Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ - Coggle Diagram
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
ความสำคัญ
เป็นการขับของเสียงออกจากร่างกาย หากร่างกายไม่ขับถ่ายอาจทำให้เกิดสารพิษและของเสียที่ตกข้างอยู่ในลำไส้ ยิ่งถ้าร่างกายมีการสะสมของเสียตกค้างเป็นเวลานานนั้น ยอมมีโอกาสได้รับสารพิษกลับเข้าไปในร่างกาย และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้มากขึ้น
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ
อายุ
:
ในเด็กเล็ก
ความสามารถในการควบคุมการขับถ่ายได่เมื่ออายุ 24-30 เดือนขึ้นไป ในเด็กเล็กอาจมีการถ่ายอุจจาระวันละหลายๆครั้ง
ในผู้สูงอายุ
มักมีปัญหากล้ามเนื้อหูรูดหย่ินยาน ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง จึงทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับการถ่ายอุจจาระมากกว่าไปอื่น
ชนิดอาหารที่รับประทาน
: อาหารที่มีกากใยมากจะช่วยทำให้อุจจาระสามารถขับเคลื่อนได้ดีกว่าอาหารที่มีกากใยน้อย เนื่องจากจะช่วยเพิ่มน้ำหนักอุจจาระ และช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่มด้วย
ปริมาณน้ำที่ร่างกายได้รับ
: น้ำเป็นตัวสำคัญที่ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ไม่แห้งและแข็งเกินไป ทำให้อุจจาระอ่อนตัว และยังช่วยกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวขงลำไส้ได้ดี ทำให้มีการถ่ายอุจจาระง่ายขึ้น
การเคลื่อนไหวของร่างกาย
: จะช่วยให้การทำงานของลำไส้เป็นไปอย่างปกติ ส่งผลให้มีการถ่ายอุจจาระได้ปกติ
กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานไม่แข็งแรง ส่งผลให้มีปัญหาเรื่องการถ่ายอุจจาระ
อารมณ์
: เมื่ออารมณ์เปลี่ยนแปลง จะทำให้ต่อมหมวกไตหลั่งฮอร์โมน และการทำงานของระบบประสาท Sympathetic มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวลดลง อารมณ์มีผลกระทบต่อการทำงานของลำไส้
ความสม่ำเสมอในการขับถ่าย
: การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน อาจส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่ายอุจจาระได้
ดังนั้น
ควรมีการฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา หรือเมื่อรู้สึกอยากถ่ายให้รีบไปถ่าย หากมีการกลั้นอุจจาระไว้จะทำให้เกิดท้องผูกได้
ความเหมาะสม
: สิ่งแวดล้อมและท่าทางในการขับถ่ายที่เหมาะสมจะช่วยให้มีการถ่ายอุจจาระที่ดี
ยา
: อาการข้างเคียงของยาบางชนิดมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร อาจทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
การตั้งครรภ์
: เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น ทารกในครรภ์โตขึ้น ทำให้ไปเบียดกดลำไส้ส่วนปลาย ในการเบ่งถ่ายอุจจาระจึงต้องใช้แรงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีอาการท้องผูกเป็นประจำ และเกิดโรคริดสีดวงในหญิงตั้งครรภ์
อาการปวด
: โรคริดสีดวง การผ่าตัดส่วนลำไส้ตรง และการผ่าตัดหน้าท้อง เมื่อมีอาการปวดถ่ายอุจจาระ ผู้ป่วยจะไม่ยอมเบ่งอุจจาระเพราะกลัวเจ็บจึงอั้นอุจจาระไว้ ทำให้เกิดอาการท้องผูก
การผ่าตัดและการดมยาสลบ
การตรวจวินิจฉัยโรค
: การวินิจฉัยโรคของระบบทางเดินอาหารอาจส่งผลรบกวนการทำงานของระบบลำไส้
ลักษณะของอุจจาระปกติและสาเหตุของอุจจาระที่ปกติ
ชนิดของอุจจาระ
ชนิดที่1
ลักษณะแข็งคล้ายเมล็ดถั่ว คนไทยเรียกว่า "ขี้แพะ"
ชนิดที่2
ลักษณะยาวแต่เป็นก้อน
ชนิดที่3
