เตียง 27
นางฉลอม ชูจิตร
Dx. Lower GI bleeding
U/D: Hypertension
การผ่าตัด: Colonoscopy + EGD
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ผิดปกติ (23/08/2563)
นิยามของโรค
CC: อุจจาระเป็นเลือดสด 30 ml
PT: 3 ชั่วโมง ก่อนมาโรงพยาบาล ถ่ายเป็นเลือด มากกว่า 10 ครั้ง ไม่ทราบปริมาณ เวียนศีรษะ แต่ไม่มีใจสั่น
GI Bleeding (Gastrointestinal Bleeding) หรือเลือดออกในทางเดินอาหาร เป็นภาวะที่เกิดจากความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร โดยมักจะพบเลือดปะปนอยู่ในอุจจาระหรือผู้ป่วยอาเจียนปนเลือดออกมา
แผนการรักษา
ยาที่ผู้ป่วยได้รับ
อาการและอาการแสดง
- HGB = 11.3 GRAMS/DL
- HCT = 33.1%
- Platelet = 11.70 sec
- Set OR for Colonoscopy+EGD วันที่ 24/08/63
- NPO หลัง 4.00 น.
- Hct ทุก 6 ชั่วโมง
- DTX ทุก 6 ชั่วโมง Keep 80-200 mg%
- Niflec 1 ซอง+น้ำ 2L viq NG in 1 hr.
- Unison enema rectal suppo stat
- Losec (Omeprazole) คือ ยาลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร หากมีอาการปวดท้องรุนแรง ถ่ายเป็นเลือด อาการชัก รีบรายงานแพทย์
- Plasil (Metoclopramide) คือ รักษาอาการคลื่นไส้ อาเจียน และภาวะกรดไหลย้อน ผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการง่วงซึม
- NIFLEC คือยาระบาย อาจรู้สึกคลื่นไส้ หรือท้องอืดในระหว่างการดื่ม ไม่ควรดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มระหว่างดื่มยา
สาเหตุ
เลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น
เลือดออกในทางเดินอาหารส่วนปลาย
- แผลในกระเพาะอาหาร เป็นสาเหตุหลักของ GI Bleeding โดยแผลที่เกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นมักมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร (H. Pylori) กรดในกระเพาะอาหาร หรือการใช้ยาแก้อักเสบในกลุ่มเอ็นเสด
- การฉีกขาดของเยื่อบุหลอดอาหาร เยื่อบุหลอดอาหารที่ฉีดขาดอาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีเลือดออกในปริมาณมาก โดยมักพบได้ในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
- เส้นเลือดขอดในหลอดอาหาร ส่วนใหญ่จะพบได้ในผู้ป่วยโรคตับที่รุนแรง โดยเส้นเลือดขอดในหลอดอาหารอาจส่งผลให้มีเลือดออกในทางเดินอาหารได้เช่นกัน
- หลอดอาหารอักเสบ มักเป็นผลมาจากภาวะกรดไหลย้อนซึ่งเป็นภาวะที่กล้ามเนื้อหูรูดบริเวณส่วนปลายของหลอดอาหารทำงานผิดปกติ กรดในกระเพาะอาหารจึงไหลย้อนขึ้นมาทำลายหลอดอาหาร อาจทำให้เกิดแผลและเลือดออกในบริเวณดังกล่าว
- โรคที่มีการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ประกอบไปด้วยโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นการอักเสบที่เยื่อบุผิวบริเวณลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง
- โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ เป็นการอักเสบหรือติดเชื้อของกระเปาะที่โป่งออกผิดปกติของเยื่อบุลำไส้ใหญ่ จึงอาจส่งผลให้มีเลือดออกมา
- เนื้องอก เนื้องอกไม่ว่าจะชนิดธรรมดาหรือมะเร็งในทางเดินอาหาร ก็อาจทำให้เยื่อบุในระบบทางเดินอาหารบางลงและมีเลือดออกได้
- สาเหตุอื่น ๆ เลือดออกในทางเดินอาหารอาจเป็นผลมาจากริดสีดวงทวารหรือการโป่งพองของเส้นเลือดบริเวณทวารหนักและลำไส้ตรงส่วนล่าง แผลรอยแยกขอบทวารหนัก (Anal Fissure) รวมทั้งติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่
อาเจียนเป็นเลือด ถ้าเป็นเลือดที่ออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก Duodenal สีของเลือดจะเปลี่ยนเป็นสีคล้ายกาแฟ
อุจจาระมีเลือดสีแดงสดปนอยู่
หากมีเลือดออกปริมาณมากจะมีอาการเวียนศีรษะ อ่อนแรง เป็นลม ตัวเย็น ชีพจรเบา เป็นต้น
ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ
พยาธิสภาพ
มีการเสียเลือดมากในเวลารวดเร็ว ปริมาตรเลือดในหลอดเลือดลดลง เลือดเข้าสู่หัวใจลดลง (Cardiac output) ถ้าเสียเลือดถึงร้อยละ 30 ผู้ป่วยจะเข้าสู่ภาวะช็อค จะมีอาการปวดศีรษะ กระหายน้ำ กระวนกระวาย ใจสั่น เหงื่ออก ความดันโลหิต ผิวหนังเย็นชื้น ความดันโลหิตต่ำลง เข้าสู่ภาวะช็อค ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะออกน้อย เนื่องจากการทำงานของไตเสียไป ทำให้มีของเสียคั่งในร่างกาย การเสียเลือดทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและออกซอเจน เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายได้ สมองขาดออกซิเจน ผู้ป่วยจะมีอาการสับสน และไม่รู้สึกตัว เลือดไปเลี้ยงลำไส้ลดลง ทำให้เนื้อเยื้อของอวัยวะในระบบทางเดินอาหารเน่าตายได้
- Postoperative care Colonoscopy and EGD
2.เสี่ยงต่อการได้รับอันตรายจากภาวะ Hypovolemic shock
นางสาวปทุมมาศ บุญใบ รหัส 61122230107 เลขที่ 98
- SD: ผู้ป่วยบอกว่าถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด ประมาณ 30 ml มากกว่า 10 ครั้ง
- OD: ผู้ป่วย case Lower GI bleeding
มีอุจจาระสีเลือดสด มีอาการเวียนศีรษะ
แพทย์ Set OR colonoscopy+EGD (วันที่ 24/08/2563)
T= 36.8 CBP 121/77 mmHg , P = 68 Lpm , R = 20/min O2 = 97%
- Intervention ที่สำคัญ:
- ตรวจสอบสัญญาชีพทุก15 นาที 4 ครั้ง 30นาที 2 ครั้ง ทุก1 ชั่วโมง หรือจนกว่าจะคงที่
- ประเมินอาการคลื่นไส้ อาเจียน ที่เกิดจากผลของยาระงับความรู้สึก
- SD: ผู้ป่วยบอกว่าถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด
- OD: ผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะ
Hct = 33.1%
Platelet = 11.70 sec
- Intervention ที่สำคัญ:
- ดูแลให้ได้รัยยาลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ตามแผนการรักษา
- obs. ระดับความรู้สึกตัว ลักษณะการหายใจ ถ่ายเป็นเลือดสด บันทึกปริมาณของเลือดที่ออก เพื่อประเมินความรุนแรงของการเสียเลือด