Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 10 การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ, นายศราวุฒิ เป็งมูล 6201210255…
บทที่ 10 การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
10.1 ความสำคัญของการขับถ่ายอุจจาระ
เป็นการขับของเสียออกจากร่างกายหากร่างกายไม่ขับถ่ายอาจทำให้เกิดสารพิษและของเสียที่ตกค้างอยู่ในลำไส้
ถ้าร่างกายมีการสะสมของเสียตกค้างเป็นเวลานานนั้น ย่อมมีโอกาสในการได้รับสารพิษกลับเข้าไปในร่างกายและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้มากขึ้น
10.2 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการขับถ่ายอุจจาระ
10.2.1 อายุ (Age)
ผู้สูงอายุมักจะมีปัญหา กล้ามเนื้อหูรูดหย่อนยาน ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง ปัญหาการขับถ่ายอุจจาระจึงเกิดขึ้นได้มากกว่าวัยอื่น
10.2.2 ชนิดของอาหารที่รับประทาน (Food intake)
อาหารจำพวกพืชผัก ผลไม้ ที่มีกากใยมากจะช่วยทำให้อุจจาระสามารถขับเคลื่อน
ได้ดีกว่าอาหารที่กากใยน้อย
10.2.3 ปริมาณน้ำที่ร่างกายได้รับ (Fluid intake)
น้ำจะเป็นตัวสำคัญที่ทำให้อุจจาระมีลักษณะนุ่มพอดี ไม่แห้ง แข็งเกินไป ทำให้อุจจาระอ่อนตัว
10.2.4 การเคลื่อนไหวของร่างกาย (Body movement)
การเคลื่อนไหวของร่างกาย จะช่วยทำให้การทำงานของลำไส้เป็นไปอย่างปกติ
10.2. 5 อารมณ์ (Emotion)
เมื่ออารมณ์มีการเปลี่ยนแปลงจะท าให้ต่อมหมวกไตหลั่งฮอร์โมน และการทำงานของระบบประสาท Sympathetic มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นหรือลดลงได
10.2.6 ความสม่ำเสมอในการขับถ่าย (Defecation habits )
ควรมีการฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา หรือ
เมื่อรู้สึกอยากถ่ายให้รีบไปถ่าย หากมีการกลั้นอุจจาระไว้จะทำให้เกิดท้องผูกได้
10.2.7 ความเหมาะสม (Opportunity)
ห้องน้ำไม่สะอาดส่งผลให้บุคคลไม่อยากถ่ายอุจจาระจึงกลั้นอุจจาระ และทeให้เกิดอาการท้องผูกได้
10.2.8 ยา (Medication)
อาการข้างเคียงของยาบางชนิดมีผลต่อระบบทางเดินอาหารอาจทeให้ล าไส้เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
10.2.9 การตั้งครรภ์ (Pregnancy)
มื่ออายุครรภ์มากขึ้น ทารกในครรภ์โตขึ้นมดลงก็ขยายตัวโตด้วย
10.2.10 อาการปวด (Pain) โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid)
การผ่าตัดส่วนลำไส้ตรง (Rectal surgery) และการผ่าตัดหน้าท้อง (Abdominal surgery)
10.2.11 การผ่าตัดและการดมยาสลบ (Surgery and Anesthesia)
ขณะทำการผ่าตัดจะไปกระทบกระเทือนการทำงานของลำไส้ทำให้เกิด Peristalsis ลดลงชั่วคราว
10.2.12 การตรวจวินิจฉัยโรค (Diagnostic test)
การตรวจวินิจฉัยโรคของระบบ
ทางเดินอาหารส่งผลรบกวนการทำงานของลำไส้ชั่วคราว
10.3 ลักษณะของอุจจาระปกติและสาเหตุของอุจจาระที่ผิดปกติ
Type 1
ลักษณะแข็งคล้ายเมล็ดถั่ว คนไทยเรียกว่า “ขี้แพะ”
Type 2
ลักษณะยาวแต่เป็นก้อน
Type 3
ลักษณะยาวหรือขดม้วน แต่พื้นผิวบนนุ่ม ๆ
Type 4
ลักษณะยาวหรือขดม้วน เรียบ และนุ่ม
Type 5
ลักษณะเป็นก้อนนุ่ม ๆ แยกออกจากันชัดเจน
Type 6
ลักษณะเป็นก้อนนุ่มปุย มีขอบขยักไม่เรียบ
Type 7
ลักษณะเป็นน้ำไม่มีเนื้ออุจจาระปน
10.4 สาเหตุและการพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาการขับถ่ายอุจจาระ
