Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่11การรับผู้ป่วยใหม่และการจำหน่ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล - Coggle…
บทที่11การรับผู้ป่วยใหม่และการจำหน่ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล
ชนิดของการรับผู้ป่วยใหม่
ผู้ป่วยใน
1)วางแผนเป็นผู้ป่วยในหรือกรณีไม่เร่งด่วน (Planned or Non-urgent)หรือเป็นผู้ป่วยในตามปกติ เป็นการรับแบบที่มีการจัดตารางนอนผู้ป่วยไว้ล่วงหน้า เ
2)การรับแบบฉุกเฉิน (Emergency admission)เป็นการนอนพักรักษาในโรงพยาบาลแบบไม่ได้วางแผนไว้
3) การรับโดยตรง (Direct admission) เป็นการนอนพักรักษาในโรงพยาบาลแบบไม่ได้วางแผนไว้ ไม่ได้ตรวจที่แผนกฉุกเฉิ
ผู้ป่วยนอก
ระยะเวลาของการอยู่ในโรงพยาบาลน้อยกว่า 24ชั่วโมง เช่น กลุ่มที่มาตรวจเป็นครั้งๆ ที่แผนกตรวจผู้ป่วยนอก เมื่อตรวจเสร็จแล้วแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ หรือกลุ่มที่ได้รับการผ่าตัดเล็ก การให้ยาเคมีบ าบัดแบบเป็นครั้งๆ เป็นต้น
วัตถุประสงค์และขั้นตอนการรับผู้ป่วยใหม่
วัตถุประสงค์เพื่อให้1)ผู้ป่วยและญาติมีความรู้และปฏิบัติตามกฎระเบียบและกิจวัตรของโรงพยาบาลได้อย่างถูกต้อง2)ผู้ป่วยมีเครื่องใช้ที่จ าเป็นในการรักษาพยาบาล เหมาะสม ครบถ้วน3)ผู้ป่วยได้รับการประเมินปัญหาและความต้องการทางร่างกาย และจิตสังคมได้ถูกต้อง4)ผู้ป่วยและญาติคลายความวิตกกังวล เต็มใจและให้ความร่วมมือในการรักษาพยาบาล5)ผู้ป่วยมีความปลอดภัยและสุขสบายเพิ่มขึ้น6)ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง เหมาะสมกับสภาพความเจ็บป่วย
การเตรียมอุปกรณ์
1)เตรียมเตียงหรือห้องพักผู้ป่วยให้พร้อมเพื่อต้อนรับการพักรักษาตัวของผู้ป่วย การที่เตรียมเตียงหรือห้องไม่พร้อมจะท าให้ผู้ป่วยและญาติมีความรู้สึกไม่อยากนอนพักรักษาในสถานที่นั้นหรือไม่ประทับใจและอาจส่งผลต่อสัมพันธภาพเชิงการรักษาระหว่างพยาบาล
2)เอกสารรายงานการรับผู้ป่วยใหม่หรือแบบบันทึกต่างๆ ซึ่งจะแตกต่างกันในแต่ละโรงพยาบาล เอกสารหรือแบบบันทึกต่างๆ ประกอบด้วย
3)แบบบันทึกคาร์เดกซ์ (Nursing kardex) ซึ่งบางสถาบันอาจไม่ใช้แล้ว เป็นเหมือนบันทึกสั้นๆ ของพยาบาลที่บันทึกการรักษา การพยาบาล และกิจกรรมต่างๆ ที่จะให้การดูแลผู้ป่วย ซึ่งประกอบด้วย ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วย การรักษา
ขั้นตอนการรับผู้ป่วยใหม่
1)เตรียมสิ่งแวดล้อมเพื่อรับผู้ป่วยใหม่โดย น าเหยือกน้ า แก้วน้ า กระโถน ปรอทวัดไข้ เครื่องวัดความดันโลหิต หูฟัง และอุปกรณ์อื่นๆ
2)สร้างสัมพันธภาพ ให้การต้อนรับผู้ป่วยและญาติด้วยถ้อยค า สีหน้า แววตา กิริยาท่าทางที่เป็นมิตร สุภาพ อ่อนโยน สนใจ เ
3)ตรวจสอบชื่อ นามสกุลของผู้ป่วย การลงทะเบียนรับเป็นผู้ป่วยใน และลายเซ็นรับผู้ป่วยของแพทย์จากบัตรตรวจโรคของโรงพยาบาลให้ตรงกับเจ้าหน้าที่แผนกผู้ป่วยนอกที่แจ้งมา
