Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การรับผู้ป่วยใหม่และการจำหน่ายผู้ป่วย ออกจากโรงพยาบาล - Coggle Diagram
การรับผู้ป่วยใหม่และการจำหน่ายผู้ป่วย
ออกจากโรงพยาบาล
ชนิดของการรับผู้ป่วยใหม่
ผู้ป่วยใน (Inpatient)
ระยะเวลาของการนอนพักรักษาในโรงพยาบาลมากกว่า 24 ชั่วโมง
1) วางแผนเป็นผู้ป่วยในหรือกรณีไม่เร่งด่วน (Planned or Non-urgent) เป็นการรับแบบที่มีการจัดตารางนอนผู้ป่วยไว้ล่วงหน้า เช่น ผู้ป่วยที่นัดมาทำการผ่าตัด
2) การรับแบบฉุกเฉิน (Emergency admission) เป็นการนอนพักรักษา ในโรงพยาบาลแบบไม่ได้วางแผนไว้ รักษาที่แผนกฉุกเฉินก่อนจนอาการคงที่จึงย้ายไปนอนพักรักษาตัว ที่หอผู้ป่วย
3) การรับโดยตรง (Direct admission) เป็นการนอนพักรักษาในโรงพยาบาลแบบไม่ได้ วางแผนไว้ ไม่ได้ตรวจที่แผนกฉุกเฉิน อาจตรวจที่แผนกตรวจผู้ป่วยนอก และรับเข้าพักที่หอผู้ป่วยโดยตรง เช่น ผู้ป่วยที่มีไข้สูงเป็นเวลานาน
ผู้ป่วยนอก (Outpatient)
ระยะเวลาของการอยู่ในโรงพยาบาลน้อยกว่า 24 ชั่วโมง
หลักการส่งเสริมการปรับตัวของผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาล
การอธิบาย และแนะนำถึงข้อปฏิบัติตัวต่างๆ ที่ผู้ป่วยต้องการทราบ และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อตัวผู้ป่วย เช่น ระเบียบเวลาเยี่ยม การใช้กริ่งเมื่อต้องการความช่วยเหลือ
ความกังวลต่อความเจ็บป่วย พยาบาลช่วยลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยได้โดยบอกให้ ผู้ป่วยทราบถึงโรคที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ การพยากรณ์โรค และการรักษา ขณะอยู่ต่อหน้าผู้ป่วย ไม่ควรพูดศัพท์ทางการแพทย์หรือภาษาอังกฤษที่ผู้ป่วยไม่เข้าใจ เพราะจะทำให้ผู้ป่วยยิ่งกังวลมากขึ้น
3 . ประสบการณ์ในอดีตมีความสาคัญต่อการแสดงออกของผู้ป่วย พยาบาลควรจะพูดคุย กับผู้ป่วยโดยการซักถามถึงประสบการณ์ในอดีตในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่ต่างๆ ของโรงพยาบาล จะทำให้ทราบทัศนคติมาใช้ในการวางแผนการให้การพยาบาลต่อไปได้ดียิ่งขึ้น
การคำนึงถึงความเป็นบุคคลของผู้ป่วย พยาบาลจะต้องให้เกียรติผู้ป่วยตามการเรียกผู้ป่วยควรเรียกชื่อ และมีคำนำหน้านามที่เหมาะสม จะต้องบอกให้ผู้ป่วยทราบ ทุกครั้งเมื่อจะให้การพยาบาล หากเป็นไปได้ควรให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการวางแผนการพยาบาลของตน
ความเชื่อและพฤติกรรมต่างๆ หากผู้ป่วยมีความเชื่อที่แปลกไปแต่ไม่ทำให้เกิดอันตราย พยาบาลควรยอมรับไม่แสดงความดูถูก หรือหัวเราะเยาะ ควรให้ความเคารพในสิทธิส่วนบุคคลของผู้ป่วย
การวางแผนให้การพยาบาล โดยวางแผนการพยาบาลตั้งแต่ผู้ป่วยเริ่มเข้ามาอยู่ในโรงพยาบาล แผนการพยาบาลจะเปลี่ยนแปลง เมื่ออาการหรือปัญหาของผู้ป่วยเปลี่ยน จะมีประสิทธิภาพหากผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการวางแผนด้วย
วัตถุประสงค์และขั้นตอนการรับผู้ป่วยใหม่
วัตถุประสงค์
