Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การดูแลผู้ป่วยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมในกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปและทวีปอ…
การดูแลผู้ป่วยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมในกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา
ประเทศนอร์เวย์
ที่ตั้ง ตั้งอยู่บนคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ซึ่งอยู่ทางเหนือของทวีปยุโรป
พื้นที่ 385,364 ตร.กม.
เมืองหลวง กรุงออสโล เป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีประชากรราว 500,000 คน
สภาพทางภูมิศาสตร์
นอร์เวย์ตั้งอยู่บนคาบสมุทรสแกนดิเนเวียซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของยุโรป มีพื้นที่ 385,155 ตารางกิโลเมตร (ประมาณร้อยละ 60 ของประเทศไทย) นอร์เวย์มีอาณาเขตทิศเหนือติดต่อกับทะเลบาร์เร็นท์ ทิศใต้ติดกับทะเลเหนือ ทิศตะวันออกติดกับสวีเดน ฟินแลนด์ และรัสเซีย และทิศตะวันตกติดกับทะเลนอร์เวย์ พื้นที่ส่วนใหญ่ของนอร์เวย์เป็นฟยอร์ด ธารน้ำแข็ง ทะเลสาบ หุบเขา ภูเขา และหน้าผาสูงชันที่ปกคลุมด้วยหิมะ
ภูมิอากาศ
เนื่องจากนอร์เวย์ตั้งอยู่ใกล้กับเขตขั้วโลกเหนือจึงมีอากาศหนาวเย็นถึง 6 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-เมษายน ซึ่งจะมีอุณหภูมิประมาณ 0 ถึง ติดลบ 40 องศาเซลเซียส โดยอากาศในกรุงออสโลจะหนาวที่สุดในเดือนธันวาคมและมกราคม (อาจติดลบถึง 20 องศาเซลเซียส)และมีหิมะตกตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนเมษายน ในช่วงฤดูหนาวระยะเวลากลางวันจะสั้นกว่าเวลากลางคืน โดยในเดือนธันวาคม-มกราคม จะมีแสงแดดเพียงวันละ 0-6 ชั่วโมงเท่านั้น ฤดูร้อนในนอร์เวย์มีระยะเวลาเพียง 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม โดยมีอุณหภูมิประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส ในช่วงนั้นจะมีระยะเวลากลางวันยาวนานกว่าระยะเวลากลางคืน
ภาษาและศาสนา
นอร์เวย์ใช้ภาษานอร์เวย์เป็นภาษาประจำชาติ (Bokmal และ Nynorak) คนนอร์เวย์มากกว่าร้อยละ 90 สามารถพูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้ดี คนนอร์เวย์ร้อยละ 86 นับถือศาสนาคริสต์ (Church of Norway-Evangelical Lutheran)
สภาพความเป็นอยู่
ค่าครองชีพ เนื่องจากนอร์เวย์เป็นประเทศที่ร่ำรวย โดยมีรายได้ประชาชาติต่อหัวเฉลี่ยสูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลก คือประมาณ 34,000 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี ทำให้ค่าครองชีพในนอร์เวย์จัดว่าสูงมากเป็นลำดับที่ 1 ในยุโรป การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ร้อยละ 25 ของราคาสินค้า และภาษีสิ่งเแวดล้อม ทำให้ค่าครองชีพในนอร์เวย์สูงกว่าประเทศไทยประมาณ 5-6 เท่า
การใช้ชีวิตของคนนอร์เวย์
เป็นการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แบบสโลไลด์เป็นส่วนมาก เวลาทำงานก็คือทำงาน ทำงานสัปดาห์และ 5-7 วันแล้วแต่อาชีพ ทำงานวันละ 7 ชั่วโมง หรือ 12 ชั่วโมงต่อวัน (เช่น พี่สาวทำงาน โรงแรม เข้างาน 7.00 น. เลิก 14.30 น. หักพักออก 30 นาที เท่ากับว่า 7 ชั่วโมงเต็ม ได้เงินชั่วโมงละ 189 Kr ซึ่ง 1 kr = 3.4 บาทไทย แล้วไปทำงานต่อที่ร้านอาหารจีน 15.00 – 20.00 น.) ซึ่งกฎหมายนอร์เวย์ให้ทำงานได้ไม่เกิน 12 ชม./วัน หรือ ถ้าเราป่วยเขาจะมีเงินสวัสดิการรองรับ หรือเงินชดเชยคนตกงาน รัฐบาลนอร์เวย์ก็จะจ่ายให้เต็ม เช่น เงินเดือน 25,000 kr ก็ได้รับเต็ม 25,000 kr ส่วนเวลาพักผ่อนก็พักผ่อนเต็มที่กับครอบครัว ไปผจญภัย เดินเขา เดินป่า ออกเรือหาปลาแซลมอน เพราะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาเป็นส่วนมาก ส่วนอากาศจะมี 4 ฤดูในวันเดียว คนนอร์เวย์จึงชินกับอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยเลยไม่ค่อยมีใครเจ็บป่วยง่าย แล้วคนที่นี่จะไม่มีการความเชื่ออะไรเยอะ เกี่ยวกับการเจ็บป่วย