4)ชั่งน้ าหนัก และวัดส่วนสูง ตามสภาพอาการของผู้ป่วย ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวหรือไม่สามารถยืนได้
5)น าผู้ป่วยไปที่เตียง แนะน าให้รู้จักผู้ป่วยอื่นที่อยู่ร่วมห้อง และให้นอนพักสักครู่6)วัดอุณหภูมิ ชีพจร การหายใจ และความดันโลหิตเพื่อเป็นการประเมินสภาพแรกรับไว้เป็นข้อมูลพื้นฐาน
7)อธิบายกิจกรรมการรักษาพยาบาลที่จะให้ผู้ป่วย และให้คำแนะนำในเรื่อง
หลักการส่งเสริมการปรับตัวของผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาล
ความแปลกใหม่ต่อสถานที่สิ่งแวดล้อมบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ต่างๆ ของโรงพยาบาล และการปฏิบัติกิจวัตรประจ าวันรวมถึงข้อระเบียบปฏิบัติต่างๆ
ความกังวลต่อความเจ็บป่วย พยาบาลช่วยลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยได้โดยบอกให้ผู้ป่วยทราบถึงโรคที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ การพยากรณ์โรคและการรักษา
ประสบการณ์ในอดีตมีความส าคัญต่อการแสดงออกของผู้ป่วยพยาบาลควรจะพูดคุยกับผู้ป่วยโดยการซักถามถึงประสบการณ์ในอดีตในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลและเจ้าหน้าที่ต่างๆ
การค านึงถึงความเป็นบุคคลของผู้ป่วย พยาบาลจะต้องให้เกียรติผู้ป่วยตามความเหมาะสมซึ่งการเรียกผู้ป่วยควรเรียกชื่อ
ความเชื่อและพฤติกรรมต่างๆ เป็นของผู้ป่วยเนื่องจากผู้ป่วยแต่ละคนมีความแตกต่างในด้านนิสัยและการแสดงพฤติกรรมตลอดจนความเชื่อที่เป็นของตนเอง เมื่อผู้ป่วยเข้ามาอยู่ในโรงพยาบาลจะต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับระเบียบปฏิบัติของโรงพยาบาล
การวางแผนให้การพยาบาลโดยอาศัยข้อมูลที่ได้จากการสังเกตและการซักถามต่างๆ โดยวางแผนการพยาบาลตั้งแต่ผู้ป่วยเริ่มเข้ามาอยู่ในโรงพยาบาล
สาเหตุและอุปกรณ์การจำหน่ายผู้ป่วย
ขั้นตอนจำหน่ายผู้ป่วย
1)การจำหน่ายผู้ป่วยกรณีแพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน
(1)ตรวจสอบแผนการรักษาของแพทย์ เกี่ยวกับการจ าหน่ายผู้ป่วย ซึ่งในแผนการรักษาของแพทย์ต้องมีการเขียนอย่างชัดเจนว่าจ าหน่ายผู้ป่วยพร้อมลายเซ็นของแพทย์ จึงจะจ าหน่ายผู้ป่วยได้
(2)แจ้งผู้ป่วยและญาติให้ทราบ พร้อมทั้งแจ้งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล สังเกตสีหน้าท่าทีของผู้ป่วยและญาติ ตลอดจนซักถามปัญหาของผู้ป่วย เพื่อวางแผนให้การช่วยเหลือผู้ป่วยตามความเหมาะสม
(3)ให้ญาติผู้ป่วยไปซื้อยาตามใบสั่งยา ในกรณีที่ต้นสังกัดของหน่วยงานหรือโรงพยาบาลเบิกยาก่อนกลับบ้านไว้และก าหนดให้ญาติไปซื้อและรับยาเอง
(4)แนะน าผู้ป่วยให้สอดคล้องกับสภาพความเจ็บป่วยทั้งด้านร่างกาย เช่น การรับประทานอาหาร การรับประทานยา การจัดสิ่งแวดล้อม
(5)ให้ใบนัด พร้อมบัตรประจ าตัวของผู้ป่วยพร้อมทั้งให้ค าแนะน าในเรื่องความส าคัญของการมาตรวจตามนัด รายละเอียดของการนัด
