Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การให้ยาทางปากและยาเฉพาะที่ - Coggle Diagram
การให้ยาทางปากและยาเฉพาะที่
การให้ยาทางปาก
การให้ยาที่สามารถรับประทานทางปากได้
อาจเป็นชนิดยาเม็ด ยาแคปซูล ยาผง หรือยาน้ำ
นับว่าเป็นวิธีที่ง่าย สะดวก และปลอดภัยที่สุด
ข้อควรปฏิบัติในการให้ยาทางปาก
ยาที่ระคายเคืองทางเดินอาหารให้กินหลังอาหารหรือนม
การให้ยาเม็ดในเวลาเดียวกัน สามารถรวมกันได้
ส่วนยาน้ำให้แยกใส่แก้วยาต่างหาก
ยาชนิดผงให้ใช้ช้อนตวงปาดแล้วเทใส่แก้วยา
ยาจิบแก้ไอควรให้ภายหลังรับประทานยาเม็ดแล้วเพื่อให้ยาค้างอยู่ที่คอไม่ถูกน้ำล้างออก
ยาลดกรดในกระเพาะอาหารควรให้อันดับสุดท้ายเพื่อช่วยลดอาการระคายเคืองและเคลือบผนังของหลอดอาหารและกระเพาะ
ยาอมใต้ลิ้น เช่น ไนโตรกลีนเซอลีน
ควรให้หลังจากรับประทานยาทุกชนิด
แนะนำให้ห้ามกลืนหรือเคี้ยวยา
รอจนกว่ายาละลายหรือดูดซึมเข้าใต้ลิ้นเอง
การให้ยาเฉพาะที่
เป็นการให้ยาภายนอกเฉพาะตำแหน่ง
เพื่อให้ยาออกฤทธิ์เฉพาะที่
การให้ยาโดยผ่านทางเยื่อเมือกของอวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง
การสูดดม การให้ยาทางตา การให้ยาทางจมูก
การให้ยาทางหู การให้ยาทางช่องคลอด การให้ยาทางทวารหนัก
การให้ยาบนผิวหนัง
ให้ยาโดยการทาหรือป้ายยาลงบนผิวหนังบริเวณที่ต้องการให้
ยาที่ให้ทางผิวหนังจะถูกดูดซึมผ่านผิวหนังหรือเยื่อบุ
ออกฤทธิ์เพื่อบรรเทาอาการปวด บรรเทา อาการอักเสบฟกช้า สมานแผล
ทําลายเชื้อโรคที่ผิวหนัง และทําให้ชาเฉพาะที่
หลักการบริหารยา 6 Rights
การสูดดม (Inhalation)
ให้ยาในรูปของก๊าซ (Gas)
ไอระเหย (Vapor) หรือ ละออง (Aerosol)
สามารถให้โดยการพ่นยาเข้าสู่ทางเดินหายใจ
ให้ยาไปสู่บริเวณที่ต้องการให้ยาออกฤทธิ์
ยาออกฤทธิ์แบบเฉพาะที่หรือแบบทั่วร่างกาย
ทางที่พ่นยา
พ่นทาง จมูก ทางปาก
ทางท่อช่วยหายใจ
การให้ยาทางตา (Eye instillation)
ยาบริเวณตาจึงต้องคํานึงถึงความสะอาดเป็นสําคัญ
ยาที่ใช้กับตามีทั้งยาหยอดตา ป้ายตา และยาล้างตา
วิธีใช้ยาหยอดตา
ถามชื่อ-สกุลผู้ป่วย ตรวจสอบให้ตรงกับใบ MAR
แจ้งผู้ป่วยให้ทราบเกี่ยวกับยาที่ผู้ป่วยจะได้รับ
ข้อปฏิบัติที่ผู้ป่วยต้องกระทํา ฤทธิ์ข้างเคียงและอาการแพ้ยา
อุ่นยาให้มีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิกาย
หมุนขวดหรือหลอดยาไปมาระหว่างอุ้งมือ
ทั้ง 2 ข้าง นาน 2 นาที
ล้างมือให้สะอาด
ทําความสะอาดตาด้วยสําลีชุบ NSS
เช็ดจากหัวตาไปหางตา
สําลี 1 ก้อนเช็ดได้ครั้งเดียว แล้วล้างมือให้สะอาดอีกครั้ง
