Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 10 การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระimage, image, image, image, image,…
บทที่ 10
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
1.ความสำคัญของการขับถ่ายอุจจาระ
เป็นกระบวนการของร่างกายในภาวะปกติ ที่ขับของเสียอันเกิด จากการย่อยอาหาร
ลำไส้ใหญ่ทำหน้าที่สะสมกากอาหารและดูดซึมสารอาหารที่มี ประโยชน์ต่อร่างกาย (น้ำ แร่ธาตุ วิตามิน และกลูโคส) ออก จากกากอาหาร ทำให้กากอาหารเหนียวและข้นจนเป็นก้อนแข็ง
ลำไส้จะบีบตัวเพื่อให้กากอาหารเคลื่อนที่ไปรวมกันที่ลำไส้ตรง และขับถ่ายสู่ภายนอกร่างกายทางทวารหนัก ที่เรียกว่า อุจจาระ
Reflex
เมื่อรับประทานอาหารทำให้เกิดการยืดขยายของ ลำไส้ส่วนต้น เกิดเคลื่อนไหวแบบ Peristalsis บีบ ก้อนอาหาร และขับอุจจาระออกไป
ถ้าอุจจาระเคลื่อนตัวจาก Sigmoid ถึง Rectum จะเกิดการปวดถ่ายอุจจาระเป็นสัญญาณเตือน
2 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการขับถ่ายอุจจาระ
อายุ (Age)
เด็กเล็กความสามารถในการควบคมุการขับถ่ายได้เมื่ออายุตั้งแต่24- 30 เดือนขึ้นไป มีการถ่ายอุจจาระวันละหลาย ๆ ครั้ง
ผู้สูงอายุมักจะมีปัญหา กล้ามเนื้อหูรูดหย่อนยาน ความแข็งแรงของ กล้ามเนื้อลดลง ปัญหาการขับถ่ายอุจจาระจึงเกิดขึ้นได้มากกว่าวัยอื่น
ชนิดของอาหารที่รับประทาน (Food intake)
พืชผัก ผลไม้ ที่มีกากใยมาก ทำให้อุจจาระสามารถขับ เคลื่อนได้ดีกว่า อาหารที่กากใยน้อย เพราะช่วยเพิ่มน้ำหนักอุจจาระ และช่วยทำให้ อุจจาระอ่อนนุ่มด้วย
ปริมาณน้ำที่ร่างกายได้รับ (Fluid intake)
น้ำจะเป็นตัว สำคัญที่ทำให้อุจจาระมีลักษณะนุ่มพอดี ไม่แห้ง แข็งเกินไป ทาให้อุจจาระ อ่อนตัว และยังช่วยกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่ได้ดี
การเคลื่อนไหวของร่างกาย (Body movement)
ทำให้การทำงานของลำไส้เป็นไปอย่างปกติ ส่งผลให้มีถ่ายอุจจาระได้ปกติ
อารมณ์ (Emotion)
เมื่ออารมณ์มีการเปลี่ยนแปลง เช่นหงุดหงิด หรือวิตกกังวล ทำให้ต่อมหมวกไตหลั่งฮอร์โมน และการทำงานของระบบประสาท Sympathetic มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
ความสม่ำเสมอในการขับถ่าย
การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน ส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่ายอุจจาระ ดังนั้นควรมีการฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา หรือเมื่อรู้สึกอยากถ่ายให้รีบไปถ่าย หากมีการกลั้นอุจจาระไว้จะท าให้เกิดท้องผูกได้
ความเหมาะสม
สถานที่ไม่เป็นส่วนตัว หรือห้องน้ำไม่สะอาดส่งผลให้บุคคลไม่อยากถ่าย
อุจจาระ
