Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
อาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง (Hyperemesis gravidarum หรือ Pernicious vomiting…
อาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง
(Hyperemesis gravidarum หรือ
Pernicious vomiting of pregnancy)
หมายถึง
อาการคลื่นไส้เจียนที่มีอาการรุนแรง ซึ่งคงอยู่นานกว่าปกติ โดยไม่สามารถควบคุมอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ โดยอาจพบตั้งแต่สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์จนถึงตลอดการตั้งครรภ์ ซึ่งแตกต่างจากอาการแพ้ท้องตามปกติที่เรียกว่า morning sickness ซึ่งเริ่มมีอาการประมาณปลาย สัปดาห์ที่ 4-6 เมื่ออายุครรภ์ 12 สัปดาห์ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง
สาเหตุ
ความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมน เช่น Estrogen, HCG ที่มีปริมาณมากเกินไป ซึ่งพบว่าสัมพันธ์กับอายุน้อย ครรภ์แรก การตั้งครรภ์แฝด แฝดน้ำ ครรภ์ไข่ปลาอุก (Hydatidiform mole) และหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะ Hyperthyroidism
สาเหตุจากภาวะจิตใจ เช่น ความวิตกกังวล ความสับสน ความไม่มั่นใจในบทบาทการเป็นมารดา การปรับตัวกับแบบแผนการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป หญิงตั้งครรภ์ที่มีลักษณะอารมณ์ตึงเครียดมาก่อน หญิงตั้งครรภ์ที่มีประวัติการเจ็บป่วยทางจิต
อาการและอาการแสดงแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ
อาการรุนแรงปานกลาง
1 อาเจียนติดต่อกันมากกว่า 5-10 ครั้ง / วัน
3 อ่อนเพลีย ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวัน
4 น้ำหนักตัวลด มีอาการขาดสารอาหาร
2 อาเจียนติดต่อกันไม่หยุดภายใน 2-4 สัปดาห์
5 มีภาวะเลือดเป็นกรด (acidosis)
อาการรุนแรงมาก
1 อาเจียนมากกว่า 10 ครั้ง / วัน ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้นอนอยู่ในเตียงตลอดเวลา
2 อาเจียนทันทีภายหลังรับประทานอาหารและอาเจียนติดต่อกันเกิน 4 สัปดาห์
3 อ่อนเพลีย ซูบผอม น้ำหนักตัวลดลงมาก
4 เกิดการขาดสารอาหารอย่างรุนแรง ได้แก่ ผิวหนังแห้งไม่ยืดหยุ่น ปากแห้ง ลิ้นเป็นฝ้าขาว หนา แตก ตาลึก มองภาพไม่ชัดเจน ปัสสาวะขุ่นและออกน้อย ตัวเหลือง ท้องผูก มีใข้และความดันโลหิตลดลง
อาการไม่รุนแรง
1 อาเจียนน้อยกว่า 5 ครั้ง/วัน สามารถทำงานได้ตามปกติ
2 ลักษณะอาเจียนไม่มีน้ำหรือเศษอาหาร
3 น้ำหนักตัวลดเล็กน้อย แต่ไม่มีอาการขาดสารอาหาร
4 หญิงตั้งครรภ์สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้
ผลกระทบต่อมารดาและทารก
ผลต่อทารก
ทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า (Intrauterine Growth Retardation: IUGR) เนื่องจากภาวะขาดสารอาหารจากการคลื่นไส้อาเจียนเป็นระยะเวลานาน
ทารกพิการ (Fetal anomalies) จากการขาดสารอาหารที่จะช่วยสร้างความเจริญเติบโตของอวัยวะต่าง ๆ
ทารกเสียชีวิต (Fetal death) เนื่องจากการเสียสมดุลของอิเลคโตรลัยต์เป็นเวลานาน
ผลต่อมารดา
มารดาเกิดภาวะขาดสารน้ำ ปริมาณสารน้ำในร่างกายลดลง ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น ชีพจรเบาเร็ว และความดันโลหิตต่ำลง
เกิดภาวะกรดในกระแสเลือด (metabolic acidosis) เนื่องจากการสูญเสียด่างในน้ำย่อยไปกับการอาเจียน และถ้ามีอาการรุนแรงมากอาจพบภาวะ hypokalemic alkalosis