1) ผู้ป่วยและญาติมีความรู้และปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงพยาบาล ได้อย่างถูกต้อง
2) ผู้ป่วยมีเครื่องใช้ที่จำเป็นในการรักษาพยาบาลเหมาะสมครบถ้วน
3) ผู้ป่วยได้รับการประเมินปัญหาและความต้องการทางร่างกาย และจิตสังคม
4) ผู้ป่วยและญาติคลายความวิตกกังวล เต็มใจและให้ความร่วมมือใน การรักษาพยาบาล
5) ผู้ป่วยมีความปลอดภัยและสุขสบายเพิ่มขึ้น
6) ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง เหมาะสมกับสภาพความเจ็บป่วย
การเตรียมอุปกรณ์
1) เตรียมเตียงหรือห้องพักผู้ป่วยให้พร้อมเพื่อต้อนรับการพักรักษาตัวของผู้ป่วย
2) เอกสารรายงานการรับผู้ป่วยใหม่หรือแบบบันทึกต่างๆ
แบบตรวจสอบการเข้าพักรักษาในโรงพยาบาล
แบบบันทึกต่าง ๆ สำหรับจัดทำแฟ้มผู้ป่วย
แบบบันทึกคาร์เดกซ์ (Nursing kardex)
3) อุปกรณ์ที่จาเป็นตามความเหมาะสมสาหรับผู้ป่วยแต่ละราย เช่น เสื้อผ้าชุดโรงพยาบาล
4) เครื่องมือตรวจสัญญาณชีพ น้ำหนักและส่วนสูง
5) สมุดบันทึกการรับใหม่
6) เครื่องใช้ส่วนตัว
ขั้นตอนการรับผู้ป่วยใหม่
1) เตรียมสิ่งแวดล้อมเพื่อรับผู้ป่วยใหม่โดยเตรียมอุปกรณ์อื่นๆที่จำเป็นสาหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
2) สร้างสัมพันธภาพ ให้การต้อนรับผู้ป่วยและญาติด้วยถ้อยคำกิริยาท่าทางที่เป็นมิตร สุภาพอ่อนโยน
3) ตรวจสอบชื่อ นามสกุลของผู้ป่วยให้ตรงกับเจ้าหน้าที่แผนกผู้ป่วยนอกที่แจ้งมา
4) ชั่งน้าหนัก และวัดส่วนสูง ตามสภาพอาการของผู้ป่วย
ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว หรือไม่สามารถยืนได้ ไม่ต้องชั่งน้าหนักและวัดส่วนสูง
5) นำผู้ป่วยไปที่เตียง แนะนำให้รู้จักผู้ป่วยอื่นที่อยู่ร่วมห้อง และให้นอนพักสักครู่
6) วัดสัญญาณชีพ เพื่อเป็นการประเมินสภาพแรกรับไว้เป็นข้อมูลพื้นฐาน
7) อธิบายกิจกรรมการรักษาพยาบาลที่จะให้ผู้ป่วย
8) ให้ผู้ป่วยหรือญาติที่มีสิทธิตามกฎหมายเซ็นอนุญาตหรือยินยอม เข้ารับการตรวจรักษา แล้วแต่กรณี และให้พยาบาลเซ็นชื่อเป็นพยาน โดยใช้คำพูดที่เข้าใจง่ายเกี่ยวกับโรค ที่เป็น และการรักษาที่จะได้รับ
9) เก็บรวบรวมข้อมูลผู้ป่วย โดยการสัมภาษณ์ผู้ป่วยและญาติ การตรวจร่างกาย การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
10) ให้ความช่วยเหลือในการอาบน้ำแรกรับเข้ารักษาในโรงพยาบาล เปลี่ยนใช้เสื้อผ้าของโรงพยาบาล พร้อมทั้งสังเกตอาการทั่วไปของผู้ป่วย
12) นาป้ายข้อมือติดที่ข้อมือผู้ป่วย ติดป้ายหน้าเตียง และป้ายแจ้งข้อที่ควรปฏิบัติ กับผู้ป่วย
13) แจ้งแพทย์เจ้าของผู้ป่วยหรือแพทย์ประจาหอผู้ป่วยรับทราบการเข้ารับการรักษา ในโรงพยาบาลของผู้ป่วย
14) ลงทะเบียนรับผู้ป่วยใหม่ จัดทาแฟ้มประวัติ (Chart) ตรวจรับแผนการรักษา
สาเหตุและอุปกรณ์การจำหน่ายผู้ป่วย
ประเภทการจำหน่ายผู้ป่วย
1) การจำหน่ายผู้ป่วยเมื่อมีอาการทุเลาลงจากภาวะที่อันตราย
ซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตจากแพทย์จึงจะจำหน่ายได้