ท่าทางในการขับถ่ายท่านั่งจะช่วยในการขับถ่ายได้สะดวก ผู้ป่วยบางรายต้องใช้กระโถนนอน (Bed pan) ถ่ายอุจจาระบนเตียง ทำให้ท่านอนไม่ช่วยส่งเสริมการขับอุจจาระออกได้สะดวกทำให้ผู้ปุวยขับถ่ายอุจจาระลำบากจึงพยายามอั้นไม่ถ่ายอุจจาระ ทำให้เกิดอาการท้องผูกในที่สุด
ยา
ยา Atropine และ Morphine จะทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง และการบีบตัวขับอุจจาระช้าลง ทำให้เกิดท้องผูกได้
การตั้งครรภ์
เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น ทารกในครรภ์โตขึ้นมดลงก็ขยายตัวโตด้วย ทำให้จะไปเบียดกดลำไส้ส่วนปลาย ในการเบ่งถ่ายอุจจาระจึงต้องใช้แรงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกเป็นประจำและเกิดโรคริดสีดวงทวารในหญิงตั้งครรภ์
อาการปวด
โรคริดสีดวงทวาร(Hemorrhoid) การผ่าตัดส่วนลำไส้ตรง (Rectal surgery) และการผ่าตัดหน้าท้อง (Abdominal surgery) เมื่อมีอาการปวดถ่ายอุจจาระผู้ปุวยจะไม่ยอมเบ่งถ่ายอุจจาระเพราะกลัวเจ็บทำให้อั้นอุจจาระไว้ จึงส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกตามมา
การผ่าตัดและการดมยาสลบ
การดมยาสลบชนิดทั่วไป (General anesthesia: GA) เป็นสาเหตุ
ของการเกิด Peristalsis ลดลง
ขณะทำการผ่าตัดจะไปกระทบกระเทือนการทำงานของลำไส้ทำให้เกิดPeristalsis ลดลงชั่วคราว เรียกว่า “Paralytic ileus” อาจใช้เวลาหลายชั่วโมง หรือหลายวันในการกลับคืนสู่การทำงานปกติ
การตรวจวินิจฉัยโรค
การตรวจวินิจฉัยโรคของระบบทางเดินอาหารส่งผลรบกวนการทำงานของลำไส้ชั่วคราว
3.ลักษณะของอุจจาระปกติและ
สาเหตุของอุจจาระที่ผิดปกติ
ลักษณะของอุจจาระปกติ
อุจจาระปกติมี
สีน้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลเข้ม
สำหรับเด็กเล็กอุจจาระอาจจะเป็นสีเหลืองเข้มขึ้นอยู่กับ
ชนิดของอาหารที่รับประทาน
ลักษณะอ่อน มีรูปร่าง
ได้จัดแบ่งชนิด และ
ลักษณะของอุจจาระไว้
สาเหตุของอุจจาระที่ผิดปกติ
อุจจาระเป็นสีขาวซีดเหมือนสีขี้เถ้า
เกิดจาก การอุดตันของทางเดินท่อน้ าดี ทำให้น้ำดีไม่สามารถเข้าสู่ลำไส้ได้ มักพบในคนที่เป็นนิ่ว หรือเนื้องอกในท่อน้ำดี หรือมีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดร่างกายไม่สามารถผลิตน้ำดีออกมาได้
อุจจาระเป็นก้อนเล็ก ๆ แข็ง แห้ง
เกิดจาก การขาดน้ำและกินอาหารที่มีกากใยน้อย มักพบในผู้ป่วยท้องผูกเป็นเวลานาน หรือเกิดจากอารมณ์เปลี่ยนแปลง อากาศร้อนจัดทำให้สูญเสียน้ำออกทางผิวหนังเกิดภาวะขาดน้ำในระบบทางเดินอาหาร
1.อุจจาระคล้ายดินร่วน เหลว ปวดถ่ายเร็ว
เกิดจาก การถ่ายท้องเนื่องจากยาระบาย หรืออาหารที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายทำให้ลำไส้ใหญ่บีบตัวเร็วถ้ามีสีเขียวด้วยนั่นคือสีของน้ำดี มักพบในคนที่ท้องเสียมากๆ และในเด็กที่ลำไส้ยังสั้นและทำงานเร็ว
