Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ - Coggle Diagram
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
ความสําคัญของการขับถ่ายอุจจาระ
อายุ (Age) ในเด็กเล็ก ความสามารถในการควบคุมการขับถ่ายได้เมื่ออายุตั้งแต่ 24-30 เดือนขึ้นไป
ชนิดของอาหารที่รับประทาน (Food intake) อาหารจําพวกพืชผัก ผลไม้ ที่ มีกากใยมาก
ปริมาณน้ำที่ร่างกายได้รับ (Fluid intake) น้ำจะเป็นตัวสําคัญที่ทําให้ อุจจาระมีลักษณะนุ่มพอดี ไม่แห้ง แข็ง
อารมณ์ (Emotion) เมื่ออารมณ์มีการเปลี่ยนแปลง
ความสม่ำเสมอในการขับถ่าย (Defecation habits ) การเปลี่ยนแปลง เกี่ยวกับกิจวัตรประจําวัน การรับประทานอาหาร
ยา (Medication) อาการข้างเคียงของยาบางชนิดมีผลต่อระบบทางเดิน อาหารอาจทําให้ลําไส้เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นหรือลดลง
การตั้งครรภ์ (Pregnancy) เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น ทารกในครรภ์โตขึ้นมด ลงก็ขยายตัวโตด้วย
อาการปวด (Pain) โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid) การผ่าตัดส่วนลําไส้ ตรง (Rectal surgery) และการผ่าตัดหน้าท้อง (Abdominal surgery)
การผ่าตัดและการดมยาสลบ (Surgery and Anesthesia)
การตรวจวินิจฉัยโรค (Diagnostic test) การตรวจวินิจฉัยโรคของระบบ ทางเดินอาหาร
การเคลื่อนไหวของร่างกาย (Body movement) การเคลื่อนไหวของ ร่างกาย จะช่วยทําให้การทํางานของลําไส้เป็นไปอย่างปกติ
ความเหมาะสม (Opportunity) สิ่งแวดล้อมมีส่วนช่วยในการขับถ่าย
ลักษณะของอุจจาระปกติและสาเหตุของอุจจาระที่ผิดปกติ
Type 2
ลักษณะยาวแต่เป็นก้อน
Type 3
ลักษณะยาวหรือขดม้วน แต่พื้นผิวบนนุ่ม ๆ
Type 4
ลักษณะยาวหรือขดม้วน เรียบ และนุ่ม
Type 5
ลักษณะเป็นก้อนนุ่ม ๆ แยกออกจากันชัดเจน
Type 7
ลักษณะเป็นน้ำไม่มีเนื้ออุจจาระปน
Type 6
ลักษณะเป็นก้อนนุ่มปุย มีขอบขยักไม่เรียบ
Type 1
ลักษณะแข็งคล้ายเมล็ดถั่ว คนไทยเรียกว่า “ขี้แพะ”
แสดงลักษณะของอุจจาระปกติ ผิดปกติและสาเหตุ
สี
เด็ก: สีเหลือง
ผิดปกติ ขาวหรือคล้ายดินเหนียว
สาเหตุไม่มมีน้ำดี
ผู้ใหญ่: สีน้ำตาล
ผิดปกติสีแดง ซีดและเป็นมันเยิ้ม
สาเหตุ มีเลือดออกในทางเดินอาหาร มีริดสีดวงทวาร หรือบริโภคผัก พร่องหน้าที่การดูดซึมของไขมัน
กลิ่น
ปกติ
มีกลิ่นเฉพาะ:จากอาหาร ตกค้าง
ผิดปกติ
กลิ่นเปลี่ยนเหม็นมาก
สาเหตุ
การติดเชื้อจากเลือดในอุจจาระ
ความถี่
เด็ก : (นมมารดา) วันละ 4-6 ครั้ง
(นมขวด) วันละ 1-3 ครั้ง
ผิดปกติ มากกว่า วันละ 6 ครั้งหรือ 1-2 วัน ครั้งเดียว
สาเหตุ มีกิจกรรมการเคลื่อนไหวมากเกินไปหรือน้อยเกินไป
ผู้ใหญ่ : วันละ 2 ครั้้ง หรือสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
ผิดปกติ มากกว่า 3 ครั้ง หรือสัปดาห์ละครั้ง
สาเหตุ มีกิจกรรมการเคลื่อนไหวมากเกินไปหรือน้อยเกินไป
รูปร่าง
ปกติ เท่ากับขนาดความกว้างของลำไส้ตรง
