Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 10 การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ - Coggle Diagram
บทที่ 10 การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
สาเหตุและการพยาบาลผู้ปุวยที่มีปัญหาการขับถ่ายอุจจาระ
ภาวะท้องผูก(Constipation)
สาเหตุภาวะท้องผูกแบ่งออกเป็น
ภาวะท้องผูกแบบปฐมภูมิ
มีความสัมพันธ์กับการรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อยภาวะขาดน้ำการเคลื่อนไหวลดลงแรงตึงตัวของกล้ามเนื้อลดลง
ภาวะท้องผูกแบบทุติยภูมิอาจเกิดจากความเจ็บป่วยหรือการรักษาด้วยยามีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
ความผิดปกติในการทำหน้าที่ของไขสันหลัง
ภาวะท้องผูกจากการลดลงของการเคลื่อนไหวของล าไส้และเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของประสาทที่ล าไส้และการติดยาระบาย
การอุดกั้นของระบบทางเดินอาหาร
การทำหน้าที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อพื้นเชิงกราน
ฝิ่นหรือยาระงับปวดที่เป็นอนุพันธ์ของฝิ่นที่ส่งผลต่อแรงตึงตัวของกล้ามเนื้อเรียบของล าไส้ยับยั้งการเคลื่อนไหวของลำไส้เพิ่มแรงตึงตัวของหูรูด
ภาวะผิดปกติของลำไส้มีความสัมพันธ์กับภาวะท้องผูก
ผลที่เกิดจากภาวะท้องผูก
การกักเก็บอุจจาระไว้นานจนทำให้เกิดอาการท้องผูก
การพยาบาลผู้ปุวยที่มีภาวะท้องผูก
แนะนำกระตุ้น และช่วยให้ผู้ปุวยได้รับน้ าให้เพียงพอควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2,000–2,500cc.
แนะนำและช่วยเหลือเกี่ยวกับการถ่ายอุจจาระ และควรฝึกระบบขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา
แนะนำและกระตุ้นให้ผู้ปุวยรับประทานอาหารให้มากเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีเส้นใยและกากมาก ๆ
จัดสรรเวลาในตอนเช้าเพื่อฝึกให้เคยชินกับการถ่ายอุจจาระตรงเวลาทุกวัน
แนะนำให้ความรู้และเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล
แนะนำให้ออกก าลังกาย การเคลื่อนไหวของร่างกายจะมีผลต่อการบีบตัวของลำไส้ช่วยให้การถ่ายอุจจาระเป็นปกติ
สังเกตความถี่การใช้ยาระบายหรือยาถ่ายพยายามลดการใช้จนสามารถเลิกใช้ยาระบาย
แนะนำสมุนไพรซึ่งเป็นอาหารหรือนำมาปรุงอาหารจะช่วยการขับถ่ายอุจจาระใช้เป็นยาระบายอ่อน ๆ
การอัดแน่นของอุจจาระ (Fecal impaction)
สาเหตุ
ไม่ได้ถ่ายอุจจาระติดต่อกันนานแล้ว พบอุจจาระเป็นน้ำเหลวไหวซึมทางทวารหนักทีละเล็กละน้อยอย่างควบคุมไม่ได้
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีการอัดแน่นของอุจจาระ
ช่วยเหลือเอาก้อนอุจจาระออกจากร่างกายโดยการล้วงอุจจาระ (Evacuation) และอาจใช้ยาระบายเพื่อท าให้ก้อนอุจจาระอ่อนนุ่มและหล่อลื่นหรือการสวนอุจจาระในกรณีที่ใช้ยาไม่ได้ผล
การล้วงอุจจาระ (Evacuation)
การล้วงอุจจาระออกโดยตรง เป็นการช่วยเหลือผู้ปุวยในกรณีที่ผู้ป่วยถ่ายอุจจาระออกเองไม่ได้
