Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ - Coggle Diagram
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
ความสำคัญของการขับถ่ายอุจจาระ
ในภาวะปกติอุจจาระจะมีส่วนประกอบเป็นน้ำประมาณร้อยละ70-80 โดยส่วนใหญ่สารอาหารและสิ่งที่มีคุณค่าจากอาหาร จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดผ่านทางลำไส้เล็กก่อนที่อาหารจะเดินทางเข้าสู่ลำไส้ใหญ่
หากรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารต่ำ น้ำหนักอุจจาระเฉลี่ยวันละ 75กรัม ในคนที่บริโภคอาหารที่มีเส้นใยสูง น้ำหนักอุจจาระอาจสูงถึงวันละ 500กรัมได้ในคนไทยโดยเฉลี่ยวันละ 150กรัม
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการขับถ่ายอุจจาระ
อายุ (Age)ในเด็กเล็ก ความสามารถในการควบคุมการขับถ่ายได้เมื่ออายุตั้งแต่24-30เดือนขึ้นไป
ชนิดของอาหารที่รับประทาน (Food intake)อาหารจำพวกพืชผักผลไม้ ที่มีกากใยมาก
ปริมาณน้ำที่ร่างกายได้รับ (Fluid intake)น้ าจะเป็นตัวสำคัญที่ทำให้อุจจาระมีลักษณะนุ่มพอดี ไม่แห้งแข็งเกินไป ทำให้อุจจาระอ่อนตัว
การเคลื่อนไหวของร่างกาย (Body movement) การเคลื่อนไหวของร่างกาย จะช่วยทำให้การทำงานของลำไส้เป็นไปอย่างปกติ
อารมณ์ (Emotion)เมื่ออารมณ์มีการเปลี่ยนแปลงเช่น หงุดหงิด หรือวิตกกังวลเป็นต้นจะทำให้ต่อมหมวกไตหลั่งฮอร์โมน และการทำงานของระบบประสาทSympatheticมีการเปลี่ยนแปลง
ความสม่ำเสมอในการขับถ่าย (Defecation habits )การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับกิจวัตรประจ าวัน การรับประทานอาหาร น้ำ รวมทั้งการออกกำลังกาย
ความเหมาะสม(Opportunity)สิ่งแวดล้อมมีส่วนช่วยในการขับถ่าย สถานที่ไม่เป็นส่วนตัว หรือห้องน้ำไม่สะอาดส่งผลให้บุคคลไม่อยากถ่ายอุจจาระจึงกลั้นอุจจาระ
ยา(Medication)อาการข้างเคียงของยาบางชนิดมีผลต่อระบบทางเดินอาหารอาจทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
การตั้งครรภ์(Pregnancy)เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น ทารกในครรภ์โตขึ้นมดลงก็ขยายตัวโตด้วย ทำให้จะไปเบียดกดลำไส้ส่วนปลาย ในการเบ่งถ่ายอุจจาระจึงต้องใช้แรงเพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกเป็นประจำ
อาการปวด โรคริดสีดวงทวาร การผ่าตัดส่วนลำไส้ตรง และการผ่าตัดหน้าท้อง เมื่อมีอาการปวดถ่ายอุจจาระผู้ป่วยจะไม่ยอมเบ่งถ่ายอุจจาระเพราะกลัวเจ็บทำให้อั้นอุจจาระไว้
การผ่าตัดและการดมยาสลบ การดมยาสลบชนิดทั่วไป เป็นสาเหตุของการเกิดPeristalsisลดลง และขณะท าการผ่าตัดจะไปกระทบกระเทือนการท างานของล าไส้ทำให้เกิดPeristalsisลดลงชั่วคราว
การตรวจวินิจฉัยโรค การตรวจวินิจฉัยโรคของระบบทางเดินอาหารส่งผลรบกวนการทำงานของลำไส้ชั่วคราว ซึ่งมีความจำเป็นต้องทำให้ลำไส้สะอาด ผู้ป่วยต้องได้รับ การงดน้ำและอาหาร
ลักษณะของอุจจาระปกติและสาเหตุของอุจจาระที่ผิดปกติ
Type 4
(ลักษณะยาวหรือขดม้วน เรียบ และนุ่ม)
Type 5
(ลักษณะเป็นก้อนนุ่มๆ แยกออกจากันชัดเจน)
Type 3
(ลักษณะยาวหรือขดม้วน แต่พื้นผิวบนนุ่มๆ)
Type 6
(ลักษณะเป็นก้อนนุ่มปุยมีขอบขยักไม่เรียบ)
Type 2
(ลักษณะยาวแต่เป็นก้อน)
Type 7
(ลักษณะเป็นน้ำไม่มีเนื้ออุจจาระปน)
Type 1
ลักษณะแข็งคล้ายเมล็ดถั่วคนไทยเรียกว่า “ขี้แพะ”
สาเหตุและการพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาการขับถ่ายอุจจาระ
ภาวะท้องผูก(Constipation)