ลักษณะยาวหรือขดม้วน แต่พื้นผิวบนนุ่มๆ
ชนิดที่4
ลักษณะยาวหรือขดม้วน เรียบ และนุ่ม
ชนิดที่5
ลักษณะเป็นก้อนนุ่มๆ แยกออกจากกันที่ชัดเจน
ชนิดที่6
ลักษณะเป็นก้อนนุ่มปุย มีขอบหยักไม่เรียบ
ชนิดที่7
ลักษณะเป็นน้ำไม่มีเนื้ออุจจาระปน
ลักษณะที่ปรากฏ
สี
ปกติ
เด็ก: สีเหลือง
ผู้ใหญ่: สีน้ำตาล
ผิดปกติ
เด็ก: สีขาว หรือคล้ายดินเหนียว เกิดจาก ไม่มีน้ำดี
ผู้ใหญ่
สีดำ เกิดจากมีธาตุเหล็กปนอยู่ หรือมีเลือดออกในทางเดินอาหาร
สีแดง เกิดจาก มีเลือดออกในทางเดินอาหาร มีริดสีดวง หรือบริโภคผักหรือผลไม้ที่มีสีแดง
ซีด และมันเยิ้ม พร่องหน้าที่การดูดซึมของไขมัน
กลิ่น
ปกติ
มีกลิ่นเฉพาะจากอาหารตกค้าง
ผิดปกติ
กลิ่นเปลี่ยนเหม็นมาก เกิดจาก การติดเชื้อจากเลือดในอุจจาระ
ลักษณะ
ปกติ
อ่อนนุ่ม
ผิดปกติ
เหลว เกิดจาก ท้องเสียหรือการดูดซึมลดลง
แข็ง เกิดจากท้องผูก
ความถี่
ปกติ
เด็ก: (นมมารดา) วันละ 4-6 ครั้ง , (นมขวด) วันละ 1-3 ครั้ง
ผู้ใหญ่: วันละ 2 ครั้ง หรือสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
ผิดปกติ
เด็ก: มากกว่า 6 ครั้ง หรือ 1-2 วัน ครั้งเดียว
ผู้ใหญ่: มากกว่าวันละ 3 ครั้ง หรือสัปดาห์ครั้ง
สาเหตุ
มีกิจกรรมการเคลื่อนไหวมากเกินไปหรือน้อยเกินไป
รูปร่าง
ปกติ: เท่ากับความกว้างของลำไส้ตรง
ผิดปกติ: ขนาดเล็กคล้ายดินสอ
สาเหตุ: มีการอุดตันในทางเดินอาหารหรือมีการบีบตัวของลำไส้เพิ่มขึ้น
สาเหตุและการพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาการขับถ่ายปัสสาวะ
ภาวะท้องผูก(Constipation)
ลักษณะแห้งแข็ง ต้องออกแรงมากช่วยในการเบ่งเพื่อขับอุจจาระออกมาลำบากเกิดความเจ็บปวดเมื่ออุจจาระ เป็นการถ่ายไม่สุด อุจจาระน้อยกว่าสัปดาห์ละ 3 ครั้ง หรือไม่ถ่ายอุจจาระติดต่อกัน 3 วัน เกิดภาวะท้องผูก
สาเหตุ
ภาวะท้องผูกแบบปฐมภูมิ
: มีความสัมพันธ์กับการรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ภาวะขาดน้ำ การเคลื่อไหวลดลงแรงตึงตัวของกล้ามเนื้อลดลง
ภาวะท้องผูกทุติยภูมิ
: เกิดจากการเจ็บป่วยหรือการรักษาด้วยยา
ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
ฝิ่น หรือยาระงับปวด
การอุดกั้นของระบบอาหาร
ความผิดปกติในการทำหน้าที่ของไขสันหลัง
ภาวะท้องผูกจากการลดลงของการเคลื่อนไหวของลำไส้ และเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของประสาทลำไส้ และการติดยาระบาย
การทำหน้าที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อพื้นเชิงกราน
ภาวะผิดปกติของลำไส้
ผลที่เกิดภาวะท้องผูก
แน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้อง ไม่สุขสบายเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะวิงเวียน
ปากแตด ลิ้นแตก ลมหายใจเหม็น อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
เป็นโรคริดสีดวงทวาร
การกลั้นอุจจาระไม่ได้
การพยาบาล
แนะนำให้ความรู้ความสำคัญการดูแลสุขภาพ
แนะนำและกระตุ้นให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารให้มากเพียงพอ
แนะนำ กระตุ้น และช่วยให้ผู้ป่วยได้รับน้ำอย่างเพียงพอ
แนะนำและช่วยเหลือเกี่ยวกับการถ่ายอุจจาระ และควรฝึกขับถ่ายอุจจาระเป็นเวลา
การอัดแน่นของอุจจาระ(Fecal impaction)
อาการเริ่มแรก คือ ไม่ได้ถ่ายอุจจาระติดต่อกันนานแล้ว พบอุจจาระเป็นน้ำเหลวไหลซึมทางทวารทีละเล็กละน้อยอย่างควบคุมไม่ได้
การพยาบาล
การช่วยเหลือเอาก้อนอุจจาระออกจากร่างกายโดยการล้วงอุจจาระ(Evacuation) และอาจให้ยาระบายเพื่อทำให้ก้อนอุจจาระอ่อนนุ่มและหล่อลื่น หรือการสวนอุจจาระในกรณีที่ใช้ยาไม่ได้ผล