อุปกรณ์เครื่องใช้
สารหล่อเลื่อน เจล หล่อลื่น ถ้าไม่มีใช้วาสลินหรือสบู่เหลว
ผ้ายางรองก้นและกระดาษชำระ
ถุงมือสะอาด 2คู่และหน้ากากอนามัย (Mask)
หม้อนอนหรือ ถุงพลาสติกส าหรับใช่อุจจาระ
วิธีปฏิบัติ
ให้ผู้ป่วยนอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำขาขวา งอเล็กน้อย(Sim’s position)
ปูผ้ายางรองให้ผู้ป่วย และวางหม้อนอนหรือถุงพลาสติกไว้ใกล้ ๆ
แนะนำตัว และบอกวัตถุประสงค์ให้ผู้ป่วยทราบ
พยาบาลสวมถุงมือ 2ชั้น แล้วใช้นิ้วชี้หล่อลื่นด้วยเจลหล่อลื่น(วาสลินหรือสบู่เหลว) บอกผู้ปุวยให้รู้ตัวแล้วสอดนิ้วชี้เข้าทางทวารหนัก
ล้วงเอาก้อนอุจจาระออกใส่ในหม้อนอนหรือถุงพลาสติกที่เตรียมไว้
เช็ดทำความสะอาดจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และเก็บเครื่องใช้
ทำความสะอาดเครื่องใช้และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ลงบันทึกทางการพยาบาล
ภาวะท้องอืด (Flatulence หรือAbdominal distention)
สาเหตุ
มีแก๊สในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ปริมาณมาก
มีการสะสมของอุจจาระมาก เนื่องจากไม่ได้ขับถ่ายออกตามปกติ
มีการสะสมของอาหารหรือน้ำมาก อาหารไม่ย่อย รับประทานอาหารมากเกินไปหรือเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
ปริมาตรของช่องท้องลดลงจากความผิดปกติของอวัยวะที่อยู่ใกล้เคียง
การพยาบาลผู้ปุวยที่มีภาวะท้องอืด
อธิบายสาเหตุและวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการท้องอืด แสดงความเห็นอกเห็นใจและให้ก าลังใจ
ค้นหาสาเหตุของอาการท้องอืดและให้การช่วยเหลือตามสาเหตุ
สาเหตุจากการถูกจำกัดการเคลื่อนไหวหรือความสามารถในการขยับตัวได้ลดลงหรือหลังการผ่าตัดไม่ยอมขยับตัวเนื่องจากมีความกลัวต่าง ๆ
สาเหตุจากได้รับยาระงับปวดที่มีอาการข้างเคียงทำให้ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ เช่น มอร์ฟีน
สาเหตุจากอาหารไม่ย่อย
จัดท่านอน ให้นอนศีรษะสูง 45-60องศาเพื่อให้กระบังลมหย่อยตัว ปอดขยายตัวได้ดีขึ้นลดอาการแน่นหน้าอกและทำให้หายใจสะดวก
การกลั้นอุจจาระไม่ได้ (Fecal incontinence)
ผลของการกลั้นอุจจาระไม่ได้
ผลด้านจิตใจ
ผลด้านสังคม
ผลด้านร่างกาย
ผลด้านจิตวิญญาณ
การพยาบาลผู้ปุวยที่กลั้นอุจจาระไม่ได้
ด้านร่างกาย
ให้การดูแลผิวหนังให้สะอาด และแห้งตลอดเวลา
ดูแลเสื้อผ้าที่นอน ให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ
การควบคุมการขับถ่ายอุจจาระโดยใช้วิธีการฝึกถ่ายอุจจาระเป็นเวลาเลือกเป็นเวลาที่สะดวก
รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการเกิดโรคหวัด
ความสะอาดทั่วไปของร่างกาย
ด้านจิตใจสังคม และจิตวิญญาณ
การดูแลเรื่องจิตใจเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอาจส่งผลให้เกิดภาวะเก็บกด (Depression) พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม และเก็บตัวไม่ยอมรับสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป
ภาวะท้องเสีย(Diarrhea)
สาเหตุของภาวะท้องเสีย
จากการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและอารมณ์
การได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและมีอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์(Sideeffect)
จากอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
ผลที่เกิดจากภาวะท้องเสีย
เกิดภาวะเสียสมดุลน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย (Electrolyte imbalance)
เกิดความไม่สุขสบาย ปวดท้อง เนื่องจากการบีบตัวของลำไส้และการถ่ายอุจจาระหลาย ๆ ครั้ง
การพยาบาลผู้ปุวยที่มีภาวะท้องเสีย
ให้การช่วยเหลือดูแลในการขับถ่ายอุจจาระที่มีจำนวนครั้งค่อนข้างบ่อย
แสดงการช่วยเหลือด้วยท่าที่เหมาะสมและเต็มใจ
ให้โอกาสผู้ปุวยได้อยู่ตามลำพัง แต่ไม่ควรทิ้งผู้ปุวยหมั่นดูอาการเป็นระยะๆ
ช่วยเหลือผู้ปุวยให้ถ่ายได้ทัน
ช่วยเหลือชำระล้างและทำความสะอาดหลังการถ่ายอุจจาระ
การดูแลเรื่องอาหาร ในระยะแรกมักให้งดอาหารและน้ำทางปาก (NPO)ให้ดื่มเฉพาะน้ำ
ประเมินสภาพผู้ป่วย
ติดตาม เฝ้าระวัง ปูองกัน และช่วยแก้ไขอาการขาดน้ำและเกลือแร่
สังเกตความผิดปกติอื่นๆ ที่เกิดร่วมด้วย
สังเกตและบันทึกลักษณะอุจจาระความถี่ของการถ่ายอุจจาระ และประเมินความรุนแรงของอาการและอาการแสดง
ส่งเสริมการพักผ่อนนอนหลับ
การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
การพยาบาลผู้ป่วยที่ถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง
การทำความสะอาดช่องเปิดของลำไส้ และผิวหนังรอบๆ
ระยะที่ 2หลังผ่าตัด 7-10วันแผลผ่าตัดจะเริ่มติดดี และเริ่มมีอุจจาระออกทาง Stomaให้ใช้สำลีสะอาด และน้ำต้มสุกทำความสะอาด Stoma และผิวหนังรอบๆ แล้วซับให้แห้งเปิดด้วยถุงรองรับอุจจาระ
ระยะที่3 หลังผ่าตัด 6-8สัปดาห์แผลจะยุบบวมและมีขนาดคงที่ ระยะนี้สามารถทำความสะอาดด้วยน้ำ และสบู่อ่อนแล้วซับให้แห้ง ขณะอาบน้ำสามารถทำความสะอาดเหมือนการล้างทวารหนักตามธรรมดาไม่จำเป็นต้องปิดด้วยถุงขณะอาบน้ำ
ระยะที่ 1หลังผ่าตัด 4-5วันท าความสะอาดแบบการทำแผลด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ เพื่อปูองกันการติดเชื้อของแผลผ่าตัด
การปิดถุงรองรับอุจจาระเมื่อทำความสะอาดStomaและผิวหนังรอบๆแล้ว ต้องปิดด้วยถุงรองรับอุจจาระเพื่อปูองกันผิวหนังรอบๆ
ถุงปลายเปิดใช้สำหรับของเสียที่เป็นน้ำ อุจจาระเหลว และมีปริมาณมาก
ถุงปลายปิดใช้สำหรับอุจจาระที่ค่อนข้างเป็นก้อนใช้ได้ทั้งระบบชิ้นเดียวหรือสองชิ้น และเปลี่ยนถุงอย่างน้อยวันละครั้ง
การรับประทานอาหารที่เหมาะสม
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก็ส
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่น
ควรรับประทานอาหารให้ครบ 3มื้อ ในเวลาเดียวกันทุกๆ วัน
