Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ - Coggle Diagram
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
ความสำคัญของการขับถ่ายอุจจาระ
ลำไส้ใหญ่ทำหน้าที่สะสมกากอาหารและดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย(น้ำ แร่ธาตุ วิตามิน และกลูโคส)ออกจากกากอาหาร ทำให้กากอาหารเหนียวและข้นจนเป็นก้อนแข็ง
ลำไส้จะบีบตัวเพื่อให้กากอาหารเคลื่อนที่ไปรวมกันที่ลำไส้ตรง และขับถ่ายสู่ภายนอกร่างกายทางทวารหนัก ที่เรียกว่า อุจจาระ
เป็นกระบวนการของร่างกายในภาวะปกติ ที่ขับของเสียอันเกิดจากการย่อยอาหาร
การขับถ่ายอุจจาระ ขับกากอาหารออกจากร่างกาย ถ้าขับถ่ายผิดปกติ กระทบต่ออวัยวะอื่นๆ
ลักษณะของอุจจาระปกติและสาเหตุของอุจจาระที่ผิดปกติ
ลักษณะของอุจจาระปกติ
ลักษณะอ่อน มีรูปร่าง
สำหรับเด็กเล็กอุจจาระอาจจะเป็นสีเหลืองเข้มขึ้นอยู่กับชนิดของอาหารที่รับประทาน
อุจจาระปกติมีสีน้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลเข้ม
การที่อุจจาระมีสี เกิดจากน้ำดี (Bile) ถ้าไม่มีการขับน้ำดีเข้าสู่ลำไส้จะทำให้อุจจาระมีสีซีด
ลักษณะอุจจาระผิดปกติ
อุจจาระเป็นสีดำ มีกลิ่นแรง ร่วมกับอาการปวดท้องเกิดจากความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งอาจเกิดเลือดไหลจากกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก หรือลำไส้ใหญ่
อุจจาระมีเลือดสดปนออกมา
อุจจาระเป็นก้อนเล็กๆ แข็ง แห้ง
อุจจาระมีเลือดสดและคันก้น
อุจจาระเป็นสีขาวซีดเหมือนสีขี้เถ้า
อุจจาระเป็นมูกวุ้น เหมือนน้ำมูก
อุจจาระคล้ายดินร่วน เหลว ปวดถ่ายเร็ว
การสวนอุจจาระ (Enema)
การสวนล้าง
ทำให้เกิดการระคายเคืองของ Colon หรือ Rectum
กระตุ้นให้ลำไส้เคลื่อนไหว และขับอุจจาระออกมา
การสวนน้ำหรือน้ำยาเข้าไปในลำไส้ใหญ่
การสวนเก็บ
Oil -retention enema เพื่อให้อุจจาระอ่อนตัว กระตุ้นในลำไส้มีการบีบตัวดีขึ้น
Medicated enema เป็นการสวนเก็บด้วยยา เพื่อลดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ ก่อนผ่าตัดเกี่ยวกับลำไส้ใหญ่ /การสวนเพื่อการวินิจฉัยโรค เช่น การทำ Barium enemaเป็นต้น
เป็นการสวนน้ำยาเข้าไปเก็บไว้ในลำไส้ใหญ่จำนวนน้ำยาที่ใช้ในผู้ใหญ่ไม่เกิน 200 cc.
การเก็บอุจจาระส่งตรวจ
วิธีเก็บอุจจาระส่งตรวจ
ให้ผู้ป่วยถ่ายอุจจาระลงในหม้อนอนที่สะอาดและแห้ง
ถ้าตรวจหาพยาธิ ควรเก็บชิ้นส่วนของอุจจาระที่คาดว่าผิดปกติ (มีมูก) จำนวนเล็กน้อย
การเก็บตัวอย่างที่ต้องปลอดการปนเปื้อนปัสสาวะ น้ำ และสิ่งปนเปื้อนอื่น ๆ เช่น กระดาษทิชชู เป็นต้น
ตรวจหาเลือดแฝงให้งดอาหารที่มีเลือดปน /ยาที่มีธาตุเหล็ก
ควรอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บอุจจาระส่งตรวจ
เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด และใส่ถุงพลาสติกหุ้มอีกชั้น
ส่งห้องปฏิบัติการทันที(30นาที )พร้อมใบส่งตรวจ
บันทึก จำนวน สี ลักษณะ อุจจาระลงบันทึกทางการพยาบาล
วิธีเก็บอุจจาระส่งตรวจเพาะเชื้อ (Stool culture)
ภาชนะที่ใช้เก็บตัวอย่างอุจจาระต้องปลอดเชื้อมีอาหารเลี้ยงเชื้อ
ภาชนะเก็บที่ อุณหภูมิ 4-10องศาเซลเซียส
การเก็บอุจจาระเพื่อเพาะหาเชื้อ (Culture)
เพื่อตรวจหาความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร เช่น ภาวะติดเชื้อ ภาวะเลือดออก มะเร็งในลำไส้ใหญ่ แบ่งเป็น
Stool Culture
Stool occult blood
Stool Examination
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