การคมนาคม
ถนนในนอร์เวย์มีสภาพดี มีแผนที่บอกเส้นทางอยู่ทั่วไป ถนนส่วนใหญ่มีช่องทางวิ่งเล็ก และวิ่งสวนทาง (two-way traffic) แต่ก็มีความปลอดภัยสูงเพราะมีการจำกัดความเร็วรถยนต์ที่ 80-90 ก.ม./ ชั่วโมง สำหรับเขตชุมชนในเมือง ถนนหลายสายมีกล้องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติ คนนอร์เวย์เคร่งครัดในการปฏิบัติตามกฎจราจร อุบัติเหตุบนท้องถนนจึงเกิดขึ้นน้อย
การแต่งกาย
นอร์เวย์ฉลองวันชาติในวันที่ 17 พฤษภาคม ประชาชนทั่วไปจะสวมใส่ชุดประจำชาติที่เรียกว่า “Bunad” คนต่างชาติก็ควรแต่งกายให้สุภาพด้วย
ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ มักมีฝนตก ควรมีเสื้อกันฝนและรองเท้าบู้ธ
ในฤดูหนาว อากาศหนาวเย็นมาก ต้องมีเสื้อโค้ท ผ้าพันคอ ถุงมือ หมวก และรองเท้าที่บุกันความเย็น
เนื่องจากอากาศในนอร์เวย์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในช่วงฤดูร้อนอาจใส่เสื้อผ้าเนื้อบาง แต่ก็ควรมีเสื้อกันลม เสื้อกันฝน หรือร่ม ไว้ด้วย การเดินทางในนอร์เวย์จะต้องเดินเท้าค่อนข้างมากจึงควรมีรองเท้าที่ใส่สบายไว้สำหรับเดิน
ศาสนา
ส่วนศาสนาอื่นที่มีผู้นับถือมากรองลงไป คือ ศาสนาอิสลาม
สำหรับชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธ สามารถไปทำบุญไหว้พระหรือร่วมกิจกรรมทางพุทธศาสนาได้ที่ “วัดไทย-นอร์เวย์” ตั้งอยู่ที่ Trondheimsvegen
ประชากรส่วนใหญ่ของนอร์เวย์ประมาณ 85 % นับถือศาสนาคริสต์นิกาย Evangelical Lutheran แต่ก็ไม่เคร่งศาสนา มีเพียง 3 % ที่ไปโบสถ์วันอาทิตย์ นอกจากนี้ มีคนที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายอื่นๆ ได้แก่ นิกาย Baptists นิกาย Pentecostalists นิกาย Methodists และนิกาย Roman Catholics
การสนทนาและปฏิบัติตัวเมื่อพบกับคนท้องถิ่น
คนนอร์เวย์ถือว่าทุกคนมีความเท่าเทียมกันและนิยมความสุภาพ เรียบร้อย ไม่ชอบคนที่โอ้อวดฐานะและความร่ำรวย
การพูดคุยกับคนนอร์เวย์ คนนอร์เวย์เป็นคนที่ตรงไปตรงมาและยึดถือข้อเท็จจริงเป็นหลักไม่ใส่อารมณ์ในการพูดจาและไม่ใช้ภาษากาย
การทักทายกับคนนอร์เวย์ใช้การจับมือ โดยมีการสบตาโดยตรงและยิ้ม คนนอร์เวย์จะแนะนำตัวเองด้วยการเรียกนามสกุล
การสร้างมิตรภาพกับคนนอร์เวย์ต้องใช้เวลา คนนอร์เวย์จะมีเพื่อนกลุ่มเล็กแต่ค่อนข้างเหนืยวแน่นและภูมิใจในมิตรภาพที่เต็มไปด้วยความซื่อตรงและจริงใจ
โรคประจำประถิ่นในประเทศนอร์เวย์
โรคเรื้อน (Leprosy)
โรคหัดเยอรมัน (Rubella)
โรคมาลาเรีย (Malaria)
ไข้เหลือง (Yellow Fever)
โรคเอดส์ (AIDS)
อาหารการกิน
ราคาอาหารที่จำหน่ายในนอร์เวย์ค่อนข้างแพง
น้ำจากก็อกน้ำมีความสะอาดเพียงพอที่จะดื่มได้
อาหารที่จำหน่ายในนอร์เวย์จะต้องเคร่งครัดต่อกฎระเบียบเรื่องสุขลักษณะเป็นอย่างมาก จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค คนนอร์เวย์บริโภคนม ขนมปังสีน้ำตาล และปลา เป็นจำนวนมาก
คนนอร์เวย์ส่วนใหญ่รับประทานอาหารเช้าช่วง 07.00 –08.00 น. อาหารกลางวันช่วง 11-00-12.00น. อาหารว่างช่วง 16.00 – 17.00 น. อาหารค่ำ ช่วง 20.00-21.00 น.