อุจจาระเป็นสีดำ มีกลิ่นแรง ร่วมกับอาการปวดท้อง เกิดจากความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งอาจเกิดเลือดไหลจากกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก หรือลำไส้ใหญ่
เลือดออกบริเวณทางเดินอาหารส่วนบนเมื่อผ่านกระบวนการย่อยแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท เหนียว มีกลิ่นฉุนเรียกว่า “ Melena ”
อุจจาระมีเลือดสดปนออกมา
อุจจาระมีลักษณะแข็งเมื่อขับถ่ายจะขูดบาดเนื้อเยื่อ หรือการปริขาดของเนื้อเยื่อ มักพบในผู้ที่มีอาการท้องผูก แผลสามารถหายเองได้ แต่ถ้ายังคงท้องผูก หรือท้องเสียมากอาจทำให้เป็นแผลเรื้อรัง
. อุจจาระมีเลือดสดและคันก้น
โรคริดสีดวงทวาร ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือไม่รักษาจะมีหัวริดสีดวงที่อักเสบโผล่ออกมาทางปากทวารหนัก ทำให้เจ็บปวดมาก
อุจจาระเป็นมูกวุ้น เหมือนน้ำมูก
ถ่ายทั้งวัน อาจมีเลือดออกด้วย เกิดจาก อาการอักเสบของลำไส้ในผู้สูงอายุ อาจเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ถ้าหายได้เองใน 1-2 วันอาจเกิดจากอาหารเป็นพิษ
4 สาเหตุและการพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาการขับถ่ายอุจจาระ
สาเหตุ
3 ท้องอืด
เป็นความรู้สึกแน่น อึดอัด ไม่สบาย เกิดจากแรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ถ้าเป็นมากปอดขยายไม่เต็มที่ท าให้หายใจลำบาก เป็นติดต่อกันนาน>>การขาดอาหาร/น้ำ
สาเหตุอาการท้องผูก
การสะสมของอาหารหรือน้ำมากจากอาหารไม่ย่อย
มีการสะสมของอุจจาระมากจากการไม่ได้ขับถ่ายออกตามปกติ
มีแก๊สมากในกระเพาะอาหารหรือลำไส้
เกิดจากการมีน้ำคั่งมากในช่องท้อง เช่น ท้องมานน้ำ
อวัยวะในช่องท้องใหญ่ผิดปกติ เช่น ตับโต ม้ามโต
การพยาบาล
จัดท่านอน ให้นอนศีรษะสูง 45˚ - 60˚
พยายามหาสาเหตุแล้วช่วยเหลือตามสาเหตุ
การใส่สายทางทวารหนักเพื่อระบายลม
การใช้ยาขับลม ยาระบาย
ใส่ NG tube เพื่อระบายลม น้ำย่อย อาจต่อกับเครื่อง suction
กระตุ้นให้เคลื่อนไหวร่างกายเพื่อกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ให้ระบายแก๊สออกได้
แสดงความเข้าใจและให้กำลังใจ
4 การกลั้นอุจจาระไม่ได้
เกิดจากการรบกวนที่หูรูดทวารหนักมีการกดทับจากอุจจาระ ความผิดปกติของปลายประสาทรับความรู้สึกที่เลี้ยงบริเวณทวารหนัก
ผลของการกลั้นอุจจาระไม่ได้
ผลต่อจิตใจ
สูญเสียความรู้สึกมีคุณค่า/ความนับถือต่อตนเอง
อาจจะรุนแรงมากขึ้นจากปฏิกิริยาของบุคคลที่อยู่รอบข้าง
การระคายเคืองต่อผิวหนังและเป็นแผล
ความสกปรกเปรอะเปื้อนของเสื้อผ้าและเครื่องใช้
การพยาบาล
พยายามให้ผู้ป่วยได้ฝึกถ่ายอุจจาระ
การดูแลผิวหนัง ระวังไม่ให้อุจจาระค้างอยู่ที่ผิวหนังนาน
ดูแลด้านจิตใจ ป้องกันการสูญเสียคุณค่าและนับถือตนเอง
ดูแลเสื้อผ้า ที่นอน ให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ
ผ่าตัด: ในกรณีที่เกิดจากสาเหตุทางร่างกาย