ผิดปกติ ขนาดเล็กคล้ายดินสอ
สาเหตุ มีการอุดตันในทางเดินอาหารหรือมีการบีบตัวของลำไ้เพิ่มขึ้น
อื่นๆ
ปกติ อาหารไม่ย่อย เเบคทีเรียที่ตายแล้ว ไขมัน สีน้ำดี เซลล์หรือเยื่อบุลำไส้
เลือด หนอง มูก แปลกปลอม พยาธิ อุจจาระเป็นน้ำมันเยิ้ม เป็นมูก
สาเหตุ มีเลือดออกในทางเดินอาหาร ทานอาหารบูด มีการอักเสบ ละคายเคือง บกพร่องการดูดซึม ละคายเคืองลำไส้ ติดเชื้อ
สาเหตุและการพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาการขับถ่ายอุจจาระ
ภาวะท้องผูก (Constipation)
สาเหตุ ภาวะท้องผูก
ภาวะท้องผูกแบบปฐมภูมิ
มีความสัมพันธ์กับการ รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ภาวะขาดน้ำ การเคลื่อนไหวลดลงแรงตึงตัวของกล้ามเนื้อลดลง
ภาวะท้องผูกแบบทุติยภูมิ
ความผิดปกติในการทําหน้าที่ของไขสันหลัง อันเป็นผลของการไม่ เคลื่อนไหว
ภาวะท้องผูกจากการลดลงของการเคลื่อนไหวของลําไส้
การอุดกั้นของระบบทางเดินอาหาร จากการล่าช้าของการขับถ่ายทําให้ อุจจาระแข็ง และเกิดก้อนเนื้อของลําไส้
การทําหน้าที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อพื้นเชิงกราน จากการหดรัดตัวที่ผิด ปกติของกล้ามเนื้อและหูรูดระหว่างการขับถ่าย
ฝิ่น หรือยาระงับปวดที่เป็นอนุพันธ์ของฝืนที่ส่งผลต่อแรงตึงตัวของ กล้ามเนื้อเรียบของลําไส้ ยับยั้งการเคลื่อนไหวของลําไส้
ภาวะผิดปกติของลําไส้ มีความสัมพันธ์กับภาวะท้องผูก ซึ่งอาจเกี่ยวข้อง กับความไวต่อการกระตุ้นของอวัยวะภายในและการเคลื่อนไหวของลําไส้ผิดปกติ
ผลที่เกิดจากภาวะท้องผูก
เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้อง ไม่สุขสบายเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะวิงเวียน
แบคทีเรียในลําไส้ จะเปลี่ยนยูเรียจากกากอาหาร เป็นแอมโมเนีย ดูดซึมเข้า กระแสเลือด
เกิดอาการปากแตก ลิ้นแตก ลมหายใจเหม็น อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
เป็นโรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid) เกิดจากอุจจาระที่แห้งแข็งกดหลอด เลือดดํารอบๆ ทวารหนัก
ถ้าทิ้งไว้นานอุจจาระอาจอัดกันเป็นก้อนแข็ง หรือผนังลําไส้หย่อนตัวเป็นถุง สะสมอุจจาระไว้ พบในผู้ป่วยสูงอายุ หรือผู้ป่วยอัมพาต
การกลั้นอุจจาระไม่ได้ (Incontinence) เนื่องจากก้อนอุจจาระไปกดปลาย ประสาทของกล้ามเนื้อหูรูดที่ควบคุมการขับถ่ายสูญเสียหน้าที่
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องผูก
แนะนําให้ความรู้และเน้นความสําคัญของการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล
แนะนําและกระตุ้นให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารให้มากเพียงพอ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งอาหารที่มีเส้นใยและกากมาก ๆ
แนะนํา กระตุ้น และช่วยให้ผู้ป่วยได้รับน้ำให้เพียงพอ ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวัน ละ 2,000-2,500 cc.