(6)น าเสื้อผ้าและของมีค่าคืนให้ผู้ป่วยพร้อมทั้งช่วยแต่งกายให้เรียบร้อย(7)เตรียมล้อเข็น หรือเปลนอนในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยตามความเหมาะสม(8)ลงสมุดจ าหน่ายผู้ป่วย ลบรายชื่อออกจากกระดานรายชื่อ(9)เก็บอุปกรณ์ ท าความสะอาด เพื่อรอรับผู้ป่วยใหม่ต่อไป
การจำหน่ายผู้ป่วยเมื่อถึงแก่กรรม
(1)ใช้มือลูบหนังตาผู้ป่วยให้ปิดลงเมื่อแพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตแล้ว ถอดอุปกรณ์ทุกชนิดในการรักษาออก อาบน้ า ใส่เสื้อผ้าให้ ถ้ามีแผลเปลี่ยนผ้าปิดแผลให้ใหม่ ถ้ามีของเหลวจากจมูก หู ใช้ส าลีอุดไว้ ถ้าออกจากช่องคลอดหรือทวารหนักให้ใช้ผ้าอนามัยหรือผ้าอ้อมส าเร็จรูปห่อไว้เหมือนกับผู้ป่วยยังมีชีวิตอยู่
(2)จัดท่าให้เร็วที่สุด โดยให้นอนหงาย จัดแขน ขาให้ตรงอยู่ในท่าที่สบายคล้ายผู้ป่วยนอนหลับ หนุนศีรษะเพียงเล็กน้อย
(3)ใส่อวัยวะปลอม (ถ้ามี) เช่น ตาปลอม ฟันปลอม ถ้าปากหุบไม่สนิทใช้ผ้าสามเหลี่ยมยึดคางไว้ระยะหนึ่ง
(4)ผูกบัตรแข็งประจ าตัวของโรงพยาบาลไว้ที่ข้อมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งผูกบัตรติดข้อมือศพที่เขียนไว้เรียบร้อย ห่มผ้าคลุมหน้าอกเหมือนคนมีชีวิต และเก็บเครื่องใช้ให้เรียบร้อย
(5)ภายหลังศพอยู่ในหอผู้ป่วยอย่างน้อย 2 ชั่วโมงตามเจ้าหน้าที่มารับศพ ตรวจความเรียบร้อย และเคลื่อนย้ายโดยปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้ป่วยทั่วไป
(6)รวบรวมรายงานลงสมุดจ าหน่าย
ข้อบ่งชี้และการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาภายหลังผู้ป่วยถึงแก่กรรม
Algor mortis อุณหภูมิของร่างกายลดลง 1◦C(1.8◦F) ต่อชั่วโมงจนเท่าอุณหภูมิห้อง เนื่องจากการไหลเวียนเลือดหยุด และ Hypothalamus หยุดท างาน
Livor mortis เมื่อการไหลเวียนเลือดหยุด ผิวหนังจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ าๆ (Bluish purple) ตามบริเวณส่วนล่างของร่างกาย ซึ่งเป็นผลจากเม็ดเลือดแดงถูกท าลาย และตกตะกอนตามแรงดึงดูดของโลก เช่น ถ้าตายในท่านอนหงาย บริเวณหลัง แก้มก้น และด้านล่างของแขน ขา จะมีสีเข้มไปจากเดิม เป็นต้น ย
Rigor mortisคือการแข็งทื่อของร่างกายหลังเสียชีวิต ประมาณ 2-4 ชั่วโมง เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อโครงกระดูก และกล้ามเนื้อเรียบ เพื่อป้องกันศพผิดรูปร่าง หลังจากผู้ป่วยเสียชีวิต พยาบาลจะต้องปิดเปลือกตา ปิดปาก และจัดให้ศพอยู่ในท่าที่เป็นธรรมชาติทันทีเท่าที่จะท าได้
บทบาทพยาบาลในการวางแผนจ าหน่ายผู้ป่วยตามรูปแบบ D-M-E-T-H-O-D
