Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่7ยาออกฤทธิ์ต่อเลือดอวัยวะสร้างเม็ดเลือด, image image, image, image,…
บทที่7ยาออกฤทธิ์ต่อเลือดอวัยวะสร้างเม็ดเลือด
1.Hemopoietic drug & Hemopoietic growth factors
Erythropoietins
Epoetin alfa (Eprex®) ,
Epoetin beta (Recormon®)
Darbepoetin alfa (Aranesp®),
Methoxy polyethylene glycol-epoetin beta(long-acting erythropoietin receptoractivator) (Mircera®)
3.Antiplatelet and Thrombolytic drugs
3.Megakaryocyte (Thrombopoietic) Growth Factors
2.Anticoagulant
Granulocyte Colony Stimulating Factor (G-CSF) :Filgrastim (Neupogen®), Lenograstim (Granocyte®)
ยาต้านเกล็ดเลือด
Aspirin
2 Thienopyridine group (Ticlopidine และ Clopidogrel)
2.2 Clopidogrel
ยาต้านเกล็ดเลือดกลุ่มใหม่
Clopidrogrel เป็นยาที่มียอดจำหน่ายสูงสุดเป็นอันดับสองในกลุ่มของยาต้านการเกาะกลุ่มของเกร็ดเลือด (antiplatelets) ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ปัญหาที่พบขณะนี้คือ ผู้ป่วยส่วนหนึ่งไม่ตอบสนองต่อยา Clopidrogrel จึงมีความจำเป็นต้องคิดค้นและพัฒนายาใหม่เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษา ซึ่งเป็นที่มาของ Prasugrel และ Ticagrelor ที่คาดว่าจะได้รับการอนุมัติโดย USFDA ในไม่ช้า
มีข้อห้ามใช้ยาสลายลิ่มเลือดดังนี้เช่นผู้ป่วยที่มีอาการโรคหลอดเลือดสมองที่ไม่ทราบเวลาที่เริ่มเป็นอย่างชัดเจน หรือมีอาการหลังจากตื่นนอน (มักมีสาเหตุจากหลอดเลือดสมองตีบ)ผู้ป่วยมีประวัติโรคหลอดเลือดสมองหรือได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะภายใน 3 เดือนผู้ป่วยมีประวัติผ่าตัดใหญ่ภายใน 14 วัน, ผ่าตัดเล็กภายใน 10 วัน หรือหลังคลอดบุตรไม่เกิน 7 วัน เพราะจะส่งผลให้มีเลือดออกจากแผลจากผ่าตัดหรือแผลจากคลอดบุตรผู้ป่วยมีประวัติโรคหลอดเลือดสมองหรือได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะภายใน 3 เดือนผู้ป่วยมีประวัติผ่าตัดใหญ่ภายใน 14 วัน, ผ่าตัดเล็กภายใน 10 วัน หรือหลังคลอดบุตรไม่เกิน 7 วัน เพราะจะส่งผลให้มีเลือดออกจากแผลจากผ่าตัดหรือแผลจากคลอดบุตรผู้ป่วยมีเลือดออกในทางเดินอาหารหรือในทางเดินปัสสาวะภายใน 21 วันมีความดันโลหิตสูงมากกว่า 180/110 มิลลิเมตรปรอทมีประวัติมีเลือดออกง่ายผิดปกติ หรือได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดเช่น วอร์ฟาริน (Warfarin)มีเกล็ดเลือดต่ำ ต่ำกว่า 100,000/ลูกบาศก์มิลลิลิตรระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 50 หรือมากกว่า 400 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
ยาอีพีโอ (EPO) คืออะไร
เมื่อให้ยา EPO ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ใดเข้าสู่ร่างกายแล้วยา EPO จะจับกับ EPO receptors ที่ผิวของเซลล์ตั้งต้นเม็ดเลือดแดง และกระตุ้นการส่งสัญญาณในเซลล์ ซึ่งมีผลกระตุ้นให้เกิดการแบ่งตัวและการเจริญของเซลล์เม็ดเลือดแดง และรักษาภาวะโลหิตจางได้
นอกจากยา EPO จะมีข้อบ่งใช้ในการรักษาภาวะโลหิตจางในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังแล้ว ยังสามารถใช้ในการรักษาภาวะโลหิตจางในโรคอื่นๆ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีที่ได้รับยา zidovudine, ผู้ป่วย myelodysplatic syndrome (MDS) เป็นต้น
ยา EPO แต่ละชนิดมีความแตกต่างกันอย่างไร
Epoetin-alfa, Epoetin-beta, Darbepoetin alfa และ Methoxy polyethylene glycol epoetin-beta เป็นยา EPO ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย โดยมีความแตกต่างของยาแต่ละชนิดอยู่ที่....
