Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Congestive heart failure, ผู้[ป่วยชายไทย อายุ 57 แพทย์วินิจฉัยว่าเป็น…

- - - - อาการเหนื่อยล้า (Fatigue),ปัสสาวะออก
        น้อย (Oliguria) ,ห้องมาน (Ascites)
        
        ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยล้า (Fatigue),ปัสสาวะออก
        น้อย แต่บ่อยครั้ง
      - การบวมส่วนปลาย ( Peripheral edema)
        
        มีอาการบวมของขาส่วนปลาย กดไม่บุ๋ม
      - หัวใจเต้นเร็ว (Tachycarolia)ม้ามโด
        (Splenomegaly)
      - หลอดเลือดดำที่คอโป้งพอง (Jugular vein distention)
      - ชีพจรเบา (Faint pulses),ตับโต
        ( Hepatomegaly)
        
        ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวคือตับโต
        ( Hepatomegaly)
      - น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น (Weight gain)
    - - การหายใจลำบาก (Dyspnea) , อาการไอ (Cough) ,อาคารผุด
        ลุกผุดนั่ง(Restlessness)
        
        ผู้ป่วยมีอาการไอ และลุกนั่งบ่อย
      - อาการนอนราบไม่ไต้ (Orthopnea)
        
        ผู้ป่วยนอนราบไม่ได้ หายใจหอบเหนื่อย หายใจไม่อิ่ม
      - ฟังปอตได้ยินเสียง Crepitation ,อาคารเขียว (Cyanosis)
      - หัวใจเต้นเร็ว (Tachycarolia) ,ชีพจรเบา (Faint pulses)
        ,อาการเหนื่อยล้ำ (Fatigue)
      - ปัสสาวะออกน้อย (Oliguria) แรงดันปอด แรงดันที่หลอดเลือด
        ฝอยสูงขึ้น (Elevated Pulmonary Capilary Wedge Pressure)
        
        ผู้ป่วยปัสสาวะน้อยแต่บ่อยครั้ง
      - ปอดบวม ( Pulmonary edema)
- - - - Chest x-ray ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจโต
    - - ผู้ป่วยมีภาวะเลือดจาง ความดันโลหิตสูง และ เป็นโรคไต stage 3
- - - - ผู้ป่วย เป็นโรคไต stage 3 และมีผลตรวจ BUN Creatinine ต่ำกว่าปกติ
    - - ผู้ป่วยมีอาการอ่อนแรง สังเกตได้จากผู้ป่วยนอนหลับอยู่บนเตียงตลอดทั้งวัน
- - - - -ให้ O2 cannula 3-5 LPM keep O2>95%
    - - ผู้ป่วยนอนพักอยู่บนเตียง
    - - ให้ Lasix 40 mg 1x2 pc
      - แพทย์สั่งงดอาหารนอกโรงพยาบาล
      - มีการจำกัดน้ำดิ่ม ไม่เกินวันละ1000 cc/วัน
- - - - -ปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก เช่น การออกกำลัง กาย ความเครียด
      - -ลักษณะของการเจ็บหน้าอก เช่น เจ็บแน่นเหมือนถูกทับหรือถูกมัด จุกบริเวณ ใต้ลิ้นปี
      - ตำแหน่งที่เจ็บบอกตำแหน่งได้ไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่มักเกิดที่ใต้
        กระดูกกลางอก
        
        ผู้ป่วยเจ็บแน่นหน้าอก นอนราบไม่ได้
      - -ความรุนแรงมีได้ตั้งแต่อาการไม่มากจนถึงรุนแรง
      - -การเจ็บร้าว มีการเจ็บร้าวชาไปที่บริเวณแขนซ้ายมากกว่าแขนขวาทางด้านนิ้วก้อย
        -ระยะเวลาการเจ็บประมาณ 10-30 นาที
    - - Chest x-ray
        
        Chest x-ray พบภาวะหัวใจโต และมีเลือดคั่งในปอดและปอดอักเสบด้านล่างขวา
      - Echocardiograpy
        