รับประทานอาหารที่ปูองกันอาการท้องผูก
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรืออาหารหมักดอง
การออกกำลังกายและการทำงาน
หลังผ่าตัด 3-6เดือนออกกำลังกายได้ตามปกติ หลีกเลี่ยงกีฬาที่ต้องกระแทกกัน เช่น ชกมวย
ระยะแรกผู้ป่วยควรออกกำลังกายเบา ๆ เช่นเดินเล่นและทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง
การฝึกหัดการขับถ่ายโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง ต้องหัดเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องและเบ่งถ่ายอุจจาระทุกวัน ตอนเช้า
ภาวะแทรกซ้อนสังเกตและดูแลตนเองจากภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยคือการระคายเคืองของผิวหนังรอบบริเวณช่องเปิดลำไส้การติดเชื้อการตีบของ Stoma
การทำความสะอาดแผลทวารเทียม
เปลี่ยนถุงรองรับ ด้วยการดึงถุงที่มีกาวติดกับผิวหนังออก แล้วใช้ลำสีสะอาดชุบน้ำสะอาดเช็ดทำความสะอาดStomaก่อน แล้วเช็ดผิวหนังรอบๆ ให้สะอาด เช็ดด้วยสำลีแห้ง แล้วปิดถุงใหม่ลงไปสังเกตรอยแดงหรือผื่นและระวังมีแผลถลอกจากการดึงพลาสติกกาวที่ติดแน่นกับผิวหนัง
คำแนะนำสำหรับผู้ปุวยผ่าตัดเปิดลำไส้ทางหน้าท้อง
หลังผ่าตัดประมาณ 7-10วัน แผลที่บริเวณ Stoma ก็จะแห้งสนิท และระบบขับถ่ายอุจจาระก็จะเข้าสู่ภาวะปกติเช่นกันผู้ปุวยจึงสามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้ตามเดิมหลังผ่าตัด 6–8เดือน สามารถออกกำลังกายได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงกีฬาที่หักโหมรุนแรง และ ไม่ควรยกของหนักเพราะอาจเป็นสาเหตุการเกิดไส้เลื่อนได้รับประทานอาหารได้ทุกประเภท ยกเว้นบางโรคที่ต้องควบคุมการรับประทานอาหาร
การเก็บอุจจาระส่งตรวจ
ชนิดการเก็บอุจจาระส่งตรวจ
การตรวจอุจจาระหาเลือดแฝง (Occult blood)ตรวจในรายที่สงสัยว่ามีเลือดแฝงในอุจจาระ
การตรวจอุจจาระโดยการเพาะเชื้อ(Stool culture)
การตรวจอุจจาระหาความผิดปกติ(Fecal examination หรือStool examination)
อุปกรณ์เครื่องใช้
ไม้แบน สำหรับเขี่ยอุจจาระ
กระดาษชำระ
ใบส่งตรวจ
หม้อนอน
ภาชนะมีฝาปิดมิดชิด
วิธีปฏิบัติ
การเก็บอุจจาระส่งตรวจหาความผิดปกติและส่งตรวจหาเลือดแฝง
ให้ผู้ป่วยถ่ายอุจจาระลงในหม้อนอนที่สะอาดและแห้งใช้ไม้แบนเขี่ยอุจจาระจำนวนเล็กน้อยใส่ภาชนะ รีบปิดภาชนะทันที และใส่ถุงพลาสติกหุ้มอีกชั้น
ส่งห้องปฏิบัติการทันทีภายใน 30 นาที พร้อมใบส่งตรวจ
อธิบายให้ผู้ป่วยทราบ และเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บอุจจาระส่งตรวจ
ลงบันทึกทางการพยาบาลลักษณะ สี กลิ่น สิ่งเจือปน
การเก็บอุจจาระส่งตรวจเพาะเชื้อ
ส่งห้องปฏิบัติการทันทีภายใน 30 นาที พร้อมใบส่งตรวจ
ลงบันทึกทางการพยาบาล ลักษณะ สี กลิ่น สิ่งเจือปน
ให้ผู้ปุวยเบ่งถ่ายเล็กน้อย ใช้ไม้พันสำลีใส่เข้าไปในรูทวาร 1-2 นิ้ว แล้วจุ่มไม้พันสำลีลงในอาหารเลี้ยงเชื้อ ปิดฝาทันที
ลักษณะของอุจจาระปกติและสาเหตุของอุจจาระที่ผิดปกติ