10.4.1 ภาวะท้องผูก (Constipation)
10.4.1.1 สาเหตุ
1) ภาวะท้องผูกแบบปฐมภูมิ โดยภาวะท้องผูกปฐมภูมินี้มีความสัมพันธ์กับการรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ภาวะขาดน้ำการเคลื่อนไหวลดลงแรงตึงตัวของกล้ามเนื้อลดลง
2) ภาวะท้องผูกแบบทุติยภูมิ อาจเกิดจากความเจ็บป่วยหรือการรักษาด้วยยา
10.4.1.2 ผลที่เกิดจากภาวะท้องผูก
1) เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้อง ไม่สุขสบายเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะวิงเวียน
2) เกิดอาการปากแตก ลิ้นแตก ลมหายใจเหม็น อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
3) เป็นโรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid) เกิดจากอุจจาระที่แห้งแข็งกดหลอดเลือดดำรอบๆ ทวารหนัก ทำให้เลือดไหลกลับไม่สะดวกเกิดโปุงพอง และแตกได้
4) แบคทีเรียในลำไส้ จะเปลี่ยนยูเรียจากกากอาหาร เป็นแอมโมเนีย
10.4.1.3 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องผูก
1) แนะนำให้ความรู้และเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล
2) แนะนำและกระตุ้นให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารให้มากเพียงพอ
3) แนะนำ กระตุ้น และช่วยให้ผู้ป่วยได้รับน้ำให้เพียงพอ
4) แนะนำและช่วยเหลือเกี่ยวกับการถ่ายอุจจาระ และควรฝึกระบบขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา
5) จัดสรรเวลาในตอนเช้าเพื่อฝึกให้เคยชินกับการถ่ายอุจจาระตรงเวลาทุกวัน
6) แนะนำให้ออกกำลังกาย
7) สังเกตความถี่การใช้ยาระบายหรือยาถ่าย
8) แนะนำสมุนไพรซึ่งเป็นอาหารหรือนำมาปรุงอาหารจะช่วยการขับถ่ายอุจจาระใช้เป็นยาระบายอ่อน ๆ
10.4.2 การอัดแน่นของอุจจาระ (Fecal impaction)
10.4.2.1 สาเหตุ
ไม่ได้ถ่ายอุจจาระติดต่อกันนานแล้ว พบอุจจาระเป็นน้ำเหลวไหวซึมทางทวารหนักทีละเล็กละน้อยอย่างควบคุมไม่ได้
10.4.2.2 การพยาบาลผู้ปุวยที่มีการอัดแน่นของอุจจาระ
การช่วยเหลือเอาก้อนอุจจาระออกจากร่างกายโดยการล้วงอุจจาระ (Evacuation)
10.4.2.3 การล้วงอุจจาระ (Evacuation)
การล้วงอุจจาระออกโดยตรง
10.4.2.4 อุปกรณ์เครื่องใช้
1) ถุงมือสะอาด 2 คู่ และหน้ากากอนามัย (Mask)
2) สารหล่อเลื่อน เจล หล่อลื่น ถ้าไม่มีใช้วาสลิน หรือสบู่เหลว
3) ผ้ายางรองก้นและกระดาษชำระ
4) หม้อนอนหรือ ถุงพลาสติกสำหรับใช่อุจจาระ
10.4.2.5 วิธีปฏิบัติ
1) แนะนำตัว และบอกวัตถุประสงค์ให้ผู้ป่วยทราบ
2) ให้ผู้ปุวยนอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำ ขาขวา งอเล็กน้อย (Sim’s position)
3) ปูผ้ายางรองให้ผู้ปุวย และวางหม้อนอนหรือถุงพลาสติกไว้ใกล้ ๆ
4) พยาบาลสวมถุงมือ 2 ชั้น แล้วใช้นิ้วชี้หล่อลื่นด้วยเจลหล่อลื่น
5) ล้วงเอาก้อนอุจจาระออกใส่ในหม้อนอนหรือถุงพลาสติกที่เตรียมไว้ พยาบาลต้องทำด้วยความนุ่มนวลและรวดเร็ว
6) เช็ดทำความสะอาด จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และเก็บเครื่องใช
7) ทำความสะอาดเครื่องใช้และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
8) ลงบันทึกทางการพยาบาล
10.4.3 ภาวะท้องอืด (Flatulence )
10.4.3.1 สาเหตุ
1) มีการสะสมของอาหารหรือน้ำมาก อาหารไม่ย่อย รับประทานอาหารมากเกินไป หรือเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