การรับผู้ป่วยใหม่เพื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล นอกจากการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อส่งเสริมการปรับตัวของผู้ป่วยเมื่อเข้ามาอยู่โรงพยาบาลดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังต้องมีการวางแผนการจ าหน่ายผู้ป่วยควบคู่ไปด้วย การวางแผนจ าหน่าย (Discharge planning)เป็นการวางแผนและจัดสรรบริการในการดูแลรักษาผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลต่อเนื่องหลังการจ าหน่ายอย่างเป็นระบบ องค์รวม มีการประสานของทีมสหสาขาวิชาชีพในการสนับสนุนและเสริมพลังผู้ป่วยและครอบครัวเป็นรายกรณี
การดูแลอย่างต่อเนื่อง (Continuing care)เป็นกระบวนการส่งเสริมการดูแลผู้ป่วยภายหลังการจ าหน่าย โดยความร่วมมือระหว่างทีมสุขภาพ ผู้ป่วย ครอบครัว และผู้ดูแล เริ่มจากการประเมินความจำเป็นในการวางแผนจ าหน่ายผู้ป่วยตั้งแต่แรกรับ
D=Diagnosis ให้ความรู้เรื่องโรคที่เป็นอยู่ เกี่ยวกับสาเหตุ อาการ การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องM=Medication ให้ความรู้เกี่ยวกับยาที่ต้องรับประทานอย่างต่อเนื่องที่บ้าน ชื่อยา ฤทธิ์ของยา วิธีการใช้ ขนาด จ านวนครั้ง ระยะเวลาที่ใช้ ข้อควรระวังในการใช้ยา ผลข้างเคียง ข้อห้ามส าหรับการใช้ยา และการเก็บรักษายา
E = Environment & Economic กระตุ้นให้ผู้ป่วย/ครอบครัว/ ผู้ดูแลเห็นความส าคัญของการใช้สถานบริการสุขภาพในชุมชน การจัดการสิ่งแวดล้อม ที่บ้านให้เหมาะสมกับภาวะสุขภาพ T = Treatment แนะน าผู้ป่วย/ครอบครัว/ ผู้ดูแลให้เข้าใจเป้าหมายการรักษา แนะน าให้ปฏิบัติกิจกรรมการรักษา เช่น การท าแผล ให้อาหารทางสายยาง การsuctionกายภาพบ าบัด แนะน าวิธีการใช้และวิธีท าความสะอาดอุปกรณ์ เครื่องมือ
H=Health ให้ความรู้เกี่ยวกับข้อจ ากัดในการท ากิจกรรมให้เหมาะสมกับภาวะสุขภาพ กระตุ้นให้ผู้ป่วย/ญาติ มีส่วนร่วมในการเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับภาวะสุขภาพ O=Outpatient referral ชี้แจงให้ผู้ป่วย/ครอบครัว/ ผู้ดูแล ตระหนักและเข้าใจถึงความส าคัญของการมาตรวจตามนัดและอาการผิดปกติที่ต้องมาก่อนนัด การติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานบริการใกล้บ้านประสานงานกับศูนย์ Home health care (HHC)
D = Diet ให้ความรู้เรื่องอาหารเฉพาะโรค หลีกเลี่ยงหรืองดอาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แนะน าแหล่งประโยชน์หรือสถานที่ให้ค าปรึกษาเมื่อมีปัญหาเรื่องอาหาร
การพยาบาลภายหลังผู้ป่วยถึงแก่กรรมตามประเพณี และศาสนาของผู้ป่วย
การพยาบาลภายหลังถึงแก่กรรม
1) การแต่งศพ หมายถึง การดูแลศพให้เรียบร้อยพร้อมเคลื่อนย้ายไปยังห้องศพ การแต่งศพจะต้องค านึงถึงขนบธรรมเนียม
2) วัตถุประสงค์ของการแต่งศพ มีดังนี้(1) เตรียมศพให้สะอาด เรียบร้อยพร้อมย้ายไปยังห้องศพ(2) ดูแลจัดการตามข้อกฎหมาย กฎระเบียบของโรงพยาบาลและขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมเชื้อชาติ ศาสนาของผู้ตาย(3) ดูแลจัดเก็บของใช้ ของต้องทิ้งหรือท าลายได้ถูกต้อง(4) ประสานงานหน่วยงานหรือบุคลากรที่เกี่ยวข้องได้ถูกต้อง(5) เขียนบันทึกรายงานที่เกี่ยวข้องได้ถูกต้อง
