การดูแลผู้ป่วยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมในกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา

ประเทศนอร์เวย์

ที่ตั้ง ตั้งอยู่บนคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ซึ่งอยู่ทางเหนือของทวีปยุโรป

พื้นที่ 385,364 ตร.กม.

เมืองหลวง กรุงออสโล เป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีประชากรราว 500,000 คน

สภาพทางภูมิศาสตร์
นอร์เวย์ตั้งอยู่บนคาบสมุทรสแกนดิเนเวียซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของยุโรป มีพื้นที่ 385,155 ตารางกิโลเมตร (ประมาณร้อยละ 60 ของประเทศไทย) นอร์เวย์มีอาณาเขตทิศเหนือติดต่อกับทะเลบาร์เร็นท์ ทิศใต้ติดกับทะเลเหนือ ทิศตะวันออกติดกับสวีเดน ฟินแลนด์ และรัสเซีย และทิศตะวันตกติดกับทะเลนอร์เวย์ พื้นที่ส่วนใหญ่ของนอร์เวย์เป็นฟยอร์ด ธารน้ำแข็ง ทะเลสาบ หุบเขา ภูเขา และหน้าผาสูงชันที่ปกคลุมด้วยหิมะ

ภูมิอากาศ
เนื่องจากนอร์เวย์ตั้งอยู่ใกล้กับเขตขั้วโลกเหนือจึงมีอากาศหนาวเย็นถึง 6 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-เมษายน ซึ่งจะมีอุณหภูมิประมาณ 0 ถึง ติดลบ 40 องศาเซลเซียส โดยอากาศในกรุงออสโลจะหนาวที่สุดในเดือนธันวาคมและมกราคม (อาจติดลบถึง 20 องศาเซลเซียส)และมีหิมะตกตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนเมษายน ในช่วงฤดูหนาวระยะเวลากลางวันจะสั้นกว่าเวลากลางคืน โดยในเดือนธันวาคม-มกราคม จะมีแสงแดดเพียงวันละ 0-6 ชั่วโมงเท่านั้น ฤดูร้อนในนอร์เวย์มีระยะเวลาเพียง 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม โดยมีอุณหภูมิประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส ในช่วงนั้นจะมีระยะเวลากลางวันยาวนานกว่าระยะเวลากลางคืน

ภาษาและศาสนา
นอร์เวย์ใช้ภาษานอร์เวย์เป็นภาษาประจำชาติ (Bokmal และ Nynorak) คนนอร์เวย์มากกว่าร้อยละ 90 สามารถพูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้ดี คนนอร์เวย์ร้อยละ 86 นับถือศาสนาคริสต์ (Church of Norway-Evangelical Lutheran)

สภาพความเป็นอยู่
ค่าครองชีพ เนื่องจากนอร์เวย์เป็นประเทศที่ร่ำรวย โดยมีรายได้ประชาชาติต่อหัวเฉลี่ยสูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลก คือประมาณ 34,000 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี ทำให้ค่าครองชีพในนอร์เวย์จัดว่าสูงมากเป็นลำดับที่ 1 ในยุโรป การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ร้อยละ 25 ของราคาสินค้า และภาษีสิ่งเแวดล้อม ทำให้ค่าครองชีพในนอร์เวย์สูงกว่าประเทศไทยประมาณ 5-6 เท่า

การใช้ชีวิตของคนนอร์เวย์
เป็นการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แบบสโลไลด์เป็นส่วนมาก เวลาทำงานก็คือทำงาน ทำงานสัปดาห์และ 5-7 วันแล้วแต่อาชีพ ทำงานวันละ 7 ชั่วโมง หรือ 12 ชั่วโมงต่อวัน (เช่น พี่สาวทำงาน โรงแรม เข้างาน 7.00 น. เลิก 14.30 น. หักพักออก 30 นาที เท่ากับว่า 7 ชั่วโมงเต็ม ได้เงินชั่วโมงละ 189 Kr ซึ่ง 1 kr = 3.4 บาทไทย แล้วไปทำงานต่อที่ร้านอาหารจีน 15.00 – 20.00 น.) ซึ่งกฎหมายนอร์เวย์ให้ทำงานได้ไม่เกิน 12 ชม./วัน หรือ ถ้าเราป่วยเขาจะมีเงินสวัสดิการรองรับ หรือเงินชดเชยคนตกงาน รัฐบาลนอร์เวย์ก็จะจ่ายให้เต็ม เช่น เงินเดือน 25,000 kr ก็ได้รับเต็ม 25,000 kr ส่วนเวลาพักผ่อนก็พักผ่อนเต็มที่กับครอบครัว ไปผจญภัย เดินเขา เดินป่า ออกเรือหาปลาแซลมอน เพราะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาเป็นส่วนมาก ส่วนอากาศจะมี 4 ฤดูในวันเดียว คนนอร์เวย์จึงชินกับอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยเลยไม่ค่อยมีใครเจ็บป่วยง่าย แล้วคนที่นี่จะไม่มีการความเชื่ออะไรเยอะ เกี่ยวกับการเจ็บป่วย