Bristol Stool Form Scale
Type 4
Like a sausage or snake, smooth and soft(ลักษณะยาวหรือขดม้วน เรียบ และนุ่ม)
Type 5
Soft blobs with clear-cut edges(ลักษณะเป็นก้อนนุ่มๆ แยกออกจากันชัดเจน)
Type 3
Like a sausage but with cracks on surface(ลักษณะยาวหรือขดม้วน แต่พื้นผิวบนนุ่มๆ)
Type 6
Fluffy pieces with ragged edges, a mushy stool(ลักษณะเป็นก้อนนุ่มปุยมีขอบขยักไม่เรียบ)
Type 2
Sausage shaped but lumpy(ลักษณะยาวแต่เป็นก้อน)
Type 7
Watery, no solid pieces(entirely liquid)(ลักษณะเป็นน้ำไม่มีเนื้ออุจจาระปน)
Type 1
Separate hard lumps, like nuts(Difficult to pass)ลักษณะแข็งคล้ายเมล็ดถั่วคนไทยเรียกว่า “ขี้แพะ”
ลักษณะของอุจจาระปกติ ผิดปกติและสาเหตุ
สี
เด็ก:ขาว หรือคล้ายดินเหนียว
ผู้ใหญ่:ดำ (Melena)
ผู้ใหญ่:แดง
ผู้ใหญ่:ซีด และเป็นมันเยิ้ม
กลิ่น
กลิ่นเปลี่ยนเหม็นมาก
ลักษณะ
เหลว
แข็ง
ความถี่
เด็ก: มากกว่าวันละ6ครั้งหรือ 1-2วัน ครั้งเดียว
ผู้ใหญ่:มากกว่าวันละ 3ครั้งหรือ สัปดาห์ละครั้ง
รูปร่าง
ขนาดเล็กคล้ายดินสอ
อื่นๆ
อุจจาระเป็นน้ ามันเยิ้ม เป็นมูก
การสวนอุจจาระ
วัตถุประสงค์
เตรียมผ่าตัดในรายที่ผู้ป่วยจะต้องดมยาสลบ
เตรียมคลอด
เตรียมตรวจทางรังสี
เพื่อการรักษาเช่น การระบายพิษจากแอมโมเนียคั่งในกระแสเลือดในผู้ป่วยโรคตับ
ลดปัญหาอาการท้องผูก
ชนิดของการสวนอุจจาระ
Cleansing enemaเป็นการสวนน้ำหรือน้ำยาเข้าไปในลำไส้ใหญ่เพื่อกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวของลำไส้ โดยการทำให้เกิดการระคายเคืองของ Colonหรือ Rectum รวมทั้งทำให้ลำไส้โปุงตึงด้วยน้ำหรือน้ำยาและขับอุจจาระออกมา
Fleet enemaเป็นการสวนอุจจาระโดยน้ำยาสำเร็จรูปคือสารละลายHypotonicบรรจุในขวดพลาสติกลักษณะของขวดมีหัวสวนอยู่ในตัว และหล่อลื่นด้วยวาสลิน ให้ผลดีหลังสวนประมาณ 5นาที เหมาะสำหรับ การสวนอุจจาระแก่ผู้ใหญ่
Oil enemaเป็นการสวนอุจจาระโดยใช้น้ ามันพืช นิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีอุจจาระอุดตัน ให้ผลหลังสวนประมาณ 30นาที
Normal saline solution enema(NSSenema) เป็นการสวนอุจจาระโดยใช้สารละลาย0.9 % NSSนิยมใช้ ในผู้ปุวยเด็ก ผู้ป่วยที่มีลำไส้อักเสบ ไม่เหมาะสมในผู้ป่วยโรคหัวใจวาย หรือผู้ป่วยที่มีการ คั่งของเกลือโซเดียมในร่างกาย
Soap sud enema(SSE) เป็นการสวนอุจจาระโดยใช้น้ำสบู่ผสมน้ำใช้น้ำสบู่เข้มข้น 15ml.ในน้ า 1,000 ml.แต่โดยทั่วไปมักผสมกับน้ำจนเป็นสีน้ำซาวข้าวการสวนอุจจาระด้วยน้ำสบู่อาจทำให้เกิด ลำไส้ใหญ่อักเสบได้
Tap water enema (TWE)เป็นการสวนเอาน้ำสะอาดเข้าในลำไส้ ไม่นิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะอิเล็กโตรไลต์ไม่สมดุล หรือผู้ปุวยเด็ก
Retention enemaการสวนเก็บเป็นการสวนน้ำยาเข้าไปเก็บไว้ในลำไส้ใหญ่ในผู้ใหญ่ไม่เกิน 200 ml.