ขั้นตอนการแต่งศพ
(1) อธิบายให้ญาติผู้ป่วยเข้าใจเมื่อผู้ป่วยเสียชีวิต พยาบาลมีหน้าที่ดูแลท าความสะอาดร่างกาย และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แก่ศพ หากญาติมีความประสงค์จะให้ศพแต่งกายหรือประดับตกแต่งศพอย่างไรสามารถแจ้งให้กับเจ้าหน้าที่พยาบาลได้
(2) ล้างมือก่อนจัดเตรียมของใช้(3) เตรียมอุปกรณ์ เช่น ชุดท าความสะอาดร่างกายเสื้อผ้าชุดใหม่ชุดท าแผล ชุดของใช้แต่งศพ ส าลี ก๊อซ ถุงมือ 1-2 คู่ป้ายผูกข้อมือเป็นต้น(4) จัดสถานที่และสิ่งแวดล้อมกั้นม่าน/ฉากให้เรียบร้อยไขเตียงราบเอาของใช้ต่างๆบนเตียงเก็บให้เรียบร้อย(5) เก็บอุปกรณ์การรักษาพยาบาลทุกชนิดออกจากศพ ของบางอย่างที่ไม่ใช้น าออกไปแช่น้ ายา เตรียมล้างท าความสะอาด หรือส่งซักให้ถูกต้อง
(6) สวมถุงมือ(7) ถ้ามีฟันปลอม ตาปลอมต้องรีบใส่เพราะหากใส่ช้านานเกินกว่า 2 ชั่วโมง ขากรรไกร คอคางจะแข็งจะใส่ฟันปลอมยาก การฟันปลอมให้โดยเร็ว ช่วยให้ส่วนคางคงรูปเหมือนเดิม(8) ถ้ามีแผลต้องตกแต่งแผลให้เรียบร้อย(9) จัดศพให้นอนหงายดูคล้ายคนนอนหลับ และควรจัดแขนขาให้เหยียดตรงโดยเร็วหากจัดแขนขานานกว่า2 ชั่วโมง กล้ามเนื้อบางส่วนจะเริ่มแข็ง (10) ปิดปากและตาทั้ง2 ข้างให้สนิท
(11) ใช้ส าลีหรือก๊อซอุดอวัยวะต่างๆ ที่มีน้ าคัดหลั่งหรือเลือดไหลออกมา เช่น ปาก จมูก หู ช่องคลอด ทวารหนัก (ปัจจุบันหลายสถาบันไม่นิยมก็ไม่ต้องใช้) เป็นต้น(12) เช็ดตัวให้สะอาด ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่(13) ผูกป้ายชื่อที่ข้อมือ(14) คลุมผ้าจากปลายเท้าถึงระดับไหล่ เก็บของใช้ต่างๆของผู้ป่วยส่งคืนให้แก่ญาติ(15) ถอดถุงมือ ล้างมือให้สะอาด เช็ดให้แห้ง(16) ให้ศพอยู่ในหอผู้ป่วยประมาณ 2 ชั่วโมง จึงเคลื่อนย้ายศพไปห้องเก็บศพ พร้อมใบส่งศพ
(17) ข้อควรค านึงในการแต่งศพควรพิจารณาร่วมกับญาติผู้ป่วย เช็ดร่างกายให้สะอาด เปลี่ยนผ้าใหม่ตามประเพณีของญาติ หากต้องการแต่งหน้าอย่าแต่งหน้าให้เข้มเกินไปและปัจจุบันไม่ต้องPackส าลีในอวัยวะต่างๆ เป็นการปฏิบัติคล้ายดูแลให้นอนหลับสบาย
การพยาบาลภายหลังผู้ป่วยถึงแก่กรรมตามประเพณี และศาสนาของผู้ป่วยการปฏิบัติตามหลักศาสนาและประเพณีภายหลังถึงแก่กรรม คือ การอาบน้ าแต่งตัวศพหลังจากตายแล้ว ซึ่งพิธีอาบน้ าศพเป็นการท าให้ร่างกายสะอาดและแต่งตัวให้สมฐานะของผู้ตาย ซึ่งประเพณีไทยใช้วิธีการรดน้ าศพเป็นการขอขมา
หลักปฏิบัติทางกฎหมายและระเบียบของโรงพยาบาลถ้าผู้ป่วยถึงแก่กรรมภายหลังที่รับเข้ารักษาในโรงพยาบาล กรณีที่เป็นอุบัติเหตุ ฆาตกรรม ให้แจ้งนิติเวช เพื่อหาสาเหตุการตาย แพทย์จะเป็นผู้เขียนใบมรณบัตร แล้วญาติน าไปแจ้งที่อ าเภอภายใน 24 ชั่วโมง บางรายแพทย์ต้องการตรวจศพ (Autopsy) จะต้องได้รับอนุญาตจากญาติก่อน