2 ประเภท
1) ภาวะท้องผูกแบบปฐมภูมิ
รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อยภาวะขาดน้ำการเคลื่อนไหวลดลงแรงตึงตัวของกล้ามเนื้อลดลง
2)ภาวะท้องผูกแบบทุติยภูมิ
(2)การอุดกั้นของระบบทางเดินอาหารจากการล่าช้าของการขับถ่ายทำให้อุจจาระแข็ง
(1)ฝิ่นหรือยาระงับปวดที่เป็นอนุพันธ์ของฝิ่นที่ส่งผลต่อแรงตึงตัวของกล้ามเนื้อเรียบของลำไส้ยับยั้งการเคลื่อนไหวของลำไส้เพิ่มแรงตึงตัวของหูรูด
(3)ความผิดปกติในการทำหน้าที่ของไขสันหลังอันเป็นผลของการไม่เคลื่อนไหวการสูญเสียการรับความรู้สึกของทวารหนักการลดลงของความตึงตัวของทวารหนักและสำไส้ใหญ่
(4) ภาวะท้องผูกจากการลดลงของการเคลื่อนไหวของลำไส้และเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของประสาทที่ลำไส้และการติดยาระบาย
(5) การทำหน้าที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อพื้นเชิงกรานจากการหดรัดตัวที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อและหูรูดระหว่างการขับถ่าย
(6) ภาวะผิดปกติของลำไส้มีความสัมพันธ์กับภาวะท้องผูกซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความไวต่อการกระตุ้นของอวัยวะภายในและการเคลื่อนไหวของลำไส้ผิดปกติ
สรุปสาเหตุของภาวะท้องผูก
ไม่ได้ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลารับประทานอาหารที่ไม่มีกากใยหรือกากใยน้อยติดต่อกันหลายมื้อ หรือรับอาหารโปรตีนมากเกินไป ดื่มน้ำน้อยเกินไป
ผลที่เกิดจากภาวะท้องผูก
การดูดซึมสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย ลำไส้ใหญ่มีหน้าที่
2)ดูดซึมน้ำและอิเล็คโตรไลท์จากอาหารที่ถูกย่อยแล้ว
3)ทำหน้าที่เก็บกากอาหารไว้จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควรที่จะถ่ายเป็นอุจจาระออกนอกร่างกาย
1)ช่วยย่อยอาหารเพียงเล็กน้อย
อาการท้องผูกจะส่งผลต่อร่างกาย
) เกิดอาการแน่นท้องท้องอืด ปวดท้อง ไม่สุขสบายเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะวิงเวียน
2) เกิดอาการปากแตก ลิ้นแตก ลมหายใจเหม็น อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
3) เป็นโรคริดสีดวงทวาร
4) แบคทีเรียในลำไส้ จะเปลี่ยนยูเรียจากกากอาหาร เป็นแอมโมเนีย
5) ถ้าทิ้งไว้นานอุจจาระอาจอัดกันเป็นก้อนแข็ง หรือผนังล าไส้หย่อนตัวเป็นถุงสะสมอุจจาระไว้ พบในผู้ปุวยสูงอายุ หรือผู้ป่วยอัมพาต
6)การกลั้นอุจจาระไม่ได้
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องผูก
4) แนะนำและช่วยเหลือเกี่ยวกับการถ่ายอุจจาระ และควรฝึกระบบขับถ่าย
5) จัดสรรเวลาในตอนเช้าเพื่อฝึกให้เคยชินกับการถ่ายอุจจาระตรงเวลาทุกวัน
3) แนะนำกระตุ้น และช่วยให้ผู้ป่วยได้รับน้ำให้เพียงพอ
6) แนะนำให้ออกกำลังกาย
2) แนะนำและกระตุ้นให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารให้มากเพียงพอ
7) สังเกตความถี่การใช้ยาระบายหรือยาถ่าย
1) แนะนำให้ความรู้และเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล
8) แนะนำสมุนไพรซึ่งเป็นอาหารหรือนำมาปรุงอาหารจะช่วยการขับถ่ายอุจจาระ
การอัดแน่นของอุจจาระ (Fecal impaction)
สาเหตุ อาการเริ่มแรก
ไม่ได้ถ่ายอุจจาระติดต่อกันนานแล้ว พบอุจจาระเป็นน้ำเหลวไหวซึมทางทวารหนักทีละเล็กละน้อยอย่างควบคุมไม่ได้ ซึ่งต่างจากท้องเดิน ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดท้องมาก ปวดอุจจาระ อยากถ่ายตลอดเวลาแต่ถ่ายไม่ออก