แนะนําและช่วยเหลือเกี่ยวกับการถ่ายอุจจาระ และควรฝึกระบบขับถ่าย อุจจาระให้เป็นเวลา การถ่ายอุจจาระเมื่อปวดถ่ายโดยไม่กลั้นหรือปล่อยทิ้งไว้
จัดสรรเวลาในตอนเช้าเพื่อฝึกให้เคยชินกับการถ่ายอุจจาระตรงเวลาทุกวัน
แนะนําให้ออกกําลังกาย การเคลื่อนไหวของร่างกายจะมีผลต่อการบีบตัวของ ลําไส้
สังเกตความถี่การใช้ยาระบายหรือยาถ่าย พยายามลดการใช้จนสามารถเลิก ใช้ยาระบาย หรือใช้ในกรณีที่จําเป็น
แนะนําสมุนไพรซึ่งเป็นอาหารหรือนํามาปรุงอาหารจะช่วยการขับถ่ายอุจจาระ ใช้เป็นยาระบายอ่อน ๆ
การอัดแน่นของอุจจาระ (Fecal impaction)
สาเหตุ
ไม่ได้ถ่ายอุจจาระติดต่อกันนานแล้ว
อยากถ่ายตลอดเวลาแต่ถ่ายไม่ออก
อาจมีอาการอื่นร่วมด้วยคือ บั้นเอว ท้องอืด แน่น คลื่นไส้ อาเจียน หายใจตื้นๆ ความดันโลหิตสูงขึ้น
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีการอัดแน่นของอุจจาระ
การช่วยเหลือเอาก้อนอุจจาระออกจากร่างกาย โดยการล้วงอุจจาระ (Evacuation) และอาจใช้ยาระบายเพื่อทําให้ก้อนอุจจาระอ่อนนุ่มและหล่อลื่น หรือการสวนอุจจาระในกรณีที่ใช้ยาไม่ได้ผล
การล้วงอุจจาระ (Evacuation)
การล้วงอุจจาระออกโดยตรง เป็นการ ช่วยเหลือผู้ป่วยในกรณีที่ผู้ป่วยถ่ายอุจจาระออกเองไม่ได้ อุจจาระจับเป็นก้อนและไม่ถูกขับออกมา ตามปกติ ประมาณ 4-5 วัน หรือมีอาการท้องอืด
อุปกรณ์เครื่องใช้
ถุงมือสะอาด 2 คู่ และหน้ากากอนามัย (Mask)
สารหล่อเลื่อน เจล หล่อลื่น ถ้าไม่มีใช้วาสลิน หรือสบู่เหลว
ผ้ายางรองก้นและกระดาษชําระ
หม้อนอนหรือ ถุงพลาสติกสําหรับใช่อุจจาระ
วิธีปฏิบัติ
แนะนําตัว และบอกวัตถุประสงค์ให้ผู้ป่วยทราบ
ให้ผู้ป่วยนอนตะแคงซ้ายถึงคว่่ำ ขาขวา งอเล็กน้อย (Sim's position)
ปูผ้ายางรองให้ผู้ป่วย และวางหม้อนอนหรือ
พยาบาลสวมถุงมือ 2 ชั้น แล้วใช้นิ้วชี้หล่อลื่นด้วยเจลหล่อลื่น (วาสลินหรือ สบู่เหลว) บอกผู้ป่วยให้รู้ตัวแล้วสอดนิ้วชี้เข้าทางทวารหนัก พร้อมให้ผู้ป่วยช่วยอ้าปากหายใจยาว ๆ เพื่อช่วยผู้ป่วยผ่อนคลายและไม่รู้สึกเจ็บ
ล้วงเอาก้อนอุจจาระออกใส่ในหม้อนอนหรือถุงพลาสติกที่เตรียมไว้ พยาบาล ต้องทําด้วยความนุ่มนวลและรวดเร็วเนื่องจากอาจทําให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บและเขินอายได้
เช็ดทําความสะอาด จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และเก็บเครื่องใช้
ทําความสะอาดเครื่องใช้และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ภาวะท้องอืด (Flatulence หรือ Abdominal distention)
สาเหตุ
มีการสะสมของอาหารหรือน้ำมาก อาหารไม่ย่อย รับประทานอาหารมาก เกินไป หรือเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
มีแก๊สในกระเพาะอาหารหรือลําไส้ปริมาณมาก
มีการสะสมของอุจจาระมาก เนื่องจากไม่ได้ขับถ่ายออกตามปกติ
ปริมาตรของช่องท้องลดลงจากความผิดปกติของอวัยวะที่อยู่ใกล้เคียง
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องอืด
จัดท่านอน ให้นอนศีรษะสูง 45-60 องศา เพื่อให้กระบังลมหย่อยตัว ปอด ขยายตัวได้ดีขึ้นลดอาการแน่นหน้าอกและทําให้หายใจสะดวก
อธิบายสาเหตุและวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการท้องอืด แสดงความเห็นอก เห็นใจและให้กําลังใจ
ค้นหาสาเหตุของอาการท้องอืดและให้การช่วยเหลือตามสาเหตุ
สาเหตุจากการถูกจํากัดการเคลื่อนไหวหรือความสามารถในการขยับตัว
อธิบายการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง เพื่อกระตุ้นการบีบตัวของลําไส้ให้ ระบายแก๊สออกได้
การใส่สายทางทวารหนัก (Rectal tube)
พิจาณาการใช้ยา อาจให้ยาช่วยย่อยอาหาร ยาขับลม
กระตุ้นและช่วยเหลือเคลื่อนไหวของร่างกาย
สาเหตุจากได้รับยาระงับปวดที่มีอาการข้างเคียงทําให้ลดการ เคลื่อนไหวของลําไส้
สังเกตอาการท้องอืดโดยการสอบถามผู้ป่วยถึงอาการท้องอืด
ตรวจร่างกายโดยวิธีการดู การคลํา การเคาะและการฟัง Bowel Sound ลงบันทึกไว้ทุก 4 ชั่วโมงตามเวลาวัดสัญญาณชีพ
พิจารณาให้ยารับงับปวดตามความจําเป็น (PRIN) โดยการประเมิน คะแนนความเจ็บปวดทุกครั้ง
สาเหตุจากอาหารไม่ย่อย
สังเกตอาการท้องอืดโดยการสอบถามผู้ป่วยถึงอาการท้องอืด
ตรวจร่างกายโดยวิธีการดู การคลํา การเคาะและการฟัง Bowel Sound ลงบันทึกไว้ทุก 4 ชั่วโมงตามเวลาวัดสัญญาณชีพ
แนะนําให้รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย หรืองดน้ำและอาหาร ทางปากชั่วคราวหรือจนกว่าอาการจะดีขึ้น
การกลั้นอุจจาระไม่ได้ (Fecal incontinence)
ผลการกลั้นอุจจาระไม่ได้ (Fecal incontinence)
ผลด้านจิตใจ
เกิดการสูญเสียความรู้สึกมีคุณค่าและความนับถือต่อตนเอง
ผลด้านสังคม
เป็นเรื่องน่าอับอายส่งผลให้ไม่ต้องการออกสังคม หรือพบปะผู้คนโดยไม่มีเหตุจําเป็น
ผลด้านร่างกาย
เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและอาจเกิดแผลจากการระคายเคืองเสียดสีของผิวหนังบริเวณรอบรู ทวาร
ผลด้านจิตวิญญาณ
ขาดการแสดงออกถึงความต้องการการมีส่วนร่วมในกิจกรรม ทางศาสนากลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้น
การพยาบาลผู้ป่วยที่กลั้นอุจจาระไม่ได้
ด้านจิตใจ ด้านสังคม ด้านจิตวิญญาณ
ให้ กําลังใจ และสร้างเสริมกําลังใจกับผู้ป่วยให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข และกล้าที่ออก สังคมอย่างมั่นใจ
ด้านร่างกาย
ความสะอาดทั่วไปของร่างกาย
การควบคุมการขับถ่ายอุจจาระโดยใช้วิธีการฝึกถ่ายอุจจาระเป็นเวลาเลือก เป็นเวลาที่สะดวก
ให้การดูแลผิวหนังให้สะอาด และแห้งตลอดเวลา
ดูแลเสื้อผ้า ที่นอน ให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ
รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการเกิดโรคหวัด ซึ่งจะทําให้มีอาการไอ จาม
ภาวะท้องเสีย (Diarrhea)
สาเหตุของภาวะท้องเสีย
จากอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
จากการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ และอารมณ์ จนทําให้เกิดการเจ็บป่วยที่แสดง ออกทางร่างกาย
การได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและมีอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