การคมนาคม
ถนนในนอร์เวย์มีสภาพดี มีแผนที่บอกเส้นทางอยู่ทั่วไป ถนนส่วนใหญ่มีช่องทางวิ่งเล็ก และวิ่งสวนทาง (two-way traffic) แต่ก็มีความปลอดภัยสูงเพราะมีการจำกัดความเร็วรถยนต์ที่ 80-90 ก.ม./ ชั่วโมง สำหรับเขตชุมชนในเมือง ถนนหลายสายมีกล้องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติ คนนอร์เวย์เคร่งครัดในการปฏิบัติตามกฎจราจร อุบัติเหตุบนท้องถนนจึงเกิดขึ้นน้อย

การแต่งกาย

ศาสนา

  • นอร์เวย์ฉลองวันชาติในวันที่ 17 พฤษภาคม ประชาชนทั่วไปจะสวมใส่ชุดประจำชาติที่เรียกว่า “Bunad” คนต่างชาติก็ควรแต่งกายให้สุภาพด้วย
  • ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ มักมีฝนตก ควรมีเสื้อกันฝนและรองเท้าบู้ธ
  • ในฤดูหนาว อากาศหนาวเย็นมาก ต้องมีเสื้อโค้ท ผ้าพันคอ ถุงมือ หมวก และรองเท้าที่บุกันความเย็น
  • เนื่องจากอากาศในนอร์เวย์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในช่วงฤดูร้อนอาจใส่เสื้อผ้าเนื้อบาง แต่ก็ควรมีเสื้อกันลม เสื้อกันฝน หรือร่ม ไว้ด้วย การเดินทางในนอร์เวย์จะต้องเดินเท้าค่อนข้างมากจึงควรมีรองเท้าที่ใส่สบายไว้สำหรับเดิน
  • ส่วนศาสนาอื่นที่มีผู้นับถือมากรองลงไป คือ ศาสนาอิสลาม
  • สำหรับชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธ สามารถไปทำบุญไหว้พระหรือร่วมกิจกรรมทางพุทธศาสนาได้ที่ “วัดไทย-นอร์เวย์” ตั้งอยู่ที่ Trondheimsvegen
  • ประชากรส่วนใหญ่ของนอร์เวย์ประมาณ 85 % นับถือศาสนาคริสต์นิกาย Evangelical Lutheran แต่ก็ไม่เคร่งศาสนา มีเพียง 3 % ที่ไปโบสถ์วันอาทิตย์ นอกจากนี้ มีคนที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายอื่นๆ ได้แก่ นิกาย Baptists นิกาย Pentecostalists นิกาย Methodists และนิกาย Roman Catholics