ให้ผู้ป่วยนอนหรือนั่งแหงนหน้ามองขึ้นข้างบน
พยาบาลดึงเปลือกตาล่างข้างที่จะหยอดยาลง
หยอดยาตาตามจํานวนหยดลงไปบริเวณ Conjunctiva sac ห่างประมาณ 1-2 นิ้ว ระวังอย่าให้หลอดหยดแตะกับตาหรือขนตา
หลับตาพร้อมทั้งใช้มือกดเบา ๆ ที่ข้างจมูกบริเวณหัวตาไว้ประมาณ 1-2 นาที
ซับส่วนที่เกินออก อย่าขยี้ตา
ช่วงระยะเวลา 5 นาที เพื่อให้ยาแต่ละชนิดออกฤทธิ์ได้ดี
วิธีใช้ยาป้ายตา
ถามชื่อ-สกุลผู้ป่วย ตรวจสอบให้ตรงกับใบ MAR แจ้งผู้ป่วยให้ทราบเกี่ยวกับยาที่ผู้ป่วย จะได้รับ ข้อปฏิบัติที่ผู้ป่วยต้องกระทํา ฤทธิ์ข้างเคียงและอาการแพ้ยา
ล้างมือให้สะอาด นอนหรือนั่งแหงนหน้า เหลือบตาขึ้นข้างบน ใช้มือดึงหนังตาล่างให้เป็นกระดุ้ง
บีบยาลงในกระทั่งตา โดยเริ่มจากหัวตา ระวังอย่าให้ปลายหลอดแตะกับตาหรือเปลือก
หลับตา กลอกตาไปมา หรือใช้นิ้วมือคลึงเบาๆ เพื่อให้ยากระจายได้ทั่ว
ถ้าจําเป็นต้องใช้ยาป้ายตาร่วมกับยาหยอดตา ให้ใช้ยาหยอดตาก่อนยาป้ายตา ประมาณ 5 นาที
วิธีใช้ยาล้างตา
ถามชื่อ-สกุลผู้ป่วย ตรวจสอบให้ตรงกับใบ MAR แจ้งผู้ป่วยให้ทราบเกี่ยวกับยาที่ผู้ป่วย จะได้รับ ข้อปฏิบัติที่ผู้ป่วยต้องกระทํา ฤทธิ์ข้างเคียงและอาการแพ้ยา
ล้างมือ ล้างหน้าให้สะอาด ล้างถ้วยล้างตาด้วยน้ำสบู่ เช็ดให้แห้ง หรือใช้น้ำร้อนลวกก็ได้
ตรวจดูเสียก่อนว่าน้ํายาล้างตาใสหรือขุ่น ถ้าอุ่นให้ทิ้งไป เพราะยาเสื่อมสภาพแล้ว
รินน้ำยาล้างตาเต็มถ้วย ก้มศีรษะเอาตาจุ่มลงถ้วยนั้น ใช้มือกดถ้วยให้แน่น เงยหน้าขึ้น โดยไม่ให้น้ำยาหก
ลืมตาในน้ำยาล้างตา กลอกไปมาสักพัก ก้มศีรษะลง ยกถ้วยล้างตาออก
การให้ยาทางหู (Ear instillation)
หยอดยาเข้าไปในช่องหูชั้นนอก
ยาที่ใช้ เป็นยาออกฤทธิ์เฉพาะเยื่อบุในช่องหู
เป็นยาชาหรือยาฆ่าเชื้อโรคเฉพาะที่
วิธีการให้
ถามชื่อ-สกุลผู้ป่วย ตรวจสอบให้ตรงกับใบ MAR
อุ่นยาให้มีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิกาย
ล้างมือและทําความสะอาดใบหูด้วยผ้าชุบน้ำ เช็ดให้แห้ง
เอียงหู หรือนอนตะแคง ให้หูข้างที่จะหยอดอยู่ด้านบน
ดูดยาและหยอดยาตามจํานวนหยด ดึงใบหูขึ้นปละไปข้างหลัง
เอียงหูข้างนั้นไว้ 2-3 นาที หรือใช้สําลีอุดหูไว้ 5 นาที 7
การหยอดยาจมูก (Nose instillation)
ให้ผู้ป่วยเงยหน้าขึ้น และพยาบาลยกปีกจมูกผู้ป่วยข้างที่จะหยอดยาขึ้นเบาๆ
หยดยาผ่านทางรูจมูกห่างประมาณ 1-2 นิ้ว
ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่า เดิมประมาณ 5-10 นาที
การเหน็บยา
วิธีการเหน็บยาทางทวารหนัก (Rectum suppository)
ให้ผู้ป่วยนอนตะแคงข้างซ้าย
