Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ - Coggle Diagram
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
ความสำคัญของการขับถ่ายอุจจาระ
การขับถ่ายอุจจาระ เป็นการขับของเสียออกจากร่างกาย หากร่างกายไม่ขับถ่ายอาจทำให้เกิดสารพิษและของเสียที่ตกค้างอยู่ในลำไส้มีโอกาสในการได้รับสารพิษกลับเข้าไปในร่างกาย และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้มากขึ้นและเป็นการสร้างระบบขับถ่ายที่ดีต่อร่างกายและดีต่อสุขภาพ
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการขับถ่ายอุจจาระ
อายุ
เมื่ออายุมากขึ้นเซลล์ กล้ามเนื้อจะลดขนาดลง และกำลังกล้ามเนื้อก็ลดลง จึงลดจำนวนครั้งของการขับถ่ายอุจจาระ
ชนิดของอาหารที่รับประทาน
อาหารจำพวกพืชผัก ผลไม้ที่มีกากใยมาก จะช่วยทำให้อุจจาระสามารถขับเคลื่อนได้ดี
ปริมาณน้ำที่ร่างกายได้รับ
น้ำเป็นตัวที่ทำให้ อุจจาระมีลักษณะนุ่มพอดี ไม่แห้ง แข็งเกินไป อุจจาระอ่อนตัว และยังช่วยกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่ได้ดี ทำให้มีการถ่ายอุจจาระได้ง่ายขึ้น
การเคลื่อนไหวของร่างกาย
ช่วยทำให้การทำงานของลำไส้เป็นไปอย่างปกติ ส่งผลให้มีถ่ายอุจจาระได้ปกติ
อารมณ์
เมื่ออารมณ์มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ต่อมหมวกไตหลั่งฮอร์โมน และการทำงานของระบบประสาท Sympathetic มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวเพิ่มข้ึนหรือลดลงได้
ความสม่ำเสมอในการขับถ่าย
ควรมีการฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา หรือเมื่อรู้สึกอยากถ่ายให้รีบไปถ่าย หากมีการกลั้นอุจจาระไว้จะทำให้เกิดท้องผูกได้
ความเหมาะสม
สิ่งแวดล้อม และท่าทางในการขับถ่าย มีส่วนช่วยในการขับถ่าย ถ้าสิ่งแวดล้อมไม่อำนวย
ส่งผลให้บุคคลไม่อยากถ่ายอุจจาระจึงกลั้นอุจจาระ และ ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้
ยา
อาการข้างเคียงของยาบางชนิดมีผลต่อระบบทางเดินอาหารอาจทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
การตั้งครรภ์
มดลูกขยายตัว ทำให้จะไปเบียดกดลำไส้ส่วนปลาย ในการเบ่งถ่ายอุจจาระจึงต้องใช้แรงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกเป็นประจำ และเกิดโรคริดสีดวงทวารในหญิงตั้งครรภ์
อาการปวด โรคริดสีดวงทวาร
การผ่าตัดส่วนลำไส้ตรงและการผ่าตัดหน้าท้อง
เมื่อมีอาการปวดถ่ายอุจจาระ ผู้ป่วยจะไม่ยอมเบ่งถ่ายอุจจาระเพราะกลัวเจ็บ
การผ่าตัดและการดมยาสลบ
การดมยาสลบชนิดทั่วไป เป็นสาเหตุของการเกิดPeristalsis ลดลง และขณะทำการผ่าตัดจะไปกระทบกระเทือนการทำงานของลำไส้ทำให้เกิดPeristalsis ลดลงชั่วคราว
การตรวจวินิจฉัยโรค
มีความจำเป็นต้องทำให้ลำไส้สะอาด ผู้ป่วยต้องได้รับ การงดน้ำและอาหาร (NPO) หรือรับประทานอาหารเหลวใส (Clear liquid) หรือทำการสวนอุจจาระ(Enema) จนทำให้ลำไส้สะอาดก่อนการส่งตรวจเรียกว่า “การเตรียมลำไส้”
ลักษณะของอุจจาระปกติและ
สาเหตุของอุจจาระที่ผิดปกติ
ชนิดและลักษณะของอุจจาระ
Type 1
ลักษณะแข็งคล้ายเมล็ดถั่ว คนไทยเรียกว่า “ขี้แพะ”
Type 2
ลักษณะยาวแต่เป็นก้อน
Type 3
ลักษณะยาวหรือขดม้วน แต่พื้นผิวบนนุ่ม ๆ
Type 4
ลักษณะยาวหรือขดม้วน เรียบ และนุ่ม
Type 5
ลักษณะเป็นก้อนนุ่ม ๆ แยกออกจากันชัดเจน
Type 6
ลักษณะเป็นก้อนนุ่มปุย มีขอบขยักไม่เรียบ
Type 7