การสนทนาและปฏิบัติตัวเมื่อพบกับคนท้องถิ่น

โรคประจำประถิ่นในประเทศนอร์เวย์

อาหารการกิน

การรักษา

บุหรี่และสุรา

  • คนนอร์เวย์ถือว่าทุกคนมีความเท่าเทียมกันและนิยมความสุภาพ เรียบร้อย ไม่ชอบคนที่โอ้อวดฐานะและความร่ำรวย
  • การพูดคุยกับคนนอร์เวย์ คนนอร์เวย์เป็นคนที่ตรงไปตรงมาและยึดถือข้อเท็จจริงเป็นหลักไม่ใส่อารมณ์ในการพูดจาและไม่ใช้ภาษากาย
  • การทักทายกับคนนอร์เวย์ใช้การจับมือ โดยมีการสบตาโดยตรงและยิ้ม คนนอร์เวย์จะแนะนำตัวเองด้วยการเรียกนามสกุล
  • การสร้างมิตรภาพกับคนนอร์เวย์ต้องใช้เวลา คนนอร์เวย์จะมีเพื่อนกลุ่มเล็กแต่ค่อนข้างเหนืยวแน่นและภูมิใจในมิตรภาพที่เต็มไปด้วยความซื่อตรงและจริงใจ
  • ราคาอาหารที่จำหน่ายในนอร์เวย์ค่อนข้างแพง
  • น้ำจากก็อกน้ำมีความสะอาดเพียงพอที่จะดื่มได้
  • อาหารที่จำหน่ายในนอร์เวย์จะต้องเคร่งครัดต่อกฎระเบียบเรื่องสุขลักษณะเป็นอย่างมาก จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค คนนอร์เวย์บริโภคนม ขนมปังสีน้ำตาล และปลา เป็นจำนวนมาก
  • คนนอร์เวย์ส่วนใหญ่รับประทานอาหารเช้าช่วง 07.00 –08.00 น. อาหารกลางวันช่วง 11-00-12.00น. อาหารว่างช่วง 16.00 – 17.00 น. อาหารค่ำ ช่วง 20.00-21.00 น.
  • การดื่มสุรามีข้อกำหนดที่เข้มงวด ผู้ซื้อและผู้ดื่มเบียร์และไวน์ ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ผู้ซื้อและผู้ดื่มสุราต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ไวน์ สุรา และเบียร์ที่เข้มข้นมีจำหน่ายเฉพาะในร้าน Vinmonopolet ซึ่งเป็นร้านของรัฐบาล ส่วนเบียร์สามารถซื้อได้ในร้านซุปเปอร์มาเก็ต ภัตตาคารที่จำหน่ายสุราต้องมีใบอนุญาต ห้ามดื่มสุราในสวนสาธารณะและข้างถนน และเมื่อขับรถห้ามดื่มสุราโดยเด็ดขาด
  • ห้ามสูบบุหรี่ในอาคารสาธารณะ สำนักงาน โรงแรม บาร์ ภัตตาคาร (ยกเว้นภัตตาคารกลางแจ้ง) และรถขนส่งมวลชน การสูบต้องออกไปสูบนอกอาคาร

โรคเรื้อน (Leprosy)

โรคหัดเยอรมัน (Rubella)

โรคมาลาเรีย (Malaria)

ไข้เหลือง (Yellow Fever)

โรคเอดส์ (AIDS)

การรักษาพยาบาลที่นี่ จะรักษาเป็นแบบหมอประจำตัว (คือเราเคยรักษากับหมอคนไหนก็คนนั้นเลยจะไม่มีเปลี่ยนเหมือนที่ รพ ไทย) ถ้าปวดหัวหรือป่วยก็ไปหาหมอประจำตัวที่บ้านหมอ ก่อนซึ่งคนที่อยู่ที่นี่ทุกคนต้องมีหมอประจำตัว แล้วหมอจะดูอาการแล้วค่อยจะส่งตัวเราไปโรงพยาบาล และที่นี่ก็ไม่สามารถซื้อยากินเองได้เหมือนที่ไทย ยกเว้นยาพารา ในปีหนึ่งถ้าเราไปโรงพยาบาลแล้วจ่ายครบประมาณ 2,000 โครน แล้ว หลังจากนั้นเราจะได้รับการรักษาพยาบาลฟรี ยกเว้นทำฟัน ถ้ารักษาฟันจะต้องจ่ายค่ารักษา

ความเชื่อ

ความเชื่อเรื่องความตาย

ไวกิ้งสแกนดิเนเวียส่วนใหญ่ไม่ได้นำศพของผู้ตายลอยไปกับเรือและจุดไฟเผา เมื่อมีคนตายพวกเขาก็มักจะนำคนเหล่านั้นไปฝังไม่ต่างจากวัฒนธรรมอื่นๆ มากนัก แม้ว่าบางครั้งพวกเขาจะมีการฝังเรือไปกับคนตายอยู่บ้าง เพราะช่วงเวลาระหว่างคริสต์ศักราช 800 – 1100 ว่าเป็นยุคไวกิง เชื่อกันว่า เป็นสิ่งของเครื่องใช้สำหรับผู้ตายให้เอาไปใช้ในภพหน้า