Oil-retention enemaเป็นการสวนเก็บน้ำไมัน เพื่อให้อุจจาระอ่อนตัว กระตุ้นให้ลำไส้มีการบีบตัวดีขึ้น
Medicated enemaเป็นการสวนเก็บด้วยยา เพื่อให้ยาดูดซึมเข้าไปในร่างกายทางทวารหนัก เช่น Neomycin enemaเป็นต้น โดยมีจุดประสงค์ เพื่อลดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ก่อนผ่าตัดเกี่ยวกับลำไส้ใหญ่ หรือเป็นการสวนเพื่อการวินิจฉัยโรค
อุปกรณ์เครื่องใช้
กระโถนนอน (Bed pan)
ผ้าปิดกระโถนนอน (Bed pad)
กระดาษชำระ
ผ้ายางกันเปื้อน
ชามรูปไต
สารละลายที่ใช้ในการสวนอุจจาระ
สารหล่อลื่น เช่น KY jelly
เหยือกน้ำ
หัวสวนอุจจาระ
เสาน้ำเกลือ
หม้อสวน
ถุงมือสะอาด1คู่ และMask
วิธีปฏิบัติ
ปิด Clampหัวสวนไว้เทน้ำยาใส่หม้อสวนแขวนหม้อสวนสูงกว่าระดับทวารหนักของผู้ปุวย 1ฟุต (12 นิ้ว)เหนือจากระดับที่นอนเพื่อควบคุมแรงดันน้ า ถ้าแขวนสูงกว่า1 ฟุต จะเพิ่มแรงดันในลำไส้อย่างรวดเร็ว จะทำให้ลำไส้บีบตัวแรง เกิดการหดเกร็ง ทำให้ปวดท้องได้
เปิด Clampเพื่อไล่อากาศในสายสวน และหัวสวนปิด Clamp หัวสวนหล่อลื่นหัวสวนด้วย KY jellyไล่อากาศเพื่อทดสอบว่าหัวสวนไม่อุดตัน และไม่เป็นการน าลมเข้าล าไส้หล่อลื่นหัวสวน
ล้างมือ สวมถุงมือและต่อหัวสวนกับสายสวนให้แน่น ป้องกันหัวสวนหลุดเข้าช่องทวารหนักขณะสวนและทำรั่วเปียกเลอะเทอะ
บอกให้ผู้ปุวยทราบว่าจะท าการสวนอุจจาระโดยการแตะหัวสวนที่ทวารหนักอย่างนุ่มนวลเบาๆใช้มือข้างที่ไม่ถนัดยกButtock ให้เห็นช่องทวารหนัก บอกให้ผู้ป่วยหายใจยาวๆ
คลุมผ้าเปิดเฉพาะบริเวณทวารหนักไม่เปิดเผย ลดอาการเกร็งของผู้ป่วยจากความเขินอายและทำให้เกิดความมั่นใจ
สอดหัวสวนเข้าทวารหนักให้ปลายหัวสวนมุ่งไปทิศทางสะดือลึกประมาณ3นิ้ว แล้วเบนปลายกลับให้ขนานกับแนวกระดูกสันหลังตามลักษณะโค้งของลำไส้
จัดท่านอนให้ถูกต้องคือนอนตะแคงซ้าย งอเข่าขวาไปข้างหน้า เลื่อนผู้ป่วยมาชิดขอบเตียง
จับหัวสวนให้แน่กระชับมือเปิด Clamp ให้น้ำไหลช้าๆ ใช้เวลาประมาณ5-10 นาทีระหว่างทำการสวนให้ผู้ปุวยอ้าปากหายใจยาวๆสังเกตระดับน้ำในหม้อสวนปล่อยน้ าไปเรื่อยๆ ถ้าผู้ป่วยทนไม่ได้ขณะน้ำยังไม่หมด ให้ปิดน้ำไว้สักครู่แล้วให้ผู้ป่วยอ้าปากหายใจเข้าออกลึกๆ ทางปากช้าๆจนผ่อนคลายลงแล้วจึงเปิดน้ำต่อเมื่อสารน้ำหมดจึงปิดน้ำ
ปูผ้ายางรองก้นบริเวณก้นของผู้ป่วย ป้องกันไม่ให้ที่นอนเปรอะเปื้อนและเปียกน้ำ