ลักษณะเป็นน้ำไม่มีเนื้ออุจจาระปน
ลักษณะสีที่ผิดปกติ
สีขาวคล้ายดินเหนียวในเด็ก
สาเหตุ
ไม่น้ำดี
มีสีดำ แดง ซีดและมันเยิ้ม
สาเหตุ
มีธาตุเหล็กปนอยู่หรือ มีเลือดออกในทางเดินอาหาร
พร่องหน้าที่การดูดซึมของไขมัน
ลักษณะกลิ่นที่ผิดปกติ
กลินเหม็นมาก
สาเหตุ
การติดเชื้อจากเลือดในอุจจาระ
ลักษณะผิดปกติ
แข็ง
สาเหตุ
ท้องผูก
เหลว
สาเหตุ
ท้องเสีย
ความถี่
เด็ก มากกว่าวันละ 6 ครั้ง หรือ 1-2 วัน ครั้งเดียว
ผู้ใหญ่ มากกว่าวันละ 3 คร้ัง หรือสัปดาห์ละครั้ง
สาเหตุ
มีกิจกรรมการเคลื่อนไหวมากเกินไป หรือน้อยเกินไป
รูปร่าง
ขนาดเล็กคล้ายดินสอ
สาเหตุ
มีการอุดตันในทางเดินอาหารหรือมีการบีบตัวของลำไส้เพิ่มขึ้น
อื่นๆ
เลือด, หนอง, มูก,แปลกปลอม , พยาธิ
สาเหตุ
มีเลือดออกในทางเดินอาหาร, รับประทานอาหารบูด, มีการระคายเคือง, มีการอักเสบ,และมีพยาธิ
อุจจาระเป็นมันเยิ้ม
สาเหตุ
กลุ่มอาการพร่องการดูดซึม, ลำไส้อักเสบ, โรคของตับอ่อน, มีการผ่าตัด เกี่ยวกับลำไส้
เป็นมูก
สาเหตุ
มีการระคายเคืองของลำไส้, มีกราอักเสบ, มีการติดเชื้อหรือได้รับอันตราย
สาเหตุและการพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาการขับถ่ายอุจจาระ
ภาวะท้องผูก
สาเหตุ
ท้องผูกปฐมภูมิ มีความสัมพันธ์กับการ
รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ภาวะขาดน้ำ การเคลื่อนไหวลดลงแรงตึงตัวของกล้ามเนื้อลดลง
ท้องผูกแบบทุติยภูมิ อาจเกิดจากความเจ็บป่วยหรือการรักษาด้วยยา
ฝิ่นหรือยาระงับปวดที่เป็นอนุพันธ์ของฝิ่น
ส่งผลต่อแรงตึงตัวของกล้ามเนื้อเรียบของลำไส้ ยับยั้งการเคลื่อนไหวของลำไส้ เพิ่มแรงตึงตัวของหูรูด และลดความไวต่อการขยายตัวของทวารหนัก
การอุดกั้นของระบบทางเดินอาหาร
การล่าช้าของการขับถ่ายทำให้ อุจจาระแข็ง และเกิดก้อนเนื้อของลำไส้หรือก้อนเนื้อของเชิงกราน ทำให้เกิดการอุดตัน
ความผิดปกติในการทำหน้าที่ของไขสันหลัง
อันเป็นผลของการไม่ เคลื่อนไหว การสูญเสียการรับความรู้สึกของทวารหนัก การลดลงของความตึงตัวของทวารหนักและลำไส้ใหญ่
ภาวะท้องผูกจากการลดลงของการเคลื่อนไหว
ของลำไส้และเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของประสาทที่ลำไส้ และการติดยาระบาย
การทำหน้าที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อพื้นเชิงกราน
จากการหดรัดตัวที่ผิด ปกติของกล้ามเนื้อและหูรูดระหว่างการขับถ่าย ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะท้องผูกจากการอุดกั้นทางออกของอุจจาระ
ภาวะผิดปกติของลำไส้
มีความสัมพันธ์กับภาวะท้องผูก ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความไวต่อการกระตุ้นของอวัยวะภายในและการเคลื่อนไหวของลำไส้ผิดปกติ
ผลที่เกิดจากภาวะท้องผูก
1) เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้อง
ไม่สุขสบายเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะวิงเวียน
2) เกิดอาการปากแตก ลิ้นแตก ลมหายใจเหม็น อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
3) เป็นโรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid) เกิดจากอุจจาระที่แห้งแข็งกดหลอดเลือดเลือดไหลกลับไม่สะดวกเกิดโป่งพอง และแตกได้
4) แบคทีเรียในลำไส้ จะเปลี่ยนยูเรียจากกากอาหารเป็นแอมโมเนีย
ดูดซึมเข้ากระแสเลือดไปยังสมอง
5) ทิ้งไว้นานอุจจาระอัดกันเป็นก้อนแข็งหรือผนังลำไส้หย่อนตัวเป็นถุงสะสมอุจจาระไว้