2 การอัดแน่นของอุจจาระ
อุจจาระเป็นน้ำเหลวไหวซึมทางทวารหนักทีละเล็กละน้อยอย่างควบคุมไม่ได้
อยากถ่ายตลอดเวลาแต่ถ่ายไม่ออก
ไม่ถ่ายเป็นเวลานาน
ตรวจทางทวารหนัก จะพบก้อนแข็งๆ ของอุจจาระ หรือไม่พบหากก้อนนั้นอยู่สูงเกินไป
เป็นอาการที่ สืบเนื่องจากท้องผูก สะสมอุจจาระไว้ในไส้ตรงเป็นเวลานาน
การพยาบาล
เป้าหมาย
ช่วยเหลือเอาอุจจาระ
ออกจากร่างกาย
การล้วงอุจจาระ (Evacuation)
ให้ยาระบาย
การสวนอุจจาระในกรณีที่ใช้ยาไม่ได้ผล
การล้วงอุจจาระ
ให้ผู้ป่วยนอนตะแคงซ้าย
ปูผ้ายางรองใต้ผู้ป่วย
วางหม้อนอนไว้ใกล้ ๆ
สวมถุงมือ แล้วใช้นิ้วที่หล่อลื่น
ด้วยเจลหล่อลื่นสอดทางทวารหนัก
ดึงก้อนอุจจาระออกใส่ในหม้อนอนอาจจะน้ำมันเข้าไปช่วยล้วงออกเป็น
5 อาการอุจจาระร่วง/ ท้องเสีย
การเพิ่มจำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระและการที่อุจจาระเป็น
น้ำเหลวหรือมีมูกปนถ่ายเป็นน้ำเหลว 3 ครั้งในเวลา 12 ชั่วโมง หรือถ่ายเป็นน้ำปนมูกเพียงครั้งเดียว
สาเหตุ
ภายในระบบทางเดินอาหาร
อาหาร การติดเชื้อ ความผิดปกติของลำไส้ ยา
ภายนอกระบบทางเดินอาหาร
สาเหตุทางจิตใจ อารมณ์
ความผิดปกติของระบบอื่น เปลี่ยนแปลงฮอร์โมน ระบบประสาท หรือสารเคมีในร่างกายที่มีผลต่อการกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้
ผลของอุจจาระร่วง/ ท้องเสีย
ปวดท้องเนื่องจากการบีบตัวของลำไส้
ความไม่สุขสบายทางร่างกาย
ในกรณีที่อุจจาระร่วงอย่างรุนแรง ทำให้ร่างกาย
สูญเสียไบคาร์บอเนต เกิดภาวะกรดเกินในร่างกายได้
สูญเสียอาหาร น้ำ อิเล็กโตรไลท์
การพยาบาล
ทดแทนน้ำ และเกลือแร่ให้พอเพียงกับความต้องการของร่างกาย
ติดตามประเมินอาการ และรายงานแพทย์ถึงผลการตรวจเลือด และ
อุจจาระทางห้องปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันทีและเหมาะสม
เฝ้าระวัง ป้องกัน และช่วยแก้ไขอาการขาดน้ำและเกลือแร่
การพักผ่อน
บันทึกปริมาณน้ำที่ได้รับ/ที่ขับออกจากร่างกายประเมินภาวะ
สมดุลของน้ำและเกลือแร่เป็นระยะ ๆ
อาหาร
ในระยะแรกมักให้งดอาหาร ให้ดื่มเฉพาะน้ำ หรือน้ำเกลือแร่ซึ่ง
สามารถดูดซึมไปใช้ได้เลย
เมื่ออาการดีขึ้นจึงเริ่มให้อาหารอ่อน ไม่มีกากมาก ไม่มีไขมัน
สังเกตและบันทึก เกี่ยวกับการถ่ายอุจจาระอย่าง เพื่อประเมินถึงความรุนแรงของอาการ เก็บอุจจาระส่งตรวจ
การใช้ยา อาจให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
สอนวิธีการปฏิบัติตัวเกี่ยวกับสุขอนามัยในเพื่อการป้องกันการ
แพร่กระจายเชื้อ หรือการกลับเป็นอีก
เรื่องความสะอาดของร่างกาย
การทำความสะอาดภายหลังถ่ายอุจจาระ
การล้างมือให้สะอาดหลังถ่าย ก่อนและหลังการรับประทานอาหาร
1 ภาวะท้องผูก
ถ่ายอุจจาระออกมาแห้งแข็ง ขับถ่ายลำบากต้องออกแรงเบ่งมาก ถ่ายไม่สุดเกิดความเจ็บปวด
เป็น 2 ประเภท
ภาวะท้องผูกทุติยภูมิ เกิดจากความเจ็บป่วยหรือการรักษาด้วยยา