2) การจำหน่ายโดยไม่สมัครอยู่ พยาบาลจะต้องอธิบายให้ผู้ป่วยและญาติทราบว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับผู้ป่วย แพทย์จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น และต้องเซ็นชื่อเป็นหลักฐาน
3) การจำหน่ายเนื่องจากผู้ป่วยหนีกลับ พยาบาลต้องบันทึกไว้เป็นหลักฐานในฟอร์มใบบันทึกทางการพยาบาล และแจ้งเหตุที่จำหน่าย เพื่อป้องกันความผิดพลาด
4) การจำหน่าย เนื่องจากผู้ป่วยถึงแก่กรรม
5) การจำหน่ายผู้ป่วยเนื่องจากมีการส่งต่อให้ไปรับการดูแลรักษายังสถานบริการสุขภาพอื่น
วัตถุประสงค์
1) เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้องเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
2) เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง
3) เพื่อให้ผู้ถึงแก่กรรมได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามขนบธรรมเนียม และความเชื่อ
4) เพื่อให้ผู้ถึงแก่กรรมมีร่างกายสะอาด อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
5) เพื่อได้รับการปฏิบัติที่ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย
ขั้นตอนจำหน่ายผู้ป่วย
1)กรณีแพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน
(1) ตรวจสอบแผนการรักษาของแพทย์ เกี่ยวกับการจำหน่ายผู้ป่วย
(2) แจ้งผู้ป่วยและญาติให้ทราบ พร้อมทั้งแจ้งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
(3) ให้ญาติผู้ป่วยไปซื้อยาตามใบสั่งยา
(4) แนะนำผู้ป่วยให้สอดคล้องกับสภาพความเจ็บป่วยทั้งด้านร่างกาย เช่น การรับประทานอาหาร การรับประทานยา
(5) ให้ใบนัด พร้อมบัตรประจำตัวของผู้ป่วย พร้อมทั้งให้คำแนะนำในเรื่อง ความสาคัญของการมาตรวจตามนัด รายละเอียดของการนัด การเตรียมตัวในการมาตรวจตามนัด
(6) นาเสื้อผ้าและของมีค่าคืนให้ผู้ป่วยพร้อมทั้งช่วยแต่งกายให้เรียบร้อย
(9) เก็บอุปกรณ์ ทาความสะอาด เพื่อรอรับผู้ป่วยใหม่ต่อไป
(7) เตรียมล้อเข็น หรือเปลนอนในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยตามความเหมาะสม
(8) ลงสมุดจาหน่ายผู้ป่วย ลบรายชื่อออกจากกระดานรายชื่อ
2) กรณีผู้ป่วยถึงแก่กรรม
(1) ใช้มือลูบหนังตาผู้ป่วยให้ปิดลงเมื่อแพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตแล้ว ถอดอุปกรณ์ทุกชนิดในการรักษาออก อาบน้ำใส่เสื้อผ้าให้ ถ้ามีแผลเปลี่ยนผ้าปิดแผลให้ใหม่ ถ้ามีของเหลวจากจมูก หู ใช้สาลีอุดไว้ ถ้าออกจากช่องคลอดหรือทวารหนักให้ใช้ผ้าอนามัยหรือผ้าอ้อม สาเร็จรูปห่อไว้เหมือนกับผู้ป่วยยังมีชีวิตอยู่
(2) จัดท่าให้เร็วที่สุด คล้ายผู้ป่วยนอนหลับ
(3) ใส่อวัยวะปลอม (ถ้ามี) ถ้าปากหุบไม่สนิทใช้ผ้าสามเหลี่ยมยึดคางไว้
(4) ผูกบัตรแข็งประจำตัวของโรงพยาบาลไว้ที่ข้อมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่ง ผูกบัตรติดข้อมือศพที่เขียนไว้เรียบร้อย ห่มผ้าคลุมหน้าอกเหมือนคนมีชีวิต และเก็บเครื่องใช้ให้เรียบร้อย
(5) ภายหลังศพอยู่ในหอผู้ป่วยอย่างน้อย 2 ชั่วโมงตามเจ้าหน้าที่มารับศพ ตรวจความเรียบร้อย และเคลื่อนย้ายโดยปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้ป่วยทั่วไป