6) การกลั้นอุจจาระไม่ได้ เนื่องจากก้อนอุจจาระไปกดปลายประสาทของกล้ามเนื้อหูรูดที่ควบคุมการขับถ่ายสูญเสียหน้าที่
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องผูก
1) แนะนำให้ความรู้และเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล
2) แนะนำและกระตุ้นให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารให้มากเพียงพอ
โดยเฉพาะอาหารที่มีกากใย
3) แนะนำ กระตุ้น และช่วยให้ผู้ป่วยได้รับน้ำให้เพียงพอ
4) แนะนำและช่วยเหลือเกี่ยวกับการถ่ายอุจจาระ และควรฝึกระบบขับถ่ายอุจจาระเป็นเวลา
5) จัดสรรเวลาในตอนเช้าเพื่อฝึกให้เคยชินกับการถ่ายอุจจาระตรงเวลาทุกวัน
6) แนะนำให้ออกกาลังกาย การเคลื่อนไหวของร่างกายจะมีผลต่อการบีบตัวของลำไส้
7)สังเกตความถี่การใช้ยาระบายหรือยาถ่าย
พยายามลดการใช้จนสามารถเลิกใช้หรือใช้ในกรณีที่จำเป็น
8) แนะนำสมุนไพรซึ่งเป็นอาหารหรือนำมาปรุงอาหารจะช่วยการขับถ่ายอุจจาระ
การอัดแน่นของอุจจาระ
สาเหตุ
ไม่ได้ถ่ายอุจจาระติดต่อกันนานแล้ว พบอุจจาระ เป็นน้ำเหลวไหลซึมทางทวารหนักทีละเล็กละน้อยอย่างควบคุมไม่ได้
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีการอัดแน่นของอุจจาระ
การช่วยเหลือเอาก้อนอุจจาระออกจากร่างกาย
โดยการล้วงอุจจาระ (Evacuation) และอาจใช้ยาระบายเพื่อทาให้ก้อนอุจจาระอ่อนนุ่มและหล่อลื่น หรือการสวนอุจจาระในกรณีที่ใช้ยาไม่ได้ผล
ภาวะท้องอืด
สาเหตุ
1) มีการสะสมของอาหารหรือน้ำมาก อาหารไม่ย่อย รับประทานอาหารมาก หรือเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
2) มีแก๊สในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ปริมาณมาก
3) มีการสะสมของอุจจาระมาก เนื่องจากไม่ได้ขับถ่ายออกตามปกติ
4) ปริมาตรของช่องท้องลดลงจากความผิดปกติของอวัยวะที่อยู่ใกล้เคียง เช่น ตับโต ม้ามโต
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องอืด
1) จัดท่านอน ให้นอนศีรษะสูง 45-60 องศา เพื่อให้กระบังลมหย่อยตัว ปอดขยายตัวได้ดีขึ้นลดอาการแน่นหน้าอกและหายใจสะดวก
2) อธิบายสาเหตุและวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการท้องอืด แสดงความเห็นอกเห็นใจ
3) ค้นหาสาเหตุของอาการท้องอืดและให้การช่วยเหลือตามสาเหตุ
ภาวะท้องเสีย
สาเหตุของภาวะท้องเสีย
1) จากอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น อาหารที่มีแมลงวันตอม เป็นต้น
2) จากการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ และอารมณ์ จนทำให้เกิดการเจ็บป่วย ออกทางร่างกาย เรียกว่า “Psychosomatic disorder”
3) การได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและมีอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
ผลที่เกิดจากภาวะท้องเสีย
1) เกิดภาวะเสียสมดุลน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย
2) เกิดความไม่สุขสบาย ปวดท้อง เนื่องจากการบีบตัวของลำไส้
และการถ่ายอุจจาระหลาย ๆ ครั้ง
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องเสีย
1) ประเมินสภาพผู้ป่วย
2) ให้การช่วยเหลือดูแลในการขับถ่ายอุจจาระที่มีจำนวนครั้งบ่อย
(1) ช่วยเหลือผู้ป่วยให้ถ่ายได้ทันไม่หกเรี่ยราด
(2) แสดงการช่วยเหลือด้วยท่าที่เหมาะสมและเต็มใจ
(3) ให้โอกาสผู้ป่วยได้อยู่ตามลาพังหมั่นดูอาการเป็นระยะๆ