การรักษา
การรักษาพยาบาลที่นี่ จะรักษาเป็นแบบหมอประจำตัว (คือเราเคยรักษากับหมอคนไหนก็คนนั้นเลยจะไม่มีเปลี่ยนเหมือนที่ รพ ไทย) ถ้าปวดหัวหรือป่วยก็ไปหาหมอประจำตัวที่บ้านหมอ ก่อนซึ่งคนที่อยู่ที่นี่ทุกคนต้องมีหมอประจำตัว แล้วหมอจะดูอาการแล้วค่อยจะส่งตัวเราไปโรงพยาบาล และที่นี่ก็ไม่สามารถซื้อยากินเองได้เหมือนที่ไทย ยกเว้นยาพารา ในปีหนึ่งถ้าเราไปโรงพยาบาลแล้วจ่ายครบประมาณ 2,000 โครน แล้ว หลังจากนั้นเราจะได้รับการรักษาพยาบาลฟรี ยกเว้นทำฟัน ถ้ารักษาฟันจะต้องจ่ายค่ารักษา
บุหรี่และสุรา
การดื่มสุรามีข้อกำหนดที่เข้มงวด ผู้ซื้อและผู้ดื่มเบียร์และไวน์ ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ผู้ซื้อและผู้ดื่มสุราต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ไวน์ สุรา และเบียร์ที่เข้มข้นมีจำหน่ายเฉพาะในร้าน Vinmonopolet ซึ่งเป็นร้านของรัฐบาล ส่วนเบียร์สามารถซื้อได้ในร้านซุปเปอร์มาเก็ต ภัตตาคารที่จำหน่ายสุราต้องมีใบอนุญาต ห้ามดื่มสุราในสวนสาธารณะและข้างถนน และเมื่อขับรถห้ามดื่มสุราโดยเด็ดขาด
ห้ามสูบบุหรี่ในอาคารสาธารณะ สำนักงาน โรงแรม บาร์ ภัตตาคาร (ยกเว้นภัตตาคารกลางแจ้ง) และรถขนส่งมวลชน การสูบต้องออกไปสูบนอกอาคาร
ความเชื่อ
ความเชื่อเรื่องความตาย
ไวกิ้งสแกนดิเนเวียส่วนใหญ่ไม่ได้นำศพของผู้ตายลอยไปกับเรือและจุดไฟเผา เมื่อมีคนตายพวกเขาก็มักจะนำคนเหล่านั้นไปฝังไม่ต่างจากวัฒนธรรมอื่นๆ มากนัก แม้ว่าบางครั้งพวกเขาจะมีการฝังเรือไปกับคนตายอยู่บ้าง เพราะช่วงเวลาระหว่างคริสต์ศักราช 800 – 1100 ว่าเป็นยุคไวกิง เชื่อกันว่า เป็นสิ่งของเครื่องใช้สำหรับผู้ตายให้เอาไปใช้ในภพหน้า
ความเชื่อเรื่องสัตว์เลื้อยคลาน
ชาวเหนือที่อาศัยในแถบสแกนดิเนเวีย มีพื้นที่เพาะปลูกน้อย จึงหันมายึดอาชีพการประมง และพัฒนาการต่อเรือเดินทะเล ซึ่งต่อมามีประชากรเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องออกทะเลเพื่อค้าขายแต่พวกนี้ชอบทำตัวเป็นโจรสลัด เที่ยวรุกรานใครต่อใคร ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เรียกชาวเหนือพวกนี้ว่า "Viking" (ชาวนอร์วิเจียนออกเสียงว่า วีคิง) เรือเดินทะเลดั้งเดิม ซึ่งมีความยาว 22 เมตร กลางลำกว้าง 5 เมตร ลึก 1.5 เมตร มีฝีพาย 30-32 คน ตรงกลางมีเสากระโดงสำหรับติดเรือใบ ท้องเรือแบนเหมาะแก่การโต้คลื่น หัวงอน ท้ายงอน ช่วยให้ปราดเปรียว โดยเฉพาะหัวเรือนั้น ทำเป็นหัวงู เนื่องจากมีความเชื่อว่าสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้จะช่วยขจัดความชั่วร้าย
พฤติกรรมเสี่ยงของชาวนอร์เวย์
นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีอากาศหนาว ถึงแม้จะเปลี่ยนเป็นฤดูร้อนแต่ก็ไม่ได้อบอุ่นเหมือนเมืองไทย ชาวนอร์สจึงนิยมทานอาหารที่ทำด้วยเวลาอันน้อยนิด และต้องทำให้ร่างกายนั้นเกิดความอบอุ่น อาหารที่นิยมเป็นกันมากคือพิซซ่า ชีส อาหารกระป๋อง หากเป็นเนื้อ ก็จะเป็นเนื้อปลาแซลมอน และขนมที่นิยมมากคือ ช็อกโกแลต แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ สิ่งที่ชาว นอร์สขาดไม่ได้นั่นก็คือ เบียร์ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในการดื่มของประเทศนี้ อาหารและเครื่องดื่มพวกนี้ ส่งผลเสียต่อร่างกายของชาวนอร์สเป็นอย่างมากหากรับประทานเป็นจำนวนมากและติดต่อกันเป็นเวลานาน
ผลเสียของอาหาร
พิซซ่า: ก็จะมีครีมเทียม เนยแข็ง ไขมันสัตว์ ไขมันปาล์ม เสี่ยงของการเกิดภาวะหลอดเลือดตีบตัน
ชีส: ชีสบางชนิดก็มีไขมันอิ่มตัวค่อนข้างสูงหากเรากินชีสหรือเนยแข็งมากเกินไป ก็จะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง
อาหารกระป๋อง: สารบิสฟีนอลเอ (Bisphenol A: BPA) หากรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสาร BPA อาจก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา เช่น ภาวะบกพร่องทางเพศในผู้ชาย โรคเบาหวาน โรคหัวใจ, แบคทีเรียคลอสติเดียมโบทูลินัม
เนื้อปลาแซลมอน: เป็นหนึ่งในเนื้อสัตว์ที่มีสารพิษตกค้างมากที่สุดเนื่องจากฟาร์มมีการเลี้ยงอย่างแออัด ทำให้ต้องใส่สารเคมีและยาปฏิชีวนะลงในบ่อปริมาณมาก มีสาร polychlorinated biphenyls (PCB) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
ช็อกโกแลต: ทานแล้วอ้วนเพราะมี นมกับน้ำตาลเยอะมาก อาจจะเกิดการเสพย์ติดได้เหมือนกาแฟ ทำให้เกิดฟันอาจจะผุ มีผลกระทบต่อการเป็นเบาหวานและ ประสาทตาเสื่อม
เบียร์: มีส่วนผสมของน้ำตาลและแอลกอฮอล์ทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานได้ไม่ดี ส่งผลให้เส้นเลือดในสมองโป่งพองและแตก เกิดโรคหลอดเลือดในสมองอุดตันและเส้นเลือดในสมองแตกซึ่งเป็นโรคยอดฮิตของผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การดูแลผู้ป่วย
การพยาบาลที่เน้นการให้คุณค่าและการปฏิบัติโดยเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างทางวัฒนธรรมของบุคคลหรือกลุ่ม รวมทั้ง วิเคราะห์พฤติกรรมการดูแลและการให้บริการทางการพยาบาล ค่านิยมเกี่ยวกับความเจ็บป่วย และแบบแผนของพฤติกรรมต่างๆของ คนในเชื้อชาติหรือวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เพื่อให้การตอบสนองที่ สอดคล้องกับความต้องการการดูแลเฉพาะของเชื้อชาติหรือวัฒนธรรมนั้น อย่างเช่นที่ประเทศนอร์เวย์มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาเป็นส่วนมาก ส่วนอากาศจะมี 4 ฤดูในวันเดียว คนนอร์เวย์จึงชินกับอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยเลยไม่ค่อยมีใครเจ็บป่วยง่าย