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีการอัดแน่นของอุจจาระ
เปูาหมายสำคัญของการพยาบาล คือ การช่วยเหลือเอาก้อนอุจจาระออกจากร่างกายโดยการล้วงอุจจาระ และอาจใช้ยาระบายเพื่อทำให้ก้อนอุจจาระอ่อนนุ่มและหล่อลื่นหรือการสวนอุจจาระในกรณีที่ใช้ยาไม่ได้ผล
การล้วงอุจจาระ
การล้วงอุจจาระออกโดยตรง เป็นการช่วยเหลือผู้ปุวยในกรณีที่ผู้ป่วยถ่ายอุจจาระออกเองไม่ได้
อุปกรณ์เครื่องใช้
2) สารหล่อเลื่อน เจล หล่อลื่น ถ้าไม่มีใช้วาสลินหรือสบู่เหลว
3) ผ้ายางรองก้นและกระดาษชำระ
1) ถุงมือสะอาด 2คู่และหน้ากากอนามัย (Mask)
4)หม้อนอนหรือ ถุงพลาสติกสำหรับใช่อุจจาระ
วิธีปฏิบัติ
3)ปูผ้ายางรองให้ผู้ป่วย และวางหม้อนอนหรือถุงพลาสติกไว้ใกล้ ๆ
4) พยาบาลสวมถุงมือ 2ชั้น แล้วใช้นิ้วชี้หล่อลื่นด้วยเจลหล่อลื่น
2) ให้ผู้ป่วยนอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำขาขวา งอเล็กน้อย
5) ล้วงเอาก้อนอุจจาระออกใส่ในหม้อนอนหรือถุงพลาสติกที่เตรียมไว้
1) แนะนำตัว และบอกวัตถุประสงค์ให้ผู้ป่วยทราบ
6) เช็ดทำความสะอาดจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และเก็บเครื่องใช้
7) ทำความสะอาดเครื่องใช้และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ภาวะท้องอืด
สาเหตุ
2)มีแก๊สในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ปริมาณมาก
3)มีการสะสมของอุจจาระมาก เนื่องจากไม่ได้ขับถ่ายออกตามปกติ
1) มีการสะสมของอาหารหรือน้ำมาก อาหารไม่ย่อย
4) ปริมาตรของช่องท้องลดลงจากความผิดปกติของอวัยวะที่อยู่ใกล้เคียง
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องอืด
1)จัดท่านอน ให้นอนศีรษะสูง 45-60องศา
2) อธิบายสาเหตุและวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการท้องอืด
3) ค้นหาสาเหตุของอาการท้องอืดและให้การช่วยเหลือตามสาเหตุ
4)พิจาณาการใช้ยา อาจให้ยาช่วยย่อยอาหาร ยาขับลม ทำให้เรอ ผายลม
สาเหตุจากได้รับยาระงับปวดที่มีอาการข้างเคียงทำให้ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ เช่น มอร์ฟีน
2)ตรวจร่างกายโดยวิธีการดู การคลำ การเคาะและการฟัง
3)พิจารณาให้ยารับงับปวดตามความจำเป็น
1) สังเกตอาการท้องอืดโดยการสอบถามผู้ปุวยถึงอาการท้องอืด
สาเหตุจากอาหารไม่ย่อย
1)สังเกตอาการท้องอืดโดยการสอบถามผู้ป่วยถึงอาการท้องอืด
2)ตรวจร่างกายโดยวิธีการดู การคลำ การเคาะและการฟัง
3)แนะนำให้รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย หรืองดน้ำและอาหารทางปากชั่วคราวหรือจนกว่าอาการจะดีขึ้น
การกลั้นอุจจาระไม่ได้ (Fecal incontinence)
ผลของการกลั้นอุจจาระไม่ได้
1)ผลด้านร่างกาย
2) ผลด้านจิตใจ
3) ผลด้านสังคม
4) ผลด้านจิตวิญญาณ
การพยาบาลผู้ป่วยที่กลั้นอุจจาระไม่ได้
1) ด้านร่างกาย
(2)การควบคุมการขับถ่ายอุจจาระโดยใช้วิธีการฝึกถ่ายอุจจาระเป็นเวลาเลือกเป็นเวลาที่สะดวก
(3)ให้การดูแลผิวหนังให้สะอาด
(1) ความสะอาดทั่วไปของร่างกาย
(4)ดูแลเสื้อผ้าที่นอน ให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ
(5)รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการเกิดโรคหวัด
2)ด้านจิตใจสังคม และจิตวิญญาณ
ผู้ดูแลจึงควรให้กำลังใจ และสร้างเสริมกำลังใจกับผู้ป่วยให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
ภาวะท้องเสีย(Diarrhea)
สาเหตุของภาวะท้องเสีย
2)จากการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและอารมณ์