พยาบาลใส่ถุงมือสะอาด ยกแก้มก้นผู้ป่วยขึ้นจนเห็นรูทวารหนักชัดเจน
สอดใส่เม็ดยาเข้าไป แล้วใช้นิ้วชี้ดันยาพร้อมเขี่ยเม็ดยาให้กระดกขึ้นเพื่อชิดผนังทวารหนัก
วิธีการเหน็บยาทางช่องคลอด (Vaginal suppository)
ควรทําหลังจากการทําความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
ให้ผู้ป่วยนอนหงาย
พยาบาลใส่ถุงมือปราศจากเชื้อแล้วสอด ใส่เม็ดยาหรือแท่งเข้าไปทางช่องคลอด
ใช้นิ้วชี้ดันยาเข้าไปลึกประมาณ 2-3 นิ้ว หรือจนเกือบสุดนิ้วชี้
ความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา
ความคลาดเคลื่อนในการสั่งใช้ยา (Prescription error)
สั่งยาผิดขนาด
แพทย์สั่งใช้ยาที่มีขนาดมากเกิน Maximum dose
สั่งยาในขนาดที่ไม่เหมาะสมกับผู้ป่วย
สั่งยาผิดชนิด
เขียนใบสั่งยา สั่งยาคนละชนิดกับที่ควรจะเป็น
ผิดวิถีทาง
เขียนใบสั่งยา สั่งใช้ยาผิดวิถีทาง
ยาใช้ ภายนอก แต่นํามาใช้เป็นยาใช้ภายใน
ผิดความถี่
เขียนใบสั่งยา วิธีรับประทานผิด
ระบุวิธีรับประทานที่ไม่ เหมาะสมกับผู้ป่วยคนนั้น
สั่งยาที่มีประวัติแพ้
แพทย์สั่งยาที่ผู้ป่วยมีประวัติแพ้ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ ทําให้เกิดการแพ้ยาซ้ำ
ลายมือไม่ชัดเจน
เขียนใบสั่งยาด้วยลายมือที่ทําให้ผู้อ่านเข้าใจผิด อ่านผิด
ความคลาดเคลื่อนในการคัดลอกคําสั่งใช้ยา (Transcribing error)
ที่หอผู้ป่วย
พยาบาลลอกคําสั่งแพทย์หรืออ่านคําสั่งแพทย์ไม่ถูกต้อง ไม่ตรง ตามแพทย์สั่ง
ที่ศูนย์คอมพิวเตอร์
เจ้าหน้าที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ ทําหน้าที่คัดกรองการลง ข้อมูลยาในคอมพิวเตอร์ไม่ครอบคลุม
คัดกรองข้อมูลผิดพลาด
ที่เภสัชกรรม
เจ้าหน้าที่ห้องยา/เภสัชกร อ่านคําสั่งแพทย์ไม่ถูกต้อง
ไม่ตรงตามแพทย์สั่ง
ความคลาดเคลื่อนในการจ่ายยา (Dispensing Error)
กระบวนการจ่ายยาของกลุ่มงานเภสัชกรรม ที่จ่ายยาไม่ถูกต้องตามที่ระบุในคําสั่งใช้ยา
ความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา (Administration error)
การให้ยาไม่ครบ (Omission error)
การให้ยาผิดชนิด (Wrong drug error)
การให้ยาซึ่งผู้สั่งใช้ยาไม่ได้สัง (Unordered or unauthorized drug)
การให้ยาผู้ป่วยผิดคน (Wrong patient)
การให้ยาผิดขนาด (Wrong-dose or Wrong-strength error)
การให้ยาผิดวิถีทาง (Wrong-route error)
การให้ยาผิดเวลา (Wrong-time error)
การให้ยามากกว่าจํานวนครั้งที่สั่ง (Extra-dose error)
การให้ยาในอัตราเร็วที่ผิด (Wrong rate of administration error)
การให้ยาผิดเทคนิค (Wrong technique error)