การล้วงอุจจาระ (Evacuation)
คือ การล้วงอุจจาระออกโดยตรง เป้นการช่วยเหลือผู้ป่วยในกรณีที่ผู้ป่วยถ่ายอุจจาระออกเองไม่ได้
ภาวะท้องอืด (Flatulnce หรือ Abdominal distention)
เป็นความรู้สึกแน่น อึดอัด ไม่ผายลม ไม่สบายในท้อง เกิดจากการมีแรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้นจากลมภายในลำไส้ ทำให้เกิดอาการต่างๆ ถ้าเป็นมากแรงดันในท้องที่เพิ่มขึ้นจะดันกระบังลมให้สูงขึ้น ปอดขยายไม่เต็มที่อาจทำให้หายใจลำบาก ผู้ป่วยมักกระวนกระวาย ไม่อยากอาหารหรือน้ำ
สาเหตุ
มีการสะสมอาหารหรือน้ำมาก
มีแก๊สในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ในปริมาณมาก
มีการสะสมของอุจจาระมาก เนื่องจากไม่ได้ขับถายตามปกติ
ปริมาณช่องท้องลดลงจากความผิดปกติของอวัยวะใกล้เคียง เช่น ท้องมานน้ำ
การพยาบาล
จัดท่านอน ให้นอนศีรษะสูง 45-60 องศา
อธิบายสาเหตุและวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการท้องอืด
ค้นหาสาเหตุของอาการท้องอืดและให้การช่วยเหลือตามสาเตุ
การกลั้นอุจจาระไม่ได้ (Fecal incontinence)
ผลของการกลั้นอุจจาระไม่ได้
ด้านร่างกาย
เกิดการระคยเคืองต่อผิวหนังและอาจเกิดแผลจากการระคายเคืองเสียดสีของผิวหนังบริเวณรอบรูทวารนัก
ด้านสังคม
อับอาย ไม่ต้องการออกสังสังคม หรือพบปะผู้คน กลายยเป้นคนแยกตัวออกจากสังคม
ด้านจิตใจ
สูญเสียความรู้สึกมีคุณค่าและความนับถือต่อตนเอง
ด้านจิตวิญญาณ
ความรู้สึกเสียคุณค่าในตนเองลดลง และขาดการแสดงออกถึงความต้องการการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางศาสนากลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนเองในอนาคต
การพยาบาล
ด้านร่างกาย
ความสะอาดทั่วไปของร่างกาย
การควบคุมการขับถ่าย โดยใช้วิธีการฝึกถ่ายอุจจาระเป็นเวลา
ให้การดูแลผิวหนังให้สะอาดและแห้งอยู่ตลอดเวลา
ด้านจิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ
ให้กำลังใจ ทำสมาธิและมีสติรู้อยู่เป็นปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา
ภาวะท้องเสีย(Diarrhea)
การเพิ่มจำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระและการที่อุจจาระเป็นน้ำเหลวหรือมูกปน
สาเหตุ
จากอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
จากการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ และอารมณ์
การได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและมีอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
ผลที่เกิดจากภาวะท้องเสีย
เกิดภาวะเสียสมดุลน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย
เกิดภาวะไม่สุขสบาย ปวดท้อง
การพยาบาล
ช่วยเหลือผู้ป่วยให้ถ่ายได้ทัน
แสดงการช่วยเหลือด้วยท่าที่เหมาะสมและเต็มใจ
ให้โอกาสผู้ป่วยได้อยู่ตามลำพัง
ช่วยเหลือ ชำระล้างและทำความสะอาดหลังถ่ายอุจจาระ
บันทึกปริมาณน้ำที่ได้รับและขับออกจากร่างกายให้ครบถ้วน
การสังเกต และบันทึกอาการและอาการแสดงจากการขาดน้ำ
ทดแทนน้ำ และเกลือแร่ให้พอเพียงกับความต้องการของร่างกาย
ติดตามผลการตรวจเลือด และอุจาระทางห้องปฏิบัติการ เพื่อรายงานแพทย์ให้การรักษาต่อไป
สังเกตและบันทึกลักษณะของอุจจาระ ความถี่ของการถ่ายอุจจาระ และประเมินความรุนแรงของอาการและอาการแสดง
ส่งเสริมการพักผ่อนนอนหลับ
การป้องกันการแพร่กระจาย หรือการกลับซ้ำเป็นอีก
การถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง(Fecal diversion)
การผ่าตัดเอาลำไส้มาเปิดออกหน้าท้อง การผ่าตัดเปิดลำไส้ใหญ่ทางหน้าท้อง เรียก Colostomy การผ่าตัดเปิดลำไส้เล็กทางหน้าท้อง เรียกว่า Ileostomy
การพยาบาล
การทำความสะอาดช่องเปิดของลำไส้ และผิวหนังรอบๆ แบ่งเป็น 3 ระยะ
ระยะที่1 หลังผ่าตัด 4-5 วัน
ระยะที่2 หลังผ่าตัด 7-10 วัน
ระยะที่3 หลังผ่าตัด 6-8 สัปดาห์
การปิดถุงรองรับอุจจาระ เพื่อป้องกันผิวหนังรอบๆ สัมผัสกับอุุจจาระที่่ผ่านออกจากลำไส้
ถุงปลายเปิด ใช้สำหรับของเสียที่เป็นน้ำ
ถุงปลายปิด ใช้รับอุจจาระที่ค่อนข้างเป็นก้อน
การรับประทานอาหารที่เหมาะสม
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรือหมักดอง
รับประทานอาหารที่ป้องกันท้องผูก
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่น
ควรรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ
การฝึกหัดการขับถ่าย โดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง ต้องหัดเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง และเบ่งอุจจาระทุกวันตอนเช้า
การออกกำลังกายและการทำงาน
ระยะแรก ควรออกกำลังกายเบาๆ
หลังผ่าตัด 3-6 เดือน ออกกำลังกายได้ตามปกติ
ภาวะแทรกซ้อน พบได้บ่อย คือ ระคายเคืองของผิวหนังรอบบริเวณช่องเปิดลำไส้
การสวนอุจจาระ
วัตถุประสงค์
ลดปัญหาอาการท้องผูก
เตรียมตรวจทางรังสี
เตรียมผ่าตัดในรายที่ผู้ป่วยจะต้องดมยาสลบ
เตรียมคลอด
เพื่อการรักษา
ชนิด
Cleansing enema: เป็นการสวนน้ำหรือน้ำยาเข้าไปในลำไส้ใหญ่เพื่อกระตุ้นให้มีการเคลื่อไหวของลำไส้ โดยการทำให้เกิดการระคายเคืองของ Colon หรือ Rectum
Tap water enema ไม่นิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะอิเล็กโตรไลต์ไม่สมดุลหนือผู้ป่วยเด็ก
Soap sud enema เป็นการสวนอุจจาระโดยใช้น้ำสบู่ผสมน้ำ
NSS enema เป็นการ นิยมใช้ในผู้ป่วยเด็ก ผู้ป่วยที่มีลำไส้อักเสบ ไม่เหมาะสมในผู้ป่วยโรคหัวใจวาย หรือผู้ป่วยที่มีการคั่งของโซเดียมในร่างกาย
Fleet enema เหมาะสำหรับการสวนอุจจาระในผู้ใหญ่อและผู้ที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการคั่งของโซเดียมในร่างกาย
Oil enema นิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีอุจจาระอุดตัน
Retention enema: การสวนเก็บ เป็นการสวนน้ำเข้าไปเก็บไว้ในลำไส้ใหญ่ในผู้ใหญ่ไม่เกิน 200 ml.
Oil-retention enema เป็นการสวนเก็บน้ำมัน เพื่อให้อุจจาระอ่อนตัว กระตุ้นให้ลำไส้มีการบีบตัวดีขึ้น
Medicated enema เป็นการสวนเก็ยด้วยยา เพื่อให้ยาดูดซึมเข้าร่างกายทางทวารนัก
ข้อคำนึงในการสวนอุจจาระ
อุณหภูมิของสารน้ำ อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 105 ํF (40.5 ํC)
ปริมาณสารละลายใช้สวนอุจจาระ ขึ้นอยู่กับอายุและขนาดของร่างกาย
ท่านอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำ
แรงดันของสารน้ำที่สวนให้แก่ผู้ป่วย
การปล่อยน้ำ เปิด Clamp
ความลึกของสายสวนที่สอดเข้าไปในลำไส้
การหล่อลื่นหัวสวนด้วยสารหล่อลื่น
ทิศทางการสอดหัวสวน
ระยะเวลาที่สารน้ำกักเก็บอยู่ในลำไส้ใหญ่
การแก้ไขเมื่อสารสะลายในหม้อสวนไม่ไหลเป็นปกติ
อาการแทรกซ้อนจากการสวนอุจจาระ
ข้อห้ามในการสวนอุจจาระ
การเก็บอุจจาระส่งตรวจ
การตรวจอุจจาระหารความผิดปกติ (Fecal examination หรือ Stool examination)
การตรวจอุจจาระหาเลือดแฝง (Occult blood)
การตรวจอุจจาระโดยการเพาะเชื้อ (Stool culture)