Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การรับผู้ป่วยใหม่และการจำหน่ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล - Coggle Diagram
การรับผู้ป่วยใหม่และการจำหน่ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล
4 สาเหตุและอุปกรณ์การจำหน่ายผู้ป่วย
2การจำหน่ายผู้ป่วยมีวัตถุประสงค์
3)เพื่อให้ผู้ถึงแก่กรรมได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามขนบธรรมเนียม และความเชื่อทางศาสนา
4)เพื่อให้ผู้ถึงแก่กรรมมีร่างกายสะอาด อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สงบเรียบร้อย
2)เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง
5)เพื่อได้รับการปฏิบัติที่ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย
1)เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้องเมื่อกลับไปอยู่บ้าน
3อุปกรณ์ในการจำหน่ายผู้ป่วย
4)บัตรประจำตัวของโรงพยาบาล
5)ใบนัด
3)เสื้อผ้าผู้ป่วย
6)ใบสั่งยา
2)สมุดจำหน่ายผู้ป่วย
7)กรณีถึงแก่กรรมให้เตรียมเครื่องใช้ในการอาบน้ าส าลี ก๊อซบัตรติดข้อมือศพด้วย
1)รายงานผู้ป่วยทั้งหมด
1 ประเภทการจำหน่ายผู้ป่วยแบ่งออกเป็น 5ประเภท
3)การจำหน่ายเนื่องจากผู้ป่วยหนีกลับ
4)การจำหน่ายเนื่องจากผู้ป่วยถึงแก่กรรม
2)การจ าหน่ายโดย ไม่สมัครอยู่พยาบาลจะต้องอธิบายให้ผู้ป่วยและญาติทราบว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับผู้ป่วย แพทย์จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
5)การจำหน่ายผู้ป่วยเนื่องจากมีการส่งต่อให้ไปรับการดูแลรักษายังสถานบริการสุขภาพอื่น
1)การจำหน่ายผู้ป่วยเมื่อมีอาการทุเลาลงจากภาวะที่อันตราย ฟื้นหายจากโรค ซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตจากแพทย์ผู้ทำการรักษาเป็นลายลักษณ์อักษรจึงจะจำหน่ายได้
4ขั้นตอนจำหน่ายผู้ป่วย
1)การจำหน่ายผู้ป่วยกรณีแพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน
(4)แนะน าผู้ป่วยให้สอดคล้องกับสภาพความเจ็บป่วยทั้งด้านร่างกาย
(5)ให้ใบนัด พร้อมบัตรประจำตัวของผู้ป่วยพร้อมทั้งให้คำแนะนำในเรื่องความสำคัญของการมาตรวจตามนัด
(3)ให้ญาติผู้ป่วยไปซื้อยาตามใบสั่งยา
(6)นำเสื้อผ้าและของมีค่าคืนให้ผู้ป่วยพร้อมทั้งช่วยแต่งกายให้เรียบร้อย
(2)แจ้งผู้ป่วยและญาติให้ทราบ พร้อมทั้งแจ้งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
(7)เตรียมล้อเข็น หรือเปลนอนในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยตามความเหมาะสม
(8)ลงสมุดจำหน่ายผู้ป่วย ลบรายชื่อออกจากกระดานรายชื่อ
(9)เก็บอุปกรณ์ ทำความสะอาด เพื่อรอรับผู้ป่วยใหม่ต่อไป
(1)ตรวจสอบแผนการรักษาของแพทย์
2)การจำหน่ายผู้ป่วยเมื่อถึงแก่กรรม
(3)ใส่อวัยวะปลอม (ถ้ามี)
(4)ผูกบัตรแข็งประจำตัวของโรงพยาบาลไว้ที่ข้อมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งผูกบัตรติดข้อมือศพที่เขียนไว้เรียบร้อย
(2)จัดท่าให้เร็วที่สุด โดยให้นอนหงาย จัดแขน ขาให้ตรงอยู่ในท่าที่สบายคล้ายผู้ป่วยนอนหลับ หนุนศีรษะเพียงเล็กน้อย