ภาวะท้องผูกปฐมภูมิ โดยภาวะท้องผูกปฐมภูมินี้มีความสัมพันธ์กับการรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ภาวะขาดน้ำ การเคลื่อนไหวลดลงแรงตึงตัวของกล้ามเนื้อลดลง
สาเหต
ความผิดปกติในการทำหน้าที่ของไขสันหลัง
การอุดกั้นของระบบทางเดินอาหาร
การทำหน้าที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อพื้นเชิงกราน
ฝิ่น
ภาวะท้องผูกจากการลดลงของการเคลื่อนไหวของลำไส้และเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของประสาทที่ลำไส้และการติดยาระบาย
ภาวะผิดปกติของลำไส้มีความสัมพันธ์กับภาวะท้องผูก
ผลที่เกิดจากภาวะท้องผูก
ปากแตก ลิ้นแตก ลมหายใจเหม็น อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid)
แน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้อง ไม่สุขสบายเบื่ออาหาร
คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ วิงเวียน
อุจจาระอาจอัดกันเป็นก้อนแข็ง หรือผนังลำไส้หย่อนตัว
เป็นถุงสะสมอุจจาระไว้ พบในผู้สูงอายุ อัมพาต
การกลั้นอุจจาระไม่ได้
ในผู้ป่วยโรคตับ อาจเกิดอาการสับสน หมดสติ
จากแบคทีเรียในลำไส้ เปลี่ยน
ยูเรียจากกากอาหาร
แอมโมเนีย และดูดซึมเข้า
กระแสเลือดไปยังสมองในผู้ป่วย
การพยาบาล
แนะนำให้ความรู้และเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล
แนะนำและกระตุ้นให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารให้มากเพียงพอ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งอาหารที่มีเส้นใยและกากมาก ๆ
แนะนำ กระตุ้น และช่วยให้ผู้ป่วยได้รับน้ำให้เพียงพอ
แนะนำและช่วยเหลือเกี่ยวกับการถ่ายอุจจาระ และควรฝึกระบบขับถ่าย
อุจจาระให้เป็นเวลา
จัดสรรเวลาในตอนเช้าเพื่อฝึกให้เคยชินกับการถ่ายอุจจาระตรงเวลาทุกวัน
แนะนำให้ออกกำลังกาย การเคลื่อนไหวของร่างกายจะมีผลต่อการบีบตัวของลำไส้ช่วยให้การถ่ายอุจจาระเป็นปกติ
สังเกตความถี่การใช้ยาระบายหรือยาถ่าย พยายามลดการใช้จนสามารถเลิกใช้ยาระบาย
แนะนำสมุนไพรซึ่งเป็นอาหารหรือนำมาปรุงอาหารจะช่วยการขับถ่ายอุจจาระใช้เป็นยาระบายอ่อน ๆ
6 การถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง
เป็นการที่ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดจากส่วน ของล าไส้เปิดออกทางหน้า
ท้องรูเปิด เรียกว่า stoma
การระบายอุจจาระออกชั่วคราว /ถาวร
เปิดระบายอุจจาระจากลำไส้เล็ก Ileostomy
เปิดระบายอุจจาระจากล าไส้ใหญ่ Colostomy
การพยาบาลผู้ปุวยที่ถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง
การปิดถุงรองรับอุจจาระ
ถุงรองรับอุจจาระสำเร็จรูป ปากถุงจะมีรูเปิด และรอบ ๆ เป็นกาว
เหนียว ที่ติดกับผิวหนังได้
ก่อนใช้ต้องวัด และตัดขนาดของปากถุงให้ใหญ่กว่าขนาดของ stoma ประมาณ 0.2-0.3 ซม.