จำนวนสายของคาร์โบไฮเดรต ปริมาณ sialic acid ในโครงสร้าง หรือการเพิ่มสารที่ทำให้โมเลกุลยามีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความสามารถในการจับกับตัวรับของอีริโทรโพอิตินต่างกัน ค่าครึ่งชีวิตของยาต่างกัน จึงทำให้ยาฮอร์โมนอีริโทรโพอิตินแต่ละชนิดมีความถี่ของการบริหารยาที่แตกต่างกัน
ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาลำดับแรก ได้แก่ epoetin-alfa และ epoetin-beta ยา 2 ขนิดนี้ต้องให้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ยา darbepoetin alfa ซึ่งพัฒนามาจาก epoetin-alfa โดยจะเพิ่มสายคาร์โบไฮเดรตทำให้มีน้ำหนักโมเลกุลเพิ่มขึ้น และมีค่าครึ่งชีวิตยาวนานขึ้น ซึ่งสามารถบริหารยาเป็นสัปดาห์ละครั้ง หรือสองสัปดาห์ครั้งได้ส่วนยา methoxy polyethylene glycol epoetin-beta มีการเชื่อมต่ออีริโทรโพอิตินด้วยโปรตีนโมเลกุลใหญ่ ทำให้สามารถกระตุ้นตัวรับอีริโทรโพอิตินอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าครึ่งชีวิตของยายาวนานขึ้น และสามารถให้ยาห่างขึ้นคือให้เดือนละครั้งได้
สารกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด (Hematopoietic growth factor)
เป็นไซโตไคน์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างเม็ดเลือด ได้แก่ GM-CSF (granulocyte-monocyte colony-stimulating factor)
กระตุ้นการสร้าง granulocyte และ macrophage, IL-3 กระตุ้นการสร้างเซลล์ทุกชนิด, IL-7 กระตุ้นการสร้าง T และ B lymphocyte, erythropoietin กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด, IL-11 กระตุ้นการสร้างเกร็ดเลือด, stem cell factor (SCF หรือ c-kit ligand) กระตุ้น pluripotent stem cell
ยากระตุ้นเม็ดเลือดขาว ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน มีอยู่สองประเภท คือ1. Granulocyte colony-stimulating factors (G-CSFs) ประกอบด้วย a. Filgrastim
b. Lenograstim c. Nartograstim
d. Pegfilgrastm (pegylated filgrastim)
Granulocyte macrophage colony-stimulating factors (GM-CSFs) ประกอบด้วย
a. Sargramostim
b. Molgramostim c. Regramostim
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด/ยาต้านการจับตัวเป็นก้อนของเลือด (Anti clotting drugs)
ยาต้านการแข็งตัว/ยาต้านการจับตัวของเลือดนี้แบ่งได้เป็น 3 กลุ่มได้แก่
ยากันเลือดแข็งตัว (Anticoagulants)
ยาต้านเกล็ดเลือด (Antiplatelet drugs)
ยาสลายลิ่มเลือด(Thrombolytics drugs หรือ Fibrinolytic drugs)
การติดตามประสิทธิภาพในการรักษาจากยาทำได้อย่างไร
เป้าหมายของระดับฮีโมโกลบินในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังคือ 10-11.5 กรัมต่อเดซิลิตรโดยแพทย์จะติดตามระดับฮีโมโกลบินทุก 2-4 สัปดาห์ จนกระทั่งระดับฮีโมโกลบินคงที่ และตรวจติดตามเป็นระยะหลังจากนั้นโดยแพทย์จะควบคุมให้ระดับฮีโมโกลบินอยู่ในเป้าหมาย รวมทั้งระวังไม่ให้ค่าฮีโมโกลบินมากเกินไป เนื่องจากมีรายงานว่าหากระดับฮีโมโกลบินสูงกว่า 13 กรัมต่อเดซิลิตร จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น หลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง การอุดตันของเส้นที่ใช้ฟอกเลือดในผู้ป่วยที่ทำการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เป็นต้น
การฉีดยาต้องไม่ผสมกับยาตัวอื่น และไม่นำไปผสมกับสารละลายใดๆ ในการฉีด นอกจากนี้ห้ามเขย่ายาฉีด EPO เพราะการเขย่าจะทำให้ไกลโคโปรตีนสลายตัวจนอาจทำให้ฤทธิ์การรักษาหมดไปได้
บรรจุภัณฑ์ของยา EPO เป็นแบบบรรจุในหลอดฉีดยาสำเร็จรูป (prefilled syringe) หรือในแบบปากกา (prefilled pen) ซึ่งใช้ครั้งเดียวเท่านั้น และเนื่องจากในแต่ละผลิตภัณฑ์ประกอบไปด้วยยาหลายขนาด เช่น 2,000 IU/mL, 4000 IU/mL ดังนั้นจึงต้องทำการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ยาที่ได้รับว่าเป็นขนาดยาที่ต้องการก่อนฉีดยาเสมอ
Warfarin
Warfarin เป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดรับประทาน (anticoagulant) กลไกการออกฤทธิ์1. ยับยั้งการสร้างโปรตีนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด (clotting factor) - clotting factors: II, VII, IX, X- Protein C, Protein S2. รบกวนเอนไซม์ Vitamin K epoxide reductase complex-1 (VKORC-1) ดังนั้น Warfarin จึงจัดเป็น Vitamin K antagonist
ข้อบ่งใช้ของยา Warfarin- ใช้รักษา และป้องกันโรค deep vein thrombosis (DVT)- ใช้รักษา และป้องกันโรค pulmonary embolism (PE)- ใช้ในผู้ป่วยลิ้นหัวใจพิการหรือใช้ลิ้นหัวใจเทียม (mechanical prosthetic heart valves)- ป้องกันการเกิดก้อนเลือดอุดตันจากโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Atrial Fibrillation), หลอดเลือดสมองตีบ (embolic stroke หรือ recurrent cerebral infarction), กล้ามเนื้อหัวใจตาย
ข้อปฏิบัติตนสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับยา Warfarin
หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาที่มีการกระทบกระแทก
สวมถุงมือหากต้องใช้อุปกรณ์มีคม
ลด ละ เลิก การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ระมัดระวังการลื่นล้ม โดยเฉพาะในผู้ป่วยสูงอายุ
สวมหมวกกันน็อคทุกครั้งที่ขับขี่รถจักรยานยนต์
หลีกเลี่ยงการนวดที่รุนแรง
หลีกเลี่ยงการฉีดยาเข้ากล้าม
แจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ทุกครั้งว่ารับประทานยา Warfarin
หากมีการย้ายถิ่นฐาน ให้นำประวัติผู้ป่วยจากโรงพยาบาลเดิมมาด้วย