2) มีแก๊สในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ปริมาณมาก
3) มีการสะสมของอุจจาระมาก เนื่องจากไม่ได้ขับถ่ายออกตามปกติ
4) ปริมาตรของช่องท้องลดลงจากความผิดปกติของอวัยวะที่อยู่ใกล้เคียง
10.4.3.2 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องอืด
1) จัดท่านอน
2) อธิบายสาเหตุและวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการท้องอืด
3) ค้นหาสาเหตุของอาการท้องอืดและให้การช่วยเหลือตามสาเหตุ
3.2 สาเหตุจากได้รับยาระงับปวดที่มีอาการข้างเคียงทำให้ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้
10.4.4 การกลั้นอุจจาระไม่ได้ (Fecal incontinence)
10.4.4.1 ผลของการกลั้นอุจจาระไม่ได
1) ผลด้านร่างกายทำให้มีอุจจาระไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว จึงเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง
2) ผลด้านจิตใจ เนื่องด้วยอุจจาระเป็นเรื่องของความไม่สะอาดทั้งกลิ่นและสิ่งขับถ่าย
3) ผลด้านสังคมเนื่องด้วยการถ่ายอุจจาระ เป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องควรระมัดระวัง
4) ผลด้านจิตวิญญาณความรู้สึกเสียคุณค่าในตนเองลดลง
10.4.4.2 การพยาบาลผู้ป่วยที่กลั้นอุจจาระไม่ได
1) ด้านร่างกาย
(1) ความสะอาดทั่วไปของร่างกาย
(2) ใช้วิธีการฝึกถ่ายอุจจาระเป็นเวลาเลือกเป็นเวลาที่สะดวก
(3) ให้การดูแลผิวหนังให้สะอาด และแห้งตลอดเวลา
(4) รักษาสุขภาพให้แข็งแรง
2) ด้านจิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ
อาจส่งผลให้เกิดภาวะเก็บกด (Depression) พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม
ผู้ดูแลจึงควรให้กำลังใจ และสร้างเสริมกำลังใจกับผู้ป่วยให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
10.4.5 ภาวะท้องเสีย (Diarrhea)
10.4.5.1 สาเหตุของภาวะท้องเสีย
1) จากอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
2) จากการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ และอารมณ์ จนทำให้เกิดการเจ็บป่วย
3) การได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและมีอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
10.4.5.2 ผลที่เกิดจากภาวะท้องเสีย
1) เกิดภาวะเสียสมดุลน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย (Electrolyte imbalance)
2) เกิดความไม่สุขสบาย ปวดท้อง
10.4.5.3 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องเสีย
1) ประเมินสภาพผู้ป่วย
2) ให้การช่วยเหลือดูแลในการขับถ่ายอุจจาระที่มีจำนวนครั้งค่อนข้างบ่อย
3) การดูแลเรื่องอาหาร ในระยะแรกมักให้งดอาหารและน้ำทางปาก (NPO)ให้ดื่มเฉพาะน้ำ
4) ติดตาม เฝ้าระวัง ป้องกัน และช่วยแก้ไขอาการขาดน้ำและเกลือแร่
5) สังเกตความผิดปกติอื่น ๆ ที่เกิดร่วมด้วย
6) สังเกตและบันทึกลักษณะอุจจาระ ความถี่ของการถ่ายอุจจาระ และประเมิน
ความรุนแรงของอาการและอาการแสดง
7) ส่งเสริมการพักผ่อนนอนหลับ
8) การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
10.4.6 การถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง (Fecal diversion)
Colostomy เป็นทวารหนักชนิดลำไส้ใหญ่ ลำไส้ที่นำมาเปิดออกหน้าท้อง