(6) รวบรวมรายงานลงสมุดจำหน่าย
บทบาทพยาบาลในการวางแผนจำหน่ายผู้ป่วยตามรูปแบบ D-M-E-T-H-O-D
วางแผนการจำหน่ายแบบ D-METHOD
D = Diagnosis ให้ความรู้เรื่องโรคที่เป็นอยู่
M = Medication ให้ความรู้เกี่ยวกับยาที่ต้องรับประทานอย่างต่อเนื่องที่บ้าน
E = Environment & Economic กระตุ้นให้ผู้ป่วย/ ครอบครัว
เห็นความสาคัญ ของการใช้สถานบริการสุขภาพในชุมชน
T = Treatment แนะนาผู้ป่วย/ ผู้ดูแล ให้เข้าใจเป้าหมายการรักษา
H = Health ให้ความรู้เกี่ยวกับข้อจำกัดในการทำกิจกรรมให้เหมาะสมกับภาวะสุขภาพ
O = Outpatient referral ชี้แจงให้ผู้ป่วย/ ผู้ดูแล ตระหนักและเข้าใจถึง ความสาคัญของการมาตรวจตามนัด
D = Diet ให้ความรู้เรื่องอาหารเฉพาะโรค
ข้อบ่งชี้และการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาภายหลังผู้ป่วยถึงแก่กรรม
Algor mortis
อุณหภูมิของร่างกายลดลง 1◦C ต่อชั่วโมงจนเท่าอุณหภูมิห้อง
เนื่องจากการไหลเวียนเลือดหยุด และ Hypothalamus หยุดทำงาน
Livor mortis
เมื่อการไหลเวียนเลือดหยุด ผิวหนังจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ
Rigor mortis
คือ การแข็งทื่อของร่างกายหลังเสียชีวิต ประมาณ 2-4 ชั่วโมง เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อโครงกระดูก และกล้ามเนื้อเรียบ
การพยาบาลภายหลังผู้ป่วยถึงแก่กรรม ตามประเพณี และศาสนาของผู้ป่วย
การพยาบาลภายหลังถึงแก่กรรม
การแต่งศพ
หมายถึง การดูแลศพให้เรียบร้อยพร้อมเคลื่อนย้ายไปยังห้องศพ
วัตถุประสงค์ของการแต่งศพ มีดังนี้
(1) เตรียมศพให้สะอาด เรียบร้อยพร้อมย้ายไปยังห้องศพ
(2) ดูแลจัดการตามข้อกฎหมาย กฎระเบียบของโรงพยาบาลและ ขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมเชื้อชาติ ศาสนาของผู้ตาย
(3) ดูแลจัดเก็บของใช้ ของต้องทิ้งหรือทาลายได้ถูกต้อง
(4) ประสานงานหน่วยงานหรือบุคลากรที่เกี่ยวข้องได้ถูกต้อง
(5) เขียนบันทึกรายงานที่เกี่ยวข้องได้ถูกต้อง
การพยาบาลภายหลังผู้ป่วยถึงแก่กรรมตามประเพณี
และศาสนาของผู้ป่วย
พิธีอาบน้ำศพเป็นการทำให้ร่างกายสะอาดและแต่งตัวให้สมฐานะของผู้ตาย ซึ่งประเพณีไทยใช้วิธีการรดน้าศพเป็นการขอขมา
ศาสนาอิสลาม ใช้น้ำผสมการบูรหรือใบพุทราอาบน้ำให้ศพ และใช้ผ้ากะพันแทนการสวมเสื้อผ้า ให้ปฏิบัติต่อศพอย่างนุ่มนวลเปรียบเสมือนยังมีชีวิต
ในส่วนของคนจีนใช้น้ำผสมธูป ยอดทับทิมและใบเซียงเช่า เช็ดตัวศพเพื่อให้วิญญาณ ขึ้นสู่สวรรค์ และสวมเสื้อผ้าสวยงามพร้อมทั้งหมวกและรองเท้าให้กับผู้ตาย
หลักปฏิบัติทางกฎหมายและระเบียบของโรงพยาบาล
1) นาหลักฐานต่างๆ เช่น บัตรประชาชนของผู้ตาย
มายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ในหอผู้ป่วย
2) นำใบรายงานของแพทย์ไปแจ้งเทศบาลหรือที่ว่าการเขตท้องถิ่นภายใน 24 ชั่วโมง และขอใบมรณะบัตร
3) นำใบมรณะบัตรไปแจ้งที่วัดเพื่อเผาศพ
4) ในกรณีขอเคลื่อนย้ายศพออกจากเขตหรือข้ามจังหวัด
ให้นำใบมรณะบัตรไป แจ้งเทศบาลหรือที่ว่าการเขต
5) ผู้ตายไม่สามารถทำนิติกรรมใด ๆ ได้อีกต่อไป