ผลที่เกิดจากภาวะท้องเสีย
เกิดภาวะเสียสมดุลน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย (Electrolyte imbalance)
เกิดความไม่สุขสบาย ปวดท้อง เนื่องจากการบีบตัวของลําไส้และการถ่าย อุจจาระหลาย ๆ ครั้ง เป็นการรบกวนการใช้ชีวิตประจําวันและการพักผ่อน
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องเสีย
ให้การช่วยเหลือดูแลในการขับถ่ายอุจจาระที่มีจํานวนครั้งค่อนข้างบ่อย
แสดงการช่วยเหลือด้วยท่าที่เหมาะสมและเต็มใจ
ให้โอกาสผู้ป่วยได้อยู่ตามลําพัง แต่ไม่ควรทิ้งผู้ป่วยหมั่นดูอาการเป็น ระยะๆ และเมื่อได้ยินสัญญาณเรียกจากผู้ป่วย
ช่วยเหลือผู้ป่วยให้ถ่ายได้ทัน ไม่หกเรี่ยราด เลอะเทอะ และอํานวยความ สะดวกสบายให้แก่ผู้ป่วย
ช่วยเหลือชําระล้างและทําความสะอาดหลังการถ่ายอุจจาระ
การดูแลเรื่องอาหาร
ติดตาม เฝ้าระวัง ป้องกัน และช่วยแก้ไขอาการขาดน้ําและเกลือแร่
ทดแทนน้ำ และเกลือแร่ให้พอเพียงกับความต้องการของร่างกาย
ประเมินภาวะสมดุลของน้ำและเกลือแร่เป็นระยะๆ แล้วแต่ความรุนแรง ของอาการ
บันทึกปริมาณน้ำที่ได้รับและที่ขับออกจากร่างกายให้ครบถ้วน
สังเกตความผิดปกติอื่น ๆ ที่เกิดร่วมด้วย
สังเกตและบันทึกลักษณะอุจจาระ
ส่งเสริมการพักผ่อนนอนหลับ
ประเมินสภาพผู้ป่วย
การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
อธิบายให้ญาติล้างมือก่อนสัมผัสผู้ป่วย
บริการอาหารที่สะอาดปรุงสุกใหม่ ไม่มีแมลงวันตอม
แนะนําการได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
ติดตามวัดสัญญาณชีพ ทุก 2-4 ชั่วโมงพบอาการผิดปกติรายงานแพทย์
ล้างมือก่อนและหลังการให้การพยาบาลทุกครั้ง
ติดตามผลการตรวจอุจจาระ
การถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง (Fecal diversion)
ชนิดของ Stoma ที่เป็นช่องทางขับถ่ายอุจจาระ
Colostomy เป็นทวารหนักชนิดลําไส้ใหญ่
Transverse Colostomy นําส่วนขวางของลําไส้ใหญ่มา เปิดออก
Sigmoid colostomy นําส่วนปลายของลําไส้ใหญ่มา เปิดออก
Ascending Colostomy นําส่วนต้นของลําไส้ใหญ่มาเปิดออก
Ileostomy เป็นทวารหนักชนิดลําไส้เล็ก
เปิดออกจะเป็นส่วนปลายของ ลําไส้เล็ก (leum) อยู่ที่หน้าท้องส่วนล่างด้านขวา มีทั้งชนิดที่เป็นรูเปิดเดียว และ 2 รูเปิด
การพยาบาลผู้ป่วยที่ถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง
การรับประทานอาหารที่เหมาะสม
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทําให้เกิดแก็ส
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทําให้เกิดกลิ่น
รับประทานอาหารที่ป้องกันอาการท้องผูก
ควรรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ ในเวลาเดียวกันทุก ๆ วัน
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรืออาหารหมักดอง
การออกกําลังกายและการทํางาน
ระยะแรก ผู้ป่วยควรออกกําลังกายเบา ๆ
หลังผ่าตัด 3-6 เดือน ออกกําลังกายได้ตามปกติ
การปิดถุงรองรับอุจจาระ
