Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ - Coggle Diagram
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
ความสำคัญของการขับถ่ายอุจจาระ
ภาวะปกติ
อุจจาระจะมีส่วนประกอบเป็นน้ำประมาณร้อยละ 70-80
ส่วนที่เป็นของแข็งครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งเป็นแบคทีเรีย
โดยทั่วไปความรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระมักเกิดขึ้นเมื่อตื่นนอนหรือหลังมื้ออาหาร
การออกกำลังกายอย่างสม่ าเสมอทุกวันก็ช่วยใน
การขับถ่าย
การขับถ่ายอุจจาระจึงเป็นสิ่งสำคัญ
เพราะเป็นการขับของเสียออกจากร่างกาย
ร่างกายไม่ขับถ่ายอาจทำให้เกิดสารพิษและของเสียที่ตกค้างอยู่ในลำไส้
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการขับถ่ายอุจจาระ
อายุ (Age)
เด็กเล็ก
สามารถในการควบคุมการขับถ่ายได้เมื่ออายุ ตั้งแต่ 24-30 เดือนขึ้นไป
อาจมีการถ่ายอุจจาระวันละหลาย ๆ ครั้ง
เมื่ออายุมากขึ้นเซลล์กล้ามเนื้อจะลดขนาดลง
และกำลังกล้ามเนื้อก็จะลดลง
ผู้สูงอายุ
มีปัญหากล้ามเนื้อหูรูดหย่อนยาน
ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง
ปัญหาการขับถ่ายอุจจาระจึงเกิดขึ้นได้มากกว่าวัยอื่น
ชนิดของอาหารที่รับประทาน (Food intake)
อาหารจำพวกพืชผัก ผลไม้ ที่
มีกากใยมาก
ช่วยทำให้อุจจาระสามารถขับเคลื่อน
ได้ดีกว่าอาหารที่กากใยน้อย
ช่วยเพิ่มน้ำหนักอุจจาระ และช่วยทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม
เช่น คะน้า กระเฉด มะละกอ ลูกพรุน
ปริมาณน้ำที่ร่างกายได้รับ (Fluid intake)
น้ำจะเป็นตัวสำคัญที่ทำให้
อุจจาระมีลักษณะนุ่มพอดี ไม่แห้ง แข็งเกินไป
ช่วยกระตุ้นให้มีการ
เคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่ได้ดี
ทำให้มีการถ่ายอุจจาระได้ง่ายขึ้น
ดื่มน้ำสะอาดวันละ 6-8 แก้ว
ช่วยเรื่องการขับถ่ายอุจจาระเป็นไปตามปกติ
น้ำลูกพรุน ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ
น้ำส้ม น้ำมะนาวช่วยกระตุ้นให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหว
การเคลื่อนไหวของร่างกาย (Body movement)
ช่วยทำให้การทำงานของลำไส้เป็นไปอย่างปกติ
ผู้ป่วยที่เคลื่อนไหวได้น้อย หรือถูกจำกัดการเคลื่อนไหว
ทำให้การทำงานของลำไส้ลดลง
ส่งผลให้มีปัญหาเรื่องการถ่ายอุจจาระ
อารมณ์ (Emotion)
อารมณ์มีการเปลี่ยนแปลง
หงุดหงิด หรือวิตกกังวล
ทำให้ต่อมหมวกไตหลั่งฮอร์โมน
การทำงานของระบบประสาท Sympathetic
มีการเปลี่ยนแปลง
ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
ความสม่ำเสมอในการขับถ่าย (Defecation habits )
การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน
การรับประทานอาหาร น้ำ รวมทั้งการออกกำลังกาย และการพักผ่อน
ส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่ายอุจจาระได้
ควรมีการฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา หรือ
เมื่อรู้สึกอยากถ่ายให้รีบไปถ่าย
ความเหมาะสม (Opportunity)
สิ่งแวดล้อมมีส่วนช่วยในการขับถ่าย
สถานที่ไม่เป็นส่วนตัว หรือห้องน้ำไม่สะอาด
ส่งผลให้บุคคลไม่อยากถ่ายอุจจาระจึงกลั้นอุจจาระ
ท่าทางในการขับถ่าย (Opportunity and position)
ท่านั่งจะช่วยในการขับถ่ายได้สะดวก
ยา (Medication)
อาการข้างเคียงของยาบางชนิดมีผลต่อระบบทางเดิน
อาหารอาจทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
เช่น ยาที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้า จะทำให้
กระเพาะอาหารทำงานน้อยลง
ยา Atropine และ Morphine จะทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง
การตั้งครรภ์ (Pregnancy)
อายุครรภ์มากขึ้น ทารกในครรภ์โตขึ้นมด
ลงก็ขยายตัวโตด้วย ทำให้จะไปเบียดกดลำไส้ส่วนปลาย
การเบ่งถ่ายอุจจาระจึงต้องใช้แรงเพิ่มขึ้น
ส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกเป็นประจำ
เกิดโรคริดสีดวงทวารในหญิงตั้งครรภ์
อาการปวด (Pain)
โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid)
การผ่าตัดส่วนลำไส้ตรง (Rectal surgery)
การผ่าตัดหน้าท้อง (Abdominal surgery)
มีอาการปวดถ่ายอุจจาระ ผู้ปวยจะไม่ยอมเบ่งถ่ายอุจจาระ่เพราะกลัวเจ็บทำให้อั้นอุจจาระไว
การผ่าตัดและการดมยาสลบ (Surgery and Anesthesia)
การตรวจวินิจฉัยโรค (Diagnostic test)
ลักษณะของอุจจาระปกติและสาเหตุของอุจจาระที่ผิดปกติ
Type 1Separate hard lumps, like nuts (Difficult to pass)
ลักษณะแข็งคล้ายเมล็ดถั่ว คนไทยเรียกว่า “ขี้แพะ”
Type 2 Sausage shaped but lumpy
(ลักษณะยาวแต่เป็นก้อน)
Type 3 Like a sausage but with cracks on surface
(ลักษณะยาวหรือขดม้วน แต่พื้นผิวบนนุ่ม ๆ)
Type 4 Like a sausage or snake, smooth and soft
(ลักษณะยาวหรือขดม้วน เรียบ และนุ่ม)
Type 5 Soft blobs with clear-cut edges
(ลักษณะเป็นก้อนนุ่ม ๆ แยกออกจากันชัดเจน)
Type 6 Fluffy pieces with ragged edges, a mushy stool
(ลักษณะเป็นก้อนนุ่มปุย มีขอบขยักไม่เรียบ)
Type 7 Watery, no solid pieces (entirely liquid)
(ลักษณะเป็นน้ าไม่มีเนื้ออุจจาระปน)
ลักษณะ
สี
ปกติ
เด็ก: สีเหลือง
ผู้ใหญ่: สีน้ำตาล
ผิดปกติ
ขาว หรือคล้ายดินเหนียว
ไม่มีน้ำดี
ดำ (Melena)
มีธาตุเหล็กปนอยู่
มีเลือดออกในทางเดินอาหาร
แดง
มีเลือดออกในทางเดินอาหาร
มีริดสีดวงทวาร
บริโภคผักหรือผลไม้สีแดง
ซีด และเป็นมันเยิ้ม
พร่องหน้าที่การดูดซึมของไขมัน
กลิ่น
ปกติ
มีกลิ่นเฉพาะ:จากอาหารตกค้าง
ผิดปกติ
กลิ่นเปลี่ยนเหม็นมาก
การติดเชื้อจากเลือดในอุจจาระ
ลักษณะ
ปกติ
อ่อนนุ่ม
ผิดปกติ
เหลว
ท้องเสียหรือการดูดซึมลดลง
แข็ง
ท้องผูก
ความถี่
ปกติ
เด็ก:(นมมารดา) วันละ 4-6 ครั้ง (นมขวด) วันละ 1-3 ครั้ง
ผู้ใหญ่: วันละ 2 ครั้ง หรือ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง
ผิดปกติ
เด็ก : มากกว่า วันละ 6 ครั้ง หรือ 1-2 วัน ครั้งเดียว
ผู้ใหญ่ :มากกว่าวันละ 3 ครั้งหรือ สัปดาห์ละครั้ง
มีกิจกรรมการเคลื่อนไหวมากเกินไป
หรือน้อยเกินไป
รูปร่าง
ปกติ
เท่ากับขนาดความกว้างของลำไส้ตรง
ผิดปกติ
ขนาดเล็กคล้ายดินสอ
มีการอุดตันในทางเดินอาหารหรือมีการบีบตัวของลำไส้เพิ่มขึ้น
อื่นๆ
ปกติ
อาหารไม่ย่อย, แบคทีเรียที่ตายแล้ว, ไขมัน, สีน้ำดี,เซลล์หรือเยื่อบุลำไส้, น้ำ
ผิดปกติ
เลือด, หนอง, มูก,แปลกปลอม, พยาธิ
มีเลือดออกในทางเดินอาหาร ,
รับประทานอาหารบูด, มีการระคายเคือง
มีการอักเสบ,และมีพยาธ
อุจจาระเป็นน้ำมันเยิ้ม
กลุ่มอาการพร่องการดูดซึม, ลำไส้อีกเสบ
โรคของตับอ่อน, มีการผ่าตัดเกี่ยวกับลำไส้
เป็นมูก
มีการระคายเคืองของลำไส้
อักเสบ, มีการติดเชื้อหรือได้รับอันตราย
สาเหตุและการพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาการขับถ่ายอุจจาระ
การถ่ายอุจจาระของคนเรามีความแตกต่างกัน
การพยาบาลสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาการถ่ายอุจจาระ
ภาวะท้องผูก (Constipation)
การขับถ่ายซึ่งอุจจาระมีลักษณะแห้งแข็ง
มีอาการอยากถ่ายที่เรียกว่า “การถ่ายอุจจาระไม่สุด”
สาเหตุภาวะท้องผูก
ภาวะท้องผูกแบบปฐมภูมิ
รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย
ภาวะขาดน้ำ
การเคลื่อนไหวลดลงแรงตึงตัวของกล้ามเนื้อลดลง
ภาวะท้องผูกแบบทุติยภูมิ
เกิดจากความเจ็บป่วยหรือการรักษาด้วยยา
ฝิ่น หรือยาระงับปวด
อนุพันธ์ของฝิ่นที่ส่งผลต่อแรงตึงตัวของ
กล้ามเนื้อเรียบของลำไส้
ยับยั้งการเคลื่อนไหวของลำไส้
ลดความไวต่อการขยายตัวของทวารหนัก
การอุดกั้นของระบบทางเดินอาหาร
จากการล่าช้าของการขับถ่ายทำให้อุจจาระแข็ง
เกิดก้อนเนื้อของลำไส้หรือก้อนเนื้อของเชิงกราน
ความผิดปกติในการทำหน้าที่ของไขสันหลัง
อันเป็นผลของการไม่เคลื่อนไหว
การสูญเสียการรับความรู้สึกของทวารหนัก
การลดลงของความตึงตัวของทวารหนักและสำไส้ใหญ่
ภาวะท้องผูกจากการลดลงของการเคลื่อนไหวของลำไส้
เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของประสาทที่ลำไส้
การติดยาระบาย
การทำหน้าที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อพื้นเชิงกราน
จากการหดรัดตัวที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อและหูรูดระหว่างการขับถ่าย
เป็นสาเหตุของภาวะท้องผูกจากการอุดกั้นทางออก
ของอุจจาระ
ภาวะผิดปกติของลำไส้
มีความสัมพันธ์กับภาวะท้องผูก
อาจเกี่ยวข้องกับความไวต่อการกระตุ้นของอวัยวะภายใน
การเคลื่อนไหวของลำไส้ผิดปกติ
ผลที่เกิดจากภาวะท้องผูก
เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้อง ไม่สุขสบายเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะวิงเวียน
เกิดอาการปากแตก ลิ้นแตก ลมหายใจเหม็น อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
เป็นโรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid)
แบคทีเรียในลำไส้ จะเปลี่ยนยูเรียจากกากอาหาร เป็นแอมโมเนีย
ดูดซึมเข้ากระแสเลือดไปยังสมองในผู้ปุวยโรคตับจะเกิดอาการ Hepatic encephalopathy
ดูดซึมเข้ากระแสเลือดไปยังสมองในผู้ปุวยโรคตับจะเกิดอาการ Hepatic encephalopathy
ถ้าทิ้งไว้นานอุจจาระอาจอัดกันเป็นก้อนแข็ง
การกลั้นอุจจาระไม่ได้ (Incontinence)
การพยาบาลผู้ปุวยที่มีภาวะท้องผูก
แนะนำให้ความรู้และเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล
แนะนำและกระตุ้นให้ผู้ปุวยรับประทานอาหารให้มากเพียงพอ
แนะนำ กระตุ้น และช่วยให้ผู้ป่วยได้รับน้ำให้เพียงพอ
แนะนำและช่วยเหลือเกี่ยวกับการถ่ายอุจจาระ และควรฝึกระบบขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา
จัดสรรเวลาในตอนเช้าเพื่อฝึกให้เคยชินกับการถ่ายอุจจาระตรงเวลาทุกวัน
แนะนำให้ออกกำลังกาย
สังเกตความถี่การใช้ยาระบายหรือยาถ่าย
แนะนำสมุนไพรซึ่งเป็นอาหารหรือนำมาปรุงอาหาร
การอัดแน่นของอุจจาระ (Fecal impaction)
สาเหตุ
อาการเริ่มแรก คือ ไม่ได้ถ่ายอุจจาระติดต่อกันนานแล้ว
พบอุจจาระเป็นน้ำเหลวไหวซึมทางทวารหนักทีละเล็กละน้อยอย่างควบคุมไม่ได้
ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดท้องมาก ปวดอุจจาระ
อยากถ่ายตลอดเวลาแต่ถ่ายไม่ออก
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีการอัดแน่นของอุจจาระ
การช่วยเหลือเอาก้อนอุจจาระออกจากร่างกาย
การล้วงอุจจาระ (Evacuation)
อาจใช้ยาระบายเพื่อทำให้ก้อนอุจจาระอ่อนนุ่มและหล่อลื่น
หรือการสวนอุจจาระในกรณีที่ใช้ยาไม่ได้ผล
การล้วงอุจจาระ (Evacuation)
การล้วงอุจจาระออกโดยตรง
เป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยในกรณีที่ผู้ปุวยถ่ายอุจจาระออกเองไม่ได้
อุปกรณ์เครื่องใช้
ถุงมือสะอาด 2 คู่ และหน้ากากอนามัย (Mask)
สารหล่อเลื่อน เจล หล่อลื่น ถ้าไม่มีใช้วาสลิน หรือสบู่เหลว
ผ้ายางรองก้นและกระดาษชำระ
หม้อนอนหรือ ถุงพลาสติกสำหรับใช่อุจจาระ
วิธีปฏิบัติ
แนะนำตัว และบอกวัตถุประสงค์ให้ผู้ป่วยทราบ
ให้ผู้ป่วยนอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำ ขาขวา งอเล็กน้อย (Sim’s position)
ปูผ้ายางรองให้ผู้ป่วย และวางหม้อนอนหรือถุงพลาสติกไว้ใกล้ ๆ
พยาบาลสวมถุงมือ 2 ชั้น แล้วใช้นิ้วชี้หล่อลื่นด้วยเจลหล่อลื่
ล้วงเอาก้อนอุจจาระออกใส่ในหม้อนอนหรือถุงพลาสติกที่เตรียมไว้
เช็ดทำความสะอาด จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และเก็บเครื่องใช้
ทำความสะอาดเครื่องใช้และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
ภาวะท้องอืด (Flatulence หรือ Abdominal distention)
เป็นความรู้สึกแน่น อึดอัด ไม่ผายลม ไม่สบายในท้อง
เกิดจากมีแรงดันในช่องท้อง
เพิ่มขึ้นจากลมภายในลำไส้
สาเหตุ
มีการสะสมของอาหารหรือน้ำมาก อาหารไม่ย่อย รับประทานอาหารมากเกินไป หรือเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
มีแก๊สในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ปริมาณมาก
มีการสะสมของอุจจาระมาก เนื่องจากไม่ได้ขับถ่ายออกตามปกติ
ปริมาตรของช่องท้องลดลงจากความผิดปกติของอวัยวะที่อยู่ใกล้เคียง
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องอืด
จัดท่านอน ให้นอนศีรษะสูง 45-60 องศา
เพื่อให้กระบังลมหย่อยตัว ปอดขยายตัวได้ดีขึ้น
ลดอาการแน่นหน้าอกและทำให้หายใจสะดวก
อธิบายสาเหตุและวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการท้องอืด
ค้นหาสาเหตุของอาการท้องอืดและให้การช่วยเหลือตามสาเหตุ
สาเหตุจากการถูกจำกัดการเคลื่อนไหวหรือความสามารถในการขยับตัว
อธิบายการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง
กระตุ้นและช่วยเหลือเคลื่อนไหวของร่างกาย
การใส่สายทางทวารหนัก (Rectal tube) เพื่อระบายลม
พิจาณาการใช้ยา อาจให้ยาช่วยย่อยอาหาร ยาขับลม ทำให้เรอ ผายลม หลังให้ยา และทำให้สุขสบายขึ้น
สาเหตุจากได้รับยาระงับปวดที่มีอาการข้างเคียงทำให้ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้
สังเกตอาการท้องอืดโดยการสอบถามผู้ป่วยถึงอาการท้องอืด
ตรวจร่างกายโดยวิธีการดู การคลำ การเคาะและการฟัง Bowel sound
พิจารณาให้ยารับงับปวดตามความจ าเป็น (PRN)
สาเหตุจากอาหารไม่ย่อย
สังเกตอาการท้องอืดโดยการสอบถามผู้ป่วยถึงอาการท้องอืด
ตรวจร่างกายโดยวิธีการดู การคลำ การเคาะและการฟัง Bowelsound
แนะนำให้รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย หรืองดน้ำและอาหารทางปากชั่วคราว
การกลั้นอุจจาระไม่ได้ (Fecal incontinence)
ผลของการกลั้นอุจจาระไม่ได้
ผลด้านร่างกาย
เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและอาจเกิดแผล
เกิดความสกปรกเปรอะเปื้อนของเสื้อผ้าและเครื่องใช้
ผลด้านจิตใจ
เกิดการสูญเสียความรู้สึกมีคุณค่าและความนับถือต่อตนเอง
อาจส่งผลรุนแรงมากขึ้นจากปฏิกิริยาของบุคคลที่อยู่รอบข้างซึ่งมีการแสดงออกถึงความน่ารังเกียจต่อสิ่งที่ได้รับรู้
ผลด้านสังคม
เมื่อการกลั้นอุจจาระไม่ได้ เป็นเรื่องน่าอับอายส่งผลให้ไม่ต้องการออกสังคม
พบปะผู้คนโดยไม่มีเหตุจ าเป็น จึง
กลายเป็นคนแยกตัวออกจากสังคม
ผลด้านจิตวิญญาณ
ความรู้สึกเสียคุณค่าในตนเองลดลง
ขาดการแสดงออกถึงความต้องการการมีส่วนร่วมในกิจกรรม
ทางศาสนากลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนเองในอนาคต
การพยาบาลผู้ปุวยที่กลั้นอุจจาระไม่ได้
ด้านร่างกาย
ความสะอาดทั่วไปของร่างกาย
การควบคุมการขับถ่ายอุจจาระโดยใช้วิธีการฝึกถ่ายอุจจาระเป็นเวลา
ให้การดูแลผิวหนังให้สะอาด และแห้งตลอดเวลา
ดูแลเสื้อผ้า ที่นอน ให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ
รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการเกิดโรคหวัด
ด้านจิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ
ผู้ดูแลจึงควรให้กำลังใจ
สร้างเสริมกำลังใจกับผู้ปุวยให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
ภาวะท้องเสีย (Diarrhea)
สาเหตุของภาวะท้องเสีย
จากอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
จากการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ และอารมณ์
การได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและมีอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
ผลที่เกิดจากภาวะท้องเสีย
เกิดภาวะเสียสมดุลน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย
เกิดความไม่สุขสบาย ปวดท้อง
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องเสีย
ประเมินสภาพผู้ป่วย
ให้การช่วยเหลือดูแลในการขับถ่ายอุจจาระที่มีจำนวนครั้งค่อนข้างบ่อย
การดูแลเรื่องอาหาร ในระยะแรกมักให้งดอาหารและน้ำทางปาก (NPO)
ติดตาม เฝ้าระวัง ป้องกัน และช่วยแก้ไขอาการขาดน้ำและเกลือแร
การถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง (Fecal diversion)
การผ่าตัดเอาลำไส้มาเปิดออกทางหน้าท้อง
เพื่อให้เป็นทางออกของอุจจาระ มักทำใน
ผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพที่ลำไส้
การพยาบาลผู้ป่วยที่ถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง
การทำความสะอาดช่องเปิดของลำไส้ และผิวหนังรอบ ๆ
ระยะที่ 1 หลังผ่าตัด 4-5 วัน
ทำความสะอาดแบบการทำแผลด้วยเทคนิค
ปราศจากเชื้อ
เพื่อป้องกันการติดเชื้อของแผลผ่าตัด
การดูแลทำความสะอาดบริเวณ Stoma และ
ผิวหนังรอบ ๆ Stoma
ระยะที่ 2 หลังผ่าตัด 7-10 วัน แผลผ่าตัดจะเริ่มติดดี
เริ่มมีอุจจาระออกทาง Stoma
ใช้สำลีสะอาด และน้ำต้มสุกทำความสะอาด Stoma และผิวหนังรอบ ๆ
ซับให้แห้งเปิดด้วยถุงรองรับอุจจาระ
ระยะที่ 3 หลังผ่าตัด 6-8 สัปดาห์
แผลจะยุบบวมและมีขนาดคงที
ระยะนี้สามารถทำความสะอาดด้วยน้ำ และสบู่อ่อน
ซับให้แห้ง
การปิดถุงรองรับอุจจาระ
เมื่อทำความสะอาด Stoma และผิวหนังรอบ ๆ แล้ว ต้อง
ปิดด้วยถุงรองรับอุจจาระเพื่อป้องกันผิวหนังรอบ ๆ
การรับประทานอาหารที่เหมาะสม ผู้ป่วยต้องปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารควรทราบถึงการเลือกชนิดของอาหารที่มีผลต่อการขับถ่ายอุจจาระ
การออกำลังกายและการทำงาน
ระยะแรก ผู้ป่วยควรออกกำลังกายเบา ๆ
หลังผ่าตัด 3-6 เดือน ออกกำลังกายได้ตามปกติ
การฝึกหัดการขับถ่าย โดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง
ต้องหัดเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง
เบ่งถ่ายอุจจาระทุกวัน ตอนเช้า
ภาวะแทรกซ้อน สังเกตและดูแลตนเอง จากภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย
การทำความสะอาดแผลทวารเทียม
ใช้ลำสีสะอาดชุบน้ำสะอาดเช็ดทำความสะอาด
Stoma ก่อน
เช็ดผิวหนังรอบ ๆ ให้สะอาด เช็ดด้วยสำแห้ง แล้วปิดถุงใหม่ลงไป
คำแนะนำสำหรับผู้ปุวยผ่าตัดเปิดลำไส้ทางหน้าท้อง
หลังผ่าตัดประมาณ 7-10 วัน แผลที่บริเวณ Stoma ก็จะแห้งสนิท
ระบบขับถ่ายอุจจาระก็จะเข้าสู่ภาวะปกติเช่นกัน
ผู้ป่วยจึงสามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้ตามเดิม
หลังผ่าตัด 6–8 เดือน สามารถออกกำลังกายได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงกีฬาที่หักโหมรุนแรง
การสวนอุจจาระ
วัตถุประสงค์
ลดปัญหาอาการท้องผูก
เตรียมตรวจทางรังสี
เตรียมผ่าตัดในรายที่ผู้ป่วยจะต้องดมยาสลบ
เตรียมคลอด
เพื่อการรักษา
การระบายพิษจากแอมโมเนียคั่งในกระแสเลือดในผู้ป่วยโรคตับ
ชนิดของการสวนอุจจาระ
Cleansing enema
เป็นการสวนน้ำหรือน้ำยาเข้าไปในลำไส้ใหญ่เพื่อกระตุ้น
ให้มีการเคลื่อนไหวของลำไส้
Tap water enema (TWE)
เป็นการสวนเอาน้ำสะอาดเข้าในลำไส้
ไม่นิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะอิเล็กโตรไลต์ไม่สมดุล หรือผู้ป่วยเด็ก
Soap sud enema (SSE)
เป็นการสวนอุจจาระโดยใช้น้ำสบู่ผสมน้ำ ใช้น้ำสบู่
เข้มข้น 15 ml. ในน้ า 1,000 ml.
Normal saline solution enema (NSS enema)
เป็นการสวนอุจจาระโดยใช้
สารละลาย 0.9 % NSS
นิยมใช้ในผู้ป่วยเด็ก ผู้ป่วยที่มีลำไส้อักเสบ
ไม่เหมาะสมในผู้ป่วยโรคหัวใจวาย หรือผู้ป่วยที่มีการ
คั่งของเกลือโซเดียมในร่างกาย
Fleet enema
เป็นการสวนอุจจาระโดยน้ ายาส าเร็จรูปคือสารละลาย
Hypotonic บรรจุในขวดพลาสติก
Oil enema
เป็นการสวนอุจจาระโดยใช้น้ำมันพืช นิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีอุจจาระอุดตัน ให้ผลหลังสวนประมาณ 30 นาที
Retention enema การสวนเก็บ
เป็นการสวนน้ำยาเข้าไปเก็บไว้ในลำไส้ใหญ่
ในผู้ใหญ่ไม่เกิน 200 ml.
Oil-retention enema เป็นการสวนเก็บน้ำมัน
เพื่อให้อุจจาระอ่อนตัว กระตุ้น
ให้ลำไส้มีการบีบตัวดีขึ้น
Medicated enema เป็นการสวนเก็บด้วยยา
เพื่อให้ยาดูดซึมเข้าไปในร่างกายทางทวารหนัก
เพื่อลดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่
ก่อนผ่าตัดเกี่ยวกับลำไส้ใหญ่
เป็นการสวนเพื่อการวินิจฉัยโรค
ข้อคำนึงในการสวนอุจจาระ
อุณหภูมิของสารน้ำ อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 105˚F (40.5˚C)
ปริมาณสารละลายใช้สวนอุจจาระ ขึ้นอยู่กับอายุและขนาดร่างกาย
เด็กเล็ก ใช้ในปริมาณ 150–250 ml.
เด็กอายุ 10 เดือน ถึง 10 ปี ใช้ในปริมาณ 250–500 ml.
เด็กอายุ 10–14 ปี ใช้ในปริมาณ 500–750 ml.
ผู้ใหญ่ ใช้ในปริมาณ 750–1,000 ml.
ท่านอนของผู้ป่วย ท่านอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำ
(Sim’s position)
แรงดันของสารน้ำที่สวนให้แก่ผู้ป่วย ควรแขวนหม้อสวนให้สูงไม่เกิน 1 ฟุตเหนือระดับที่นอน ในเด็กเล็กไม่ควรเกิน 3 นิ้ว
การปล่อยน้ำ เปิด Clamp ให้น้ำไหลช้า ๆ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที
ความลึกของสายสวนที่สอดเข้าไปในลำไส้ และลักษณะของสายสวนอุจจาระ
การหล่อลื่นหัวสวนด้วยสารหล่อลื่น เช่น KY jelly เป็นต้น
ทิศทางการสอดหัวสวน ให้ปลายหัวสวนมุ่งไปทิศทางสะดือลึกประมาณ 2 นิ้ว
ระยะเวลาที่สารน้ำกักเก็บอยู่ในลำไส้ใหญ่
การแก้ไขเมื่อสารละลายในหม้อสวนไม่ไหลเป็นปกติ
อาการแทรกซ้อนจากการสวนอุจจาระ ในการสวนอุจจาระให้แก่ผู้ป่วยมีอาการแทรก
การระคายเคืองต่อเยื่อบุลำไส้
ผนังลำไส้ถลอก หรือทะลุ
ภาวะเป็นพิษจากน้ำ (Water intoxication)
การติดเชื้อ เช่นลำไส้อักเสบ ตับอักเสบ
การคั่งของโซเดียม เพราะปกติลำไส้จะดูดซึมโซเดียมได้ดีมาก
ภาวะ Methemoglobinemia เป็นภาวะที่เม็ดเลือดแดงในร่างกายลดความสามารถในการขนส่งออกซิเจนลง
ข้อห้ามในการสวนอุจจาระ
ลำไส้อุดตัน (Bowel obstruction)
มีการอักเสบของลำไส้ เช่น ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis)
มีการติดเชื้อในช่องท้อง (Infection of abdomen)
ผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดลำไส้ส่วนปลาย (Post rectal surgery)
การเก็บอุจจาระส่งตรวจ
ชนิดการเก็บอุจจาระส่งตรวจ
การตรวจอุจจาระหาความผิดปกติ (Fecal examination หรือ Stool examination)
การตรวจอุจจาระหาเลือดแฝง (Occult blood) ตรวจในรายที่สงสัยว่า มีเลือดแฝงในอุจจาระ
ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ ผู้ป่วยมีพยาธิปากขอ
การตรวจอุจจาระโดยการเพาะเชื้อ (Stool culture)
อุปกรณ์เครื่องใช้
ภาชนะมีฝาปิดมิดชิด
ใบส่งตรวจ
ไม้แบน สำหรับเขี่ยอุจจาระ
กระดาษชำระ
หม้อนอน
วิธีปฏิบัติ
การเก็บอุจจาระส่งตรวจหาความผิดปกติ และส่งตรวจหาเลือดแฝง
ให้ผู้ป่วยถ่ายอุจจาระลงในหม้อนอนที่สะอาดและแห้ง ใช้ไม้แบนเขี่ยอุจจาระจำนวนเล็กน้อยใส่ภาชนะ รีบปิดภาชนะทันที และใส่ถุงพลาสติกหุ้มอีกชั้น
ส่งห้องปฏิบัติการทันทีภายใน 30 นาที พร้อมใบส่งตรวจ
ลงบันทึกทางการพยาบาล ลักษณะ สี กลิ่น สิ่งเจือปน
การเก็บอุจจาระส่งตรวจเพาะเชื้อ
ให้ผู้ป่วยเบ่งถ่ายเล็กน้อย ใช้ไม้พันสำลีใส่เข้าไปในรูทวาร 1-2 นิ้ว แล้วจุ่มไม้พันสำลีลงในอาหารเลี้ยงเชื้อ ปิดฝาทันที
ส่งห้องปฏิบัติการทันทีภายใน 30 นาที พร้อมใบส่งตรวจ
ลงบันทึกทางการพยาบาล ลักษณะ สี กลิ่น สิ่งเจือปน
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
การประเมินภาวะสุขภาพ (Health assessment)
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
เกณฑ์การประเมินผล
การวางแผน
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)