอึดอัด หายใจลำบาก เจ็บชายโครง
มีอาการบวมบริเวณเท้า ขา และปากช่องคลอด
น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
ประเมินการเกิดภาวะตั้งครรภ์แฝดน้ำ
และดูแลเพื่อบรรเทาอาการอึดอัดแน่นท้อง
ระยะคลอด
ให้นอนพักบนเตียง ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก ฟัง FHS
ดูแลให้ได้รับสารน้ำและอาหารตามแผนการรักษา
ขณะแพทย์เจาะถุงน้ำ ระมัดระวังให้น้ำคร่ำไหลออกมาอย่างช้าๆ
ควรจัดให้มารดานอนพักบนเตียงเพื่อป้องกันภาวะสายสะดือย้อย
ระยะหลังคลอด
ให้การพยาบาลเหมือนกับหญิงตั้งครรภ์แฝด
ดูแลการหดรัดตัวของมดลูกเพื่อป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
ภาวะน้ำคร่ำน้อย
(oligohydramnios)
สาเหตุ
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
ทารกในครรภ์มีภาวะผิดปกติ
โดยเฉพาะระบบของไตและระบบทางเดินปัสสาวะ
ความผิดปกติของโครโมโซม
รกเสื่อมสภาพ
การตั้งครรภ์เกินกำหนด
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (IUGR)
การพยาบาล
อธิบายถึงสาเหตุการเกิดภาวะดังกล่าว
และแนวทางการรักษา
ดูแลให้ได้รับการใส่สารน้ำเข้าไปในถุงน้ำคร้ำ
ตามแผนการรักษาของแพทย์
รับฟังปัญหา แสดงความเห็นอกเห็นใจ
และกระตุ้นให้หญิงตั้งครรภ์ระบายความรู้สึก
ผลกระทบ
มารดา
มีโอกาสผ่าตัดคลอดทารกทางหน้าท้องมากกว่าการตั้งครรภ์ปกติ เนื่องจากทารกในครรภ์เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ fetal distress
ทารก
มีโอกาสคลอดก่อนกำหนด, ภาวะปอดแฟบ,
Amniotic band syndrome, Fetal distress, IUGR
ทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า
(Intra Uterine Growth Restriction: IUGR)
สาเหตุ
มารดา
มารดามีรูปร่างเล็ก ขาดสารอาหาร ภาวะโลหิตจางรุนแรง
ภาวะติดเชื้อ โรคของมารดา ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
และพฤติกรรมสุขภาพของมารดา การตั้งครรภ์แฝด
ทารก
ความพิการแต่กำเนิด ความผิดปกติของโครงสร้างและอวัยวะ
การติดเชื้อในระยะตั้งครรภ์ ความผิดปกติของโครโมโซม
ประเภท
ทารกโตช้าในครรภ์แบบได้สัดส่วน (symmetrical IUGR)
ทารกมีการเจริญเติบโตช้าทุกระบบของร่างกาย ทั้งส่วนที่กว้างของศีรษะ (BPD) เส้นรอบศีรษะ (HC) เส้นรอบท้อง (HC) ความยาวกระดูกต้นขา (FL) มีค่าต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำในอายุครรภ์นั้น ๆ ทารกประเภทนี้มักเกิดจากความผิดปกติของตัวทารกเอง โดยอาจพบความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มแรกของการตั้งครรภ์
ทารกโตช้าในครรภ์แบบไม่ได้สัดส่วน (asymmetrical IUGR)
ทารกจะเจริญเติบโตช้าในไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ พบว่าอัตราการเจริญเติบโตของส่วนท้อง (AC) จะช้ากว่าส่วนศีรษะ (HC) มีสาเหตุจากสตรีตั้งครรภ์มีประวัติเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเกี่ยวกับเม็ดเลือดแดงในการจับออกซิเจน โรคไต ภาวะครรภ์แฝด และความผิดปกติของรกและสายสะดือ