ถุงปลายเปิด ใช้สําหรับของเสียที่เป็นน้ำ อุจจาระเหลว และมีปริมาณมาก
ถุงปลายปิด ใช้สําหรับอุจจาระที่ค่อนข้างเป็นก้อน ใช้ได้ทั้งระบบชิ้นเดียวหรือ สองชิ้น และเปลี่ยนถุงอย่างน้อยวันละครั้ง
การฝึกหัดการขับถ่าย โดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง ต้องหัดเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง
การทําความสะอาดช่องเปิดของลําไส้ และผิวหนังรอบ ๆ
ระยะที่ 2 หลังผ่าตัด 7-10 วัน
ระยะที่ 3 หลังผ่าตัด 6-8 สัปดาห์
ระยะที่ 1 หลังผ่าตัด 4-5 วัน
ภาวะแทรกซ้อน สังเกตและดูแลตนเอง จากภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย
การทําความสะอาดแผลทวารเทียม
ดึงถุงที่มีกาวติดกับผิวหนังออก แล้วใช้ลําสีสะอาดชุบน้ำสะอาดเช็ดทําความสะอาด Stoma
เช็ดผิวหนังรอบ ๆ ให้สะอาด เช็ดด้วยสําลีแห้ง แล้วปิดถุงใหม่ลงไป
สังเกตรอยแดง หรือผื่น และระวังมีแผลถลอกจากการดึงพลาสติกกาวที่ติดแน่นกับผิวหนัง
คําแนะนําสําหรับผู้ป่วยผ่าตัดเปิดลําไส้ทางหน้าท้อง
หลังผ่าตัดประมาณ 7-10 วัน ผู้ป่วยจึงสามารถประกอบกิจวัตรประจําวันได้ตามเดิม
6-8 เดือน สามารถออกกําลังกายได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงกีฬาที่หักโหมรุนแรง
ไม่ควรยก ของหนักเพราะอาจเป็นสาเหตุการเกิดไส้เลื่อนได้
รับประทานอาหารได้ทุกประเภท ยกเว้นบางโรคที่ ต้องควบคุมการรับประทานอาหาร
อาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์
ผิวหนังรอบทวารเทียมอักเสบหรือเกิดแผลเปื่อยจากอุจจาระ
ลําไส้ที่ทําทวารเทียมตีบแคบ บวม หรือ มีสีดําคล้ำ
ไส้เลื่อน หรือ ลําไส้ยื่นออกมามากผิดปกติ
เลือดออกมาก
ท้องเสียรุนแรง อุจจาระเหม็นผิดปกติ
ท้องผูก ไม่ถ่ายอุจจาระ ท้องอืด อาเจียน
การสวนอุจจาระ
วัตถุประสงค์
เตรียมผ่าตัดในรายที่ผู้ป่วยจะต้องดมยาสลบ
เตรียมคลอด
เตรียมตรวจทางรังสี
เพื่อการรักษา
ลดปัญหาอาการท้องผูก
ชนิดของการสวนอุจจาระ
Cleansing enema
Normal saline solution enema (NSS enema) เป็นการสวนอุจจาระโดยใช้ สารละลาย
Fleet enema เป็นการสวนอุจจาระโดยน้ำยาสําเร็จรูป
Soap sud enema (SSE) เป็นการสวนอุจจาระโดยใช้น้ำสบู่ผสมน้ำ
Oil enema เป็นการสวนอุจจาระโดยใช้น้ำมันพืช
Tap water enema (TWE) เป็นการสวนเอาน้ำสะอาดเข้าในลําไส้
Retention enema
Oil-retention enema เป็นการสวนเก็บน้ำมัน เพื่อให้อุจจาระอ่อนตัว กระตุ้น ให้ลําไส้มีการบีบตัวดีขึ้น
Medicated enema เป็นการสวนเก็บด้วยยา เพื่อให้ยาดูดซึมเข้าไปในร่างกาย ทางทวารหนัก
อุปกรณ์เครื่องใช้
สารหล่อลื่น เช่น KY jelly เป็นต้น
ชามรูปไต
หัวสวนอุจจาระ
กระโถนนอน
ผ้าปิดกระโถนนอน
กระดาษชําระ
ผ้ายางกันเปื้อน
สารละลายที่ใช้ในการสวนอุจจาระ
เหยือกน้ำ
หม้อสวน
เสาน้ำเกลือ
ถุงมือสะอาด 1คู่ และ Mask
วิธีปฏิบัติ
ปูผ้ายางรองก้นบริเวณก้นของผู้ป่วย ป้องกันไม่ให้ที่นอนเปรอะเปื้อน
จัดท่านอนให้ถูกต้อง
คลุมผ้าเปิดเฉพาะบริเวณทวารหนักไม่เปิดเผย ลดอาการเกร็งของผู้ป่วยจาก ความเขินอายและทําให้เกิดความมั่นใจ