(5)ภายหลังศพอยู่ในหอผู้ป่วยอย่างน้อย 2 ชั่วโมงตามเจ้าหน้าที่มารับศพ ตรวจความเรียบร้อย และเคลื่อนย้ายโดยปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้ป่วยทั่วไป
(1)ใช้มือลูบหนังตาผู้ป่วยให้ปิดลงเมื่อแพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตแล้ว
(6)รวบรวมรายงานลงสมุดจำหน่าย
2 หลักการส่งเสริมการปรับตัวของผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาล
3 ประสบการณ์ในอดีตมีความส าคัญต่อการแสดงออกของผู้ป่วย
4 การค านึงถึงความเป็นบุคคลของผู้ป่วย พยาบาลจะต้องให้เกียรติผู้ป่วยตามความเหมาะสม
2 ความกังวลต่อความเจ็บป่วย
5 ความเชื่อและพฤติกรรมต่างๆ เป็นของผู้ป่วย
1 ความแปลกใหม่ต่อสถานที่สิ่งแวดล้อมบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ต่างๆ ของโรงพยาบาล และการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน
6 การวางแผนให้การพยาบาลโดยอาศัยข้อมูลที่ได้จากการสังเกตและการซักถามต่างๆ โดยวางแผนการพยาบาลตั้งแต่ผู้ป่วยเริ่มเข้ามาอยู่ในโรงพยาบาล
6 ข้อบ่งชี้และการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาภายหลังผู้ป่วยถึงแก่กรรม
2 Livor mortis เมื่อการไหลเวียนเลือดหยุด ผิวหนังจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำๆ (Bluish purple) ตามบริเวณส่วนล่างของร่างกาย
3 Rigor mortisคือการแข็งทื่อของร่างกายหลังเสียชีวิต ประมาณ 2-4 ชั่วโมง เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อโครงกระดูก และกล้ามเนื้อเรียบ เพื่อป้องกันศพผิดรูปร่าง
1 Algor mortis อุณหภูมิของร่างกายลดลง 1◦C(1.8◦F) ต่อชั่วโมงจนเท่าอุณหภูมิห้อง เนื่องจากการไหลเวียนเลือดหยุด และ Hypothalamus หยุดทำงาน
7 การพยาบาลภายหลังผู้ป่วยถึงแก่กรรมตามประเพณี และศาสนาของผู้ป่วย
3 หลักปฏิบัติทางกฎหมายและระเบียบของโรงพยาบาล
3)นำใบมรณะบัตรไปแจ้งที่วัดเพื่อเผาศพ
4)ในกรณีขอเคลื่อนย้ายศพออกจากเขตหรือข้ามจังหวัด ให้นำใบมรณะบัตรไปแจ้งเทศบาลหรือที่ว่าการเขต
2)น าใบรายงานของแพทย์ไปแจ้งเทศบาลหรือที่ว่าการเขตท้องถิ่นที่ที่บ้านตั้งอยู่เพื่อแก้ไขทะเบียนบ้านภายใน 24 ชั่วโมง และขอใบมรณะบัตร
5)ผู้ตายไม่สามารถท านิติกรรมใดๆ ได้อีกต่อไป
1)นำหลักฐานต่างๆ เช่น บัตรประชาชน บัตรข้าราชการ สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ตายเป็นต้น มายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ในหอผู้ป่วย
2 การพยาบาลภายหลังผู้ป่วยถึงแก่กรรมตามประเพณี และศาสนาของผู้ป่วย
การปฏิบัติตามหลักศาสนาและประเพณีภายหลังถึงแก่กรรม
1 การพยาบาลภายหลังถึงแก่กรรม
2) วัตถุประสงค์ของการแต่งศพ
(3) ดูแลจัดเก็บของใช้ ของต้องทิ้งหรือทำลายได้ถูกต้อง
(4) ประสานงานหน่วยงานหรือบุคลากรที่เกี่ยวข้องได้ถูกต้อง
(2) ดูแลจัดการตามข้อกฎหมาย กฎระเบียบของโรงพยาบาลและขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมเชื้อชาติ ศาสนาของผู้ตาย
(5) เขียนบันทึกรายงานที่เกี่ยวข้องได้ถูกต้อง
(1) เตรียมศพให้สะอาด เรียบร้อยพร้อมย้ายไปยังห้องศพ
3) ขั้นตอนการแต่งศพ