3) การได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและมีอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
1) จากอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
ผลที่เกิดจากภาวะท้องเสีย
1) เกิดภาวะเสียสมดุลน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย
2)เกิดความไม่สุขสบาย ปวดท้อง เนื่องจากการบีบตัวของลำไส้และการถ่ายอุจจาระหลาย ๆ ครั้ง
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะท้องเสีย
1) ประเมินสภาพผู้ปุวย
(2)แสดงการช่วยเหลือด้วยท่าที่เหมาะสมและเต็มใจ
3) การดูแลเรื่องอาหาร ในระยะแรกมักให้งดอาหารและน้ำทางปาก
4) ติดตาม เฝ้าระวัง ป้องกัน และช่วยแก้ไขอาการขาดน้ำและเกลือแร่
การถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง (Fecal diversion)
ชนิดของStoma ที่เป็นช่องทางขับถ่ายอุจจาระ จำแนกออกเป็น 2 ชนิด
1.Colostomyเป็นทวารหนักชนิดลำไส้ใหญ่ ลำไส้ที่นำมาเปิดออกหน้าท้องมีตำแหน่ง
1.2Transverse colostomy (Loop colostomy)
1.3Sigmoid colostomy(End colostomy)
1.1Ascending colostomy
2.Ileostomyเป็นทวารหนักชนิดลำไส้เล็ก
ลไไส้ที่นำมาเปิดออกจะเป็นส่วนปลายของลำไส้เล็ก (Ileum) อยู่ที่หน้าท้องส่วนล่างด้านขวา มีทั้งชนิดที่เป็นรูเปิดเดียว (End ileostomy) และ 2 รูเปิด (Loop ileostomy) ส่วนใหญ่เปิดเป็น Loop ileostomy เปิดแบบชั่วคราว
การพยาบาลผู้ป่วยที่ถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง
1) การทำความสะอาดช่องเปิดของลำไส้ และผิวหนังรอบๆแบ่งเป็น 3ระยะ
(2) ระยะที่ 2หลังผ่าตัด 7-10วันแผลผ่าตัดจะเริ่มติดดี และเริ่มมีอุจจาระออกทาง Stomaให้ใช้ส าลีสะอาด และน้ำต้มสุกทำความสะอาด Stoma และผิวหนังรอบๆ
(3) ระยะที่3 หลังผ่าตัด 6-8สัปดาห์แผลจะยุบบวมและมีขนาดคงที่ ระยะนี้สามารถทำความสะอาดด้วยน้ำ
(1) ระยะที่ 1หลังผ่าตัด 4-5วันทำความสะอาดแบบการทำแผลด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ
2)การปิดถุงรองรับอุจจาระเมื่อทำความสะอาดStomaและผิวหนังรอบๆแล้ว ต้องปิดด้วยถุงรองรับอุจจาระเพื่อปูองกันผิวหนังรอบๆ
(1)ถุงปลายเปิดใช้สำหรับของเสียที่เป็นน้ำอุจจาระเหลว และมีปริมาณมาก
(2)ถุงปลายปิดใช้สำหรับอุจจาระที่ค่อนข้างเป็นก้อน
3) การรับประทานอาหารที่เหมาะสม
4)การออกกำลังกายและการทำงาน
5) การฝึกหัดการขับถ่ายโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อ
6) ภาวะแทรกซ้อนสังเกตและดูแลตนเองจากภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย
การทำความสะอาดแผลทวารเทียม
ดึงถุงที่มีกาวติดกับผิวหนังออก แล้วใช้ลำสีสะอาดชุบน้ำสะอาดเช็ดทำความสะอาดStomaก่อน แล้วเช็ดผิวหนังรอบๆ ให้สะอาด เช็ดด้วยสำลีแห้ง แล้วปิดถุงใหม่ลงไป
การสวนอุจจาระ
วัตถุประสงค์
3) เตรียมผ่าตัดในรายที่ผู้ปุวยจะต้องดมยาสลบ
4) เตรียมคลอด
2)เตรียมตรวจทางรังสี
5) เพื่อการรักษา
1) ลดปัญหาอาการท้องผูก
ชนิดของการสวนอุจจาระแบ่งเป็น 2ชนิด
Cleansing enemaเป็นการสวนน้ำหรือน้ำยาเข้าไปในลำไส้ใหญ่เพื่อกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวของลำไส้ โดยการทำให้เกิดการระคายเคืองของ Colonหรือ Rectum รวมทั้งทำให้ลำไส้โปุงตึงด้วยน้ำหรือน้ำยาและขับอุจจาระออกมา
Retention enemaการสวนเก็บเป็นการสวนน้ ายาเข้าไปเก็บไว้ในลำไส้ใหญ่ในผู้ใหญ่ไม่เกิน 200 ml.