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
แนะนำการรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรือสารเสพติด แนะนำให้มารดาพักผ่อนมาก ๆ และนอนตะแคงซ้าย แนะนำให้นับลูกดิ้นทุกวัน การทำ NST, OCT นอกจากนี้ควรได้รับการตรวจสุขภาพโดยการ U/S โดยตรวจซ้ำทุก 2-3 สัปดาห์
ระยะคลอด
ติดตามและประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์และความก้าวหน้าของการคลอดอย่างใกล้ชิด ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและเสียงหัวใจทารกทุก ½ - 1 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการให้ยาแก้ปวด
ระยะหลังคลอด
ให้การดูแลทารกเพื่อเฝ้าระวัง และป้องกันการเกิดภาวะ
hypoglycemia, hypothermia, polycythemia เป็นต้น
การตั้งครรภ์ที่ทารกมีจำนวนมากกว่า 1 คน (Multiple/Twins pregnancy)
ชนิด
แฝดแท้ (monozygotic twins / identical twins)
เกิดจากการปฏิสนธิจากไข่ 1 ใบ และตัวอสุจิ 1 ตัว แล้วมีการแบ่งตัวในระยะเวลาต่าง ๆ กันภายใน 14 วันหลังจากการปฏิสนธิ ทารกจะมีรูปร่าง หน้าตา เพศ และลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกัน
แฝดเทียม (dizygotic twins/ fratemal)
เป็นการตั้งครรภ์แฝดที่เกิดจากไข่ 2 ใบผสมกับอสุจิ 2 ตัว amnion 2 อัน และ chorion 2 อัน มีรก 2 อัน
สาเหตุ
แฝดแท้
เป็นไปตามธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านอายุ
เชื้อชาติ หรือพันธุกรรม
แฝดเทียม
เชื้อชาติ (พบมากในคนผิวดำ) พันธุกรรม มารดามีอายุมากกว่า 35 ปี มารดาที่มีรูปร่างใหญ่ มีภาวะโภชนาการดี มารดามีประวัติใช้ยากระตุ้นเร่งการตกไข่ จำนวนครั้งของการตั้งครรภ์
ผลกระทบ
มารดา
คลื่นไส้อาเจียนมาก มีภาวะโลหิตจาง ารตกเลือดก่อนคลอด
เกิดภาวะความดันโลหิตสูง ไม่สุขสบาย เสี่ยงต่อการแท้งสูง
หรือคลอดก่อนกำหนด เกิดถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
ตั้งครรภ์แฝดน้ำ เบาหวานในระหว่างตั้งครรภ์
ทารก
แท้ง ทารกตายในครรภ์ คลอดก่อนกำหนด IUGR ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ ทารกขาดออกซิเจน Twin-twin transfusion syndrome
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
ดูแลให้ได้รับอาหารอย่างเพียงพอ เฝ้าระวังการเกิดภาวะโลหิตจาง
และความดันโลหิตสูง งดมีเพศสัมพันธ์ ติดตามการเจริญเติบโต
ของทารกในครรภ์ ป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
ระยะคลอด
หากคลอดทางช่องคลอดให้ติดตั้งเครื่อง EFM ไว้ตลอดเวลาการเจ็บครรภ์ ตรวจความเข้มข้นของเลือด NPO และให้สารน้ำ หลังจากคลอดแฝดคนแรกแล้วให้รีบ clamp สายสะดือทันทีเพื่อป้องกันการเสียเลือดของแฝดคนที่สอง
ระยะหลังคลอด
เฝ้าระวังการตกเลือดหลังคลอด ป้องกันการติดเชื้อ แนะนำการดูแลบุตร การเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา แนะนำวิธีการคุมกำเนิด
ทารกพิการ (Fetal anormaly)
สาเหตุ
พันธุกรรม
หญิงตั้งครรภ์มีอายุมากกว่า 35 ปี