ล้างมือ สวมถุงมือ และต่อหัวสวนกับสายสวนให้แน่น
ปิด Clamp หัวสวนไว้ เทน้ำยาใส่หม้อสวน
เปิด Clamp เพื่อไล่อากาศในสายสวน และหัวสวน ปิด Clamp
บอกให้ผู้ป่วยทราบว่าจะทําการสวนอุจจาระ โดยการแตะหัวสวนที่ทวารหนัก อย่างนุ่มนวลเบา ๆ
สอดหัวสวนเข้าทวารหนักให้ปลายหัวสวนมุ่งไปทิศทางสะดือลึกประมาณ 3 นิ้ว
จับหัวสวนให้แน่กระชับมือ เปิด Clamp ให้น้ำไหลช้า ๆ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที
ค่อย ๆ ดึงสายสวนออกเบา ๆ ปลดหัวสวนออก ห่อด้วยกระดาษชําระวางใน ชามรูปไต
สอด Bed pan กั้นม่านให้มิดชิด หลังถ่ายเสร็จใช้ Bed pad ปิดคลุม Bed pan หรือในรายที่เดินได้ให้ผู้ป่วยลุกเดินไปห้องน้ำเอง
เก็บเครื่องใช้ ทําความสะอาดให้เรียบร้อย ถอดถุงมือ ล้างมือให้สะอาด
ลงบันทึกทางการพยาบาล
บอกผู้ป่วยให้ทราบถึงเหตุผลการสวน และวิธีการปฏิบัติตัว
เตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ให้ครบถ้วน
ข้อคํานึงในการสวนอุจจาระ
ข้อควรระวังในการสวนอุจจาระ
ท่านอนของผู้ป่วย ท่านอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำ
ปริมาณสารละลายใช้สวนอุจจาระ
เด็กเล็ก ใช้ในปริมาณ 150-250 ml
ด็กอายุ 10 เดือน ถึง 10 ปี ใช้ในปริมาณ 250-500 ml
เด็กอายุ 10-14 ปี ใช้ในปริมาณ 500-750 ml
ผู้ใหญ่ ใช้ในปริมาณ 750-1,000 ml
แรงดันของสารน้ำที่สวนให้แก่ผู้ป่วย
การปล่อยน้ํา เปิด Clamp ให้น้ำไหลช้า ๆ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที
อุณหภูมิของสารน้ำ อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 105°F (40.5 °C)
ความลึกของสายสวนที่สอดเข้าไปในลําไส้ และลักษณะของสายสวนอุจจาระ
การหล่อลื่นหัวสวนด้วยสารหล่อลื่น เช่น KY jelly เป็นต้น
ทิศทางการสอดหัวสวน ให้ปลายหัวสวนมุ่งไปทิศทางสะดือลึกประมาณ 2 นิ้วแล้วเบนปลายกลับให้ขนานกับแนวกระดูกสันหลังตามลักษณะโค้งของลําไส้
ระยะเวลาที่สารน้ำกักเก็บอยู่ในลําไส้ใหญ่
การแก้ไขเมื่อสารละลายในหม้อสวนไม่ไหลเป็นปกติ
อาการแทรกซ้อนจากการสวนอุจจาระ
การระคายเคืองต่อเยื่อบุลําไส้
ผนังลําไส้ถลอก หรือทะลุ
ภาวะเป็นพิษจากน้ำ (Water intoxication)
การติดเชื้อ เช่นลําไส้อักเสบ ตับอักเสบ
การคั่งของโซเดียม เพราะปกติลําไส้จะดูดซึมโซเดียมได้ดีมาก
ภาวะ Methemoglobinemia เป็นภาวะที่เม็ดเลือดแดงในร่างกายลดความสามารถ
ข้อห้ามในการสวนอุจจาระ
ลําไส้อุดตัน (Bowel obstruction)
มีการอักเสบของลําไส้ เช่น ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) เป็นต้น
มีการติดเชื้อในช่องท้อง (Infection of abdomen)
ผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดลําไส้ส่วนปลาย (Post rectal Surgery)
การเก็บอุจจาระส่งตรวจ
ชนิดการเก็บอุจจาระส่งตรวจ
การตรวจอุจจาระหาความผิดปกติ (Fecal examination หรือ Stool examination)
การตรวจอุจจาระหาเลือดแฝง (Occult blood) ตรวจในรายที่สงสัยว่า มีเลือดแฝง ในอุจจาระ
การตรวจอุจจาระโดยการเพาะเชื้อ (Stool culture) เพื่อนําไปเพาะเชื้อ เลี้ยงเชื้อ