อุปกรณ์เครื่องใช้
3) สารหล่อลื่น เช่น KY jellyเป็นต้น
4) ชามรูปไต
2) หัวสวนอุจจาระ
5) กระดาษชำระ
1) หม้อสวน
6) กระโถนนอน
7) ผ้าปิดกระโถนนอน
8) ผ้ายางกันเปื้อน
9) สารละลายที่ใช้ในการสวนอุจจาระ
10) เหยือกน้ำ
11) เสาน้ำเกลือ
12) ถุงมือสะอาด1คู่ และMask
วิธีปฏิบัติ
6) ล้างมือ สวมถุงมือ
) ปิด Clampหัวสวนไว้
5) คลุมผ้าเปิดเฉพาะบริเวณทวารหนักไม่เปิดเผย
8) เปิด Clampเพื่อไล่อากาศในสายสวน และหัวสวนปิด Clamp หัวสวน
4) จัดท่านอนให้ถูกต้องคือนอนตะแคงซ้าย งอเข่าขวาไปข้างหน้า
9) บอกให้ผู้ปุวยทราบว่าจะทำการสวนอุจจาระ
3) ปูผ้ายางรองก้นบริเวณก้นของผู้ปุวย
10) สอดหัวสวนเข้าทวารหนักให้ปลายหัวสวนมุ่งไปทิศทางสะดือลึกประมาณ3นิ้ว
2) นำเครื่องใช้มาที่เตียง บอกผู้ปุวยให้ทราบถึงเหตุผลการสวน
11) จับหัวสวนให้แน่กระชับมือเปิด Clamp ให้น้ าไหลช้าๆ ใช้เวลาประมาณ5-10 นาที
1) การเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ให้ครบถ้วนสะดวกในการปฏิบัติ
2) ค่อยๆ ดึงสายสวนออกเบาๆปลดหัวสวนออกห่อด้วยกระดาษชำระวางใน ชามรูปไต
13) สอดBed panกั้นม่านให้มิดชิด หลังถ่ายเสร็จใช้ Bed padปิดคลุม Bed pan
14) เก็บเครื่องใช้ท าความสะอาดให้เรียบร้อยถอดถุงมือล้างมือให้สะอาด
15) ลงบันทึกทางการพยาบาล
ข้อคำนึงในการสวนอุจจาระ
ข้อควรระวังในการสวนอุจจาระ
1)อุณหภูมิของสารน้ำอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ105 ̊F (40.5 ̊C)
2) ปริมาณสารละลายใช้สวนอุจจาระ
เด็กอายุ 10 เดือน ถึง 10ปีใช้ในปริมาณ250–500 ml.
เด็กอายุ 10–14ปีใช้ในปริมาณ500–750 ml.
เด็กเล็กใช้ในปริมาณ150–250 ml.
ผู้ใหญ่ใช้ในปริมาณ750–1,000 ml.