การให้ยาผิดรูปแบบยา (Wrong dosage-form error)
บทบาทพยาบาลในการให้ยาผู้ป่วย
เมื่อผู้ป่วยเข้ามานอนรักษาในครั้งแรก
พยาบาลตรวจสอบยาให้ตรงกับคําสั่งแพทย์
พร้อมกับ เช็คยาและจํานวนให้ตรงตามฉลากยา
หากไม่ตรงให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
การซักประวัติ
ถามเรื่องการแพ้ยาทุกครั้งดูสติ๊กเกอร์สีแสดง
ก่อนฉีดยาจะถามอีกครั้งว่ามีประวัติแพ้ยาหรือไม่
เมื่อมีคําสั่งใหม่ หัวหน้าเวร ลงคําสั่งในใบ MAR ทุกครั้ง
ยาที่แพทย์สั่งในห้องยาไม่มีปริมาณ mg ตามสั่ง
ให้ห้องยาประสานงานกับแพทย์ผู้รักษา
ยาที่เป็นเศษส่วน และมากกว่าหนึ่ง
มักจัดผิดให้วงกลมด้วยปากกาแดงให้เป็นที่สังเกต
ยาก่อนนอนทําเครื่องหมายดอกจันทร์ในใบ MAR
การจัดยาให้ระมัดระวังในการจัดยา
เวรบ่าย พยาบาลจะตรวจสอบรายการยาในใบ MAR กับคําสั่งแพทย์ให้ตรงกัน และดูยาใน ช่องลิ้นชักยาอีกครั้ง
กรณีผู้ป่วยที่ NPC ให้มีป้าย NPO และเขียนระบุว่า NPO เพื่อผ่าตัดหรือเจาะเลือดเช้า ให้ อธิบายและแนะนําผู้ป่วยและญาติทุกครั้ง
กรณีคําสั่งสารน้ำ+ยา B Co 2 ml
เขียนคําว่า +ยา B CO 2 ml
ด้วยปากกาเมจิก อักษรตัว ใหญ่บนป้าย
ให้ชัดเจนเพื่อสังเกตได้ง่าย
จัดยาจะจัดตามหน้าของยาหลังจากตรวจสอบความถูกต้องแล้ว
มีผู้จัด-ผู้ตรวจสอบ คนละคนกันตรวจสอบก่อนให้ยา
การแจกยาไล่แจกยาตามเตียงพร้อมเซ็นชื่อทุกครั้งหลังให้ยา
สมรรถนะของพยาบาลในการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (Competencies of nurses for Rational Drug Use)
สามารถประเมินปัญหาผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยา หรือมีความจําเป็นต้องใช้ยาในการรักษา (Assess the patient)
การประเมินประวัติโรคประจำตัว ประวัติการใช้ยา และประวัติการแพ้ยา/แพ้อาหาร
ประเมินอาการข้างเคียงจากการใช้ยา
ประเมินอาการที่ดีขึ้นหรือเลวลง
ติดตามความร่วมมือในการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง
การส่งต่อ
สามารถร่วมพิจารณาการเลือกใช้ยาได้อย่างเหมาะสมตามความจําเป็น (Consider the options)
พิจารณาข้อมูลที่สําคัญของผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการเลือกใช้ยาหรือการรักษาแบบไม่ใช้ยา
พิจารณาข้อมูลที่สําคัญของผู้ป่วยเพื่อประกอบการปรับขนาดยา หยุดการให้ยาหรือ เปลี่ยนยา
ประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยาและไม่ใช้ยา
ใช้ความรู้ด้านเภสัชศาสตร์ของยาที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้จากปัจจัย