แล้วคนที่นอร์เวย์จะไม่มีการความเชื่ออะไรเยอะเกี่ยวกับการเจ็บป่วยจะเชื่อในการรักษาแบบแพทย์แผนตะวันตกเท่านั้น ไม่มีความเชื่อเรื่องหมอผี ยาสมุนไพรแบบในประเทศไทย ถ้าป่วยคือไปโรงพยาบาลเลย การรักษาพยาบาลที่ประเทศนอร์เวย์ จะรักษาเป็นแบบหมอประจำตัว (คือเคยรักษากับหมอคนไหนก็จะต้องรักษากับหมอคนนั้นเลยจะไม่มีเปลี่ยนเหมือนที่โรงพยาบาลในประเทศไทย) ถ้าปวดหัวหรือป่วยก็ไปหาหมอประจำตัวที่บ้านหมอก่อน ซึ่งคนที่อยู่ที่นอร์เวย์ทุกคนต้องมีหมอประจำตัว แล้วหมอจะดูอาการแล้วค่อยจะส่งตัวเราไปโรงพยาบาล และที่นอร์เวย์ก็ไม่สามารถซื้อยากินเองได้เหมือนที่ประเทศไทยยกเว้นยาพาราเซตามอล
แนวทางในการนำทฤษฎีไปใช้ในการปฏิบัติการพยาบาลโดยใช้กระบวนการพยาบาล
3.การวางแผนการพยาบาล
ให้การพยาบาลผู้ป่วยของประเทศนอร์เวย์ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมมุ่งเน้นให้ผู้ใช้บริการบรรเทาลงหรือหมดความแตกต่างทางวัฒนธรรม
4.การปฏิบัติการพยาบาล เป็นการพยาบาลสอดคล้องกับความเชื่อและวัฒนธรรม
-ทุกคนจะต้องมีแพทย์ประจำตัว ซึ่งหากมีปัญหาสุขภาพจะต้องติดต่อไปที่แพทย์ประจำตัวเพื่อขอรับการรักษาและตรวจวินิจฉัยก่อน
-สถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลให้การรักษาฟรี แต่บางครั้งต้องรอคิวนานมาก บางโรงพยาบาลมีรอคิวนานถึง 4 เดือน ค่าบริการรักษาฟรี แต่ถ้าต้องใช้ยา จะได้รับเอกสารจากโรงพยาบาลให้ไปซื้อยาที่ร้านขายยาเอง
-หากสุขภาพของคุณแม่หรือเด็กไม่มีปัญหาใดๆ พยาบาลผดุงครรภ์จะให้ทำการคลอดแบบธรรมชาติ
-หากมีเหตุฉุกเฉิน อาการขั้นโคม่า สามารถเรียกรถพยาบาลได้ทันที ซึ่งถ้าอาการหนักมากก็จะมีเฮลิคอปเตอร์มารับถึงที่เลย
-ครอบครัวที่มีเด็กแรกคลอด ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ จะมาเยี่ยมเยียนพร้อมทั้งการ์ดอวยพร ซึ่งนิยมให้เสื้อผ้าสำหรับเด็กอ่อน ให้กับเด็กแรกคลอดนั้นด้วย
-เมื่อมีผู้เสียชีวิต คนนอร์เวย์จะก็ลงประกาศผู้เสียชีวิตในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น
2.ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
2.1 ประเทศนอร์เวย์มีสภาพอากาศที่หนาวเป็นเมืองน้ำแข็ง จึงทำให้ประชากรในประเทศนอร์เวย์มีการสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายโดยการใส่เสื้อหนาเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ซึ่งสภาพอากาศหนาวของประเทศนอร์เวย์มีการส่งผลกระทบต่อร่างกาย
2.2การทักทายของประเทศนอร์เวย์ หากมีการจับมือทักทายกัน อาจจะมีการเสี่ยงการติดเชื้อโรคทางการจับมือทักทาย เช่น โรคโควิท-19, วัณโรคต่างๆ
1.การประเมิน
1.การทักทายของคนนอร์เวย์ โดยการจับมือ ซึ่งเป็นการทักทายแบบเป็นทางการ แต่ถ้าทักทายญาติสนิทหรือเพื่อนที่สนิทกันมากๆ ก็อาจใช้การทักทายแบบจับมือหรือชนแก้ม