(4) ช่วยเหลือชำระล้างและทำความสะอาดหลังการถ่ายอุจจาระ
3) การดูแลเรื่องอาหาร ในระยะแรกมักให้NPO
ให้ดื่มเฉพาะน้ำหรือสารน้ำซึ่งสามารถดูดซึมไปใช้ได้เลย
4) ติดตาม เฝ้าระวัง ป้องกัน และช่วยแก้ไขอาการขาดน้ำและเกลือแร่
การถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง
Colostomyเป็นทวารหนักชนิดลำไส้ใหญ่
Ileostomy เป็นทวารหนักชนิดลำไส้เล็ก
การพยาบาลผู้ป่วยที่ถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง
1) การทำความสะอาดช่องเปิดของลำไส้ และผิวหนังรอบ ๆ
2) การปิดถุงรองรับอุจจาระ เมื่อทำความสะอาด Stoma และผิวหนังรอบ ๆ แล้ว ต้องปิดด้วยถุงรองรับอุจจาระเพื่อป้องกันผิวหนังรอบ ๆ สัมผัสกับอุจจาระ
3) การรับประทานอาหารที่เหมาะสม
4) การออกกำลังกายและการทำงาน
ระยะแรก ควรออกกพลังกายเบา ๆ
หลังผ่าตัด 6 สัปดาห์ ทำงานที่ไม่ต้องใช้แรงกายมากได้
หลังผ่าตัด 3-6 เดือน ออกกำลังกายได้ตามปกติ
หลีกเลี่ยงกีฬาที่ต้องกระแทกกัน
5) การฝึกหัดการขับถ่าย โดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง
ต้องหัดเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง และเบ่งถ่ายอุจจาระทุกวัน
6) ภาวะแทรกซ้อน สังเกตและดูแลตนเอง
การสวนอุจจาระ
วัตถุประสงค์
1) ลดปัญหาอาการท้องผูก
2) เตรียมตรวจทางรังสี
3) เตรียมผ่าตัดในรายที่ผู้ปุวยจะต้องดมยาสลบ
4) เตรียมคลอด
5) เพื่อการรักษา
ชนิดของการสวนอุจจาระ
Cleansing enema
เป็นการสวนน้ำหรือน้ำยาเข้าไปในลำไส้ใหญ่เพื่อกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวของลำไส้
Tap water enema (TWE) เป็นการสวนเอาน้ำสะอาดเข้าในลำไส้
Soap sud enema (SSE) เป็นการสวนอุจจาระโดยใช้น้ำสบู่ผสมน้ำ
Normal saline solution enema (NSS enema) เป็นการสวนอุจจาระโดยใช้ สารละลาย 0.9 % NSS
Fleet enema เป็นการสวนอุจจาระโดยน้ำยาสาเร็จรูป
Oil enema เป็นการสวนอุจจาระโดยใช้น้ำมันพืช
Retention enema
การสวนเก็บเป็นการสวนน้ำยาเข้าไปเก็บไว้ในลำไส้ใหญ่ในผู้ใหญ่ไม่เกิน 200 ml.
Oil-retention enema เป็นการสวนเก็บน้ำมัน เพื่อให้อุจจาระอ่อนตัว
Medicated enema เป็นการสวนเก็บด้วยยา เพื่อลดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่
ข้อคำนึงในการสวนอุจจาระ
1) อุณหภูมิของสารน้ำอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 105 ̊F (40.5 ̊C)
2) ปริมาณสารละลายใช้สวนอุจจาระ ขึ้นอยู่กับอายุและขนาดร่างกาย
3) ท่านอนของผู้ป่วย ท่านอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำ (Sim’s position)
ให้เข่าขวา งอขึ้นมาก ๆ ถ้าผู้ป่วยไม่สามารถนอนตะแคงซ้ายได้ อาจจัดให้นอนหงาย
4) แรงดันของสารน้ำที่สวนให้แก่ผู้ป่วยควรแขวนหม้อสวนให้สูงไม่เกิน1ฟุตเหนือระดับที่นอน ในเด็กเล็กไม่ควรเกิน 3 นิ้ว
5) การปล่อยน้ำเปิด Clamp ให้น้ำไหลช้า ๆ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที
6) ความลึกของสายสวนที่สอดเข้าไปในลำไส้ สอดลึก 2-4 นิ้ว
7) การหล่อลื่นหัวสวนด้วยสารหล่อลื่น
8) ทิศทางการสอดหัวสวน ให้ปลายหัวสวนมุ่งไปทิศทางสะดือลึกประมาณ 2 นิ้วแล้วเบนปลายกลับให้ขนานกับแนวกระดูกสันหลังตามลักษณะโค้งของลำไส้
การเก็บอุจจาระส่งตรวจ
ชนิดการเก็บอุจจาระส่งตรวจ
1) การตรวจอุจจาระหาความผิดปกติ
2) การตรวจอุจจาระหาเลือดแฝง
3) การตรวจอุจจาระโดยการเพาะเชื้อ