        ไม่มีการตรววจ
    - - ความดันโลหิตสูง
      - คลำเช่น คลำมาม คลำตับ การวินิฉัยจะคลำพบม้ามโต ดับโต กด
        เจ็บ, บวมส่วนปลาย
      - -ดู เช่น ลักษณะการหายใจ หายใจเร็วขึ้น ชีพจรเต้นเร็ว เหงื่อ
        ออกตัวเย็น
        
        ลักษณะการหายใจตื้น มีอาการเหนื่อยหอบ
      - -ฟังเสียงหัวใจได้ยินเสียงฟู่
    - - การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ สามารถทราบผลได้ทันที
        
        ผลการตรวจ EKGไม่พบความผิดปกติ
      - การตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจ (Coronary angiography) โดยการสอดสายสวนเข้าไปที่หลอดเลือดหัวใจและฉีดสารที่ทึบแสงเพื่อประเมินสภาพการตีบหรืออุดตันและตำแหน่งการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ
      - -การตรวจเลือดหาค่า Cardiac toponine T พบมีค่ามากกว่า 0.1 ng/mL,Toponine พบมีค่ามากกว่า 2.0 ng/mL และ CK-MB พบมีค่าสูงมากกว่า 6 % หรือ 2 เท่าของค่า
      - -การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ
- - - - เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างขวา ไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปฟอกที่ปอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมักเกิดจากแรงดันในหลอดเลือดฝอยที่ปอดสูงขึ้นและกล้ามเนื้อหัวใจล่างขวาตาย
      - ส่งผลให้ความดันในหัวใจห้องล่างขวาเพิ่มขึ้นและจะมีผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือดดำทั่วร่างกาย เนื่องจากมีภาวะน้ำคั่ง
        
        ผู้ป่วยมีภาวะ Pulmonary Congestion
      - เมื่อหัวใจห้องล่างขวาบีบตัวลดลงทำให้ปริมาณเลือดค้างในหัวใจห้องล่างขวามากขึ้น
        
        ผู้ป่วยมีภาวะ Cardiomegaly
      - ทำให้ผู้ป่วยมีอาการบวม ดับและม้ามโต ลำไส้บวมจนมีอาการจุกแน่นใต้ชายโครง มีอาการเบื่ออาหาร ท้องมาน หลอดเลือดดำที่คอ โป่งพอง และปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
        
        ผู้ป่วยปัสสาวะน้อยแต่บ่อยครั้ง มีการบวม กดไม่บุ๋มบริเวณขาส่วนปลาย
    - - เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้ายบีบตัวลดลงทำให้เนื้อเยื่อของร่างกายได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ
      - เมื่อหัวใจห้องล่างซ้ายบีบตัวลดลง ทำให้ปริมาตรเลือกที่ออกจากหัวใจลดลง
      - ส่งผลให้เลือดเหลือค้างในหัวใจห้องล่างซ้ายมากขึ้น ความดันเลือดใน
        หัวใจห้องล่างซ้ายจึงสูงขึ้น
      - หัวใจห้องบนซ้ายจึงบีบเลือดส่งมายังหัวใจห้องล่างซ้ายน้อยลง ปริมาตรเลือดและความตันเลือดในหัวใจห้องบนซ้ายจึงสูงขึ้นเรื่อยๆ
      - เลือดจากปอดที่ฟอกแล้วไหลข้าสู่หัวใจห้องบนซ้ายได้น้อยลงเป็นผลทำให้ความดันในหลอกเลือดฝอยที่สูงขึ้นทำให้ของเหลวออกจากหลอดเลือดฝอยที่ปอดเข้าสู่ถุงลมทำให้ผู้ป่วยมีภาวะน้ำท่วมปอด หอบเหนื่อย ไอ และเขียว
        
        ผู้ป่วยมีอาการไอ หายใจเหนื่อยหอบ