ค่อยๆ ดึงสายสวนออกเบาๆปลดหัวสวนออกห่อด้วยกระดาษชำระวางใน ชามรูปไตบอกให้ผู้ปุวยนอนท่าเดิมพยายามเก็บน้ำไว้ในล าไส้ 5-10 นาที
นำเครื่องใช้มาที่เตียง บอกผู้ปุวยให้ทราบถึงเหตุผลการสวน และวิธีการปฏิบัติตัวปิดม่านเพื่อไม่เปิดเผยผู้ปุวยเกินความจำเป็น
สอดBed panกั้นม่านให้มิดชิด หลังถ่ายเสร็จใช้ Bed padปิดคลุม Bed panหรือในรายที่เดินได้ให้ผู้ปุวยลุกเดินไปห้องน้ำเอง
การเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ให้ครบถ้วนสะดวกในการปฏิบัติ
เก็บเครื่องใช้ทำความสะอาดให้เรียบร้อยถอดถุงมือล้างมือให้สะอาด
ลงบันทึกทางการพยาบาล
ความสำคัญของการขับถ่ายอุจจาระ
เป็นการขับของเสียออกจากร่างกายหากร่างกายไม่ขับถ่ายอาจทำให้เกิดสารพิษและของเสียที่ตกค้างอยู่ในลำไส้
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมการขับถ่ายอุจาจาระ
การวางแผนการพยาบาล(Planning)
การปฏิบัติการพยาบาล(Implementation)
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล(Nursing diagnosis)
การประเมินผลการพยาบาล(Evaluation)
การประเมินภาวะสุขภาพ(Health assessment)
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการขับถ่ายอุจจาระ
อายุ (Age)
ชนิดของอาหารที่รับประทาน (Food intake)
ปริมาณน้ำที่ร่างกายได้รับ (Fluid intake)
การเคลื่อนไหวของร่างกาย (Body movement)
อารมณ์ (Emotion)
ความสม่ำเสมอในการขับถ่าย (Defecation habits )
ความเหมาะสม(Opportunity)
ยา(Medication)
การตั้งครรภ์(Pregnancy)
อาการปวด (Pain)
การผ่าตัดและการดมยาสลบ (Surgery andAnesthesia)
การตรวจวินิจฉัยโรค (Diagnostic test)
ข้อควรคำนึงในการสวนอุจจาระ
อุณหภูมิของสารน้ำอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ105 ̊F (40.5 ̊C)
ปริมาณสารละลายใช้สวนอุจจาระขึ้นอยู่กับอายุและขนาดร่างกาย
เด็กอายุ 10 เดือน ถึง 10ปีใช้ในปริมาณ250–500 ml.
เด็กอายุ 10–14ปีใช้ในปริมาณ500–750 ml.
เด็กเล็กใช้ในปริมาณ150–250 ml.
ผู้ใหญ่ใช้ในปริมาณ750–1,000 ml.
การปล่อยน้ำเปิดClamp ให้น้ำไหลช้าๆ
แรงดันของสารน้ำที่สวนให้แก่ผู้ป่วย
ความลึกของสายสวนที่สอดเข้าไปในลำไส้และลักษณะของสายสวนอุจจาระ
ระยะเวลาที่สารน้ำกักเก็บอยู่ในลำไส้ใหญ่
การหล่อลื่นหัวสวนด้วยสารหล่อลื่น
การแก้ไขเมื่อสารละลายในหม้อสวนไม่ไหลเป็นปกติ
ทิศทางการสอดหัวสวน
ท่านอนของผู้ป่วย