Ileostomy เป็นทวารหนักชนิดลำไส้เล็ก ลำไส้ที่นำมาเปิดออกจะเป็นส่วนปลายของ ลำไส้เล็ก (Ileum) อยู่ที่หน้าท้องส่วนล่างด้านขวา
10.4.6.1 การพยาบาลผู้ปุวยที่ถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง
1) การทำความสะอาดช่องเปิดของลำไส้ และผิวหนังรอบ ๆ
2) การปิดถุงรองรับอุจจาระ เมื่อทำความสะอาด Stoma และผิวหนังรอบๆ แล้ว ต้อง
ปิดด้วยถุงรองรับอุจจาระเพื่อปูองกันผิวหนังรอบ ๆ สัมผัสกับอุจจาระที่ผ่านออกจากล าไส้
3) การรับประทานอาหารที่เหมาะสม ผู้ป่วยต้องปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร
ควรทราบถึงการเลือกชนิดของอาหารที่มีผลต่อการขับถ่ายอุจจาระ
4) การออกกำลังกายและการทำงาน
5) การฝึกหัดการขับถ่าย โดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง ต้องหัดเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง
6) ภาวะแทรกซ้อน สังเกตและดูแลตนเอง จากภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย
10.4.6.2 การทำความสะอาดแผลทวารเทียม
เมื่อต้องเปลี่ยนถุงรองรับ ด้วยการดึงถุงที่มีกาวติดกับผิวหนังออก แล้วใช้ลำสีสะอาดชุบน้ำสะอาด
เช็ดทำความสะอาด Stoma ก่อน แล้วเช็ดผิวหนังรอบ ๆ ให้สะอาด เช็ดด้วยสำลีแห้ง แล้วปิดถุงใหม่ลงไป
10.4.6.3 คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยผ่าตัดเปิดลำไส้ทางหน้าท้อง
ควรหลีกเลี่ยงกีฬาที่หักโหมรุนแรง และ ไม่ควรยกของหนักเพราะอาจเป็นสาเหตุการเกิดไส้เลื่อนได้
รับประทานอาหารได้ทุกประเภท ยกเว้นบางโรคที่
ต้องควบคุมการรับประทานอาหาร เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน โรคตับ โรคไต ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
10.5 การสวนอุจจาระ
10.5.1 วัตถุประสงค์
1) ลดปัญหาอาการท้องผูก
2) เตรียมตรวจทางรังสี
3) เตรียมผ่าตัดในรายที่ผู้ป่วยจะต้องดมยาสลบ
4) เตรียมคลอด
5) เพื่อการรักษา
10.5.2 ชนิดของการสวนอุจจาระ
10.5.2.1 Cleansing enema
1) Tap water enema (TWE)
2) Soap sud enema (SSE)
3) Normal saline solution enema (NSS enema)
4) Fleet enema
5) Oil enema
10.5.2.2 Retention enema
1) Oil-retention enema
2) Medicated enema
10.5.3 อุปกรณ์เครื่องใช้
ดังนี้
1) หม้อสวน
2) หัวสวนอุจจาระ
3) สารหล่อลื่น เช่น KY jelly เป็นต้น
4) ชามรูปไต
5) กระดาษช าระ
6) กระโถนนอน (Bed pan)
7) ผ้าปิดกระโถนนอน (Bed pad)
8) ผ้ายางกันเปื้อน
9) สารละลายที่ใช้ในการสวนอุจจาระ
10) เหยือกน้ า
11) เสาน้ าเกลือ
12) ถุงมือสะอาด 1คู่ และ Mask
10.5.4 วิธีปฏิบัติ
1) การเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ให้ครบถ้วน สะดวกในการปฏิบัติ
2) นำเครื่องใช้มาที่เตียง บอกผู้ป่วยให้ทราบถึงเหตุผลการสวน และวิธีการปฏิบัติตัวปิดม่าน
3) ปูผ้ายางรองก้นบริเวณก้นของผู้ป่วย
4) จัดท่านอนให้ถูกต้อง
5) คลุมผ้าเปิดเฉพาะบริเวณทวารหนักไม่เปิดเผย
6) ล้างมือ สวมถุงมือ และต่อหัวสวนกับสายสวนให้แน่น
7) ปิด Clamp หัวสวนไว้ เทน้ ายาใส่หม้อสวน แขวนหม้อสวนสูงกว่าระดับทวารหนักของผู้ปุวย 1 ฟุต (12 นิ้ว) เหนือจากระดับที่นอน
8) เปิด Clamp เพื่อไล่อากาศในสายสวน และหัวสวน ปิด Clamp หัวสวน หล่อลื่นหัวสวนด้วย KY jelly ไล่อากาศเพื่อทดสอบว่าหัวสวนไม่อุดตัน