3) ท่านอนของผู้ปุวยท่านอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำ
4) แรงดันของสารน้ำที่สวนให้แก่ผู้ปุวย ควรแขวนหม้อสวนให้สูงไม่เกิน 1 ฟุตเหนือระดับที่นอน
5)การปล่อยน้ำเปิดClamp ให้น้ าไหลช้าๆ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที
6) ความลึกของสายสวนที่สอดเข้าไปในลำไส้และลักษณะของสายสวนอุจจาระ การสอดสายสวนเข้าทวารหนัก สอดลึก 2-4 นิ้ว
7)การหล่อลื่นหัวสวนด้วยสารหล่อลื่น
8)ทิศทางการสอดหัวสวนให้ปลายหัวสวนมุ่งไปทิศทางสะดือลึกประมาณ 2 นิ้วแล้วเบนปลายกลับให้ขนานกับแนวกระดูกสันหลังตามลักษณะโค้งของลำไส้
9)ระยะเวลาที่สารน้ำกักเก็บอยู่ในลำไส้ใหญ่
10)การแก้ไขเมื่อสารละลายในหม้อสวนไม่ไหลเป็นปกติจากสาเหตุที่ผู้ป่วยเบ่ง
อาการแทรกซ้อนที่ควรต้องสังเกตและติดตาม
1)การระคายเคืองต่อเยื่อบุลำไส้
2)ผนังลำไส้ถลอก หรือทะลุ
3)ภาวะเป็นพิษจากน้ำ
4)การติดเชื้อ
5)การคั่งของโซเดียม
6)ภาวะ Methemoglobinemia
ข้อห้ามในการสวนอุจจาระ
2)มีการอักเสบของลำไส้
3)มีการติดเชื้อในช่องท้อง
1)ลำไส้อุดตัน
4)ผู้ปุวยภายหลังผ่าตัดลำไส้ส่วนปลาย
การเก็บอุจจาระส่งตรวจ
ชนิดการเก็บอุจจาระส่งตรวจ
2)การตรวจอุจจาระหาเลือดแฝง
3)การตรวจอุจจาระโดยการเพาะเชื้อ
1)การตรวจอุจจาระหาความผิดปกติ
อุปกรณ์เครื่องใช้
3) ไม้แบน สำหรับเขี่ยอุจจาระ
4) กระดาษชำระ
2)ใบส่งตรวจ
5)หม้อนอน
1) ภาชนะมีฝาปิดมิดชิด
วิธีปฏิบัติ
2)การเก็บอุจจาระส่งตรวจเพาะเชื้อ
(1) ให้ผู้ป่วยเบ่งถ่ายเล็กน้อย ใช้ไม้พันสำลีใส่เข้าไปในรูทวาร 1-2 นิ้ว
(2) ส่งห้องปฏิบัติการทันทีภายใน 30 นาที พร้อมใบส่งตรวจ
(3)ลงบันทึกทางการพยาบาล
1)การเก็บอุจจาระส่งตรวจหาความผิดปกติและส่งตรวจหาเลือดแฝง
(1)อธิบายให้ผู้ป่วยทราบ และเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บอุจจาระส่งตรวจ
(2) ให้ผู้ปุวยถ่ายอุจจาระลงในหม้อนอนที่สะอาดและแห้งใช้ไม้แบนเขี่ยอุจจาระจำนวนเล็กน้อยใส่ภาชนะ
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
การประเมินภาวะสุขภาพ(Health assessment)
S:“ทานยาระบายก่อนนอนเป็นประจำทุกคืนไม่ชอบอาหารประเภทผัก และผลไม้”
O: จากการตรวจร่างกายพบAbdomen:Distension, Tympanic sound, Decrease bowel sound 1-2 time/min
2.ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล(Nursing diagnosis)
ท้องผูกเนื่องจากมีพฤติกรรมใช้ยาระบายเป็นประจำ
3.การวางแผนการพยาบาล(Planning)
วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ปุวยมีพฤติกรรมในการรับประทานอาหารที่ถูกต้อง
เกณฑ์การประเมินผล
1.ถ่ายอุจจาระได้โดยไม่ใช้ยาระบาย
2.มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีกากใย
3.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับถ่ายอุจจาระ
4.การปฏิบัติการพยาบาล(Implementation)
1.แนะนำให้ความรู้และเน้นความสำคัญของการบริโภคอาหารที่มีกากใย
2.ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคระบบทางเดินอาหารและลำไส้
อธิบายประโยชน์ของการดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
4.แนะนำให้ออกกำลังกายตามความเหมาะสม เ
7.ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส ลดความเครียดหรือวิตกกังวล
5.การประเมินผลการพยาบาล(Evaluation)
2.เลือกรับประทานอาหารที่มีกากใย และดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
3.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับถ่ายอุจจาระตรงเวลาทุกวัน
1.มีการถ่ายอุจจาระได้โดยไม่ใช้ยาระบาย