อุปกรณ์เครื่องใช้
ไม้แบน สําหรับเขี่ยอุจจาระ
กระดาษชําระ
ใบส่งตรวจ
หม้อนอน
ภาชนะมีฝาปิดมิดชิด
วิธีปฏิบัติ
การเก็บอุจจาระส่งตรวจหาความผิดปกติ
อธิบายให้ผู้ป่วยทราบ และเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บอุจจาระส่ง ตรวจ
ให้ผู้ป่วยถ่ายอุจจาระลงในหม้อนอนที่สะอาดและแห้ง ใช้ไม้แบนเขี่ย อุจจาระจํานวนเล็กน้อยใส่ภาชนะ
ส่งห้องปฏิบัติการทันทีภายใน 30 นาที พร้อมใบส่งตรวจ
ลงบันทึกทางการพยาบาล ลักษณะ สี กลิ่น สิ่งเจือปน
การเก็บอุจจาระส่งตรวจเพาะเชื้อ
ส่งห้องปฏิบัติการทันทีภายใน 30 นาที พร้อมใบส่งตรวจ
ลงบันทึกทางการพยาบาล ลักษณะ สี กลิ่น สิ่งเจือปน
ห้ผู้ป่วยเบ่งถ่ายเล็กน้อย ใช้ไม้พันสําลีใส่เข้าไปในรูทวาร 1-2 นิ้ว แล้วจุ่ม ไม้พันสําลีลงในอาหารเลี้ยงเชื้อ
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
ตัวอย่าง
หญิงไทยรายหนึ่ง อายุ 35 ปี ให้ประวัติว่ามีอาการท้องผูกต้องใช้ยาระบายก่อนนอน เป็นประจําทุกคืน และมีพฤติกรรมไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้ ดื่มน้ําน้อยวันละไม่ถึง 1,000 m.
การประเมินภาวะสุขภาพ (Health assessment)
S. “ทานยาระบายก่อนนอนเป็นประจําทุกคืน ไม่ชอบอาหารประเภทผัก และผลไม้”
O: จากการตรวจร่างกาย พบAbdomen: Distension, Tympanic sound, Decrease bowel sound 1-2 time/min
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
ท้องผูกเนื่องจากมีพฤติกรรมใช้ยาระบายเป็นประจํา
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
วัตถุประสงค์
เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีพฤติกรรมในการรับประทานอาหารที่ถูกต้อง
เกณฑ์การประเมินผล
ถ่ายอุจจาระได้โดยไม่ใช้ยาระบาย
มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีกากใย
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับถ่ายอุจจาระ
การวางแผน
ให้ความรู้และเน้นความสําคัญของการดูแลสุขภาพเรื่องการโรคของระบบ ทางเดินอาหารและลําไส้ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
แนะนําให้ความรู้และเน้นความสําคัญของการบริโภคอาหารที่มีกากใย
ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคระบบทางเดินอาหารและลําไส้
อธิบายประโยชน์ของการดื่มน้ําให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ควรดื่ม น้ําสะอาดอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
นะนําให้ออกกําลังกายตามความเหมาะสม
ให้ความรู้เรื่องสมุนไพรไทยช่วยในการขับถ่ายอุจจาระทดแทนการใช้ยาระบาย
ฝึกการขับถ่ายอุจจาระเป็นตรงเวลาทุกวัน
ทําจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส ลดความเครียดหรือวิตกกังวล ช่วยทําให้นอนหลับสบาย
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
เลือกรับประทานอาหารที่มีกากใย และดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับถ่ายอุจจาระตรงเวลาทุกวัน
มีการถ่ายอุจจาระได้โดยไม่ใช้ยาระบาย