(2) ล้างมือก่อนจัดเตรียมของใช้
(1) อธิบายให้ญาติผู้ป่วยเข้าใจเมื่อผู้ป่วยเสียชีวิต
(3) เตรียมอุปกรณ์
(4) จัดสถานที่และสิ่งแวดล้อมกั้นม่าน/ฉากให้เรียบร้อยไขเตียงราบเอาของใช้ต่างๆบนเตียงเก็บให้เรียบร้อย
(5) เก็บอุปกรณ์การรักษาพยาบาลทุกชนิดออกจากศพ ของบางอย่างที่ไม่ใช้นำออกไปแช่น้ำยา เตรียมล้างทำความสะอาด หรือส่งซักให้ถูกต้อง
(6) สวมถุงมือ
(7) ถ้ามีฟันปลอม ตาปลอมต้องรีบใส่เพราะหากใส่ช้านานเกินกว่า 2 ชั่วโมง ขากรรไกร คอคางจะแข็งจะใส่ฟันปลอมยาก การฟันปลอมให้โดยเร็ว ช่วยให้ส่วนคางคงรูปเหมือนเดิม
(8) ถ้ามีแผลต้องตกแต่งแผลให้เรียบร้อย
(9) จัดศพให้นอนหงายดูคล้ายคนนอนหลับ และควรจัดแขนขาให้เหยียดตรงโดยเร็วหากจัดแขนขานานกว่า2 ชั่วโมง กล้ามเนื้อบางส่วนจะเริ่มแข็ง
(10) ปิดปากและตาทั้ง2 ข้างให้สนิท
(11) ใช้สำลีหรือก๊อซอุดอวัยวะต่างๆ ที่มีน้ำคัดหลั่งหรือเลือดไหลออกมา
(12) เช็ดตัวให้สะอาด ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่
(13) ผูกป้ายชื่อที่ข้อมือ
(14) คลุมผ้าจากปลายเท้าถึงระดับไหล่ เก็บของใช้ต่างๆของผู้ป่วยส่งคืนให้แก่ญาติ
(15) ถอดถุงมือ ล้างมือให้สะอาด เช็ดให้แห้ง
(16) ให้ศพอยู่ในหอผู้ป่วยประมาณ 2 ชั่วโมง จึงเคลื่อนย้ายศพไปห้องเก็บศพ พร้อมใบส่งศพ
(17) ข้อควรค านึงในการแต่งศพควรพิจารณาร่วมกับญาติผู้ป่วย เช็ดร่างกายให้สะอาด เปลี่ยนผ้าใหม่ตามประเพณีของญาติ
1) การแต่งศพ หมายถึง การดูแลศพให้เรียบร้อยพร้อมเคลื่อนย้ายไปยังห้องศพ การแต่งศพจะต้องค านึงถึงขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมของผู้ตาย
1ชนิดของการรับผู้ป่วยใหม่
1.1ผู้ป่วยใน(Inpatient)ระยะเวลาของการนอนพักรักษาในโรงพยาบาลมากกว่า 24ชั่วโมง
2)การรับแบบฉุกเฉิน
3) การรับโดยตรง
1)วางแผนเป็นผู้ป่วยในหรือกรณีไม่เร่งด่วน
2 ผู้ป่วยนอก(Outpatient)ระยะเวลาของการอยู่ในโรงพยาบาลน้อยกว่า 24ชั่วโมง
3 วัตถุประสงค์และขั้นตอนการรับผู้ป่วยใหม่
1 วัตถุประสงค์
2)ผู้ป่วยมีเครื่องใช้ที่จำเป็นในการรักษาพยาบาล เหมาะสม ครบถ้วน
3)ผู้ป่วยได้รับการประเมินปัญหาและความต้องการทางร่างกาย และจิตสังคมได้ถูกต้อง
1)ผู้ป่วยและญาติมีความรู้และปฏิบัติตามกฎระเบียบและกิจวัตรของโรงพยาบาลได้อย่างถูกต้อง
4)ผู้ป่วยและญาติคลายความวิตกกังวล เต็มใจและให้ความร่วมมือในการรักษาพยาบาล
5)ผู้ป่วยมีความปลอดภัยและสุขสบายเพิ่มขึ้น
6)ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง เหมาะสมกับสภาพความเจ็บป่วย
2 การเตรียมอุปกรณ์
3)อุปกรณ์ที่จำเป็นตามความเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย
4)เครื่องมือตรวจสัญญาณชีพ น้ำหนักและส่วนสูง
2)เอกสารรายงานการรับผู้ป่วยใหม่หรือแบบบันทึกต่างๆ
(1)แบบตรวจสอบการเข้าพักรักษาในโรงพยาบาล
(2)แบบบันทึกต่างๆ สำหรับจัดทำแฟ้มผู้ป่วย
(3)แบบบันทึกคาร์เดกซ์
5)สมุดบันทึกการรับใหม่
1)เตรียมเตียงหรือห้องพักผู้ป่วยให้พร้อมเพื่อต้อนรับการพักรักษาตัวของ
ผู้ป่วย
6)เครื่องใช้ส่วนตัว บางโรงพยาบาลอาจมีเตรียมไว้ให้สำหรับผู้ป่วย กรณีไม่มีให้อาจแจ้งให้ผู้ป่วยหรือญาติเตรียมมาให้พร้อม