ความเชื่อเรื่องสัตว์เลื้อยคลาน

ชาวเหนือที่อาศัยในแถบสแกนดิเนเวีย มีพื้นที่เพาะปลูกน้อย จึงหันมายึดอาชีพการประมง และพัฒนาการต่อเรือเดินทะเล ซึ่งต่อมามีประชากรเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องออกทะเลเพื่อค้าขายแต่พวกนี้ชอบทำตัวเป็นโจรสลัด เที่ยวรุกรานใครต่อใคร ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เรียกชาวเหนือพวกนี้ว่า "Viking" (ชาวนอร์วิเจียนออกเสียงว่า วีคิง) เรือเดินทะเลดั้งเดิม ซึ่งมีความยาว 22 เมตร กลางลำกว้าง 5 เมตร ลึก 1.5 เมตร มีฝีพาย 30-32 คน ตรงกลางมีเสากระโดงสำหรับติดเรือใบ ท้องเรือแบนเหมาะแก่การโต้คลื่น หัวงอน ท้ายงอน ช่วยให้ปราดเปรียว โดยเฉพาะหัวเรือนั้น ทำเป็นหัวงู เนื่องจากมีความเชื่อว่าสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้จะช่วยขจัดความชั่วร้าย

พฤติกรรมเสี่ยงของชาวนอร์เวย์

นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีอากาศหนาว ถึงแม้จะเปลี่ยนเป็นฤดูร้อนแต่ก็ไม่ได้อบอุ่นเหมือนเมืองไทย ชาวนอร์สจึงนิยมทานอาหารที่ทำด้วยเวลาอันน้อยนิด และต้องทำให้ร่างกายนั้นเกิดความอบอุ่น อาหารที่นิยมเป็นกันมากคือพิซซ่า ชีส อาหารกระป๋อง หากเป็นเนื้อ ก็จะเป็นเนื้อปลาแซลมอน และขนมที่นิยมมากคือ ช็อกโกแลต แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ สิ่งที่ชาว นอร์สขาดไม่ได้นั่นก็คือ เบียร์ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในการดื่มของประเทศนี้ อาหารและเครื่องดื่มพวกนี้ ส่งผลเสียต่อร่างกายของชาวนอร์สเป็นอย่างมากหากรับประทานเป็นจำนวนมากและติดต่อกันเป็นเวลานาน

ผลเสียของอาหาร

พิซซ่า: ก็จะมีครีมเทียม เนยแข็ง ไขมันสัตว์ ไขมันปาล์ม เสี่ยงของการเกิดภาวะหลอดเลือดตีบตัน

ชีส: ชีสบางชนิดก็มีไขมันอิ่มตัวค่อนข้างสูงหากเรากินชีสหรือเนยแข็งมากเกินไป ก็จะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง

อาหารกระป๋อง: สารบิสฟีนอลเอ (Bisphenol A: BPA) หากรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสาร BPA อาจก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา เช่น ภาวะบกพร่องทางเพศในผู้ชาย โรคเบาหวาน โรคหัวใจ, แบคทีเรียคลอสติเดียมโบทูลินัม

เนื้อปลาแซลมอน: เป็นหนึ่งในเนื้อสัตว์ที่มีสารพิษตกค้างมากที่สุดเนื่องจากฟาร์มมีการเลี้ยงอย่างแออัด ทำให้ต้องใส่สารเคมีและยาปฏิชีวนะลงในบ่อปริมาณมาก มีสาร polychlorinated biphenyls (PCB) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง

ช็อกโกแลต: ทานแล้วอ้วนเพราะมี นมกับน้ำตาลเยอะมาก อาจจะเกิดการเสพย์ติดได้เหมือนกาแฟ ทำให้เกิดฟันอาจจะผุ มีผลกระทบต่อการเป็นเบาหวานและ ประสาทตาเสื่อม

เบียร์: มีส่วนผสมของน้ำตาลและแอลกอฮอล์ทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานได้ไม่ดี ส่งผลให้เส้นเลือดในสมองโป่งพองและแตก เกิดโรคหลอดเลือดในสมองอุดตันและเส้นเลือดในสมองแตกซึ่งเป็นโรคยอดฮิตของผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