มีประวัติบุคคลในครอบครัวให้กำเนิดทารกพิการ
สิ่งแวดล้อม
การใช้ยา การติดเชื้อ สภาพของมารดา
และปัจจัยจากมดลูก
แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม
Malformation
เป็นผลมาจากขบวนการของการพัฒนาหรือขบวนการเจริญเติบโตของอวัยวะนั้น เช่น ความผิดปกติที่เกิดจากยีนและโครโมโซม ได้แก่ ปากแหว่ง เพดานโหว่
Disruption
เป็นผลมาจากปัจจัยภายนอกมาขัดขวางขบวนการเจริญเติบโตของอวัยวะนั้น เช่น เชื้อโรค สารเคมี ยา การขาดเลือดมาเลี้ยงหรืออุบัติเหตุ
Deformation
มีผลมาจากแรงภายนอกทำให้โครงสร้างที่กำลังพัฒนาผิดรูปไป
เช่น ความผิดปกติของรูปร่างของมดลูก การตั้งครรภ์แฝด ภาวะน้ำคร่ำน้อย เช่น ภาวะเท้าปุก (club foot)
Dysplasia
เป็นผลมาจากความผิดปกติของการจัดระเบียบของเซลล์
ที่จะเจริญไปเป็นเนื้อเยื่อ
การป้องกัน
ก่อนการตั้งครรภ์ในรายที่มีภาวะเสี่ยง
จะต้องได้รับการให้คำแนะนำปรึกษาทางพันธุศาสตร์
ตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์
เมื่อตั้งครรภ์ จะทำการตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด
เพื่อค้นหาความพิการแต่กำเนิดตั้งแต่อยู่ ในครรภ์
การให้คำปรึกษาภายหลังการตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด
หากพบว่าทารกพิการเพื่อให้ครอบครัวสามารถเผชิญปัญหาและตัดสินใจเกี่ยวกับการมีลูกและทางเลือกในการดำเนินหรือสิ้นสุดการตั้งครรภ์
หลีกเลี่ยงการสัมผัส Teratogen เช่น โรคหัดเยอรมัน หรือ ยาบางชนิด บุหรี่ สารเสพติดที่อาจมีผลทำให้ทารกมีความพิการแต่กำเนิดได้
ทารกตายในครรภ์
(Fetal demise)
สาเหตุ
มารดา
มีภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์โรคทางอายุรศาสตร์
อายุมากกว่า 35 ปี ภาวะทางสูติกรรม
ฝากครรภ์ไม่ครบตามกำหนด มีภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด
รกเกาะต่ำ ความผิดปกติของสายสะดือ
ได้รับอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บขณะตั้งครรภ์
ยาหรือสารเสพติดอื่น ๆ
ทารก
มีภาวะพิการแต่กำเนิด IUGR
มีการกดทับสายสะดือจากสายสะดือย้อย
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
ด้านร่างกาย
ถ้าทารกตายในครรภ์เป็นเวลาตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป
จะมีโอกาสเกิดภาวะเลือดไม่แข็งตัว
ด้านจิตใจ
ทำให้เกิดความรู้สึกสูญเสีย ตกใจ ซึมเศร้า โทษตัวเอง
การพยาบาล
ให้การประคับประคองทางด้านจิตใจ
แสดงความเห็นอกเห็นใจ ใช้คำพูดที่นุ่มนวล
แนะนำให้สามีและครอบครัวให้กำลังใจ ปลอบใจ
เพื่อให้มารดามีกำลังใจและการปรับตัวอย่างเหมาะสม
ประเมินความต้องการสัมผัสกับทารกแรกคลอดที่เสียชีวิต
ดูแลให้ได้รับการสิ้นสุดการตั้งครรภ์ตามแผนการรักษาของแพทย์
ติดตามผลการตรวจเลือดเพื่อหาระยะการแข็งตัวของเลือด
clotting time ระดับของ fibrinogen ในกรณีที่ทารกตายในครรภ์
เกิน 2 สัปดาห์
ดูแลให้ได้รับยายับยั้งการหลั่งน้ำนมตามแผนการรักษาของแพทย์
นางสาวสิริภาพร คำวงศ์ 6101210125 เลขที่ 6 Sec B