ลอกกระดาษที่ติดกับแผ่นกาวเหนียวออก วางปากถุงที่มีกาวเหนียว
ให้แนบสนิทกับผิวหนังรอบ ๆ stoma
กดรอบ ๆ stoma เบา ๆ อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้กาวติดแน่น
การติดถุงต้องพยายามไล่ลมให้มีค้างในถุงน้อยที่สุด
การทำความสะอาดช่องเปิดของลำไส้
แบ่งเป็น 3 ระยะ
ระยะที่ 3 หลังผ่าตัด 6-8 สัปดาห์ แผลจะยุบบวมและมีขนาดคงที่ ทำความสะอาดด้วยน้ำ และสบู่อ่อน ขณะอาบน้ำสามารถทำความสะอาดเหมือนการล้างทวารหนัก
ระยะที่ 2 หลังผ่าตัด 7-10 วัน แผลผ่าตัดจะเริ่มติดดี และเริ่มมีอุจจาระออกทาง stoma ให้ใช้สำลีสะอาด และน้ำต้มสุกทำความสะอาด stoma และผิวหนังรอบ ๆ แล้วซับให้แห้ง
ระยะที่ 1 หลังผ่าตัด 4-5 วัน ทำความสะอาดแบบการท าแผล
ด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ
การรับประทานอาหารที่เหมาะสม
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก็ส เช่น น้ำอัดลม
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่น เช่น ไข่
รับประทานอาหารที่ปูองกันอาการท้องผูกเช่น น้ำผลไม้
ควรรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรืออาหารหมักดอง เพราะอาจทำให้ท้องเดิน
การออกกำลังกายและการทำงาน
หลังผ่าตัด 3-6 เดือน ออกกำลังกายได้ตามปกติ หลีกเลี่ยงกีฬาที่ต้องกระแทก
ระยะแรก ผู้ป่วยควรออกกำลังกายเบา ๆ
การฝึกหัดการขับถ่าย โดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง ต้องหัดเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง และเบ่งถ่ายอุจจาระทุกวัน ตอนเช้า
ภาวะแทรกซ้อน สังเกตและดูแลตนเอง
การสวนอุจจาระ
การใส่สารอาจจะเป็นน้ำ น้ำมัน หรือสารเคมีเข้าไปในลำไส้ใหญ่ส่วนล้าง โดยผ่านทางทวารหนักเพื่อกักเก็บไว้หรือขับถ่ายออก
วัตถุประสงค์
เพื่อเตรียมผ่าตัดในรายที่ผู้ป่วยจะต้องดมยาสลบ
เพื่อเตรียมคลอด
เพื่อการรักษา เช่น การระบายพิษจากแอมโมเนียคั่งค้าง
ในกระแสเลือดในผู้ป่วยโรคตับ
เพื่อเตรียมตรวจทางรังสี
เพื่อลดปัญหาอาการท้องผูก
ชนิดของการสวนอุจจาระ
แบ่งเป็น 2 ชนิด
การสวนเก็บ
เป็นการสวนน้ำยาเข้าไปเก็บไว้ในลำไส้ใหญ่จำนวนน้ำยาที่ใช้ใน
ผู้ใหญ่ไม่เกิน 200 cc.
วัตถุประสงค์ในการสวนเก็บขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำยา
Medicated enema
เป็นการสวนเก็บด้วยยา เพื่อลดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ ก่อนผ่าตัดเกี่ยวกับลำไส้ใหญ่ /การสวนเพื่อการวินิจฉัยโรค เช่น การทำ Barium enema เป็นต้น
Oil - retention enema
เพื่อให้อุจจาระอ่อนตัว กระตุ้นใน
ลำไส้มีการบีบตัวดีขึ้น
การสวนล้าง
ทำให้เกิดการระคายเคืองของ Colon หรือ Rectum
กระตุ้นให้ลำไส้เคลื่อนไหว และขับอุจจาระออกมา
การสวนน้ำหรือน้ำยาเข้าไปในลำไส้ใหญ
วัตถุประสงค์การสวนล้าง
บรรเทาอาการท้องผูก
อุจจาระอัดแน่น
ล้างลำไส้ใหญ่ให้สะอาด
ใช้ในการเตรียมตรวจ ผ่าตัด หรือการ X – ray
ช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ
แบ่งการสวนอุจจาระตามชนิดของน้ำยาที่ใช้สวนล้าง
การสวนด้วยน้ำสบู่ ( Soap Sud Enema : S.S.E. )
ทำให้เกิดลำไส้อักเสบได้
ถ้าสบู่ร้อนเกินอาจเกิด Methemoglobinemia ร่างกาย
เขียวคล้ำ หายใจลำบาก ชีพจรเต้นเร็ว
การสวนด้วยน้ำเกลือ NSS(Normal saline solution enema : N.S.S. enema)
ใช้ในผู้ป่วยเด็ก ผู้ป่วยลำไส้อักเสบ
หลีกเลี่ยงใช้ในผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยที่มี Na คั่ง
การสวนด้วยน้ำสะอาด (tap water enema :
T.W.E.)