การดูแลผู้ป่วย

การพยาบาลที่เน้นการให้คุณค่าและการปฏิบัติโดยเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างทางวัฒนธรรมของบุคคลหรือกลุ่ม รวมทั้ง วิเคราะห์พฤติกรรมการดูแลและการให้บริการทางการพยาบาล ค่านิยมเกี่ยวกับความเจ็บป่วย และแบบแผนของพฤติกรรมต่างๆของ คนในเชื้อชาติหรือวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เพื่อให้การตอบสนองที่ สอดคล้องกับความต้องการการดูแลเฉพาะของเชื้อชาติหรือวัฒนธรรมนั้น อย่างเช่นที่ประเทศนอร์เวย์มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาเป็นส่วนมาก ส่วนอากาศจะมี 4 ฤดูในวันเดียว คนนอร์เวย์จึงชินกับอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยเลยไม่ค่อยมีใครเจ็บป่วยง่าย แล้วคนที่นอร์เวย์จะไม่มีการความเชื่ออะไรเยอะเกี่ยวกับการเจ็บป่วยจะเชื่อในการรักษาแบบแพทย์แผนตะวันตกเท่านั้น ไม่มีความเชื่อเรื่องหมอผี ยาสมุนไพรแบบในประเทศไทย ถ้าป่วยคือไปโรงพยาบาลเลย การรักษาพยาบาลที่ประเทศนอร์เวย์ จะรักษาเป็นแบบหมอประจำตัว (คือเคยรักษากับหมอคนไหนก็จะต้องรักษากับหมอคนนั้นเลยจะไม่มีเปลี่ยนเหมือนที่โรงพยาบาลในประเทศไทย) ถ้าปวดหัวหรือป่วยก็ไปหาหมอประจำตัวที่บ้านหมอก่อน ซึ่งคนที่อยู่ที่นอร์เวย์ทุกคนต้องมีหมอประจำตัว แล้วหมอจะดูอาการแล้วค่อยจะส่งตัวเราไปโรงพยาบาล และที่นอร์เวย์ก็ไม่สามารถซื้อยากินเองได้เหมือนที่ประเทศไทยยกเว้นยาพาราเซตามอล

แนวทางในการนำทฤษฎีไปใช้ในการปฏิบัติการพยาบาลโดยใช้กระบวนการพยาบาล

3.การวางแผนการพยาบาล

4.การปฏิบัติการพยาบาล เป็นการพยาบาลสอดคล้องกับความเชื่อและวัฒนธรรม

2.ข้อวินิจฉัยการพยาบาล

1.การประเมิน

1.การทักทายของคนนอร์เวย์ โดยการจับมือ ซึ่งเป็นการทักทายแบบเป็นทางการ แต่ถ้าทักทายญาติสนิทหรือเพื่อนที่สนิทกันมากๆ ก็อาจใช้การทักทายแบบจับมือหรือชนแก้ม

  1. การที่คู่รักจูบกันในที่สาธารณะเป็นเรื่องธรรมดา

3.คนนอร์เวย์ชอบออกนอกบ้านไปเดินเล่น โดยเฉพาะถ้ามีลูกเล็กๆ จะต้องมีรถเข็น เพื่อพาลูกออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้าน สามารถออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้านได้ทุกฤดูกาล ถ้าหน้าหนาวก็จะแต่งตัวกันนานเลยกว่าจะได้ออกจากบ้านไปเดินเล่น ทั้งเสื้อผ้า ถุงเท้า ถุงเท้า รองเท้า ผ้าพันคอ และหมวก

  1. อากาศของประเทศนอร์เวย์เปลี่ยนแปลงเร็วมาก เช่น ตอนรุ่งเช้ามีหมอก ตอนเช้ามีแสงแดดจ้า พอสายๆ ฝนก็ตกลงมาซะงั้น เวลาฝนตกก็ไม่มีฟ้าร้องหรือฟ้าผ่าแบบบ้านเรา ฝนตกลงมาเป็นเม็ดเล็กๆ สามารถใส่เสื้อคลุมกันฝนเดินออกไปข้างนอกได้สบายๆ โดยเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องฝนตก คือเมือง แบร์เกน
  1. คนนอร์เวย์นิยมอาบน้ำวันละครั้ง หรือบางคนก็สองวันจึงอาบ โดยเฉพาะในฤดูหนาว ซึ่งเสื้อผ้าก็สามารถใส่ได้ 1-2 ครั้ง จึงจะซัก

2.1 ประเทศนอร์เวย์มีสภาพอากาศที่หนาวเป็นเมืองน้ำแข็ง จึงทำให้ประชากรในประเทศนอร์เวย์มีการสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายโดยการใส่เสื้อหนาเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ซึ่งสภาพอากาศหนาวของประเทศนอร์เวย์มีการส่งผลกระทบต่อร่างกาย