การประเมินภาวะสุขภาพ (Health assessment)
ปัจจัยที่มีผลต่อการขับถ่ายอุจจาระ
ความเหมาะสม (Opportunity)
สถานที่ไม่เป็นส่วนตัว หรือห้องน้ำไม่สะอาดส่งผลให้บุคคลไม่อยากถ่ายอุจจาระ
ยา (Medication)
ยา Atropine และMorphine จะทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง และการบีบตัวขับอุจจาระช้าลง ทำให้เกิดท้องผูกได้
ความสม่ำเสมอในการขับถ่าย (Defecation habits)
การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน ส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่ายอุจจาระ ดังนั้นควรมีการฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา หรือเมื่อรู้สึกอยากถ่ายให้รีบไปถ่าย หากมีการกลั้นอุจจาระไว้จะทำให้เกิดท้องผูกได้
การตั้งครรภ์ (Pregnancy)
เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น ทารกในครรภ์โตขึ้นมดลงก็ขยายตัวโตด้วย ทำให้จะไปเบียดกดลำไส้ส่วนปลาย ในการเบ่งถ่ายอุจจาระจึงต้องใช้แรงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกเป็นประจำ และเกิดโรคริดสีดวงทวารในหญิงตั้งครรภ์
อารมณ์ (Emotion)
เมื่ออารมณ์มีการเปลี่ยนแปลง เช่น หงุดหงิด หรือวิตกกังวล ทำให้ต่อมหมวกไตหลั่งฮอร์โมน และการทำงานของระบบประสาท Sympathetic มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
อาการปวด (Pain)
โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid) การผ่าตัดส่วนลำไส้ตรง (Rectal surgery) และการผ่าตัดหน้าท้อง (Abdominal surgery) เมื่อมีอาการปวดถ่ายอุจจาระผู้ปุวยจะไม่ยอมเบ่งถ่ายอุจจาระเพราะกลัวเจ็บทำให้อั้นอุจจาระไว้ จึงส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกตามมา
การเคลื่อนไหวของร่างกาย (Body movement)
ทำให้การทำงานของลำไส้เป็นไปอย่างปกติ ส่งผลให้มีถ่ายอุจจาระได้ปกติ
การผ่าตัดและการดมยาสลบ (Surgery and Anesthesia)
การดมยาสลบชนิดทั่วไป (General anesthesia: GA) เป็นสาเหตุของการเกิดPeristalsisลดลง
ขณะทำการผ่าตัดจะไปกระทบกระเทือนการทำงานของลำาไส้ทำให้เกิดPeristalsisลดลงชั่วคราว เรียกว่า “Paralytic ileus” อาจใช้เวลาหลายชั่วโมง หรือหลายวันในการกลับคืนสู่การทำงานปกติ
ปริมาณน้ำที่ร่างกายได้รับ (Fluid intake)
น้ำจะเป็นตัวสำคัญที่ทำให้อุจจาระมีลักษณะนุ่มพอดี ไม่แห้ง แข็งเกินไป ทำให้อุจจาระอ่อนตัว และยังช่วยกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่ได้ดี
การตรวจวินิจฉัยโรค (Diagnostic test)
ชนิดของอาหารที่รับประทาน (Food intake)
พืชผัก ผลไม้ ที่มีกากใยมากท าให้อุจจาระสามารถขับเคลื่อนได้ดีกว่าอาหารที่กากใยน้อย เพราะช่วยเพิ่มน้ำหนักอุจจาระ และช่วยทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มด้วย
อายุ (Age)
เด็กเล็ก ความสามารถในการควบคุมการขับถ่ายได้เมื่ออายุ ตั้งแต่ 24-30 เดือนขึ้นไป มีการถ่ายอุจจาระวันละหลาย ๆ ครั้ง
ผู้สูงอายุมักจะมีปัญหา กล้ามเนื้อหูรูดหย่อนยาน ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง ปัญหาการขับถ่ายอุจจาระจึงเกิดขึ้นได้มากกว่าวัยอื่น
สาเหตุและการพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาการขับถ่ายอุจจาระ
ท้องอืด ( Flatulence / abdominal distention )
เป็นความรู้สึกแน่น อึดอัด ไม่สบาย เกิดจากแรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนถ้าเป็นมากปอดขยายไม่เต็มที่ทำให้หายใจลำบาก ถ้าเป็นติดต่อกันนาน>>การขาดอาหาร/น้ำ