ไม่ใช้ใน ผู้ป่วย อิเล็กโตรไลท์ไม่สมดุล และเด็ก
การสวนด้วยน้ำยาสำเร็จรูป (Fleet enema)
เป็นสารละลายโซเดียม ออกฤทธิ์เร็ว 5 นาที
การสวนด้วยน้ำมัน (oil enema) กรณีอุจจาระอุดตัน
ข้อควรคำนึงในการสวนอุจจาระ
อุณหภูมิของสารน้ำ105 องศาฟาเรนไฮต์/40.5 องศาเซลเซียส
ปริมาณของสารน้ำ ขึ้นกับอายุและขนาดของร่างกายผู้ป่วย
เด็กเล็กใช้ 150 – 250 ml.
เด็กอายุ 10 เดือน ถึง 10 ปีใช้ 250 – 500 ml.
เด็กอายุ 10 – 14 ปีใช้ 500 – 750 ml.
ผู้ใหญ่ใช้ 750 – 1,000 ml.
แรงดันของสารน้ำที่สวนให้แก่ผู้ป่วย
ควรแขวนหม้อสวนให้สูงไม่เกิน 1 ฟุต เหนือระดับที่นอน
ในเด็กเล็กไม่ควรเกิน 3 นิ้ว
การปล่อยน้ำ เปิด Clamp ให้น้ำไหลช้าๆ ใช้เวลาประมาณ5-10 นาที เพื่อให้ผู้ป่วยเก็บน้ำได้หมด
ถ้าปล่อยน้ำไหลแรงเกินอาจทำให้ผู้ป่วยปวดท้องเป็นตะคริว
การปล่อยน้ำช้าๆช่วยลดความไม่สุขสบายจากลำไส้โป่งตึง
ความลึกของสายสวนที่สอดเข้าไปในลำไส้ สอดลึก 2-4 นิ้ว
เด็กโต สอดลึก 2 – 3 นิ้ว
เด็กเล็ก สอดลึก 1 – 1.5 นิ้ว
การหล่อลื่นหัวสวน: หล่อลื่นด้วย KY jelly
ยาวประมาณ 2-3 นิ้วในผู้ใหญ่ ยาวประมาณ 1 นิ้วในเด็ก
จัดท่านอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำ (Sim’s positon) ให้เข่าขวางอ
ขึ้นมาก ๆ
ถ้าผู้ป่วยนอนตะแคงซ้ายไม่ได้ให้นอนหงาย
ทิศทางการสอดหัวสวน
ให้ปลายหัวสวนมุ่งไปทิศทางสะดือลึกประมาณ 2 นิ้วแล้วเบนปลายกลับให้ขนานกับแนวกระดูกสันหลังตามลักษณะโค้งของลำไส้อีกประมาณ 1-2 นิ้ว
หลังจากปล่อยน้ำผู้ป่วยจะทนไม่ได้
ควรให้ผู้ป่วยหายใจทางปากยาว ๆ เพื่อผ่อนคลายและกลั้นอุจจาระต่อไปอีก 5 – 10 นาที จนกว่าน้ำจะหมด เพื่อให้อุจจาระอ่อนตัว
การแก้ไขเมื่อน้ำในหม้อสวนไม่ไหล ได้ถูกต้อง
ผู้ป่วยเบ่ง ให้ผู้ป่วยหายใจเข้าออกลึก ๆ ทางปากช้า ๆ
ปลายหัวสวนติดผนังลำไส้ ต้องเลื่อนหัวสวนออกมา
อุจจาระติดปลายหัวสวน ค่อยๆดึงหัวสวนออกมาเปลี่ยนใหม
การเก็บอุจจาระส่งตรวจ
วัตถุประสงค์
เพื่อตรวจหาความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร เช่น ภาวะติด
เชื้อ ภาวะเลือดออก มะเร็งในลำไส้ใหญ่
Stool Examination
Stool Culture
Stool occult blood
วิธีเก็บอุจจาระส่งตรวจ
การเก็บตัวอย่างที่ต้องปลอดการปนเปื้อนปัสสาวะ น้ำ และ
สิ่งปนเปื้อนอื่น ๆ เช่น กระดาษทิชชู เป็นต้น
ให้ผู้ป่วยถ่ายอุจจาระลงในหม้อนอนที่สะอาดและแห้ง
ควรอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บอุจจาระ
ส่งตรวจ
ถ้าตรวจหาพยาธิ ควรเก็บชิ้นส่วนของอุจจาระที่คาดว่าผิดปกติ
(มีมูก) จำนวนเล็กน้อย
ตรวจหาเลือดแฝงให้งดอาหารที่มีเลือดปน /ยาที่มีธาตุเหล็ก
เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด และใส่ถุงพลาสติกหุ้มอีกชั้น
ส่งห้องปฏิบัติการทันที(30นาที )พร้อมใบส่งตรวจ