2.2การทักทายของประเทศนอร์เวย์ หากมีการจับมือทักทายกัน อาจจะมีการเสี่ยงการติดเชื้อโรคทางการจับมือทักทาย เช่น โรคโควิท-19, วัณโรคต่างๆ

ให้การพยาบาลผู้ป่วยของประเทศนอร์เวย์ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมมุ่งเน้นให้ผู้ใช้บริการบรรเทาลงหรือหมดความแตกต่างทางวัฒนธรรม

-ทุกคนจะต้องมีแพทย์ประจำตัว ซึ่งหากมีปัญหาสุขภาพจะต้องติดต่อไปที่แพทย์ประจำตัวเพื่อขอรับการรักษาและตรวจวินิจฉัยก่อน

-สถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลให้การรักษาฟรี แต่บางครั้งต้องรอคิวนานมาก บางโรงพยาบาลมีรอคิวนานถึง 4 เดือน ค่าบริการรักษาฟรี แต่ถ้าต้องใช้ยา จะได้รับเอกสารจากโรงพยาบาลให้ไปซื้อยาที่ร้านขายยาเอง

-หากสุขภาพของคุณแม่หรือเด็กไม่มีปัญหาใดๆ พยาบาลผดุงครรภ์จะให้ทำการคลอดแบบธรรมชาติ

-หากมีเหตุฉุกเฉิน อาการขั้นโคม่า สามารถเรียกรถพยาบาลได้ทันที ซึ่งถ้าอาการหนักมากก็จะมีเฮลิคอปเตอร์มารับถึงที่เลย

-ครอบครัวที่มีเด็กแรกคลอด ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ จะมาเยี่ยมเยียนพร้อมทั้งการ์ดอวยพร ซึ่งนิยมให้เสื้อผ้าสำหรับเด็กอ่อน ให้กับเด็กแรกคลอดนั้นด้วย

-เมื่อมีผู้เสียชีวิต คนนอร์เวย์จะก็ลงประกาศผู้เสียชีวิตในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น

การดูแลผู้ป่วยข้ามวัฒนธรรม

• ถ้าผู้ป่วยมีอาการป่วยก็ไปหาหมอประจำตัวที่บ้านหมอก่อน ซึ่งคนที่อยู่ที่นี่ทุกคนต้องมีหมอประจำตัว แล้วหมอจะดูอาการแล้วค่อยจะส่งตัวเราไปโรงพยาบาล

• คนนอร์เวย์ส่วนมากนิยมการคลอดธรรมชาติ มากกว่าคลอดแบบผ่าตัด

ประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้ป่วย

ถ้าผู้ป่วยมีอาการป่วยจะไปหาหมอประจำตัวที่บ้านหมอก่อน ซึ่งคนที่อยู่ที่นี่ทุกคนมีหมอประจำตัว หมอจะดูอาการแล้วจะค่อยส่งตัวเราไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล การประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้ป่วยคือ การรักษาดูอาการในขั้นเบื้องต้นก่อนกับแพทย์ประจำตัว หากมีอาการที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาหรือมีการตัดสินใจที่ต้องการรับการรักษาจึงจะส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล

คนนอร์เวย์ส่วนมากนิยมการคลอดธรรมชาติ มากกว่าคลอดแบบผ่าตัด การประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้ป่วยคือ หากมีความเสี่ยงที่จะแท้งจากการคลอดธรรมชาติพยาบาลต้องมีการสื่อสารให้คำแนะนำ ผลดีผลเสีย อธิบายถึงการคลอดและการผ่าคลอด หรือให้หมอประจำตัวของผู้ป่วยโน้มน้าว

การรักษาพยาบาลที่นอร์เวย์มีความเท่าเทียมกันทุกคน ทุกคนได้รับสิทธิ์เท่ากันหมด และเชื่อในการรักษาแบบแพทย์แผนตะวันตกเท่านั้น เป็นแบบแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่มีความเชื่อเรื่องหมอผี ยาสมุนไพร และในปีหนึ่งถ้าเราไปโรงพยาบาลแล้วจ่ายครบประมาณ 2,000 โครน แล้ว หลังจากนั้นจะได้รับการรักษาพยาบาลฟรี ยกเว้นการทำฟัน ถ้ารักษาฟันจะต้องจ่ายค่ารักษา ยกเว้นเด็กแรกเกิดถึง 2 ขวบ นอกนั้นต้องจ่ายทุกคน