การกลั้นอุจจาระไม่ได้ (Fecal incontinence)
เกิดจากการรบกวนที่หูรูดทวารหนักมีการกดทับจากอุจจาระ ความผิดปกติของปลายประสาทรับความรู้สึกที่เลี้ยงบริเวณทวารหนัก
การอัดแน่นของอุจจาระ(Fecal Impaction)
เป็นอาการที่ สืบเนื่องจากท้องผูก สะสมอุจจาระไว้ในไส้ตรงเป็นเวลานาน ไม่ถ่ายเป็นเวลานาน อุจจาระเป็นน้ำเหลวไหวซึมทางทวารหนักทีละเล็กละน้อยอย่างควบคุมไม่ได้ อยากถ่ายตลอดเวลาแต่ถ่ายไม่ออก ตรวจทางทวารหนัก จะพบก้อนแข็งๆ ของอุจจาระ หรือไม่พบหากก้อนนั้นอยู่สูงเกินไป
อาการอุจจาระร่วง/ ท้องเสีย(Diarrhea)
การเพิ่มจำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระและการที่อุจจาระเป็นน้ำเหลวหรือมีมูกปน ถ่ายเป็น น้้าเหลว 3 ครั้งในเวลา 12 ชั่วโมงหรือถ่ายเป็นน้้าปนมูกเพียงครั้งเดียว
ภาวะท้องผูก ( Constipation )
ถ่ายอุจจาระออกมาแห้งแข็ง ขับถ่ายลำบาก ต้องออกแรงเบ่งมาก ถ่ายไม่สุด เกิดความเจ็บปวด
การถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง(Fecal diversion)
เป็นการที่ผู้ปุวยได้รับการผ่าตัดจากส่วน ของลำไส้เปิดออกทางหน้าท้อง (Ostomy)
รูเปิด เรียกว่า stoma การระบายอุจจาระออกชั่วคราว /ถาวร
การทำความสะอาดช่องเปิดของลำไส้
ระยะที่ 2 หลังผ่าตัด 7-10 วัน แผลผ่าตัดจะเริ่มติดดี และเริ่มมีอุจจาระออกทาง stoma ให้ใช้สำลีสะอาด และน้ำต้มสุกทำความสะอาด stoma และผิวหนังรอบ ๆ แล้วซับให้แห้ง
ระยะที่ 3 หลังผ่าตัด 6-8 สัปดาห์ แผลจะยุบบวมและมีขนาดคงที่ ทำความสะอาดด้วยน้ำ และสบู่อ่อน ขณะอาบน้ำสามารถทำความสะอาดเหมือนการล้างทวารหนัก
ระยะที่ 1 หลังผ่าตัด 4-5 วัน ท าความสะอาดแบบการทำแผลด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ
ข้อควรคำนึงในการสวนอุจจาระ
ความลึกของสายสวนที่สอดเข้าไปในลำไส้ สอดลึก 2-4 นิ้ว
เด็กโต สอดลึก 2 –3 นิ้ว
เด็กเล็ก สอดลึก 1 –1.5 นิ้ว
การหล่อลื่นหัวสวน: หล่อลื่นด้วย KY jelly
ยาวประมาณ 2-3นิ้วในผู้ใหญ่
ยาวประมาณ 2-3นิ้วในผู้ใหญ่
การปล่อยน้ำ เปิด Clamp ให้น้ำไหลช้าๆใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที เพื่อให้ผู้ปุวยเก็บน้ำได้หมด
ถ้าปล่อยน้ำไหลแรงเกินอาจทำให้ผู้ป่วยปวดท้องเป็นตะคริว
การปล่อยน้ำช้าๆช่วยลดความไม่สุขสบายจากลำไส้โป่งตึง
จัดท่านอนตะแคงซ้ายกึ่งคว่ำ (Sim’spositon) ให้เข่าขวางอขึ้นมาก ๆ
ถ้าผู้ป่วยนอนตะแคงซ้ายไม่ได้ให้นอนหงาย
แรงดันของสารน้ำที่สวนให้แก่ผู้ป่วย
ควรแขวนหม้อสวนให้สูงไม่เกิน 1 ฟุต เหนือระดับที่นอน
ในเด็กเล็กไม่ควรเกิน 3นิ้ว
ทิศทางการสอดหัวสวน
ให้ปลายหัวสวนมุ่งไปทิศทางสะดือลึกประมาณ 2นิ้ว
แล้วเบนปลายกลับให้ขนานกับแนวกระดูกสันหลังตามลักษณะโค้งของลำไส้อีกประมาณ 1-2 นิ้ว
ปริมาณของสารน้ำ ขึ้นกับอายุและขนาดของร่างกายผู้ป่วย
เด็กอายุ 10 เดือน ถึง 10ปีใช้ 250 –500 ml.
เด็กอายุ 10 –14 ปีใช้ 500 –750 ml.
เด็กเล็กใช้ 150 –250 ml.
ผู้ใหญ่ใช้ 750 –1,000 ml.
หลังจากปล่อยน้ำผู้ป่วยจะทนไม่ได้
ควรให้ผู้ป่วยหายใจทางปากยาว ๆ เพื่อผ่อนคลายและกลั้นอุจจาระต่อไปอีก 5 –10 นาที จนกว่าน้ำจะหมด เพื่อให้อุจจาระอ่อนตัว
อุณหภูมิของสารน้ำ
105 องศาฟาเรนไฮต์/40.5 องศาเซลเซียส
การแก้ไขเมื่อน้ำในหม้อสวนไม่ไหล ได้ถูกต้อง
ปลายหัวสวนติดผนังลำไส้ ต้องเลื่อนหัวสวนออกมา
อุจจาระติดปลายหัวสวน ค่อยๆดึงหัวสวนออกมาเปลี่ยนใหม่
ผู้ป่วยเบ่ง ให้ผู้ป่วยหายใจเข้าออกลึก ๆ ทางปากช้า ๆ