การที่คู่รักจูบกันในที่สาธารณะเป็นเรื่องธรรมดา
3.คนนอร์เวย์ชอบออกนอกบ้านไปเดินเล่น โดยเฉพาะถ้ามีลูกเล็กๆ จะต้องมีรถเข็น เพื่อพาลูกออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้าน สามารถออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้านได้ทุกฤดูกาล ถ้าหน้าหนาวก็จะแต่งตัวกันนานเลยกว่าจะได้ออกจากบ้านไปเดินเล่น ทั้งเสื้อผ้า ถุงเท้า ถุงเท้า รองเท้า ผ้าพันคอ และหมวก
อากาศของประเทศนอร์เวย์เปลี่ยนแปลงเร็วมาก เช่น ตอนรุ่งเช้ามีหมอก ตอนเช้ามีแสงแดดจ้า พอสายๆ ฝนก็ตกลงมาซะงั้น เวลาฝนตกก็ไม่มีฟ้าร้องหรือฟ้าผ่าแบบบ้านเรา ฝนตกลงมาเป็นเม็ดเล็กๆ สามารถใส่เสื้อคลุมกันฝนเดินออกไปข้างนอกได้สบายๆ โดยเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องฝนตก คือเมือง แบร์เกน
คนนอร์เวย์นิยมอาบน้ำวันละครั้ง หรือบางคนก็สองวันจึงอาบ โดยเฉพาะในฤดูหนาว ซึ่งเสื้อผ้าก็สามารถใส่ได้ 1-2 ครั้ง จึงจะซัก
การดูแลผู้ป่วยข้ามวัฒนธรรม
• ถ้าผู้ป่วยมีอาการป่วยก็ไปหาหมอประจำตัวที่บ้านหมอก่อน ซึ่งคนที่อยู่ที่นี่ทุกคนต้องมีหมอประจำตัว แล้วหมอจะดูอาการแล้วค่อยจะส่งตัวเราไปโรงพยาบาล
• คนนอร์เวย์ส่วนมากนิยมการคลอดธรรมชาติ มากกว่าคลอดแบบผ่าตัด
ประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้ป่วย
ถ้าผู้ป่วยมีอาการป่วยจะไปหาหมอประจำตัวที่บ้านหมอก่อน ซึ่งคนที่อยู่ที่นี่ทุกคนมีหมอประจำตัว หมอจะดูอาการแล้วจะค่อยส่งตัวเราไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล การประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้ป่วยคือ การรักษาดูอาการในขั้นเบื้องต้นก่อนกับแพทย์ประจำตัว หากมีอาการที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาหรือมีการตัดสินใจที่ต้องการรับการรักษาจึงจะส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
คนนอร์เวย์ส่วนมากนิยมการคลอดธรรมชาติ มากกว่าคลอดแบบผ่าตัด การประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้ป่วยคือ หากมีความเสี่ยงที่จะแท้งจากการคลอดธรรมชาติพยาบาลต้องมีการสื่อสารให้คำแนะนำ ผลดีผลเสีย อธิบายถึงการคลอดและการผ่าคลอด หรือให้หมอประจำตัวของผู้ป่วยโน้มน้าว
การรักษาพยาบาลที่นอร์เวย์มีความเท่าเทียมกันทุกคน ทุกคนได้รับสิทธิ์เท่ากันหมด และเชื่อในการรักษาแบบแพทย์แผนตะวันตกเท่านั้น เป็นแบบแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่มีความเชื่อเรื่องหมอผี ยาสมุนไพร และในปีหนึ่งถ้าเราไปโรงพยาบาลแล้วจ่ายครบประมาณ 2,000 โครน แล้ว หลังจากนั้นจะได้รับการรักษาพยาบาลฟรี ยกเว้นการทำฟัน ถ้ารักษาฟันจะต้องจ่ายค่ารักษา ยกเว้นเด็กแรกเกิดถึง 2 ขวบ นอกนั้นต้องจ่ายทุกคน