พิจารณาโรคร่วม ยาที่ใช้อยู่ การแพ้ยา ข้อห้ามการใช้ยา และคุณภาพชีวิตที่อาจส่งผล กระทบต่อการเลือกใช้ยา
คํานึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาของผู้ป่วย
พัฒนาความรู้ให้เป็นปัจจุบัน ใช้แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
เข้าใจเรื่องเชื้อดื้อยา และแนวทางการป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยา
สามารถสื่อสารเพื่อให้ผู้ป่วยร่วมตัดสินใจในการใช้ยา
ชี้แจงทางเลือกในการรักษา ยอมรับในการตัดสินใจเลือกแผนการรักษา
ระบุและยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล ค่านิยม ความเชื่อ และความคาดหวัง
อธิบายเหตุผล และความเสี่ยง/ประโยชน์ของทางเลือกในการรักษาที่ผู้ป่วย/ผู้ดูแลเข้าใจได้
ประเมินความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
บริหารยาตามการสั่งใช้ยาได้อย่างถูกต้อง
เข้าใจโอกาสที่จะเกิดผลไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา
เข้าใจการสั่งจ่ายยาของแพทย์ตามกรอบบัญชียาหลักแห่งชาติ
ตรวจสอบและคํานวณการใช้ยาให้ถูกต้อง
คํานึงถึงโอกาสที่จะเกิดการใช้ยาผิด
สามารถให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการใช้ยาได้อย่างเพียงพอ (Provide information)
ตรวจสอบความเข้าใจและความมุ่งมั่นตั้งใจของผู้ป่วย
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับยาที่ชัดเจน เข้าใจได้ง่าย และเข้าถึงได้กับผู้ป่วย/ผู้ดูแล
สร้างความมั่นใจให้ผู้ป่วย/ผู้ดูแล
สามารถติดตามผลการรักษา และรายงานผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาได้ (Monitor and review)
ทบทวนแผนการบริหารยาให้สอดคล้องกับแผนการรักษาที่ผู้ป่วยได้รับ
ต้องมีการติดตามประสิทธิภาพของการรักษาและอาการข้างเคียง
สามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัยทั้งต่อผู้ป่วย และไม่เกิดผลกระทบต่อสังคมโดยรวม (Prescribe safely)
รู้เกี่ยวกับชนิด สาเหตุ ของความคลาดเคลื่อนทางยาที่พบบ่อย
วิธีการป้องกันการ หลีกเลี่ยง และการประเมิน
ระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการสั่งยาผ่านสื่อหรือบุคคลอื่น
พัฒนาหาความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
สามารถใช้ยาได้อย่างเหมาะสม ตามความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ และเป็นไปตามหลักเวชจริย ศาสตร์ (Prescribe professionally)
สามารถทํางานร่วมกับบุคลากรอื่นแบบสหวิชาชีพ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (Prescribe as part of a team)