9) บอกให้ผู้ป่วยทราบว่าจะทำการสวนอุจจาระ
10) สอดหัวสวนเข้าทวารหนักให้ปลายหัวสวนมุ่งไปทิศทางสะดือลึกประมาณ 3 นิ้ว
11) จับหัวสวนให้แน่กระชับมือ เปิด Clamp ให้น้ำไหลช้า ๆ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที
12) ค่อย ๆ ดึงสายสวนออกเบา ๆ ปลดหัวสวนออก ห่อด้วยกระดาษชำระวางใน ชามรูปไต บอกให้ผู้ป่วยนอนท่าเดิมพยายามเก็บน้ำไว้ในลำไส้ 5-10 นาที
13) สอด Bed pan กั้นม่านให้มิดชิด หลังถ่ายเสร็จใช้ Bed pad ปิดคลุม Bed pan
14) เก็บเครื่องใช้ ทำความสะอาดให้เรียบร้อย ถอดถุงมือ ล้างมือให้สะอาด
15) ลงบันทึกทางการพยาบาล
10.6 ข้อคำนึงในการสวนอุจจาระ
1) อุณหภูมิของสารน้ำ อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 105˚F (40.5 ˚C)
2) ปริมาณสารละลายใช้สวนอุจจาระ ขึ้นอยู่กับอายุและขนาดร่างกาย
3) ท่านอนของผู้ป่วย ท่านอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำ (Sim’s position)
4) แรงดันของสารน้ำที่สวนให้แก่ผู้ป่วย
5) การปล่อยน้ำ เปิด Clamp ให้น้ำไหลช้า ๆ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาท
6) ความลึกของสายสวนที่สอดเข้าไปในลำไส้
7) การหล่อลื่นหัวสวนด้วยสารหล่อลื่น
8) ทิศทางการสอดหัวสวน
9) ระยะเวลาที่สารน้ำกักเก็บอยู่ในลำไส้ใหญ่
10) การแก้ไขเมื่อสารละลายในหม้อสวนไม่ไหลเป็นปกติ
10.7 การเก็บอุจจาระส่งตรวจ
10.7.1 ชนิดการเก็บอุจจาระส่งตรวจ
1) การตรวจอุจจาระหาความผิดปกติ
2) การตรวจอุจจาระหาเลือดแฝง (Occult blood)
3) การตรวจอุจจาระโดยการเพาะเชื้อ (Stool culture)
10.7.2 อุปกรณ์เครื่องใช้
ได้แก่
1) ภาชนะมีฝาปิดมิดชิด
2) ใบส่งตรวจ
3) ไม้แบน สำหรับเขี่ยอุจจาระ
4) กระดาษขำระ
5) หม้อนอน
10.7.3 วิธีปฏิบัติ
1) การเก็บอุจจาระส่งตรวจหาความผิดปกติ และส่งตรวจหาเลือดแฝง
2) การเก็บอุจจาระส่งตรวจเพาะเชื้อ
10.8 กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
ตัวอย่าง
หญิงไทยรายหนึ่ง อายุ 35 ปี ให้ประวัติว่ามีอาการท้องผูกต้องใช้ยาระบายก่อนนอนเป็นประจำทุกคืน และมีพฤติกรรมไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้ ดื่มน้ำน้อยวันละไม่ถึง 1,000 ml.
การประเมินภาวะสุขภาพ (Health assessment)
S: “ทานยาระบายก่อนนอนเป็นประจำทุกคืน ไม่ชอบอาหารประเภทผัก และผลไม้”
O: จากการตรวจร่างกาย พบAbdomen: Distension, Tympanic sound, Decrease
bowel sound 1-2 time/min
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
ท้องผูกเนื่องจากมีพฤติกรรมใช้ยาระบายเป็นประจำ
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
วางแผนให้ความรู้และเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพเรื่องการโรคของระบบ
ทางเดินอาหารและลำไส้ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
แนะนำให้ความรู้และเน้นความสำคัญของการบริโภคอาหารที่มีกากใย
ฝึกการขับถ่ายอุจจาระเป็นตรงเวลาทุกวัน
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
มีการถ่ายอุจจาระได้โดยไม่ใช้ยาระบาย
เลือกรับประทานอาหารที่มีกากใย และดื่มนมอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับถ่ายอุจจาระตรงเวลาทุกวัน
นายศราวุฒิ เป็งมูล 6201210255 เลขที่ 11 Sec.B วิชา SN 213