บันทึก จำนวน สี ลักษณะ อุจจาระลงบันทึกทางการพยาบาล
ภาชนะที่ใช้เก็บอุจจาระส่งตรวจ
1) ภาชนะมีฝาปิดมิดชิด
2) ใบส่งตรวจ
3) ไม้แบน สำหรับเขี่ยอุจจาระ
4) กระดาษชำระ
5) หม้อนอน
วิธีเก็บอุจจาระส่งตรวจเพาะเชื้อ
(Stool culture)
การเก็บอุจจาระเพื่อเพาะหาเชื้อ (Culture)
ภาชนะที่ใช้เก็บตัวอย่างอุจจาระต้องปลอดเชื้อมีอาหารเลี้ยงเชื้อ
ภาชนะเก็บที่ อุณหภูมิ 4-10 องศาเซลเซียส
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมการขับถ่ายอุจาจาระ
ตัวอย่าง
หญิงไทยรายหนึ่ง อายุ 35 ปี ให้ประวัติว่ามีอาการท้องผูกต้องใช้ยาระบายก่อนนอนเป็นประจำทุกคืน และมีพฤติกรรมไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้ ดื่มน้ำน้อยวันละไม่ถึง 1,000 ml.
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
วัตถุประสงค์เ
พื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีพฤติกรรมในการรับประทานอาหารที่ถูกต้อง
เกณฑ์การประเมินผล
ถ่ายอุจจาระได้โดยไม่ใช้ยาระบาย
มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีกากใย เช่น ผัก ผลไม้ และดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับถ่ายอุจจาระ
การวางแผน
วางแผนให้ความรู้และเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพเรื่องการโรคของระบบทางเดินอาหารและลำไส้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
แนะนำให้ความรู้และเน้นความสำคัญของการบริโภคอาหารที่มีกากใย ได้แก่ ผักต่าง ๆ ผลไม้ประเภท มะละกอ กล้วยน้ำว้า เป็นต้น
ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคระบบทางเดินอาหารและลำไส้
อธิบายประโยชน์ของการดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
แนะนำให้ออกกำลังกายตามความเหมาะสม
ให้ความรู้เรื่องสมุนไพรไทยช่วยในการขับถ่ายอุจจาระทดแทนการใช้ยาระบาย โดยนำมาปรุงเป็นอาหาร เช่น มะขาม มะระไทย เป็นต้น
ฝึกการขับถ่ายอุจจาระเป็นตรงเวลาทุกวัน
ฝึกเข้าห้องน้ำถ่ายอุจจาระเป็นเวลาในตอนเช้าตรู่
ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส ลดความเครียดหรือวิตกกังวล
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
ท้องผูกเนื่องจากมีพฤติกรรมใช้ยาระบายเป็นประจำ
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
มีการถ่ายอุจจาระได้โดยไม่ใช้ยาระบาย
เลือกรับประทานอาหารที่มีกากใย และดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับถ่ายอุจจาระตรงเวลาทุกวัน
การประเมินภาวะสุขภาพ (Health assessment)
S: “ทานยาระบายก่อนนอนเป็นประจำทุกคืน ไม่ชอบอาหารประเภทผัก และผลไม้”
O: จากการตรวจร่างกาย พบAbdomen: Distension, Tympanic sound, Decreasebowel sound 1-2 time/min