ในรายที่มีอาการรุนแรงมากจะมีภาวะขาดสารอาหารอย่างรุนแรง ทำให้ขาดวิตามินซีและวิตามินบีรวม ทำให้การแข็งตัวของเลือดเสียไป
ในรายที่มีอาการรุนแรงมากต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นระยะเวลานาน ทางด้านร่างกายผลทำให้เกิดภาวะอาหารไม่ย่อย ปวดแสบกระเพาะอาหาร เรอ ปวดศีรษะ ท้องผูก น้ำหนักลด
การรักษา
ให้ยาแก้อาเจียน ได้แก่ ยากลุ่ม Antihistamines เช่น Dramamine 50-100 mg. ทุก 4 ชั่วโมง ยากลุ่ม Phenothiazines เช่น Compazine
5-10 mg รับประทานวันละ 3 ครั้งยากลุ่มการรักษา Sedative หรือ Transquilizer เช่น Diazepam ก่อนนอน
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดเพื่อแก้ไขภาวะขาดสารน้ำ เกลือแร่ และวิตามิน โดยควรให้ Ringer lactate solution บวกวิตามินบี เนื่องจากหญิงตั้งครรภ์ที่มีคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง มักขาดโปแตสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม จึงควรเติมวิตามินและเกลือแร่ให้ครบถ้วน
ในรายที่มีการขาดสารอาหารอย่างรุนแรงควรได้รับ Parenteral Nutrition Therapy โดยต้องได้แคลอรี่มากกว่า 2,000 แคลอรี่ต่อวัน
การป้องกัน
รับประทานน้อย แต่บ่อยครั้งประมาณทุก 2-3 ชั่วโมง
รับประทานโปรตีนที่มีไขมันน้อย เช่น เนื้อปลา เนื้อสัน และอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรทที่ง่ายต่อการย่อย เช่น ข้าว ขนมปัง ผลไม้ น้ำผลไม้ อาหารที่มีวิตามินบี เพื่อช่วยป้องกันการลดลงของระดับน้ำตาลในกระแสเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน
3.หลังรับประทานไม่ควรนอนหลับทันที ควรลุกทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อป้องกันการไหลย้อนกลับของน้ำย่อย ซึ่งจะทำให้อาเจียนได้ง่ายขึ้น
4.หลังตื่นนอนตอนเช้า ถ้ามีอาการคลื่นไส้ ควรรับประทานอาหารอ่อนย่อยง่ายทันที เช่น ขนมปังกรอบ ข้าวต้ม
5.ควรนอนหลับและพักผ่อนอย่างเพียงพอ การตื่นนอนในช่วงเช้าควรค่อย ๆ ลุกจากเตียง ไม่ควรลุกนั่งทันทีทันใด เพราะอาจทำให้กระตุ้นเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้
ดื่มน้ำซุปหรือน้ำผลไม้ระหว่างมื้ออาหาร เพื่อป้องกันการยืดขยายของกระเพาะอาหารที่เกิดขึ้นมากเกินไป ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการกระตุ้นศูนย์ควบคุมการอาเจียนได้
พยาธิสภาพ
1.อาการอาเจียนเกิดขึ้นในระยะแรก ๆ หญิงตั้งครรภ์จะมีอาการขาดน้ำ จากนั้นจะนำไปสู่การสูญเสียน้ำและอิเลคโตรลัยท์ (Electrolyte) เกิดภาวะด่าง (alkalosis) จากการสูญเสียไฮโดรคลอริคเอสิค (hydrochloric acid)
2.การอาเจียนระยะเวลานานจะมีผลทำให้สูญเสียด่าง ซึ่งเป็นน้ำย่อยอยู่ในลำไส้เล็ก ก่อให้เกิดภาวะ acidosis นอกจากนี้ภาวะขาดสารน้ำยังก่อให้เกิดปริมาณน้ำในร่างกายน้อย (hypovolemia) ซึ่งทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ ชีพจรเบาเร็ว ความเข้มข้นของเลือดเพิ่มมากขึ้น (ฮีมาโตคริตเพิ่มขึ้น) BUN เพิ่มขึ้น และปัสสาวะออกน้อย
3.ถ้ารุนแรงมากอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นกล้ามเนื้อจะอ่อนแรงจนเป็นอัมพาตเพราะเซลล์ขาดไกลโคเจน เพื่อใช้เป็นพลังงานและถ้าขาดโปรตีนและวิตามินอย่างรุนแรงจะทำให้กล้ามเนื้อเที่ยวลีบและอ่อนล้าได้