3 ขั้นตอนการรับผู้ป่วยใหม่
5)นำผู้ป่วยไปที่เตียง แนะนำให้รู้จักผู้ป่วยอื่นที่อยู่ร่วมห้อง และให้นอนพักสักครู่
6)วัดอุณหภูมิ ชีพจร การหายใจ และความดันโลหิตเพื่อเป็นการประเมินสภาพแรกรับไว้เป็นข้อมูลพื้นฐาน
4)ชั่งน้ำหนัก และวัดส่วนสูง ตามสภาพอาการของผู้ป่วย
ฐาน7)อธิบายกิจกรรมการรักษาพยาบาลที่จะให้ผู้ป่วย และให้คำแนะนำ
3)ตรวจสอบชื่อ นามสกุลของผู้ป่วย การลงทะเบียนรับเป็นผู้ป่วยใน และลายเซ็นรับผู้ป่วยของแพทย์จากบัตรตรวจโรคของโรงพยาบาลให้ตรงกับเจ้าหน้าที่แผนกผู้ป่วยนอกที่แจ้งมา
8)ให้ผู้ป่วยหรือญาติที่มีสิทธิตามกฎหมายเซ็นอนุญาตหรือยินยอม เข้ารับการตรวจ รักษา
2)สร้างสัมพันธภาพ ให้การต้อนรับผู้ป่วยและญาติ
9)เก็บรวบรวมข้อมูลผู้ป่วย โดยการสัมภาษณ์ผู้ป่วยและญาติ การตรวจร่างกาย การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
1)เตรียมสิ่งแวดล้อมเพื่อรับผู้ป่วยใหม่
10)ให้ความช่วยเหลือหรือให้ค าแนะน าในการอาบน้ าแรกรับเข้ารักษาในโรงพยาบาล เปลี่ยนใช้เสื้อผ้าของโรงพยาบาล
14)ลงทะเบียนรับผู้ป่วยใหม่ จัดทำแฟ้มประวัติ (Chart)ตรวจรับแผนการรักษา
13)แจ้งแพทย์เจ้าของผู้ป่วยหรือแพทย์ประจำหอผู้ป่วยรับทราบการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของผู้ป่วย ถ้ายังไม่มีคำสั่งแผนการรักษาแพทย์ควรเขียนคำสั่งแผนการรักษาทันที
11)เบิกอาหารให้ผู้ป่วยที่เหมาะสมกับโรค และแผนการรักษา
12)นำป้ายข้อมือติดที่ข้อมือผู้ป่วยติดป้ายหน้าเตียงและป้ายแจ้งข้อที่ควรปฏิบัติกับผู้ป่วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการแจ้งให้แพทย์ พยาบาล และผู้เกี่ยว
ข้องอื่นๆ ได้รับทราบและปฏิบัติตาม
4 การรับแผนการรักษาเป็นกระบวนการถ่ายทอดแผนการรักษาจากแผ่นคำสั่งการรักษาไปสู่การปฏิบัติ
5บทบาทพยาบาลในการวางแผนจ าหน่ายผู้ป่วยตามรูปแบบ D-M-E-T-H-O-D
T = Treatment แนะนำผู้ป่วย/ครอบครัว/ ผู้ดูแลให้เข้าใจเป้าหมายการรักษา แนะนำให้ปฏิบัติกิจกรรมการรักษา
H=Health ให้ความรู้เกี่ยวกับข้อจำกัดในการทำกิจกรรมให้เหมาะสมกับภาวะสุขภาพ กระตุ้นให้ผู้ป่วย/ญาติ
E = Environment & Economic กระตุ้นให้ผู้ป่วย/ครอบครัว/ ผู้ดูแลเห็นความสำคัญของการใช้สถานบริการสุขภาพในชุมชน การจัดการสิ่งแวดล้อม ที่บ้านให้เหมาะสมกับภาวะสุขภาพ
O=Outpatient referral ชี้แจงให้ผู้ป่วย/ครอบครัว/ ผู้ดูแล ตระหนักและเข้าใจถึงความสำคัญของการมาตรวจตามนัดและอาการผิดปกติที่ต้องมาก่อนนัด
M=Medication ให้ความรู้เกี่ยวกับยาที่ต้องรับประทานอย่างต่อเนื่องที่บ้าน ชื่อยา ฤทธิ์ของยา วิธีการใช้ ขนาด จำนวนครั้ง ระยะเวลาที่ใช้ ข้อควรระวังในการใช้ยา ผลข้างเคียง ข้อห้ามสำหรับการใช้ยา และการเก็บรักษายา
D = Diet ให้ความรู้เรื่องอาหารเฉพาะโรค หลีกเลี่ยงหรืองดอาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แนะน าแหล่งประโยชน์หรือสถานที่ให้
คำปรึกษาเมื่อมีปัญหาเรื่องอาหาร
D=Diagnosis ให้ความรู้เรื่องโรคที่เป็นอยู่ เกี่ยวกับสาเหตุ อาการ การปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง