Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 10 การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ w644 - Coggle Diagram
บทที่ 10
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
ความสำคัญของ
การขับถ่ายอุจจาระ
ความรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระ
การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเหตุให้อุจจาระเคลื่อนเข้าสู่ไส้ตรง
หากละเลยความรู้สอยากขับถ่ายที่ร่างกายส่งมาจะส่งผลให้สัญญาณอ่อนลงไปเรื่อยๆ
เกิดขึ้นเมื่อตื่นนอนหรือหลังมื้ออาหาร การลุกขึ้นเดินทำให้มีการเคลื่อนตัวของลำไส้เพิ่มขึ้น และการรับประทานอาหารทำให้เกิดปฏิกิริยารีเฟล็กซ์กระเพาะอาหารถึงลำไส้ใหญ่
ควรให้ความสำคัญกับสัญญาณความรู้สึกอยากขับถ่าย
และให้เวลาที่เพียงพอสาหรับการขับถ่ายอุจจาระ
ช่วยกระตุ้นให้มีการบีบตัวของลำไส้และส่งเสริมการ
ขับถ่ายอุจจาระดียิ่งขึ้นและการออกกาลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน
การดื่มเครื่องดื่มร้อนๆในตอนเช้า เช่น นมร้อน น้ำเต้าหู้
ภาวะปกติ
อุจจาระจะมีส่วนประกอบเป็นน้ำประมาณร้อยละ 70-80 ส่วนที่เป็นของแข็งครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเป็นแบคทีเรีย
สารอาหารและสิ่งที่มีคุณค่าจากอาหาร จะถูกดูดซึมเข้าสู่
กระแสเลือดผ่านทางลำไส้เล็กก่อนที่อาหารจะเดินทางเข้าสู่ลำไส้ใหญ่
เส้นใยอาหารประเภทเซลลูโลสและลิกนินซึ่งไม่ถูกย่อยสลาย
โดยแบคทีเรียจะเหลืออยู่ในอุจจาระและช่วยอุจจาระอุ้มน้าไว้
น้ำหนักของอุจจาระขึ้นอยู่กลับปริมาณของเส้นใยอาหาร
การทำงานของลำไส้ใหญ่
ที่บีบตัวเป็นระยะๆตลอดทั้งวัน
เพื่อผลักดันให้อุจจาระเคลื่อนต่อไปยังไส้ตรง
ทำให้อุจจาระมีลักษณะเป็นก้อนรูปร่าง
เหมือนไส้กรอกและขับถ่ายออกมาได้ง่าย
เป็นการขับของเสียออกจากร่างกาย หากร่างกายไม่ขับถ่าย
อาจทำให้เกิดสารพิษและของเสียที่ตกค้างอยู่ในลำไส้
ถ้าร่างกายมีการสะสมของเสียตกค้างเป็นเวลานาน มีโอกาสได้รับสารพิษ
กลับเข้าไปในร่างกาย และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้มากขึ้น
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ
ต่อการขับถ่ายอุจจาระ
ปริมาณน้ำที่ร่างกายได้รับ
(Fluid intake)
น้ำทำให้อุจจาระมีลักษณะนุ่มพอดี ไม่แห้ง และช่วยกระตุ้น
ให้มีการเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่ได้ดี มีการถ่ายอุจจาระได้ง่ายขึ้น
น้ำลูกพรุน มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ น้ำส้ม น้ำมะนาว
ช่วยกระตุ้นให้ลาไส้มีการเคลื่อนไหว ขับอุจจาระได้ดีขึ้น
การเคลื่อนไหวของร่างกาย
(Body movement)
ทำให้การทำงานของลำไส้เป็นไปอย่างปกติ
ส่งผลให้มีถ่ายอุจจาระได้ปกติ
ผู้ป่วยที่เคลื่อนไหวได้น้อย
ถูกจำกัดการเคลื่อนไหว
การทำงานของลำไส้ลดลง
กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานไม่แข็งแรง ส่งผลให้
มีปัญหาเรื่องการถ่ายอุจจาระ อุจจาระจะแข็งเป็นก้อน/ท้องผูก
ชนิดของอาหารที่รับประทาน
(Food intake)
อาหารจาพวกพืชผัก ผลไม้ ที่มีกากใยมาก เช่น คะน้า กระเฉด มะละกอ
จะช่วยทำให้อุจจาระสามารถขับเคลื่อนได้ดีกว่าอาหารที่กากใยน้อย
อาหารมีกากใยจะช่วยเพิ่มน้ำหนักอุจจาระ และทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม
อารมณ์ (Emotion) เช่น หงุดหงิด/วิตกกังวลจะทำให้ต่อมหมวกไตหลั่งฮอร์โมน
และการทำงานระบบประสาท Sympathetic เปลี่ยนแปลง ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น/ลดลง
อายุ (Age)
เด็กเล็ก ความสามารถในการควบคุมการขับถ่ายได้
อายุ 24-30 เดือนขึ้นไป ถ่ายอุจจาระวันละหลายๆ ครั้ง
อายุมากขึ้นเซลล์กล้ามเนื้อจะลดขนาดลงและ
กำลังกล้ามเนื้อลดลง จึงลดจำนวนครั้งของการขับถ่ายอุจจาระ
ผู้สูงอายุมักจะมีปัญหากล้ามเนื้อหูรูดหย่อนยาน ความแข็งแรง
ของกล้ามเนื้อลดลง ปัญหาการขับถ่ายอุจจาระเกิดขึ้นได้มากกว่าวัยอื่น
ความสม่ำเสมอในการขับถ่าย (Defecation habits) ควรมีการฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา
เมื่อรู้สึกอยากถ่ายให้รีบไปถ่าย หากกลั้นอุจจาระจะทำให้เกิดท้องผูก
ความเหมาะสม
(Opportunity)
ห้องน้ำไม่สะอาดส่งผลให้บุคคล
ไม่อยากถ่ายอุจจาระจึงกลั้นอุจจาระ และทำให้เกิดอาการท้องผูกได้
ท่าทางในการขับถ่าย (Opportunity and position)
ท่านั่งจะช่วยในการขับถ่ายได้สะดวก
ผู้ป่วยบางรายต้องใช้กระโถนนอน ถ่ายอุจจาระบนเตียง ทำให้ท่านอนไม่ส่งเสริม
การขับอุจจาระได้สะดวก ทำให้ขับถ่ายอุจจาระลำบาก เกิดอาการท้องผูกในที่สุด
ยา (Medication)
เช่น ยาที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้า จะทำให้กระเพาะอาหารทำงานน้อยลง
ยา Atropine และ Morphine จะทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลงและการบีบตัวขับอุจจาระช้าลงเกิดท้องผูก
การตั้งครรภ์ (Pregnancy) อายุครรภ์มากขึ้น ทารกในครรภ์โตขึ้น มดลูกขยายตัวโตจะไปเบียด
กดลำไส้ส่วนปลาย การเบ่งถ่ายต้องใช้แรงเพิ่มขึ้น เกิดท้องผูกเป็นประจำ และเกิดโรคริดสีดวงทวารในหญิงตั้งครรภ์
อาการปวด โรคริดสีดวงทวาร การผ่าตัดส่วนลำไส้ตรงและการผ่าตัดหน้าท้อง เมื่อมีปวดถ่ายอุจจาระ
ผู้ป่วยไม่ยอมเบ่งถ่ายอุจจาระเพราะกลัวเจ็บ อั้นอุจจาระไว้ จึงส่งผลให้เกิดอาการท้องผูก
การผ่าตัดและการดมยาสลบ
(Surgery and Anesthesia)
การดมยาสลบชนิดทั่วไป (General anesthesia: GA) เป็นสาเหตุของการเกิด Peristalsis ลดลง
ขณะทำการผ่าตัดจะไปกระทบกระเทือนการทำงานของลำไส้ทำให้เกิด Peristalsis ลดลงชั่วคราว “Paralytic ileus”
การตรวจวินิจฉัยโรค
(Diagnostic test)
ส่งผลรบกวนการทางานของลำไส้ชั่วคราว
มีความจำเป็นต้องทำให้ลำไส้สะอาด
ผู้ป่วยต้องได้รับ การงดน้ำและอาหาร (NPO) การสวนอุจจาระ
จนทำให้ลำไส้สะอาดก่อนการส่งตรวจ “การเตรียมลาไส้”
ลักษณะของอุจจาระปกติและ
สาเหตุของอุจจาระที่ผิดปกติ
ลักษณะของอุจจาระ
Type 4 (ลักษณะยาวหรือขดม้วน เรียบ และนุ่ม)
Type 5 (ลักษณะเป็นก้อนนุ่ม ๆ แยกออกจากันชัดเจน)
Type 3 (ลักษณะยาวหรือขดม้วน แต่พื้นผิวบนนุ่ม ๆ)
Type 6 (ลักษณะเป็นก้อนนุ่มปุย มีขอบขยักไม่เรียบ)
Type 2 (ลักษณะยาวแต่เป็นก้อน)
Type 7 (ลักษณะเป็นน้ำไม่มีเนื้ออุจจาระปน)
Type 1 ลักษณะแข็งคล้ายเมล็ดถั่ว คนไทยเรียกว่า “ขี้แพะ”
ลักษณะของอุจจาระปกติ
ผิดปกติและสาเหตุ
กลิ่น
(ผิดปกติ) กลิ่นเปลี่ยนเหม็นมาก
สาเหตุ การติดเชื้อจากเลือดในอุจจาระ
(ปกติ) มีกลิ่นเฉพาะ : จากอาหารตกค้าง
ลักษณะ
(ปกติ) อ่อนนุ่ม
ผิดปกติ
เหลว ท้องเสียหรือการดูดซึมลดลง
แข็ง ท้องผูุก
สี
เด็ก: สีเหลือง (ปกติ) , ขาว/คล้ายดินเหนียว (ผิดปกติ) สาเหตุ ไม่มีน้ำดี
ผู้ใหญ่: สีน้ำตาล ปกติ
ดำ (Melena) ผิดปกติ สาเหตุุ มีธาตุเหล็กปนอยู่/มีเลือดออกในทางเดินอาหาร
แดง (ผิดปกติ) มีเลือดออกในทางเดินอาหาร
มีริดสีดวงทวาร/บริโภคผัก เช่น หัวผักกาดแดง ผลไม้ เช่น แก้วมังกรสีแดง
ซีด และเป็นมันเยิ้ม (ผิดปกติ) พร่องหน้าที่การดูดซึมของไขมัน
ความถี่
เด็ก
(ผิดปกติ) มากกว่า วันละ 6 ครั้ง /1-2 วัน ครั้งเดียว
ปกติ (นมมารดา) วันละ 4-6 ครั้ง (นมขวด) วันละ 1-3 ครั้ง
ผู้ใหญ่
(ปกติ) วันละ 2 ครั้ง / สัปดาห์ละ 3 ครั้ง
(ผิดปกติ) มากกว่าวันละ 3 ครั้ง/ สัปดาห์ละครั้ง
สาเหตุ มีกิจกรรมการเคลื่อนไหวมากเกินไป/น้อยเกินไป
รูปร่าง
(ผิดปกติ) ขนาดเล็กคล้ายดินสอ มีการอุดตันใน
ทางเดินอาหาร/บีบตัวของลำไส้เพิ่มขึ้น
(ปกติ) เท่ากับขนาดความกว้างของลำไส้ตรง
อื่นๆ
ผิดปกติ
อุจจาระเป็นน้้ำมันเยิ้ม กลุ่มอาการพร่องการดูดซึม, ลำไส้อักเสบ,
โรคของตับอ่อน, มีการผ่าตัดเกี่ยวกับลำไส้
เป็นมูก มีการระคายเคืองของลำไส้,
มีการอักเสบ, มีการติดเชื้อหรือได้รับอันตราย
เลือด, หนอง, มูก,แปลกปลอม, พยาธิ สาเหตุ มีเลือดออกในทางเดินอาหาร,
รับประทานอาหารบูด, มีการระคาย เคือง, มีการอักเสบ,และมีพยาธิ
(ปกติ) อาหารไม่ย่อย, แบคทีเรียที่ตายแล้ว, ไขมัน,
สีน้ำดี,เซลล์หรือเยื่อบุลำไส้, น้ำ
การสวนอุจจาระ
ชนิดของการสวนอุจจาระ
Cleansing enema
สวนอุจจาระตามชนิด
ของน้ำยาที่ใช้สวนล้าง
Soap sud enema (SSE) สวนอุจจาระโดยใช้น้ำสบู่ผสมน้ำ
อาจเกิดลำไส้ใหญ่อักเสบได้และถ้าน้ำสบู่ได้รับความร้อนจะทำให้เกิด
ภาวะ Methemoglobinemia ร่างกายมีอาการเขียวคล้ำ อ่อนเพลีย
Normal saline solution enema (NSS enema) สวนอุจจาระโดยใช้
สารละลาย 0.9 % NSS นิยมใช้ ในผู้ป่วยเด็ก ลำไส้อักเสบ ไม่เหมาะสมผู้ป่วยโรคหัวใจ
Tap water enema (TWE) สวนเอาน้ำสะอาดเข้าในลำไส้
ไม่นิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะอิเล็กโตรไลต์ไม่สมดุล/ผู้ป่วยเด็ก
Fleet enema สวนอุจจาระโดยน้ำยาสำเร็จรูป
Oil enema สวนอุจจาระใช้น้ำมันพืช
นิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีอุจจาระอุดตัน
เพื่อบรรเทาอาการท้องผูกอุจจาระอัดแน่น ช่วยล้างลำไส้ใหญ่ให้สะอาด ก่อนทำการเตรียมส่งตรวจ การผ่าตัด
สวนน้ำ/น้ำยาเข้าไปในลำไส้ใหญ่เพื่อกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวของลำไส้
โดยการทำให้เกิดการระคายเคืองของ Colon / Rectum ทำให้ลำไส้โป่งตึง ขับอุจจาระออกมา
Retention enema
การสวนเก็บ
Medicated enema สวนเก็บด้วยยา
เพื่อให้ยาดูดซึมเข้าไปในร่างกายทางทวารหนัก
เพื่อลดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่
ก่อนผ่าตัดเกี่ยวกับลำไส้ใหญ่/สวนเพื่อการวินิจฉัยโรค
Oil-retention enema สวนเก็บน้ำมัน
เพื่อให้อุจจาระอ่อนตัว กระตุ้นให้ลำไส้มีการบีบตัวดีขึ้น
วิธีปฏิบัติ
คลุมผ้าเปิดเฉพาะบริเวณทวารหนักไม่เปิดเผย
ล้างมือ สวมถุงมือ และต่อหัวสวนกับสายสวนให้แน่น
ปิด Clamp หัวสวนไว้ เทน้ำยาใส่หม้อสวน แขวนหม้อสวนสูงกว่า
ระดับทวารหนัก 1 ฟุต เหนือจากระดับที่นอน เพื่อควบคุมแรงดันน้ำ
ปูผ้ายางรองก้นบริเวณก้น จัดท่านอน คือนอนตะแคงซ้าย งอเข่าขวาไปข้างหน้า
เลื่อนผู้ป่วยชิดขอบเตียง จะทำให้ลำไส้ส่วน Descending อยู่ด้านล่าง
บอกผู้ป่วยว่าจะสวนอุจจาระ แตะหัวสวนที่ทวารหนักนุ่มนวลเบาๆ
ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดยก Buttock ให้เห็นช่องทวารหนัก บอกผู้ป่วยหายใจยาวๆ
เตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้บอกผู้ป่วยให้ทราบถึง
เหตุผลการสวน และวิธีการปฏิบัติตัว
เปิด Clamp ไล่อากาศสายสวน และหัวสวน ปิด Clamp หัวสวน หล่อลื่นหัวสวน
ไล่อากาศทดสอบว่าหัวสวนไม่อุดตัน ป้องกันการเสียดสีของหัวสวนกับทวารหนัก
สอดหัวสวนเข้าทวารหนักให้ปลายหัวสวนมุ่งไปทิศทางสะดือลึกประมาณ 3 นิ้ว
เบนปลายกลับให้ขนานกับแนวกระดูกสันหลังตามลักษณะโค้งของลำไส้
จับหัวสวนให้แน่กระชับมือ เปิด Clamp ให้น้ำไหลช้าๆ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที
ให้ผู้ป่วยอ้าปากหายใจยาวๆ สังเกตระดับน้ำในหม้อสวน
ค่อยๆ ดึงสายสวนออก ปลดหัวสวนออก
บอกให้ผู้ป่วยนอนท่าเดิมพยายามเก็บนำไว้ในลำไส้ 5-10 นาที
สอด Bed pan กั้นม่านให้มิดชิด หลังถ่ายเสร็จใช้ Bed pad ปิดคลุม Bed pan
เก็บเครื่องใช้ทำความสะอาด ถอดถุงมือ ล้างมือให้สะอาด ลงบันทึกทางการพยาบาล
วัตถุประสงค์
เตรียมผ่าตัดในรายที่ผู้ปุวยจะต้องดมยาสลบ
เตรียมคลอด
เพื่อการรักษา เช่น การระบายพิษจากแอมโมเนียคั่ง
ในกระแสเลือดในผู้ป่วยโรคตับ
ลดปัญหาอาการท้องผูก
เตรียมตรวจทางรังสี
อุปกรณ์เครื่องใช้
กระดาษชำระ กระโถนนอน (Bed pan)
ผ้าปิดกระโถนนอน (Bed pad) ผ้ายางกันเปื้อน
สารละลายที่ใช้ในการสวนอุจจาระ
เหยือกน้ำเสาน้ำเกลือ ถุงมือสะอาด 1 คู่ และ Mask
หม้อสวน หัวสวนอุจจาระสารหล่อลื่น
เช่น KY jelly ชามรูปไต
ข้อคำนึงในการสวนอุจจาระ
อาการแทรกซ้อน
ภาวะเป็นพิษจากน้ำ การติดเชื้อ เช่น ลำไส้อักเสบ ตับอักเสบ
การคั่งของโซเดียม และ ภาวะ Methemoglobinemia
การระคายเคืองต่อเยื่อบุลำไส้ และ ผนังลำไส้ถลอก/ทะลุ
ข้อห้ามในการสวนอุจจาระ
อักเสบของลำไส้
ติดเชื้อในช่องท้อง
ลำไส้อุดตัน
ผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดลำไส้ส่วนปลาย
ข้อควรระวัง
การปล่อยน้ำ เปิด Clamp ให้น้ำไหลช้าะช่วยลดความไม่สุขสบายจากลำไส้โป่งตึงเด็กโต สอดลึกประมาณ 2–3 นิ้ว ส่วนเด็กเล็ก สอดลึกประมาณ 1–1.5 นิ้ว
การหล่อลื่นหัวสวนด้วยสารหล่อลื่นให้ยาวประมาณ2-3 นิ้วในผู้ใหญ่ และ 1 นิ้วในเด็ก
ทิศทางการสอด ให้ปลายหัวสวนมุ่งไปทิศทางสะดือลึกประมาณ 2 นิ้ว เบนปลายกลับให้ขนานกับแนวกระดูกสันหลัง
ท่านอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำ (Sim’s position) ให้เข่าขวา งอขึ้นมากๆ
แรงดันของสารน้ำที่สวน แขวนหม้อสวนให้สูงไม่เกิน 1 ฟุตเหนือ ระดับที่นอน เด็กเล็กไม่ควรเกิน 3 นิ้ว
ให้ผู้ป่วยหายใจทางปากยาวๆ การแก้ไขเมื่อสารละลาย
ในหม้อสวนไม่ไหลเป็นปกตื ดึงหัวสวนออกมาแล้วเปลี่ยนหัวสวนอันใหม่
อุณหภูมิของสารน้ำเหมาะสม คือ 105˚F (40.5 ˚C)
และปริมาณสารละลายใช้สวนอุจจาระ
เด็กอายุ 10 เดือน ถึง 10 ปีใช้ในปริมาณ 250–500 ml
เด็กอายุ 10–14 ปีใช้ในปริมาณ 500–750 ml
เด็กเล็ก ใช้ในปริมาณ 150–250 ml
ผู้ใหญ่ ใช้ในปริมาณ 750–1,000 ml.
สาเหตุและการพยาบาลผู้ป่วย
ที่มีปัญหาการขับถ่ายอุจจาระ
ภาวะท้องอืด
(Flatulence / Abdominal distention)
เป็นมากแรงดันในท้องที่เพิ่มจะดันกระบังลมให้สูงขึ้น ปอดขยายไม่เต็มที่
ทำให้หายใจลำบาก ผู้ป่วยมักกระวนกระวาย
สาเหตุ
มีแก๊สในกระเพาะอาหาร/ลำไส้ปริมาณมาก
มีการสะสมของอุจจาระมาก เนื่องจากไม่ได้ขับถ่ายออกตามปกติ
มีการสะสมของอาหาร/น้ำมาก อาหารไม่ย่อย
รับประทานอาหารมากเกินไป/เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
ปริมาตรของช่องท้องลดลงจากความผิดปกติของอวัยวะที่อยู่ใกล้เคียง
เช่น ตับโต ม้ามโต ท้องมานน้ำ (Ascites )
รู้สึกแน่น อึดอัด ไม่ผายลม ไม่สบายในท้อง เกิดจากมีแรงดันในช่องท้อง
เพิ่มขึ้นจากลมภายในลำไส้ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้
การพยาบาลผู้ป่วย
อธิบายสาเหตุและวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการท้องอืด
แสดงความเห็นอกเห็นใจและให้กำลังใจ
ค้นหาสาเหตุของอาการท้องอืด
และให้การช่วยเหลือตามสาเหต
ได้รับยาระงับปวดที่มีอาการข้างเคียงทำให้
ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ เช่น มอร์ฟีน
สังเกตอาการท้องอืดโดยการสอบถามผู้ป่วย
ตรวจร่างกายโดยวิธีการดู การคลำการเคาะและการฟัง
Bowel sound ลงบันทึกไว้ทุก 4 ชั่วโมงตามเวลาวัดสัญญาณชีพ
พิจารณาให้ยารับงับปวดตามความจำเป็น (PRN)
โดยการประเมินคะแนนความเจ็บปวดทุกครั้ง
สาเหตุจากอาหารไม่ย่อย
ตรวจร่างกายโดยวิธีการดู การคลำ การเคาะและการฟัง
Bowel sound ลงบันทึกไว้ทุก 4 ชั่วโมงตามเวลาวัดสัญญาณชีพ
แนะนำให้รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย หรืองดน้ำและอาหารทางปากชั่วคราวจนกว่าอาการจะดีขึ้น ผายลมได้ทำให้อาการท้องอืดลดลง
สังเกตอาการท้องอืดโดยการสอบถามผู้ป่วย
ถูกจำกัดการเคลื่อนไหว/ความสามารถในการ
ขยับตัวได้ลดลง/หลังการผ่าตัด ไม่ยอมขยับตัวเนื่องจากมีความกลัว
กระตุ้นและช่วยเหลือเคลื่อนไหวของร่างกาย
เช่น การพลิกตะแคงตัวบนเตียง จัดท่านอนศีรษะสูง
การใส่สายทางทวารหนัก (Rectal tube) เพื่อระบายลม คล้ายการสวนอุจจาระ
แตกต่างกันที่ไม่ได้ใส่สารใดๆ เข้าในลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง
อธิบายการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง
เพื่อกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ให้ระบายแก๊สออกได้
พิจาณาการใช้ยา อาจให้ยาช่วยย่อยอาหาร ยาขับลม
ทำให้เรอ ผายลม หลังให้ยา และทำให้สุขสบายขึ้น
จัดท่านอน ให้นอนศีรษะสูง 45-60 องศา เพื่อให้กระบังลมหย่อยตัว
ปอดขยายตัวได้ดีขึ้นลดอาการแน่นหน้าอกและหายใจสะดวก
การกลั้นอุจจาระไม่ได้
(Fecal incontinence)
การพยาบาลผู้ป่วย
ด้านร่างกาย
ให้การดูแลผิวหนังให้สะอาด และแห้งตลอดเวลา
ดูแลเสื้อผ้า ที่นอน ให้สะอาด
รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการเกิดโรคหวัด
จะทำให้มีอาการไอ จาม ทำให้มีอุจจาระเล็ดออกมาขณะไอและจาม
ความสะอาดทั่วไปของร่างกายและการควบคุม
การขับถ่ายอุจจาระโดยใช้วิธีการฝึกถ่ายอุจจาระเป็นเวลา
ด้านจิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ
กล้าที่ออกสังคมอย่างมั่นใจ ด้านจิตวิญญาณให้ทำสมาธิ
และมีสติรู้อยู่เป็นปัจจุบันตลอดเวลา
ควรให้กำลังใจ และสร้างเสริมกำลังใจกับ
ผู้ป่วยให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
ผลของการกลั้นอุจจาระไม่ได้
ด้านจิตใจ สูญเสียความรู้สึกมีคุณค่าและความนับถือต่อตนเอง
ด้านสังคม เป็นเรื่องน่าอับอายส่งผลให้ไม่ต้องการออกสังคม
ด้านร่างกาย มีอุจจาระไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เกิดการระคายเคือง
ต่อผิวหนังและเกิดแผลจากการระคายเคืองเสียดสีของผิวหนังบริเวณรอบรูทวารหนัก
ด้านจิตวิญญาณ ความรู้สึกเสียคุณค่าในตนเองลดลง
และขาดการแสดงออกถึงความต้องการการมีส่วนร่วมในกิจกรรม
เกิดจากการรบกวนที่หูรูดทวารหนัก เช่น มีการกดทับจากก้อนอุจจาระ
เป็นเวลานาน/ความผิดปกติของปลายประสาทรับความรู้สึกบริเวณทวารหนัก
การอัดแน่นของอุจจาระ
(Fecal impaction)
การพยาบาลผู้ป่วย
การช่วยเหลือเอาก้อนอุจจาระออกจากร่างกาย
โดยการล้วงอุจจาระ (Evacuation)
ช่วยเหลือผู้ป่วยในกรณีที่ถ่ายอุจจาระออกเองไม่ได้
อุจจาระจับเป็นก้อนและไม่ถูกขับออกมาตามปกติ ประมาณ 4-5 วัน /ท้องอืดตึง
ใช้ยาระบาย ทำให้ก้อนอุจจาระอ่อนนุ่ม
และหล่อลื่น/การสวนอุจจาระในกรณีที่ใช้ยาไม่ได้ผล
อุปกรณ์เครื่องใช้
ถุงมือสะอาด 2 คู่ และหน้ากากอนามัย (Mask)
สารหล่อเลื่อน เจล หล่อลื่น ถ้าไม่มีใช้วาสลิน/สบู่เหลว
ผ้ายางรองก้นและกระดาษชำระ
หม้อนอน/ถุงพลาสติกสำหรับใช่อุจจาระ
สาเหตุ อาการเริ่มแรก คือ ไม่ได้ถ่ายอุจจาระติดต่อกันนาน พบอุจจาระ
เป็นน้ำเหลวไหวซึมทางทวารหนักควบคุมไม่ได ปวดท้อง ปวดอุจจาระ อยากถ่ายตลอดเวลาแต่ถ่ายไม่ออก
อาการอื่นร่วมด้วยคือ บั้นเอว ตรวจทางทวารหนัก จะพบก้อนแข็งๆ ของอุจจาระ /ไม่พบหากก้อนนั้นอยู่สูงเกินไป
วิธีปฏิบัติ
ล้วงเอาก้อนอุจจาระออกใส่ในหม้อนอนต้องทำด้วยความนุ่มนวลและรวดเร็ว
เช็ดทำความสะอาด จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และเก็บเครื่องใช้
ทำความสะอาดเครื่องใช้และเก็บเข้าที่ บันทึกการพยาบาล
ปูผ้ายางรองให้ผู้ป่วย และวางหม้อนอนหรือถุงพลาสติกไว้ใกล้ ๆ พยาบาลสวมถุงมือ 2 ชั้น
ใช้นิ้วชี้หล่อลื่นด้วยเจลหล่อลื่น บอกผู้ปุวยให้รู้ตัว แล้วสอดนิ้วชี้เข้าทางทวารหนัก
แนะนำตัวและบอกวัตถุประสงค์ให้ผู้ปุวยทราบ
และให้ผู้ป่วยนอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำขาขวา งอเล็กน้อย (Sim’s position)
ภาวะท้องเสีย (Diarrhea)
สาเหตุของภาวะท้องเสีย
การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ และอารมณ์
ทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่แสดงออกทางร่างกาย “Psychosomatic disorder”
การได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
และมีอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
อาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น อาหารที่มีแมลงวันตอม
ผลที่เกิดจากภาวะท้องเสีย
เกิดความไม่สุขสบาย ปวดท้อง เนื่องจาก
การบีบตัวของลำไส้และการถ่ายอุจจาระหลายๆ ครั้ง
เกิดภาวะเสียสมดุลน้ำและเกลือแร่ในร่างกายให้ร่างกายอ่อนเพลีย น้ำหนักลด มีอาการของภาวะการขาดน้ำ
การเพิ่มจำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระและการที่อุจจาระเป็นน้ำเหลว/มีมูกปนถ่ายเป็นน้ำเหลว 3 ครั้งในเวลา 12 ชั่วโมง กลั้นอุจจาระไว้ไม่ได้นาน
การพยาบาลผู้ป่วย
ติดตาม เฝ้าระวัง ป้องกัน
และช่วยแก้ไขอาการขาดน้ำและเกลือแร่
ทดแทนน้ำ และเกลือแร่ให้พอเพียง
กับความต้องการของร่างกาย
ประเมินภาวะสมดุลของน้ำและเกลือแร่เป็นระยะ
และบันทึกอาการและอาการแสดงจากการขาดน้ำ
การดูแลเรื่องอาหาร ในระยะแรกมักให้ (NPO) ให้ดื่มเฉพาะน้ำสารน้ำ
สามารถดูดซึมไปใช้ได้เลย เมื่ออาการดีขึ้นจึงเริ่มให้อาหารอ่อน
ส่งเสริมการพักผ่อนนอนหลับ การป้องกัน
การแพร่กระจายเชื้อ/การกลับซ้ำเป็นอีก
ประเมินสภาพผู้ป่วยและให้การช่วยเหลือดูแล
ในการขับถ่ายอุจจาระที่มีจำนวนครั้งค่อนข้างบ่อย
สังเกตความผิดปกติอื่นๆที่เกิดร่วม สังเกตและบันทึกลักษณะอุจจาระ
ความถี่ของการถ่ายอุจจาระ และประเมินความรุนแรงของอาการ
ภาวะท้องผูก (Constipation)
ถ่ายอุจจาระน้อยกว่าสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
หรือไม่ถ่ายอุจจาระติดต่อกัน 3 วัน
สาเหตุ
ภาวะท้องผูกแบบปฐมภูมิ
ความสัมพันธ์กับการรับประทานอาหาร
ที่มีกากใยน้อย ภาวะขาดน้ำ
การเคลื่อนไหวลดลงแรงตึงตัวของกล้ามเนื้อลดลง
ภาวะท้องผูกแบบทุติยภูมิ
ความเจ็บป่วย/การรักษาด้วยยา
การอุดกั้นของระบบทางเดินอาหาร ทำให้อุจจาระแข็ง
และเกิดก้อนเนื้อของลำไส้หรือก้อนเนื้อของเชิงกรานทำให้เกิดการอุดตัน
ความผิดปกติในการทำหน้าที่ของไขสันหลัง ไม่เคลื่อนไหว การสูญเสียการรับ
ความรู้สึกของทวารหนัก การลดลงของความตึงตัวของทวารหนักและลำไส้ใหญ่
ภาวะท้องผูกจากการลดลงของการเคลื่อนไหวของลำไส้และ
ความผิดปกติของประสาทที่ลำไส้และการติดยาระบาย
กล้ามเนื้อพื้นเชิงกราน หดรัดตัวที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อและหูรูดระหว่าง
การขับถ่าย เป็นสาเหตุของภาวะท้องผูกจากการอุดกั้นทางออกอุจจาระ
ฝิ่น ยับยั้งการเคลื่อนไหวของลำไส้เพิ่มแรงตึงตัวของหูรูด
และลดความไวต่อการขยายตัวของทวารหนัก
ภาวะผิดปกติของลำไส้ อาจเกี่ยวข้องกับความไวต่อการกระตุ้น
ของอวัยวะภายในและการเคลื่อนไหวของลำไส้ผิดปกติ
การขับถ่ายซึ่งอุจจาระมีลักษณะแห้งแข็ง ต้อง
ออกแรงมากช่วยในการเบ่งและมีอาการ “การถ่ายอุจจาระไม่สุด”
ผลที่เกิดจากภาวะท้องผูก
เป็นโรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid) เอุจจาระที่แห้งแข็งกดหลอดเลือดดำรอบๆ ทวารหนัก ทำให้เลือดไหลกลับไม่สะดวกเกิดโปุงพอง และแตกได้
แบคทีเรียในลำไส้ จะเปลี่ยนยูเรียจากกากอาหาร
เป็นแอมโมเนีย ดูดซึมเข้ากระแสเลือดไปยังสมอง
ผู้ป่วยโรคตับเกิดอาการ Hepatic encephalopathy
ภาวะที่ผู้ป่วยเกิดมีอาการทางสมอง ได้แก่ สับสน ซึม และโคม่า เป็นผลจากภาวะตับวาย
อาการรุนแรง Hepatic coma ทำให้เสียชีวิตได้
เกิดอาการปากแตก ลิ้นแตก ลมหายใจเหม็น อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
ทิ้งไว้นานอุจจาระอัดกันเป็นก้อนแข็ง/ผนังลำไส้หย่อนตัวเป็นถุง
สะสมอุจจาระไว้ พบในผู้ป่วยสูงอายุ/อัมพาต
อาการแน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้อง ไม่สุขสบาย
เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียนปวดศีรษะวิงเวียน
การกลั้นอุจจาระไม่ได้ (Incontinence) เนื่องจากก้อนอุจจาระไปกด
ปลายประสาทของกล้ามเนื้อหูรูดที่ควบคุมการขับถ่ายสูญเสียหน้าที่
การพยาบาลผู้ป่วย
ที่มีภาวะท้องผูก
แนะนำให้ออกกำลังกาย การเคลื่อนไหวของร่างกาย
จะมีผลต่อการบีบตัวของลำไส้ช่วยให้การถ่ายอุจจาระเป็นปกติ
สังเกตความถี่การใช้ยาระบาย/ยาถ่าย พยายามลดการใช้จนสามารถเลิก
ใช้ยาระบาย/ใช้ในกรณีที่จำเป็นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยต้องเบ่งถ่ายอุจจาระ
แนะนำและช่วยเหลือเกี่ยวกับการถ่ายอุจจาระ
และควรฝึกระบบขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา ไม่กลั้น
จัดสรรเวลาในตอนเช้าเพื่อฝึกให้เคยชินกับการถ่ายอุจจาระตรงเวลาทุกวัน
แนะนำสมุนไพร เป็นอาหาร/ปรุงอาหารจะช่วยการขับถ่ายอุจจาระ
ใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ เช่น แกงขี้เหล็ก กล้วยน้ำว้าสุก
กระตุ้น และช่วยให้ผู้ปุวยได้รับน้ำให้เพียงพอ
ทำให้อุจจาระมีน้ำมากช่วยให้ขับอุจจาระได้ง่ายขึ้น
แนะนำให้ความรู้และเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล
และแนะนำและกระตุ้นให้ผู้ปุวยรับประทานอาหารให้มากเพียงพอ
โดยเฉพาะอาหารที่มีเส้นใยและกากมาก ๆ
การถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง
(Fecal diversion)
ชนิด Stoma
Colostomy ตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับพยาธิสภาพของโรค
และวัตถุประสงค์ของการทำผ่าตัด
Transverse colostomy (Loop colostomy) ส่วนขวางของลำไส้ใหญ่ ส่วนใหญ่จะเป็นการเปิดแบบชั่วคราว อุจจาระค่อนข้างเหลวอุจจาระ ฤทธิ์เป็นด่าง มีกลิ่นแรงมาก
Sigmoid colostomy (End colostomy) ส่วนปลายของลำไส้ใหญ่ เปิดถาวรอยู่บริเวณหน้าท้อง
ส่วนล่างด้านซ้าย ทำในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งทวารหนักและหูรูด อุจจาระเป็นก้อน ไม่มีฤทธิ์เป็นด่าง
Ascending colostomy ส่วนต้นของลำไส้ใหญ่ อยู่ด้านขวาของหน้าท้องส่วนล่าง
อุจจาระเป็นน้ำมีเนื้อปนเล็กน้อย มีฤทธิ์เป็นด่างค่อนข้างสูง มีกลิ่นอุจจาระค่อนข้างแรง
Ileostomy
มีชนิดรูเปิดเดียว (End ileostomy) และ 2 รูเปิด (Loop ileostomy)
เป็นเปิดแบบชั่วคราว ลักษณะเป็นน้้ำ กลิ่นอุจจาระเล็กน้อย แต่มีฤทธิ์เป็นด่างสูงมาก
เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำและเกลือโซเดียม
เพราะร่างกายมีการขับน้ำและเกลือโซเดียมออกเป็นจำนวนมาก
ส่วนปลายของลำไส้เล็กอยู่ที่หน้าท้องส่วนล่างด้านขวา
การพัฒนาสมรรถนะของพยาบาลเฉพาะทางในการดูแลผู้ปุวยที่มีออสโตมีและควบคุม
การขับถ่ายไม่ได้ Enterostomal Therapy เรียกย่อ ET nurse
ผ่าตัดเอาลำไส้มาเปิดออกทางหน้าท้อง เพื่อให้เป็น
ทางออกของอุจจาระ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
การผ่าตัดเปิดลำไส้ใหญ่ทางหน้าท้อง “Colostomy”
การผ่าตัดเปิดลำไส้เล็กทางหน้าท้อง “Ileostomy”
เพื่อให้อุจจาระออกแทนทวารหนักเดิม
บริเวณรูเปิดลำไส้ส่วนที่โผล่พ้นผิวหนัง “Stoma”
อุปกรณ์รองรับอุจจาระ ลักษณะเป็นถุง “Colostomy bag”
การพยาบาลผู้ป่วย
การรับประทานอาหารที่เหมาะสม และการออกกลังกายและการทำงาน
การฝึกหัดการขับถ่ายใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง ตหัดเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง
และเบ่งถ่ายอุจจาระทุกวัน ตอนเช้า อาจใช้ยา Dulcolax / Glycerine
การปิดถุงรองรับอุจจาระ
ถุงปลายปิด สำหรับอุจจาระที่ค่อนข้างเป็นก้อน
ถุงปลายเปิด สำหรับอุจจาระเหลว
ภาวะแทรกซ้อน สังเกตและดูแลตนเอง จากภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย
คือ การระคายเคืองของผิวหนังรอบบริเวณช่องเปิดลำไส้
ทำความสะอาดช่องเปิดของลำไส้
และผิวหนังรอบๆ เป็น 3 ระยะ
ระยะที่ 2 หลังผ่าตัด 7-10 วัน ใช้สำลีสะอาด และน้ำต้มสุกทำความสะอาด Stoma และผิวหนังรอบ ๆ แล้วซับให้แห้ง
ระยะที่ 3 หลังผ่าตัด 6-8 สัปดาห์ ทำความสะอาดด้วยน้้ำ และสบู่อ่อน ซับให้แห้ง
ขณะอาบน้ำสามารถทำความสะอาดเหมือนการล้างทวารหนักตามธรรมดา
ระยะที่ 1 หลังผ่าตัด 4-5 วัน ดูแลทำความสะอาดบริเวณ Stoma
และผิวหนังรอบ ๆ Stoma จะมีอุจจาระไหลออกมามาก ค่อนข้างเหลว
เปลี่ยน Colostomy bag เมื่อมีอุจจาระประมาณ 1/3 หรือ 1/2 ของถุง
การทำความสะอาดแผลทวารเทียม
เช็ด้วยสำลีแห้ง แล้วปิดถุงใหม่ลงไป
สังเกตรอยแดง/ผื่นและระวังมีแผลถลอกจากการดึง
เปลี่ยนถุงรองรับ ดึงถุงที่มีกาวติดกับผิวหนังออก แล้วใช้สำสีชุบน้ำ
สะอาดเช็ดทำวามสะอาดStoma ก่อน แล้วเช็ดผิวหนังรอบๆ
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยผ่าตัด
เปิดลำไส้ทางหน้าท้อง
ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สและกลิ่น เช่น ถั่ว สะตอ
การมีเลือดออกเล็กน้อยไม่ต้องตกใจ อาจเกิดจากการทำความสะอาดที่บ่อย
แรงเกินไป และการผ่าตัดไม่มีผลทำให้ความต้องการทางเพศลดลง
ขึ้นกับการแสดงออกและความเข้าใจต่อกัน
หลีกเลี่ยงกีฬาที่หักโหมรุนแรง และไม่ควรยกของหนัก เพราะอาจเป็นสาเหตุการเกิดไส้เลื่อน
รับประทานอาหารได้ทุกประเภท ยกเว้นบางโรคต้องควบคุมการรับประทานอาหาร
การเก็บอุจจาระส่งตรวจ
อุปกรณ์เครื่องใช้
ภาชนะมีฝาปิดมิดชิด ใบส่งตรวจ
ไม้แบน สำหรับเขี่ยอุจจาระ
กระดาษชำระ หม้อนอน
วิธีปฏิบัติ
การเก็บอุจจาระส่งตรวจหา
ความผิดปกติและส่งตรวจหาเลือดแฝง
อธิบายให้ผู้ป่วยทราบ และเข้าใจวัตถุประสงค์ วิธีการเก็บตัวอย่าง
ให้ระวังการปนเปื้อนปัสสาวะ น้ำและสิ่งปนเปื้อนอื่น
ให้ผู้ป่วยถ่ายอุจจาระลงในหม้อนอน ใช้ไม้แบนเขี่ยอุจจาระจำนวนเล็กน้อย
ใส่ภาชนะ รีบปิดทันที และใส่ถุงพลาสติกหุ้มอีกชั้น
สิ่งสำคัญ คือ ให้ผู้ป่วยงดอาหารที่มีเลือดปนเช่น อาหารสุกๆ ดิบๆ
ส่งห้องปฏิบัติการทันทีภายใน 30 นาที พร้อมใบส่งตรวจลงบันทึกทางการพยาบาล ลักษณะ สี กลิ่น สิ่งเจือปน
การเก็บอุจจาระส่งตรวจเพาะเชื้อ
ส่งห้องปฏิบัติการทันทีภายใน 30 นาที พร้อมใบส่งตรวจลงบันทึกทางการพยาบาล ลักษณะ สี กลิ่น สิ่งเจือปน
ให้ผู้ป้วยเบ่งถ่าย ใช้ไม้พันสำลีใส่เข้าไปในรูทวาร 1-2 นิ้ว แล้วจุ่มไม้พันสำลีลง
ในอาหารเลี้ยงเชื้อ ปิดฝาทันที ระวังการปนเปื้อน อาจทำให้ผลการตรวจคลาดเคลื่อน
ชนิดการเก็บอุจจาระส่งตรวจ
การตรวจอุจจาระหาเลือดแฝง (Occult blood)
การตรวจอุจจาระโดยการเพาะเชื้อ (Stool culture)
การตรวจอุจจาระหาความผิดปกติ
(Fecal examination)
กระบวนการพยาบาล
ในการส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
1.การประเมินภาวะสุขภาพ
S: “ทานยาระบายก่อนนอนเป็นประจำทุกคืน
ไม่ชอบอาหารประเภทผัก และผลไม้”
O: จากการตรวจร่างกาย พบAbdomen: Distension,
Tympanic sound, Decrease bowel sound 1-2 time/min
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ท้องผูกเนื่องจากมีพฤติกรรมใช้ยาระบายเป็นประจำ
การวางแผนการพยาบาล
วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วย
มีพฤติกรรมในการรับประทานอาหารที่ถูกต้อง
เกณฑ์การประเมินผล
มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีกากใย
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับถ่ายอุจจาระ
. ถ่ายอุจจาระได้โดยไม่ใช้ยาระบาย
การวางแผน ให้ความรู้และเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพ
เรื่องการโรคของระบบทางเดินอาหารและลำไส้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร
การปฏิบัติการพยาบาล
อธิบายประโยชน์ของการดื่มน้ำให้เพียงพอ
กับความต้องการของร่างกาย
แนะนำให้ออกกำลังกายตามความเหมาะสม
แนะนำให้ความรู้และเน้นความสำคัญ
ของการบริโภคอาหารที่มีกากใย
การประเมินผลการพยาบาล
เลือกรับประทานอาหารที่มีกากใย
และดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับถ่ายอุจจาระตรงเวลาทุกวัน
การถ่ายอุจจาระได้โดยไม่ใช้ยาระบาย